ดีเอสไอเผยผู้เสียหายเตรียมทยอยแจ้ง "สมีคำ" ฉ้อโกงประชาชน ไม่หวั่น "สุขุม"เผยสมีคำจะบินกับประเทศไทยมาต่อสู้คดี ในวันที่ 31 ก.ค.นี้ ชี้มาก็ดีแต่หากพบห่มจีวรมาจะจับดำเนินคดีฐานแต่งกายเลียนแบบพระอีกกระทง ส่วนน้องชายสมีคำโผล่แถภาพนอนกับผู้หญิงเป็นภาพตนไม่ใช่สมีคำ ด้านสุขุมโวมีทนายร่วมช่วยสมีคำถึง 6 ราย พร้อมยืนยันจำต่อสู้คดีถึงที่สุดและจะขอเป็นฝ่ายตรวจสอบองค์กรต่าง ๆ ที่เข้ามาเกี่ยวข้องบ้าง ส่วน พศจ.ทยอยส่งข้อมูลสาขาสำนักสงฆ์ป่าขันติธรรม มาให้ พศ. เตรียมส่งไม้ต่อดีเอสไอ ตรวจสอบเชิงลึก ขณะที่กรณีรถยนต์คืน-ไม่คืน ไม่คืบ
วานนี้ (23 ก.ค.) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) กล่าวถึงการสอบสวนคดีของนายวิรพล สุขผล หรืออดีตพระวิรพล ฉัตติโก (หลวงปู่เณรคำ) ว่าในวันนี้ (24 ก.ค ) เวลา 14.00 น. ดีเอสไอจะแถลงสรุปความคืบหน้าการดำเนินคดี ซึ่งขณะนี้การติดตามตัวนายวิรพลกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย ถือว่าอยู่ในขั้นตอนที่ต้องอาศัยความร่วมมือกับต่างประเทศในการยกเลิกวีซ่า ทางการไทยไม่สามารถเข้าไปก้าวก่ายการพิจารณาได้
ส่วนกรณีที่นายสุขุม วงประสิทธิ์ ลูกศิษย์อดีตเณรคำยังคงเคลื่อนไหว และพาดพิงการทำหน้าที่ของดีเอสไอว่าไม่เป็นธรรมกับผู้ถูกกล่าวหานั้น ดีเอสไอย้ำว่า ยังไม่ถือว่าเข้าข่ายการขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่ หรือเข้าไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน อย่างไรก็ตาม การที่นายสุขุมออกมาระบุว่าอดีตเณรคำจะเดินทางกลับเข้าประเทศในวันที่ 31 ก.ค.นี้ ดีเอสไอคงไม่จำเป็นต้องเรียกตัวเข้าสอบถามข้อมูลใด ๆ
นายธาริต ยังกล่าวถึงกรณีที่นายศุภราช วิริยพันธ์ หรือเสี่ยกัง เจ้าของร้านประดับยนต์ ซึ่งถูกสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.) อายัดทรัพย์ หลังพบว่าทำธุรกรรมร่วมกับอดีตเณรคำมูลค่ากว่า 30 ล้านบาท ได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับอดีตเณรคำในข้อหาฉ้อโกง พร้อมยืนยันว่าตัวเองคือผู้เสียหายว่า ในส่วนของดีเอสไอจะกันบุคคลเหล่านี้ไว้เป็นพยานหรือไม่ต้องพิจารณากันตามพยานหลักฐาน หากพิสูจน์แล้วไม่พบการกระทำผิดก็ถือเป็นผู้เสียหายชัดเจน แต่ถ้ามีพฤติกรรมร่วมกระทำผิดก็ต้องดำเนินคดีตามปกติ อย่างไรก็ตาม มีผู้เกี่ยวข้องหลายรายติดต่อเข้าให้ข้อมูลกับดีเอสไอ โดยระบุว่าเป็นผู้เสียหายถูกอดีตเณรคำฉ้อโกง ซึ่งดีเอสไอจะทยอยสอบปากคำอย่างละเอียด
ด้านพ.ต.ท.พงษ์อินทร์ อินทรขาว ผบ.สำนักคดีความมั่นคง เปิดเผยว่า ตนพร้อมพนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างการลงพื้นที่ จ.อุบลราชธานี เพื่อสอบปากคำพยานที่รู้เห็นความสัมพันธ์ลึกซึ้งระหว่างอดีตเณรคำและสีกา รวมถึงการสอบปากคำผู้กำกับการทางหลวง 6 ซึ่งได้ให้ข้อมูลและเชิญดีเอสไอไปตรวจสอบรถที่ระบุว่าได้รับบริจาคจากอดีตเณรคำจำนวน 3 คัน ประกอบด้วย รถโตโยต้า แคมรี่ อีซูซุ แอดเวนเจอร์ และรถบ้านที่ดัดแปลงเป็นรถโมบาย
หลังจากนี้ดีเอสไอจะนำไปตรวจสอบเปรียบเทียบว่าตรงกับกลุ่มรถที่ดีเอสไอมีข้อมูลก่อนหน้านี้หรือไม่ สำหรับการติดต่อขอคืนรถยนต์ในส่วนของเจ้าคณะจังหวัดต่าง ๆ ได้แจ้งความประสงค์ขอคืนรถทั้งหมด รวมถึงผู้ครอบครองรถและทรัพย์สินอื่นต่างก็ติดต่อจะนำทรัพย์ส่งคืนประมาณ 3-4 ราย
พ.ต.ท.พงษ์อินทร์ กล่าวต่อว่า ในส่วนผู้เสียหาย เช่น ผู้บริจาคเงิน นักธุรกิจที่นำเงิน และสินค้ามาให้อดีตเณรคำใช้แต่อดีตเณรคำไม่ใช้หนี้คืนนั้น ผู้เสียหายส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ จ.อุบลราชธานี และศรีสะเกษ ซึ่งพนักงานสอบสวนจะเร่งสอบข้อเท็จจริง ทั้งนี้ ความผิดเกี่ยวกับเรื่องเพศไม่ใช่ประเด็นหลักเพราะคณะสงฆ์ได้ดำเนินการให้ปาราชิกไปแล้ว แต่ดีเอสไอจะเน้นดำเนินคดีเกี่ยวกับการติดตามทรัพย์สินและระบุเสียหายภาพรวมทั้งหมด
สำหรับในวันนี้ เวลา 14.00 น. นายสงกรานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายรวมพลังต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ จะเข้าร้องทุกข์กับดีเอสไอเพื่อดำเนินคดีเพิ่มเติมกรณีที่อดีตเณรคำแอบอ้างว่าได้รับพระราชทานดอกไม้พระราชทาน เพื่อสร้างภาพให้คนเลื่อมใสและร่วมบริจาคเงิน ทั้งนี้ เพื่อให้อธิบดีดีเอสไอพิจารณาว่าสมควรถูกดำเนินคดีได้หรือไม่
ขณะที่ พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร ผบ.สำนักปฏิบัติการคดีพิเศษภาค กล่าวว่า ในเวลา 11.00 น. วันพรุ่งนี้ ผู้เสียหายที่เป็นผู้ขายรถเบนซ์ มายบัคให้อดีตเณรคำจะเข้าร้องทุกข์และมอบข้อเท็จจริงกรณีที่มีการซื้อขายรถ เนื่องจากอดีตเณรคำซื้อรถแล้วผ่อนไม่ครบตามจำนวนเงินก็กลับนำรถมาคืนให้ ทั้งนี้ ล่าสุดยังได้เบาะแสเกี่ยวกับรถโรสลอยด์ 3 คันที่เคยปรากฏเป็นข่าวก่อนหน้านี้ ซึ่งมั่นใจว่าเร็ว ๆ นี้จะสอบสวนจนได้ข้อเท็จจริงทั้งหมด
ด้านแหล่งข่าวจากดีเอสไอ เปิดเผยว่า สำหรับการติดตามตัวอดีตเณรคำกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทยซึ่งก่อนหน้านี้ได้ประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งสำนักบังคับใช้กฎหมายคนเข้าเมืองและศุลการักษ์(Immigration and Customs Enforcement หรือ ICE) สำนักงานสอบสวนความมั่นคงภายใน (Homeland Security Investigations หรือ HSI) นั้นถือว่าดีเอสไอได้ทำหน้าที่ในการประสานงานอย่างครบถ้วนแล้ว โดยได้จัดส่งเอกสารเกี่ยวข้องให้ไปอย่างเต็มที่เพื่อประกอบการพิจารณาให้ชัดเจน
อย่างไรก็ตาม โดยปกติในการเพิกถอนวีซ่าไม่จำเป็นต้องรอให้หมดอายุ แต่สามารถเพิกถอนได้ทันทีเพราะถือว่าอยู่ในอำนาจของสถานฑูตโดยตรงในฐานะเป็นผู้มีอำนาจในการอนุมัติวีซ่าให้บุคคลใดเดินทางเข้าประเทศได้หรือไม่ พร้อมยกตัวอย่างกรณีที่จะเดินทางไปต่างประเทศโดยเฉพาะสหรัฐฯหากไม่มีเงินในบัญชีเพียงพอก็คงไม่สามารถให้วีซ่าผ่านเข้าประเทศได้ เทียบกับกรณีของอดีตเณรคำซึ่งถูกเพิกถอนหนังสือเดินทางและมีหมายจับชัดเจน ดังนั้น หวังว่าการพิจารณาเพิกถอนวีซ่าจะผ่านการพิจารณาได้ไม่ยาก แต่ขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานขอความร่วมมือคงไม่เหมาะสม หากจะมีการแสดงท่าทีกดดันระหว่างกัน อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นข้อมูลระบุว่าอดีตเณรคำมีเพียงวีซ่าของประเทศสหรัฐฯเท่านั้น.
พ.ต.ท.พงศ์อินทร์ อินทรขาว ผู้บัญชาการสำนักคดีความมั่นคง กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) สอบปากคำนางสมศรี (นามสมมติ) ราษฎรบ้านพงสว่าง ต.โนนผึ้ง อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี เพื่อนบ้านของอดีตพระเณรคำ ที่มาเช่าบ้านอยู่ใกล้กันเมื่อปี 2553-2554 โดยนางสมศรียืนยันว่า เห็นขบวนรถนายวิรพล มีรถตำรวจนำเข้ามายังบ้านหลังนี้หลายครั้ง นอกจากนี้ยังเคยเห็นการลากรถยนต์วอลโว่ สีขาว ไม่ทราบทะเบียน ซึ่งเป็นรถที่นายวิรพลขับไปเฉี่ยวชนชาวบ้าน ที่ขับรถจักรยานยนต์บนถนนวารินชำราบ-กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ จนมีคนเสียชีวิต 1 คน บาดเจ็บอีก 1 ราย มาให้ช่างซ่อมแซมที่บ้านหลังดังกล่าว
นอกจากนี้ยังได้รับคำบอกเล่าจากนายหน่อย ไม่ทราบชื่อจริง ซึ่งทำหน้าที่ขับรถให้นายวิรพล ว่าเคยนำรถยนต์หรูตระกูลยุโรป จำยี่ห้อไม่ได้ ซึ่งลูกศิษย์นายวิรพลนำไปใช้ และถูกตำรวจจ.ศรีสะเกษ ไล่ยิง เพราะสงสัยจะเป็นรถใช้ขนยาเสพติดมาทำสีใหม่ เพื่อปกปิดร่องรอยกระสุนปืน
ส่วนกรณีที่ลูกศิษย์ของอดีตพระวิรพลประกาศว่านายวิรพลจะเดินทางกลับประเทศไทยในวันที่ 31 กรกฎาคมนั้น หากกลับมาจริงนับว่าเป็นการดี ดีเอสไอ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพร้อมที่จะรอรับตัวมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมต่อไป และหากห่มจีวรพระมาด้วย ก็จะถูกดำเนินคดีข้อหาแต่งกายเลียนแบบพระสงฆ์
ที่ร้านข้าวแกงเมืองตรัง ตลาดบางใหญ่ อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี นายสุขุม วงประสิทธิ ประธานเครือข่ายบ้านวิมุตติธรรม นายเริงศักดิ์ กำธร นายสุริ สุขผล อายุ 31 ปี น้องชายหลวงปู่เณรคำ นายชาญณรงค์ สุขผลและนายวิจารย์ สุขผล พี่ชายทั้ง 2 ของหลวงปู่เณรคำ ได้ร่วมแถลงข่าวชี้แจงรูปที่ถ่ายนอนกับผู้หญิงเป็นรูปของนายสุริ ไม่ใช่หลวงปู่เณรคำและพร้อมให้ตรวจสอบเพื่อยืนยันความจริง
นายสุริยืนยันว่าคนที่นอนในรูปกับผู้หญิงเป็นรูปตนเองและผู้หญิงที่ออกมาอ้างตัวเป็นภรรยาหลวงปู่คือคนที่อยู่ในรูปดังกล่าวแท้ที่จริงแล้วคือภรรยาและลูกของตนเองและพร้อมให้ตรวจ DNAเพื่อยืนยันความจริง
นายสุริกล่าวว่าตนเป็นบุตรคนที่ 5 และเป็นน้องชายหลวงปู่เณรคำหลังจากที่หลวงปู่บวชได้3-4 ปีตนก็ได้บวชตามและมีคนมักทักว่าหน้าตาเหมือนหลวงปู่ ในขณะที่บวชตนเคยทำความผิดโดยหนีเที่ยวผู้หญิงทั้งที่ขายบริการและเที่ยวกับผู้หญิงที่เป็นแฟนกันตามประสาวัยรุ่น ตนเองได้มีความสัมพันธ์กับผู้หญิงเหล่านั้นหลายคน ที่มาของรูปที่เป็นข่าวตนยืนยันว่าเป็นรูปของตนเองเหตุเกิดเพราะความเมาและมีคนแอบถ่ายไว้เพื่อแบล็คเมล์ ภาพดังกล่าวเป็นภาพสมัยที่ตนบวชอยู่ที่ศรีสะเกษเป็นภาพถ่ายในรีสอร์ทแห่งหนึ่ง ผู้หญิงในรูปตนยืนยันว่าเป็นคนคนเดียวกับที่เป็นข่าวออกมาอ้างตัวเป็นภรรยาหลวงปู่
ด้านนายสุขุมกล่าวว่าตนมีจุดยืนไม่เปลี่ยนแปลงคือยังเคารพและศรัทธาต่อหลวงปู่เณรคำไม่เปลี่ยนแปลงและไม่หวั่นไหวต่ออำนาจใด ขณะนี้มีนักกฎหมาย ครูอาจารย์เข้ามาร่วมในการต่อสู้เพื่อความยุติธรรมมากขึ้นเพื่อเป็นทนายความว่าความให้พระวิรพล สุขผลถึง 6 ท่าน และพร้อมที่จะเดินเครื่องขอเป็นฝ่ายขุดคุ้ยตรวจสอบบ้าง ไม่ว่าจะเป็น ดีเอสไอ ปปส.หรือปปง. ขอให้ปฏิบัติหน้าที่ให้ถูกต้องตามกฎหมาย โดยจะส่งข้อมูลไปยังกรรมาธิการฝ่ายปกครอง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง คุณอภิสิทธิ เวชชาชีวะ คุณชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ เพื่อสอบถามรัฐบาลในการแก้ไขปรับปรุงหน่วยงานต่างๆเพื่อให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นด้วย
วันเดียวกัน นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) กล่าวว่า ขณะนี้สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด(พศจ.)ได้ทยอยส่งข้อมูลสาขาของสำนักสงฆ์ป่าขันติธรรมที่จัดตั้งขึ้นโดยไม่ถูกต้องมายังพศ.ซึ่งตนต้องขอรวบรวมข้อมูลดังกล่าวอีกสักระยะก่อน หากพบว่า ที่ใดมีความน่าสงสัย หรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับ นายวิรพล ในด้านต่างๆ ก็จะมอบหมายให้พศจ.แต่ละพื้นที่ และกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ ไปตรวจสอบเชิงลึกเกี่ยวกับ สาขาของสำนักสงฆ์ป่าขันติธรรมของนายวิรพล ทั้งสถานที่ตั้ง ใครอนุญาต แล้วมาตั้งโดยถูกต้องหรือไม่ มีการเกี่ยวโยงกับนายวิรพลอย่างไร หากมีการเชื่อมโยงที่ส่อว่า ได้ร่วมกระทำผิดกฎหมาย ก็คงต้องให้ดีเอสไอเข้าไปดำเนินการ
สำหรับกรณี เรื่องการคืนรถยนต์หรือทรัพย์สินที่ นายวิรพล ได้มอบให้ระหว่างเป็นหลวงปู่เณรคำนั้น จนถึงบัดนี้ยังไม่ได้รับรายงานว่า มีพระรูปใด ส่งคืนรถยนต์หรือทรัพย์สิน เพราะต้องรอกระบวนการสอบสวนของทางดีเอสไอก่อน
วานนี้ (23 ก.ค.) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) กล่าวถึงการสอบสวนคดีของนายวิรพล สุขผล หรืออดีตพระวิรพล ฉัตติโก (หลวงปู่เณรคำ) ว่าในวันนี้ (24 ก.ค ) เวลา 14.00 น. ดีเอสไอจะแถลงสรุปความคืบหน้าการดำเนินคดี ซึ่งขณะนี้การติดตามตัวนายวิรพลกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย ถือว่าอยู่ในขั้นตอนที่ต้องอาศัยความร่วมมือกับต่างประเทศในการยกเลิกวีซ่า ทางการไทยไม่สามารถเข้าไปก้าวก่ายการพิจารณาได้
ส่วนกรณีที่นายสุขุม วงประสิทธิ์ ลูกศิษย์อดีตเณรคำยังคงเคลื่อนไหว และพาดพิงการทำหน้าที่ของดีเอสไอว่าไม่เป็นธรรมกับผู้ถูกกล่าวหานั้น ดีเอสไอย้ำว่า ยังไม่ถือว่าเข้าข่ายการขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่ หรือเข้าไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน อย่างไรก็ตาม การที่นายสุขุมออกมาระบุว่าอดีตเณรคำจะเดินทางกลับเข้าประเทศในวันที่ 31 ก.ค.นี้ ดีเอสไอคงไม่จำเป็นต้องเรียกตัวเข้าสอบถามข้อมูลใด ๆ
นายธาริต ยังกล่าวถึงกรณีที่นายศุภราช วิริยพันธ์ หรือเสี่ยกัง เจ้าของร้านประดับยนต์ ซึ่งถูกสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.) อายัดทรัพย์ หลังพบว่าทำธุรกรรมร่วมกับอดีตเณรคำมูลค่ากว่า 30 ล้านบาท ได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับอดีตเณรคำในข้อหาฉ้อโกง พร้อมยืนยันว่าตัวเองคือผู้เสียหายว่า ในส่วนของดีเอสไอจะกันบุคคลเหล่านี้ไว้เป็นพยานหรือไม่ต้องพิจารณากันตามพยานหลักฐาน หากพิสูจน์แล้วไม่พบการกระทำผิดก็ถือเป็นผู้เสียหายชัดเจน แต่ถ้ามีพฤติกรรมร่วมกระทำผิดก็ต้องดำเนินคดีตามปกติ อย่างไรก็ตาม มีผู้เกี่ยวข้องหลายรายติดต่อเข้าให้ข้อมูลกับดีเอสไอ โดยระบุว่าเป็นผู้เสียหายถูกอดีตเณรคำฉ้อโกง ซึ่งดีเอสไอจะทยอยสอบปากคำอย่างละเอียด
ด้านพ.ต.ท.พงษ์อินทร์ อินทรขาว ผบ.สำนักคดีความมั่นคง เปิดเผยว่า ตนพร้อมพนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างการลงพื้นที่ จ.อุบลราชธานี เพื่อสอบปากคำพยานที่รู้เห็นความสัมพันธ์ลึกซึ้งระหว่างอดีตเณรคำและสีกา รวมถึงการสอบปากคำผู้กำกับการทางหลวง 6 ซึ่งได้ให้ข้อมูลและเชิญดีเอสไอไปตรวจสอบรถที่ระบุว่าได้รับบริจาคจากอดีตเณรคำจำนวน 3 คัน ประกอบด้วย รถโตโยต้า แคมรี่ อีซูซุ แอดเวนเจอร์ และรถบ้านที่ดัดแปลงเป็นรถโมบาย
หลังจากนี้ดีเอสไอจะนำไปตรวจสอบเปรียบเทียบว่าตรงกับกลุ่มรถที่ดีเอสไอมีข้อมูลก่อนหน้านี้หรือไม่ สำหรับการติดต่อขอคืนรถยนต์ในส่วนของเจ้าคณะจังหวัดต่าง ๆ ได้แจ้งความประสงค์ขอคืนรถทั้งหมด รวมถึงผู้ครอบครองรถและทรัพย์สินอื่นต่างก็ติดต่อจะนำทรัพย์ส่งคืนประมาณ 3-4 ราย
พ.ต.ท.พงษ์อินทร์ กล่าวต่อว่า ในส่วนผู้เสียหาย เช่น ผู้บริจาคเงิน นักธุรกิจที่นำเงิน และสินค้ามาให้อดีตเณรคำใช้แต่อดีตเณรคำไม่ใช้หนี้คืนนั้น ผู้เสียหายส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ จ.อุบลราชธานี และศรีสะเกษ ซึ่งพนักงานสอบสวนจะเร่งสอบข้อเท็จจริง ทั้งนี้ ความผิดเกี่ยวกับเรื่องเพศไม่ใช่ประเด็นหลักเพราะคณะสงฆ์ได้ดำเนินการให้ปาราชิกไปแล้ว แต่ดีเอสไอจะเน้นดำเนินคดีเกี่ยวกับการติดตามทรัพย์สินและระบุเสียหายภาพรวมทั้งหมด
สำหรับในวันนี้ เวลา 14.00 น. นายสงกรานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายรวมพลังต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ จะเข้าร้องทุกข์กับดีเอสไอเพื่อดำเนินคดีเพิ่มเติมกรณีที่อดีตเณรคำแอบอ้างว่าได้รับพระราชทานดอกไม้พระราชทาน เพื่อสร้างภาพให้คนเลื่อมใสและร่วมบริจาคเงิน ทั้งนี้ เพื่อให้อธิบดีดีเอสไอพิจารณาว่าสมควรถูกดำเนินคดีได้หรือไม่
ขณะที่ พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร ผบ.สำนักปฏิบัติการคดีพิเศษภาค กล่าวว่า ในเวลา 11.00 น. วันพรุ่งนี้ ผู้เสียหายที่เป็นผู้ขายรถเบนซ์ มายบัคให้อดีตเณรคำจะเข้าร้องทุกข์และมอบข้อเท็จจริงกรณีที่มีการซื้อขายรถ เนื่องจากอดีตเณรคำซื้อรถแล้วผ่อนไม่ครบตามจำนวนเงินก็กลับนำรถมาคืนให้ ทั้งนี้ ล่าสุดยังได้เบาะแสเกี่ยวกับรถโรสลอยด์ 3 คันที่เคยปรากฏเป็นข่าวก่อนหน้านี้ ซึ่งมั่นใจว่าเร็ว ๆ นี้จะสอบสวนจนได้ข้อเท็จจริงทั้งหมด
ด้านแหล่งข่าวจากดีเอสไอ เปิดเผยว่า สำหรับการติดตามตัวอดีตเณรคำกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทยซึ่งก่อนหน้านี้ได้ประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งสำนักบังคับใช้กฎหมายคนเข้าเมืองและศุลการักษ์(Immigration and Customs Enforcement หรือ ICE) สำนักงานสอบสวนความมั่นคงภายใน (Homeland Security Investigations หรือ HSI) นั้นถือว่าดีเอสไอได้ทำหน้าที่ในการประสานงานอย่างครบถ้วนแล้ว โดยได้จัดส่งเอกสารเกี่ยวข้องให้ไปอย่างเต็มที่เพื่อประกอบการพิจารณาให้ชัดเจน
อย่างไรก็ตาม โดยปกติในการเพิกถอนวีซ่าไม่จำเป็นต้องรอให้หมดอายุ แต่สามารถเพิกถอนได้ทันทีเพราะถือว่าอยู่ในอำนาจของสถานฑูตโดยตรงในฐานะเป็นผู้มีอำนาจในการอนุมัติวีซ่าให้บุคคลใดเดินทางเข้าประเทศได้หรือไม่ พร้อมยกตัวอย่างกรณีที่จะเดินทางไปต่างประเทศโดยเฉพาะสหรัฐฯหากไม่มีเงินในบัญชีเพียงพอก็คงไม่สามารถให้วีซ่าผ่านเข้าประเทศได้ เทียบกับกรณีของอดีตเณรคำซึ่งถูกเพิกถอนหนังสือเดินทางและมีหมายจับชัดเจน ดังนั้น หวังว่าการพิจารณาเพิกถอนวีซ่าจะผ่านการพิจารณาได้ไม่ยาก แต่ขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานขอความร่วมมือคงไม่เหมาะสม หากจะมีการแสดงท่าทีกดดันระหว่างกัน อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นข้อมูลระบุว่าอดีตเณรคำมีเพียงวีซ่าของประเทศสหรัฐฯเท่านั้น.
พ.ต.ท.พงศ์อินทร์ อินทรขาว ผู้บัญชาการสำนักคดีความมั่นคง กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) สอบปากคำนางสมศรี (นามสมมติ) ราษฎรบ้านพงสว่าง ต.โนนผึ้ง อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี เพื่อนบ้านของอดีตพระเณรคำ ที่มาเช่าบ้านอยู่ใกล้กันเมื่อปี 2553-2554 โดยนางสมศรียืนยันว่า เห็นขบวนรถนายวิรพล มีรถตำรวจนำเข้ามายังบ้านหลังนี้หลายครั้ง นอกจากนี้ยังเคยเห็นการลากรถยนต์วอลโว่ สีขาว ไม่ทราบทะเบียน ซึ่งเป็นรถที่นายวิรพลขับไปเฉี่ยวชนชาวบ้าน ที่ขับรถจักรยานยนต์บนถนนวารินชำราบ-กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ จนมีคนเสียชีวิต 1 คน บาดเจ็บอีก 1 ราย มาให้ช่างซ่อมแซมที่บ้านหลังดังกล่าว
นอกจากนี้ยังได้รับคำบอกเล่าจากนายหน่อย ไม่ทราบชื่อจริง ซึ่งทำหน้าที่ขับรถให้นายวิรพล ว่าเคยนำรถยนต์หรูตระกูลยุโรป จำยี่ห้อไม่ได้ ซึ่งลูกศิษย์นายวิรพลนำไปใช้ และถูกตำรวจจ.ศรีสะเกษ ไล่ยิง เพราะสงสัยจะเป็นรถใช้ขนยาเสพติดมาทำสีใหม่ เพื่อปกปิดร่องรอยกระสุนปืน
ส่วนกรณีที่ลูกศิษย์ของอดีตพระวิรพลประกาศว่านายวิรพลจะเดินทางกลับประเทศไทยในวันที่ 31 กรกฎาคมนั้น หากกลับมาจริงนับว่าเป็นการดี ดีเอสไอ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพร้อมที่จะรอรับตัวมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมต่อไป และหากห่มจีวรพระมาด้วย ก็จะถูกดำเนินคดีข้อหาแต่งกายเลียนแบบพระสงฆ์
ที่ร้านข้าวแกงเมืองตรัง ตลาดบางใหญ่ อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี นายสุขุม วงประสิทธิ ประธานเครือข่ายบ้านวิมุตติธรรม นายเริงศักดิ์ กำธร นายสุริ สุขผล อายุ 31 ปี น้องชายหลวงปู่เณรคำ นายชาญณรงค์ สุขผลและนายวิจารย์ สุขผล พี่ชายทั้ง 2 ของหลวงปู่เณรคำ ได้ร่วมแถลงข่าวชี้แจงรูปที่ถ่ายนอนกับผู้หญิงเป็นรูปของนายสุริ ไม่ใช่หลวงปู่เณรคำและพร้อมให้ตรวจสอบเพื่อยืนยันความจริง
นายสุริยืนยันว่าคนที่นอนในรูปกับผู้หญิงเป็นรูปตนเองและผู้หญิงที่ออกมาอ้างตัวเป็นภรรยาหลวงปู่คือคนที่อยู่ในรูปดังกล่าวแท้ที่จริงแล้วคือภรรยาและลูกของตนเองและพร้อมให้ตรวจ DNAเพื่อยืนยันความจริง
นายสุริกล่าวว่าตนเป็นบุตรคนที่ 5 และเป็นน้องชายหลวงปู่เณรคำหลังจากที่หลวงปู่บวชได้3-4 ปีตนก็ได้บวชตามและมีคนมักทักว่าหน้าตาเหมือนหลวงปู่ ในขณะที่บวชตนเคยทำความผิดโดยหนีเที่ยวผู้หญิงทั้งที่ขายบริการและเที่ยวกับผู้หญิงที่เป็นแฟนกันตามประสาวัยรุ่น ตนเองได้มีความสัมพันธ์กับผู้หญิงเหล่านั้นหลายคน ที่มาของรูปที่เป็นข่าวตนยืนยันว่าเป็นรูปของตนเองเหตุเกิดเพราะความเมาและมีคนแอบถ่ายไว้เพื่อแบล็คเมล์ ภาพดังกล่าวเป็นภาพสมัยที่ตนบวชอยู่ที่ศรีสะเกษเป็นภาพถ่ายในรีสอร์ทแห่งหนึ่ง ผู้หญิงในรูปตนยืนยันว่าเป็นคนคนเดียวกับที่เป็นข่าวออกมาอ้างตัวเป็นภรรยาหลวงปู่
ด้านนายสุขุมกล่าวว่าตนมีจุดยืนไม่เปลี่ยนแปลงคือยังเคารพและศรัทธาต่อหลวงปู่เณรคำไม่เปลี่ยนแปลงและไม่หวั่นไหวต่ออำนาจใด ขณะนี้มีนักกฎหมาย ครูอาจารย์เข้ามาร่วมในการต่อสู้เพื่อความยุติธรรมมากขึ้นเพื่อเป็นทนายความว่าความให้พระวิรพล สุขผลถึง 6 ท่าน และพร้อมที่จะเดินเครื่องขอเป็นฝ่ายขุดคุ้ยตรวจสอบบ้าง ไม่ว่าจะเป็น ดีเอสไอ ปปส.หรือปปง. ขอให้ปฏิบัติหน้าที่ให้ถูกต้องตามกฎหมาย โดยจะส่งข้อมูลไปยังกรรมาธิการฝ่ายปกครอง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง คุณอภิสิทธิ เวชชาชีวะ คุณชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ เพื่อสอบถามรัฐบาลในการแก้ไขปรับปรุงหน่วยงานต่างๆเพื่อให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นด้วย
วันเดียวกัน นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) กล่าวว่า ขณะนี้สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด(พศจ.)ได้ทยอยส่งข้อมูลสาขาของสำนักสงฆ์ป่าขันติธรรมที่จัดตั้งขึ้นโดยไม่ถูกต้องมายังพศ.ซึ่งตนต้องขอรวบรวมข้อมูลดังกล่าวอีกสักระยะก่อน หากพบว่า ที่ใดมีความน่าสงสัย หรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับ นายวิรพล ในด้านต่างๆ ก็จะมอบหมายให้พศจ.แต่ละพื้นที่ และกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ ไปตรวจสอบเชิงลึกเกี่ยวกับ สาขาของสำนักสงฆ์ป่าขันติธรรมของนายวิรพล ทั้งสถานที่ตั้ง ใครอนุญาต แล้วมาตั้งโดยถูกต้องหรือไม่ มีการเกี่ยวโยงกับนายวิรพลอย่างไร หากมีการเชื่อมโยงที่ส่อว่า ได้ร่วมกระทำผิดกฎหมาย ก็คงต้องให้ดีเอสไอเข้าไปดำเนินการ
สำหรับกรณี เรื่องการคืนรถยนต์หรือทรัพย์สินที่ นายวิรพล ได้มอบให้ระหว่างเป็นหลวงปู่เณรคำนั้น จนถึงบัดนี้ยังไม่ได้รับรายงานว่า มีพระรูปใด ส่งคืนรถยนต์หรือทรัพย์สิน เพราะต้องรอกระบวนการสอบสวนของทางดีเอสไอก่อน