ศรีสะเกษ - ดีเอสไอพร้อมรวบตัว “สมีคำ” เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมหากกลับไทย 31 ก.ค.ตามที่ลูกศิษย์เอกยืนยัน และหากห่มจีวรถูกฟันอีกข้อหาแต่งกายเลียนแบบพระสงฆ์ ขณะประธานสงฆ์ที่พักสงฆ์ขันติธรรมวุ่นหาเงินจ่ายค่าไฟฟ้าที่ติดค้างกว่า 20,000 บาท
เมื่อเวลา 15.00 น. วันนี้ (23 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่วัดป่าขันติธรรม หรือที่พักสงฆ์ขันติธรรม บ้านยาง ต.ยาง อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ ในวันนี้ซึ่งเป็นวันเข้าพรรษายังมีบรรดาพุทธศาสนิกชนพากันเข้ามากราบไหว้พระแก้วมรกตจำลององค์ใหญ่ที่สุดในโลกอย่างต่อเนื่อง ขณะพระสงฆ์ที่ยังเหลืออยู่ในที่พักสงฆ์ขันติธรรมจำนวน 5 รูปพากันเก็บตัวเงียบอยู่ภายในกุฏิไม่ได้ออกมาพูดคุยกับประชาชนที่เข้ามาภายในวัดแต่อย่างใด มีเพียงกรรมการวัดจำนวน 3 คนคอยดูแลความเรียบร้อยอยู่ภายในบริเวณที่พักสงฆ์ โดยประชาชนที่เข้ามากราบไหว้พระแก้วมรกตจำลองไม่ได้บริจาคเงินลงในตู้บริจาค ส่วนมากเมื่อกราบไหว้พระแก้วมรกตเสร็จแล้วจะพากันถ่ายรูปและขึ้นรถยนต์เดินทางกลับ
พระครูธรรมธรคำไข ประธานสงฆ์ที่พักสงฆ์ขันติธรรมรูปใหม่ กล่าวว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาอาตมาได้รับกิจนิมนต์ไปที่ อ.เมือง จ.อุบลราชธานี และเมื่อกลับมาถึงที่พักสงฆ์พบว่ามีประชาชนเข้ามากราบไหว้พระในวันเข้าพรรษาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งขณะนี้อาตมากำลังพยายามแก้ไขปัญหาต่างๆ ของที่พักสงฆ์ขันติธรรมตามที่ได้รับมอบหมายจากคณะสงฆ์ จ.ศรีสะเกษ ฝ่ายธรรมยุต ซึ่งได้รับความร่วมมือจากพระสงฆ์ที่อยู่ในที่พักสงฆ์แห่งนี้ และกรรมการวัดทุกคนเป็นอย่างดี
ทั้งนี้ ปัญหาที่สำคัญในขณะนี้และเป็นปัญหาเฉพาะหน้าคือเรื่องค่าไฟฟ้าของวัดที่ค้างชำระอยู่ประมาณ 20,000 บาท เนื่องจากที่พักสงฆ์นี้ไม่มีเงินจะชำระค่าไฟฟ้าที่ค่อนข้างสูงนี้ ซึ่งจะได้นำเรื่องนี้หารือกับคณะสงฆ์และกรรมการวัดเพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาต่อไป
ทางด้าน พ.ต.ท.พงษ์อินทร์ อินทรขาว ผู้บัญชาการสำนักคดีความมั่นคง กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ กล่าวว่า กรณีที่ลูกศิษย์ของอดีตพระวิรพล ฉัตติโก หรือหลวงปู่เณรคำ คนหนึ่งประกาศว่า นายวิรพล สุขผล จะเดินทางกลับประเทศไทยในวันที่ 31 ก.ค.นั้น หากนายวิรพลกลับมาจริงนับว่าเป็นการดี โดยดีเอสไอ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพร้อมที่จะรอรับนายวิรพล เพื่อจะได้นำตัวมาดำเนินการเข้าสู่การพิจารณาตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป และหากนายวิรพลกลับเข้ามาประเทศไทยและห่มจีวรพระมาด้วยก็จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายเพิ่มในข้อหาแต่งกายเลียนแบบพระสงฆ์ ซึ่งเป็นเรื่องของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติที่จะต้องดำเนินการในเรื่องนี้
จากการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดเกี่ยวกับคดีของนายวิรพล ล่าสุดขณะนี้มีความคืบหน้าไปมากและพยานหลักฐานแน่นหนา ส่วนกรณีที่ “เสี่ยกัง” ได้แจ้งความร้องทุกข์ว่าเป็นผู้เสียหายจากกรณีของนายวิรพล จากที่ก่อนนี้มีข่าวว่าเกี่ยวข้องกับขบวนการซื้อขายรถหรูร่วมกับนายวิรพลนั้น เป็นเรื่องที่เสี่ยกังสามารถทำได้ ซึ่งในส่วนของดีเอสไอก็จะต้องดำเนินการสอบสวนหาพยานหลักฐานข้อเท็จจริงในเรื่องนี้อย่างเต็มที่เช่นเดิม