ศรีสะเกษ - คณะสงฆ์ไม่เห็นด้วย “เณรคำ” ขอเลื่อนเข้าพบคณะสงฆ์ศรีสะเกษ-อุบลราชธานี จาก 12 ก.ค.เป็น 31 ก.ค. เผยยังไม่ทราบมีการเปลี่ยนประธาน กก.สอบสวนพระดังจากเจ้าคณะภาค 10 เป็นพระผู้ใหญ่รูปอื่น ชี้หากชุดเดิมเจอพระผู้ใหญ่ขวางทำงานไม่ได้-ควรเปลี่ยน ขณะดีเอสไอยื่นสรุปผลสอบสวนรอบสองให้เจ้าคณะ จ.ศรีสะเกษ
วันนี้ (12 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีมีข่าวว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงประธานคณะกรรมการสอบสวนอธิกรณ์ พระวิรพล สุขผล หรือหลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก ประธานสงฆ์วัดป่าขันติธรรม บ้านยาง ต.ยาง อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ โดยพระชั้นผู้ใหญ่สายธรรมยุตเห็นว่าการดำเนินการสอบสวนหลวงปู่เณรคำล่าช้าติดขัดในบางขั้นตอน จึงอาจมีการแต่งตั้งประธานคณะกรรมการสอบสวนใหม่จากเดิม คือ พระธรรมฐิติญาณ เจ้าคณะภาค 10 เป็น พระธรรมรัชมุณี รองเจ้าคณะภาค 10 เพื่อความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายนั้น
พระครูวัชรสิทธิคุณ พระเลขานุการเจ้าคณะ จ.ศรีสะเกษ ฝ่ายธรรมยุต และเป็นเลขานุการคณะกรรมการสอบสวนอธิกรณ์หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก กล่าวว่า ยังไม่ทราบความชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวโดยหากจะเปลี่ยนแปลงประธานกรรมการสอบสวนต้องมีการแจ้งให้ทราบเป็นลายลักษณ์อักษร แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการแจ้งให้ทราบแต่อย่างใด
ส่วนกรณีที่คณะสงฆ์ 2 จังหวัด คือ จ.ศรีสะเกษ และ จ.อุบลราชธานี มีมติร่วมกันว่า ภายในวันที่ 12 ก.ค.นี้ พระวิรพลต้องมารายงานตัวด้วยตนเองต่อเจ้าอาวาสวัดใต้พระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ วัดต้นสังกัด โดยหากไม่มาจะต้องถูกขับออกจากวัดและมีลูกศิษย์ของพระวิรพลมายื่นหนังสือเพื่อขอเลื่อนการรายงานตัวของพระวิรพลไปเป็นวันที่ 31 ก.ค.นั้น เรื่องนี้ในส่วนของคณะกรรมการสอบสวนของ จ.ศรีสะเกษ ต้องมีการพิจารณาร่วมกันว่าจะดำเนินการอย่างไร ซึ่งตามข้อเท็จจริงแล้ว เรื่องนี้คงจะต้องเร่งสรุปผลโดยด่วน เนื่องจากสร้างความเสียหายมากแล้ว ดังนั้นจึงจะต้องให้จบโดยเร็ว
“อาตมาภาพจึงเห็นว่าคงไม่สามารถให้เลื่อนกำหนดเวลาต่อไปอีกได้ อีกทั้งเป็นนโยบายของพระผู้ใหญ่ที่สั่งมาแล้วว่าให้เร่งดำเนินการสอบสวนพระวิรพลให้เสร็จเรียบร้อยโดยเร็ว” พระครูวัชรสิทธิคุณกล่าว
ทางด้าน พระครูธรรมธรคำไข คณะทำงานสอบอธิกรณ์หลวงปู่เณรคำ กล่าวว่า การกำหนดเอาวันที่ 12 ก.ค. เป็นมติสงฆ์ที่กำหนดไว้ หากมาขอเลื่อนกำหนดการเข้ารายงานตัวเวลาก็จะยืดยาวออกไปอีก จะทำให้สื่อมวลชนและพุทธศาสนิกชนเกิดความสับสน ดังนั้นจึงเลื่อนไม่ได้ ซึ่งเกี่ยวกับเรื่องการสอบสวนการกระทำผิดพระธรรมวินัยของพระวิรพล หากคณะสงฆ์ทั้ง จ.ศรีสะเกษ และ จ.อุบลราชธานี ทำไม่ได้ ก็ควรมอบให้ฝ่ายบ้านเมืองดำเนินการต่อไป แต่ทางฝ่ายบ้านเมืองจะมองคณะสงฆ์ว่าอย่างไร ทำไมทำไม่ได้
ในส่วนกรณีที่หญิงสาวอ้างตัวว่าเป็นเมียของพระวิรพลไปยื่นฟ้องต่อศาลจังหวัดศรีสะเกษ ในข้อหากระทำชำเรา และพรากผู้เยาว์นั้น เรื่องนี้ทางคณะสงฆ์ศรีสะเกษส่วนมากก็แจ้งว่าไม่ได้เห็น ได้ยินแต่ข่าว ทำให้ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าพระวิรพลผิดพระธรรมวินัย และอาบัติปาราชิกกี่ข้อต้องมาพิจารณากัน
พระครูธรรมธรคำไขกล่าวต่อว่า เรื่องนี้เมื่อมีพยานบุคคลออกมายืนยันว่ามีการเสพเมถุนจนกระทั่งมีลูกออกมาด้วยกัน คณะสงฆ์ทั้งสองจังหวัดน่าจะฟันธงได้แล้ว ส่วนเรื่องที่จะมีการเปลี่ยนประธานสอบสวนพระวิรพลนั้น หากคณะกรรมการชุดเก่าทำงานไม่ได้เนื่องจากมีพระผู้ใหญ่บางท่านไม่ให้ความร่วมมือก็น่าเปลี่ยนให้พระผู้ใหญ่ที่มีความเป็นธรรมและเป็นกลางได้ลงมาทำการสอบสวนเอง ซึ่งทราบว่าเป็นพระผู้ใหญ่จากส่วนกลางได้มีการพิจารณาตั้งพระเถระชั้นผู้ใหญ่ที่มีความสามารถมาทำการสอบสวนเอง
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายปกครองสงฆ์ศรีสะเกษได้ดำเนินการสอบสวนอย่างเต็มที่แล้ว แต่ติดขัดกับพระผู้ใหญ่บางท่านจึงทำให้ถูกมองว่างานไม่เดิน ทั้งที่ทำงานอย่างเต็มที่แล้ว ความจริงงานเดินไปเรื่อยๆ แต่คนส่วนมากอยากให้ทันใจ เพราะข่าวนี้ดังมาก ทำให้เสียหายแก่ จ.ศรีสะเกษ และการที่คณะสงฆ์ศรีสะเกษบางรูปบอกว่า ให้รอพระวิรพลออกมาชี้แจงด้วยตนเอง จึงจะสรุปผลการสอบสวนนั้น จะต้องดูกันว่าพระวิรพลจะกลับมาจริงหรือไม่เพราะพระวิรพลขอเลื่อนไปอีก ซึ่งก็จะมีปัญหา หากจะกลับมาสิ้นเดือนก็ใกล้เข้าพรรษาแล้ว พระวิรพลจำเข้าพรรษาที่ใด นี่คือปัญหา
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เวลา 11.30 น.วันเดียวกันนี้ (12 ก.ค.) ที่วัดป่าศรีสำราญ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ พ.อ.ชัชนันท์ เมธีธรรรมาภรณ์ รองผู้บัญชาการสำนักคดีความมั่นคง กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ และคณะเจ้าหน้าที่ดีเอสไอได้นำสรุปผลการสอบสวนพยานหลักฐานรอบสอง เกี่ยวกับการกระทำผิดกฎหมายของพระวิรพล สุขผล หรือหลวงปู่เณรคำ มามอบให้แก่พระครูวิสุทธิญาณ เจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ ฝ่ายธรรมยุต เพื่อขอให้พิจารณาดำเนินการนำเอาหลักฐานไปใช้ในการสอบสวนพระธรรมวินัยของพระวิรพลต่อไป
อนึ่ง สำหรับพระธรรมฐิติญาณ เจ้าคณะภาค 10 ฝ่ายธรรมยุต วัดบึงพลาญชัย จ.ร้อยเอ็ดนั้น ก่อนหน้านี้เคยเป็นข่าวดังกรณีพระวิรพล ฉัตติโก หรือหลวงปู่เณรคำ ได้ถวายรถยนต์เก๋งโตโยต้า คัมรี่ ป้ายแดง ให้ 1 คัน เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2553 โดยได้จัดพิธีถวายกันอย่างยิ่งใหญ่ที่วัดบึงพลาญชัย จ.ร้อยเอ็ด และหลังเสร็จพิธีมอบถวายรถ เจ้าคณะภาค 10 (ธ) เจ้าคณะจังหวัดอุบลราชธานี (ธ) เจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ (ธ) และหลวงปู่เณรคำ ยังได้ร่วมนั่งรถคันดังกล่าวรอบอุโบสถภายในวัดบึงพลาญชัย จำนวน 3 รอบด้วย