xs
xsm
sm
md
lg

สาวอ้างเมีย “เณรคำ” พาลูกร้องดีเอสไอเอาผิดฐานกระทำชำเรา จ่อถอนวีซ่าลากเข้าคุก

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


สาวอ้างเมียอดีต “เณรคำ” จูงมือลูกชายวัย 11 ขวบ เข้า กทม.ร้องดีเอสไอ แจ้งความเอาผิด ฐานกระทำชำเราและพรากผู้เยาว์ จ่อประสานถอนวีซ่านำตัวมาดำเนินคดี

ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เมื่อเวลา 09.00 น. น.ส.อั้ม (นามสมมติ) อายุ 26 ปี ชาวจังหวัดศรีสะเกษ ได้นำลูกชายวัย 11 ขวบ ที่ยืนยันว่าเกิดจาก นายวิรพล สุขผล หรือ อดีตเณรคำ ฉัตติโก ประธานวัดป่าขันติธรรม และ นางเผย สีหะวงษ์ อายุ 82 ปี ยาย พร้อม นายวิรอด ไชยพรรณ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดศรีสะเกษ เข้าพบ พ.ต.ท.พงษ์อินทร์ อินทรขาว ผบ.สำนักคดีความมั่นคง ดีเอสไอ เพื่อแจ้งความร้องทุกข์นายวิรพล สุขผล หรือ อดีตเณรคำ ฉัตติโก ประธานวัดป่าขันติธรรม ฐานกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี กรณีมีเพศสัมพันธ์กับ น.ส.อั้ม ขณะอายุ 14 ปี โดยมีนายประเสริฐ วิเวกวัง กำนัน ต.โพธิ์ อ.เมืองศรีสะเกษ และ นายณัฐกิตติ์ ทองรักษา นายก อบต.โพธิ์ อ.เมืองศรีสะเกษ เดินทางมาเป็นพยานให้การยืนยัน โดยพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ได้สอบปากคำทั้งหมดทันที เพื่อนำเข้าที่ประชุมคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษประกอบการพิจารณาขอศาลออกหมายจับนายวิรพล สุขผล หรือ อดีตเณรคำ

ต่อมาเมื่อ 13.00 น.วันเดียวกัน นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ พ.ต.อ.ญาณพล ยั่งยืน พ.ต.ท.วรรณพงษ์ ยั่งยืน รองอธิบดีดีเอสไอ พ.ต.ท.พงศ์อินทร์ อินทร์ขาว ผบ.สำนักคดีความมั่นคง พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร ผบ.สำนักปฏิบัติการคดีพิเศษภาค ดีเอสไอ พร้อมด้วย น.ส.อั้ม นามสมมติ อายุ 26 ปี ลูกชายวัย 11 ขวบ และนางเผย สีหะวงษ์ อายุ 82 ปี ยาย ร่วมแถลงข่าวแนวทางการดำเนินคดีกับอดีตเณรคำ

นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า สืบเนื่องจากการดำเนินการของฝ่ายธรรมยุตโดยมหาเถรสมาคมและสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) โดยเจ้าคณะปกครองจ.อุบลราชธานี และเจ้าคณะปกครอง จ.ศรีสะเกษ ทางธรรมวินัยสอดคล้องกันเพื่อให้อดีตหลวงปู่เณรคำพ้นจากการเป็นสงฆ์ เป็นสิ่งที่ดีเอสไอถือเป็นความสำคัญอันดับแรก ที่เราเห็นพ้องกันทั้ง 5 หน่วยงานว่า การที่ให้พ้นจากสมณเพศเป็นความสำคัญอันดับแรก เพราะเราไม่ประสงค์ออกหมายจับหรือดำเนินคดีกับพระ ซึ่งดูจะเป็นเรื่องหมิ่นเหม่ต่อสถาบันศาสนา ด้วยความร่วมมือของทุกฝ่ายทำให้สำเร็จลุล่วง เราจึงดำเนินการต่อเนื่องทันที โดยวันนี้ พศ.ได้มอบอำนาจหัวหน้าสำนักงาน พศ.ศรีสะเกษ เข้าแจ้งความกับดีเอสไอ จึงได้เดินทางมาพร้อมกำนัน และนายก อบต.พื้นที่เกิดเหตุ เพื่อเป็นพยาน และมี น.ส.อั้ม และลูก พร้อมยาย ผู้เสียหายในคดีละเมิดทางเพศ เดินทางมา กทม.เมื่อเช้ามืด เพื่อแจ้งความพร้อมกันด้วย

อธิบดีดีเอสไอ กล่าวอีกว่า พศ.โดย ผอ.ได้มอบอำนาจให้ นายวิรอด ไชพรรณ ผอ.พศ.ศรีสะเกษ ได้แจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษดำเนินคดีกับอดีตพระเณรคำ ในความผิดฐานล่วงละเมิดทางเพศ คือการกระทำชำเราเด็กหญิงอายุต่ำกว่า 15 ปี เหตุการณ์เกิดขึ้นมากว่า 10 ปี เป็นความผิดทางโลกอย่างร้ายแรงตามประมวลกฎหมายอาญา กระทำชำเราเด็กหญิงอายุต่ำกว่า 15 ปี มีโทษอุกฉกรรจ์จำคุกไม่เกิน 20 ปี และความผิดฐานพรากผู้เยาว์ นอกจากพฤติการณ์ได้กระทำชำเราเด็กหญิงอายุต่ำกว่า 15 ปี หลายครั้ง ยังมีการพรากผู้เยาว์ไปจากการดูแลของผู้ปกครอง เป็น 2 ฐาน ความผิด ดีเอสไอได้รับคำร้องทุกข์ของ พศ.ไว้ หลังจากนั้นบุคคลที่ทาง พศ.นำมาแม่และเด็กและยาย โดยยายได้ร้องทุกข์ซ้ำอีกราย ฐานกระทำชำเราเด็กหญิงอายุไม่เกิน 15 ปี และพรากผู้เยาว์ ดังนั้นคดีนี้จึงมีผู้ร้องทุกข์สองราย ทั้ง พศ.และนามส่วนตัวของยาย ซึ่งในขณะเกิดเหตุยายได้เป็นผู้ปกครองของ น.ส.อั้ม

นายธาริต กล่าวอีกว่า จากนั้นดีเอสไอได้สอบปากคำพยานทั้ง 2 ปาก และผู้เกี่ยวข้องคือ น.ส.อั้ม แม่ของเด็ก และ นายประเสริฐ วิเวกวัง กำนัน ต.โพธิ์ อ.เมืองศรีสะเกษ พื้นที่เกิดเหตุ นายณัฐกิจ ทองรักษา นายก อบต.โพธิ์ พื้นที่เกิดเหตุ ได้สอบพยานทั้งหมดครบถ้วนในสำนวนถือว่ามีความเพียงพอหนักแน่น และพยานสอดคล้องกับข้อกล่าวหาอย่างชัดเจน วันจันทร์ เราจะประชุมคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อพิจารณาขอศาลออกหมายจับ และเมื่อหมายจับออกแล้วเราจะดำเนินส่งให้ พศ.เพื่อดำเนินการเพิกถอนหนังสือเดินทาง หรือพาสปอร์ต ส่วนการเพิกถอนวีซ่า เราจะดำเนินการโดยตรงกับประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ได้ประสานเบื้องต้นไว้แล้ว ถ้าหมายจับออกได้ และเป็นความผิดทางเพศ ถือเป็นความผิดอุกฉกรรจ์ที่หน่วยงานในประเทศสหรัฐอเมริกา จะให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นในการเพิกถอนวีซ่า ที่จะไม่ให้อยู่ในสหรัฐอเมริกา

อธิบดีดีเอสไอ กล่าวอีกว่า ตนได้หารือพนักงานคดีพิเศษ ถึงเรื่องในอนาคตของสองแม่ลูกเป็นอย่างมาก ทางดีเอสไอมีศูนย์ช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย เราจะมอบให้แม่ลูกสองคน เทกแคร์ในเรื่องทางแพ่งโดยสอบถามข้อมูลทั้งหมด ก่อนเรามีทนายความอาสาของดีเอสไอ เพื่อเดินทางไปจังหวัดศรีสะเกษ เพื่อยื่นคำร้องต่อศาลเยาวชนและครอบครัวศรีสะเกษ เพื่อขอให้ศาลสั่งว่าเด็กคนนี้เป็นบุตรของอดีตหลวงปู่เณรคำ มีผลทำให้สามารถเรียกค่าใช่จ่ายในการเลี้ยงดู ซึ่งเค้าคงจ่ายเพราะอยู่ในต่างประเทศ ก็จะบังคับเอาจากทรัพย์สินที่ถูกกฎหมาย เพื่อให้แม่และเด็กได้รับทรัพย์สินในส่วนนี้เราจะยื่นคำร้องในวันพฤหัส โดยขอไต่สวนฉุกเฉินโดยเร็วที่สุด ขอตรวจดีเอ็นเอของพ่อแม่พระเณรคำ ซึ่งในคดีอาญาเราบังคับตรวจดีเอ็นเอไม่ได้ แต่ในคดีแพ่ง เป็นการคุ้มครองแม่และเด็ก ศาลอาจพิจารณาให้ตรวจดีเอ็นเอ ก่อนนำดีเอ็นเอเข้ามาในคดีแพ่ง และเราจะขอผลเข้ามาในคดีอาญา

นายธาริต กล่าวอีกว่า ส่วนสาเหตุที่ พศ.เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดีเอสไอดำเนินคดีกับอดีตเณรคำ เพราะขณะเกิดเหตุที่อดีตเณรคำ ร่วมประเวณีกับเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ขณะนั้นอดีตเณรคำยังเป็นสมณเพศ พศ.มีหน้าที่กำกับดูแล โดยความผิดดังกล่าวเป็นความผิดอาญาแผ่นดิน พศ.จึงมีอำนาจร้องทุกข์กล่าวโทษพระที่กระทำผิด แม้ว่าขณะนี้จะพ้นจากความเป็นพระแล้ว นอกจากนี้เพื่อให้แม่และเด็กสามารถดำรงชีวิตต่อไปได้ในภายภาคหน้า ทั้งแม่ลูกและยาย เข้าโครงการคุ้มครองพยาน โดยจ่ายค่ายังชีพวันละ 400 บาทต่อคนต่อวัน หากมีพยานขอให้ติดต่อเข้าให้การเราพร้อมดูแลจนกว่าคดีจะเสร็จ ส่วนเรื่องการตรวจข้อเท็จจริงเรื่องการร้องเรียนของ สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ทาง พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ เลขาธิการ ป.ป.ส.กำลังตรวจสอบหากได้ข้อสรุปจะเปิดเผยต่อไป เพราะเรื่องการตรวจสอบเรื่องยาเสพติดจะเปิดเผยรายวันไม่ได้

พ.ต.ท.พงษ์อินทร์ อินทรขาว ผบ.สำนักคดีความมั่นคง ดีเอสไอ กล่าวอีกว่า จะเร่งรัดพยานหลักฐานที่เกี่ยวกับผู้เสียหายและทรัพย์สินที่เราเชื่อว่าได้มาจากการแสดงข้อความเท็จหลอกลวงประชาชน โดยจะตามรถ 35 ที่มีการแจกไปถึงพระชั้นผู้ใหญ่ กรณีการซื้อรถเบนซ์ราคาแพง แต่ขายถูก รวมทั้งเร่งหารถที่ยังหาเจอ

พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร ผบ.สำนักปฏิบัติการคดีพิเศษภาค ดีเอสไอ กล่าวว่า เรื่องรถจำนวน 35 คัน ในอาทิตย์หน้าจะลงพื้นที่อีกครั้ง เอารายละเอียดว่ารถไปอยู่ในมือของใครบ้าง เบื้องต้นมีทั้งรถเบนซ์ 22 คัน รถที่ซื้อแจก 35 คัน และรถมายบัคอีก 3 คัน ล่าสุดมีรถในมืออีก 10 กว่าคันที่เณรคำไปซื้อที่บริษัท ซึ่งเจ้าของบริษัทขอเวลาเล็กน้อยในการรวบรวมหลักฐานอยู่ในพื้นที่จ.อุบลราชธานี ทั้งนี้ยังมีเพิ่มเติมอีก ซึ่งภายในอาทิตย์หน้าจะทราบผลการตรวจ รวมแล้วตอนนี้มีรถที่ชื่อของหลวงปู่เณรคำ เป็นผู้ซื้อประมาณ 70 กว่าคัน และคาดว่าจำนวนรถทั้งหมดมีถึง 100 คัน

ด้าน ยายเผย อายุ 84 ปี กล่าวว่า ตนได้ไปส่งหลานให้เณรคำ ที่หน้าโรงเรียน และหน้าบ่อนไก่ ก่อนนั่งรถไปสองคนมีเณรคำเป็นคนขับรถ ซึ่งบางวันเณรคำก็นุ่งจีวร บางวันก็ใส่ชุดธรรมดาและสวมหมวกสีจีวร โดยขับรถมารับทุก 5-6 โมงเย็น หลังจากนั้นยายก็จะมารับหลานตอนตีสี่ หรือตีห้า และเป็นเช่นนี้นานนับปี โดยช่วงนั้นเณรคำรับปากจะเลี้ยงดูปูเสื่อหลานตน และจะรับรองเป็นลูกเป็นเมียแต่แล้วเขาก็ไม่รับ ทั้งนี้หลังทึ่หลานคลอดลูก ตนได้ไปเลี้ยงหลานและมาอยู่เป็นเพื่อนหลาน ที่อ.วารินทร์ชำราบ จ.อุบลราชธานี เป็นเวลาร่วมเดือน ซึ่งตอนนั้นหลวงปู่เณรคำ ก็มาหาบ่อย แต่ไม่ได้ให้เงิน เพราะตอนนั้นยังไม่ดัง และไม่มีเงิน

ด้าน น.ส.อั้ม (นามสมมติ) กล่าวว่า ตอนนั้นอายุ 13-14 ปี ได้ไปมีความสัมพันธ์กับ เณรคำ ฉัตติโก โดยร่วมเพศ ส่วนน้องชาย เณรคำ ตนรู้จัก แต่ตนร่วมหลับนอน หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก ยืนยันว่าแน่นอน ไม่ใช่น้องชายตามที่กลุ่มลูกศิษย์เณรคำ กล่าวอ้างแต่อย่างใด

นายก อบต.โพธิ์ กล่าวว่า เรื่องเณรคำเริ่มสร้างกุฏิ ศาลา ยายก็เป็นโยมอุปถาก และนำหลานสาวไปช่วยงานถวายอาหารที่วัด ต่อมาก็เห็นเณรคำขับรถรับไปส่งกันที่วัด รับตอนหกโมงเย็น มาส่งตอนตีห้า ตนเห็นทุกเช้า เพราะอยู่หน้าบ้านตน ซึ่งบางวันก็ใส่ชุดนอก บางวันก็ใส่จีวร พร้อมสวมหมวกไหมพรมสีจีวร ส่วนรถที่เณรคำใช้ขับมารับ น.ส.อั้ม เป็นรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นไมตี้เอ็กซ์ สีบรอนซ์

กำนัน ต.โพธิ์ กล่าวว่า ตอนเณรคำมาในหมู่บ้านใหม่ๆ ก็มีโยมอุปถากในหมู่บ้าน และยายเผย พากันไปทำบุญ ก่อนจะย้ายไปปักหลักที่ อ.มโนรม ก็ทราบว่าชาวบ้านพูดกัน ข่าวที่ออกมาตามสื่อมวลชนเป็นความจริงทุกประการ

นายวิรอด ไชยพรรณ ผอ.สำนักพระพุทธศาสนาจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า ตั้งแต่ที่ปรากฏเป็นข่าว ด้วยความห่วงใยของสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พ.ศ.) ที่ได้กำชับให้ พศ.จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งเป็นท้องที่เกิดเหตุไปสอบถามหาข้อเท็จจริง และเรื่องนี้มีผลกระทบต่อจิตใจ และความศรัทธา ในเรื่องพระพุทธศาสนา นอกจากนี้ยังมีการปรารภจากผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษว่า จากการดำเนินการ 1 เดือนที่ผ่านมานั้น มีการล้อเลียนคำขวัญ จ.ศรีสะเกษ บนโซเชียลเน็ตเวิร์ก ว่า “ศรีสะเกษดินแดนรถหรู หลวงปู่เณรคำ เลิศล้ำเขาพระวิหาร สุขสำราญเครื่องบินเจ็ต ทีเด็ดกระเป๋าหลุยส์ มาดกุ๋ยใส่เรย์แบน” ซึ่งคำพูดเหล่านี้เป็นคำพูดที่ล้อเลียนกันมาก กระทบกระเทือนจิตใจพี่น้องชาวศรีสะเกษ ซึ่งผู้ว่าราชการ จ.ศรีสะเกษ ได้สั่งการมาว่าจะแก้ไขปัญหาเรื่องนี้อย่างไรให้ได้เร็วที่สุด และทางราชการก็พยายามแก้ไขในเรื่องดังกล่าว เช่นเดียวกับภาคประชาชนก็เตรียมตัวที่จะเคลื่อนไหวเพื่อกอบกู้ชื่อเสียงและเกียรติยศ จ.ศรีสะเกษ กลับคืนมา







กำลังโหลดความคิดเห็น