อธิบดีดีเอสไอ เปิดเผยมีผู้เสียหายแจ้ง “สมีคำ” ฉ้อโกง ปชช.เตรียมทยอยสอบ ชี้เดินเกมบี้เต็มสูบ แม้ทางน้องชายจะออกมาระบุว่าเป็นภาพถ่ายตนเองไม่ใช่ “สมีคำ” ก็ตาม ด้าน “สงกรานต์” จ่อแจ้งดีเอสไอดำเนินคดีอีกกระทง แอบอ้างดอกไม้พระราชทาน!
วันนี้ (23 ก.ค.) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวถึงการสอบสวนคดีของนายวิรพล สุขผล หรือ อดีตพระวิรพล ฉัตติโก (หลวงปู่เณรคำ) ว่าในวันพรุ่งนี้ (24 ก.ค.) เวลา 14.00 น.ดีเอสไอจะแถลงสรุปความคืบหน้าการดำเนินคดี ซึ่งขณะนี้การติดตามตัวนายวิรพลกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย ถือว่าอยู่ในขั้นตอนที่ต้องอาศัยความร่วมมือกับต่างประเทศในการยกเลิกวีซ่า ทางการไทยไม่สามารถเข้าไปก้าวก่ายการพิจารณาได้
ส่วนกรณีที่ นายสุขุม วงประสิทธิ์ ลูกศิษย์อดีตเณรคำยังคงเคลื่อนไหว และพาดพิงการทำหน้าที่ของดีเอสไอว่าไม่เป็นธรรมกับผู้ถูกกล่าวหานั้น ดีเอสไอย้ำว่าจะติดตามดูพฤติกรรมอย่างใกล้ชิด แม้ขณะนี้จะยังไม่ถือว่าเข้าข่ายการขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่ หรือเข้าไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน อย่างไรก็ตาม การที่นายสุขุมออกมาระบุว่าอดีตเณรคำจะเดินทางกลับเข้าประเทศในวันที่ 31 ก.ค.นี้ ดีเอสไอคงไม่จำเป็นต้องเรียกตัวเข้าสอบถามข้อมูลใดๆ เพราะทุกอย่างเดินหน้าไปตามขั้นตอนอยู่แล้ว
นายธาริต ยังกล่าวถึงกรณีที่ นายศุภราช วิริยพันธ์ หรือเสี่ยกัง เจ้าของร้านประดับยนต์ ซึ่งถูกสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) อายัดทรัพย์ หลังพบว่าทำธุรกรรมร่วมกับอดีตเณรคำมูลค่ากว่า 30 ล้านบาท ได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับอดีตเณรคำในข้อหาฉ้อโกง พร้อมยืนยันว่าตัวเองคือผู้เสียหายว่า ในส่วนของดีเอสไอจะกันบุคคลเหล่านี้ไว้เป็นพยานหรือไม่ต้องพิจารณากันตามพยานหลักฐาน หากพิสูจน์แล้วไม่พบการกระทำผิดก็ถือเป็นผู้เสียหายชัดเจน แต่ถ้ามีพฤติกรรมร่วมกระทำผิดก็ต้องดำเนินคดีตามปกติ อย่างไรก็ตาม มีผู้เกี่ยวข้องหลายรายติดต่อเข้าให้ข้อมูลกับดีเอสไอ โดยระบุว่าเป็นผู้เสียหายถูกอดีตเณรคำฉ้อโกง ซึ่งดีเอสไอจะทยอยสอบปากคำอย่างละเอียด
ด้าน พ.ต.ท.พงษ์อินทร์ อินทรขาว ผบ.สำนักคดีความมั่นคง เปิดเผยว่า ตนพร้อมพนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างการลงพื้นที่ จ.อุบลราชธานี เพื่อสอบปากคำพยานที่รู้เห็นความสัมพันธ์ลึกซึ้งระหว่างอดีตเณรคำและสีกา รวมถึงการสอบปากคำผู้กำกับการทางหลวง 6 ซึ่งได้ให้ข้อมูลและเชิญดีเอสไอไปตรวจสอบรถที่ระบุว่าได้รับบริจาคจากอดีตเณรคำจำนวน 3 คัน ประกอบด้วย รถโตโยต้า คัมรี่ อีซูซุ แอดเวนเจอร์ และรถบ้านที่ดัดแปลงเป็นรถโมบาย เพื่อใช้งานระหว่างการลงพื้นที่ภาคสนามอย่างละ 1 คัน
หลังจากนี้ดีเอสไอจะนำไปตรวจสอบเปรียบเทียบว่าตรงกับกลุ่มรถที่ดีเอสไอมีข้อมูลก่อนหน้านี้หรือไม่ โดยเฉพาะประเด็นก่อนที่นำรถบริจาคเคยนำไปมอบให้ผู้ใดมาก่อนหรือไม่ เพราะรถเหล่านี้เป็นรถที่เคยผ่านการใช้งานมาแล้ว สำหรับการติดต่อขอคืนรถยนต์ในส่วนของเจ้าคณะจังหวัดต่างๆ ได้แจ้งความประสงค์ขอคืนรถทั้งหมด รวมถึงผู้ครอบครองรถและทรัพย์สินอื่นต่างก็ติดต่อจะนำทรัพย์ส่งคืนประมาณ 3-4 ราย
พ.ต.ท.พงษ์อินทร์ กล่าวต่อว่า ในส่วนผู้เสียหาย เช่น ผู้บริจาคเงิน นักธุรกิจที่นำเงิน และสินค้ามาให้อดีตเณรคำใช้ แต่อดีตเณรคำไม่ใช้หนี้คืนนั้น ผู้เสียหายส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ จ.อุบลราชธานี และศรีสะเกษ ซึ่งพนักงานสอบสวนจะเร่งสอบข้อเท็จจริง เนื่องจากระยะหลังที่เริ่มมีกระแสข่าวระแคะระคายเกี่ยวกับเหตุสัมพันธ์สีกาจนส่อต้องถูกปาราชิกพ้นจากความเป็นพระ ส่งผลให้เงินบริจาคลดลง จำเป็นต้องไปหยิบยืมจากผู้ที่ยังเลื่อมใส ศรัทธา และให้การสนับสนุนอยู่ ทั้งนี้ ความผิดเกี่ยวกับเรื่องเพศไม่ใช่ประเด็นหลัก เพราะคณะสงฆ์ได้ดำเนินการให้ปาราชิกไปแล้ว แต่ดีเอสไอจะเน้นดำเนินคดีเกี่ยวกับการติดตามทรัพย์สินและระบุเสียหายภาพรวมทั้งหมด
ทั้งนี้่ในวันพรุ่งนี้ เวลา 14.00 น. นายสงกรานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายรวมพลังต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ จะเข้าร้องทุกข์กับดีเอสไอ เพื่อดำเนินคดีเพิ่มเติมกรณีที่อดีตเณรคำแอบอ้างว่าได้รับพระราชทานดอกไม้พระราชทาน เพื่อสร้างภาพให้คนเลื่อมใสและร่วมบริจาคเงิน โดยจะหารือกับอธิบดีดีเอสไอกรณีที่ยังพบลูกศิษย์ของอดีตเณรคำเคลื่อนไหวสร้างความไขว้เขวให้กับสาธารณชน แม้ขณะนี้จะยังไม่ถือว่ามีพฤติกรรมที่เข้าไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานในคดีโดยตรง แต่การออกมาเคลื่อนไหวก็ทำให้ประชาชนไขว้เขวในสาระสำคัญของการดำเนินคดี ทั้งนี้ เพื่อให้อธิบดีดีเอสไอพิจารณาว่าสมควรถูกดำเนินคดีได้หรือไม่
ขณะที่ พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร ผบ.สำนักปฏิบัติการคดีพิเศษภาค กล่าวว่า ในเวลา 11.00 น. วันพรุ่งนี้ ผู้เสียหายที่เป็นผู้ขายรถเบนซ์ มายบัค ให้อดีตเณรคำจะเข้าร้องทุกข์และมอบข้อเท็จจริงกรณีที่มีการซื้อขายรถ เนื่องจากอดีตเณรคำซื้อรถแล้วผ่อนไม่ครบตามจำนวนเงินก็กลับนำรถมาคืนให้ ทั้งนี้ ล่าสุดยังได้เบาะแสเกี่ยวกับรถโรลสรอยซ์ 3 คันที่เคยปรากฏเป็นข่าวก่อนหน้านี้ ซึ่งมั่นใจว่าเร็วๆ นี้ จะสอบสวนจนได้ข้อเท็จจริงทั้งหมด
แหล่งข่าวจากดีเอสไอ เปิดเผยว่า สำหรับการติดตามตัวอดีตเณรคำกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทยซึ่งก่อนหน้านี้ได้ประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งสำนักบังคับใช้กฎหมายคนเข้าเมืองและศุลการักษ์ (Immigration and Customs Enforcement หรือ ICE) สำนักงานสอบสวนความมั่นคงภายใน (Homeland Security Investigations หรือ HSI) นั้น ถือว่าดีเอสไอได้ทำหน้าที่ในการประสานงานอย่างครบถ้วนแล้ว โดยได้จัดส่งเอกสารเกี่ยวข้องให้ไปอย่างเต็มที่เพื่อประกอบการพิจารณาให้ชัดเจน
อย่างไรก็ตาม โดยปกติในการเพิกถอนวีซ่าไม่จำเป็นต้องรอให้หมดอายุ แต่สามารถเพิกถอนได้ทันทีเพราะถือว่าอยู่ในอำนาจของสถานทูตโดยตรงในฐานะเป็นผู้มีอำนาจในการอนุมัติวีซ่าให้บุคคลใดเดินทางเข้าประเทศได้หรือไม่ พร้อมยกตัวอย่างกรณีที่จะเดินทางไปต่างประเทศโดยเฉพาะสหรัฐฯ หากไม่มีเงินในบัญชีเพียงพอก็คงไม่สามารถให้วีซ่าผ่านเข้าประเทศได้ เทียบกับกรณีของอดีตเณรคำ ซึ่งถูกเพิกถอนหนังสือเดินทางและมีหมายจับชัดเจน ดังนั้น หวังว่าการพิจารณาเพิกถอนวีซ่าจะผ่านการพิจารณาได้ไม่ยาก แต่ขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานขอความร่วมมือคงไม่เหมาะสม หากจะมีการแสดงท่าทีกดดันระหว่างกัน อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นข้อมูลระบุว่าอดีตเณรคำมีเพียงวีซ่าของประเทศสหรัฐฯเท่านั้น