ศรีสะเกษ - ทนายความนำเมีย-ลูกเณรคำยื่นฟ้องต่อศาลจังหวัดศรีสะเกษ 2 ข้อหาหนัก ขณะที่กองปราบปราม และ ปปง.สอบปากคำเจ้าของที่ดินสร้างวัดป่าขันติธรรม
ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.ศรีสะเกษว่า เมื่อเวลา 11.30 น. วันนี้ (11 ก.ค.) ที่ศาลจังหวัดศรีสะเกษ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ ดร.สมชาติ วงศ์ธราธร ทนายความ ได้นำตัว นางสาวเอ (นามสมมติ) พร้อมด้วยเด็กชาย น. (นามสมมติ) ลูกชาย ซึ่งอ้างว่าเป็นเมียและลูกของหลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก ประธานสงฆ์วัดป่าขันติธรรม บ้านยาง ต.ยาง อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ เพื่อไปยื่นฟ้องต่อศาลจังหวัดศรีสะเกษ
ทั้งนี้ กล่าวหาว่าเณรคำกระทำผิดกฎหมายอาญา กรณีที่กระทำชำเรานางสาวเอ ซึ่งขณะเกิดเหตุนางสาวเอมีอายุเพียง 14 ปี จนทำให้มีบุตรชายด้วยกัน ขณะนี้เด็กอายุได้ 11 ขวบแล้ว และขณะนี้ทั้งลูกและเมียของหลวงปู่เณรคำได้รับความลำบากมาก เนื่องจากว่าเณรคำขาดการส่งเสียเลี้ยงดูมานานหลายเดือนแล้ว ท่ามกลางสื่อมวลชนที่มารอทำข่าวจำนวนมาก
ดร.สมชาติ วงศ์ธราธร ทนายความของ 2 แม่ลูกกล่าวภายหลังจากการยื่นฟ้องต่อศาลจังหวัดศรีสะเกษแล้วว่า ตนมายื่นฟ้องต่อศาลจังหวัดศรีสะเกษในวันนี้เนื่องจากว่าทางครอบครัวและญาติพี่น้องของนางสาวสลักจิต อ่ำพิพัฒน์ มาขอให้ช่วยว่าความให้ โดยได้ยื่นฟ้องพระวิรพล ฉัตติโก หรือเณรคำ ในคดีอาญา 2 ข้อหาด้วยกัน ข้อหาข่มขืนและกระทำชำเราเด็กที่อายุไม่เกิน 13 ปี และข้อหาพรากผู้เยาว์เด็กอายุไม่เกิน 15 ปี แต่ไม่เกิน 18 ปี
ดร.สมชาติกล่าวด้วยว่า ที่ตนนำนางสาวเอมายื่นฟ้องศาลในวันนี้ไม่ใช่เป็นเพราะว่าไม่มั่นใจในกระบวนการของเจ้าหน้าที่ แต่ที่มาก็เพราะทางญาติของผู้เสียหายต้องการให้มาช่วยว่าความในจุดนี้ให้ ในส่วนขั้นตอนต่อไปศาลจังหวัดศรีสะเกษได้นัดไต่สวนมูลฟ้องในวันที่ 16 กันยายน 2556 ในส่วนข้อมูลหลักฐานที่มีอยู่ในขณะนี้นั้นตนยังพูดไม่ได้ว่ามีอะไรบ้าง แต่ว่าผู้เสียหายมั่นใจในพยานหลักฐานที่มีอยู่แล้ว
ขณะที่บริเวณกลางทุ่งนาบ้านหนองถ่ม ต.ดู่ อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นบ้านของนางลอน มนัส อายุ 68 ปี เจ้าของที่ดินที่เป็นที่ตั้งของวัดป่าขันติธรรมบ้านยาง ต.ยาง อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ พ.ต.ท.ธีรพงษ์ ดุลยวิจารณ์ ผู้อำนวยการส่วนสอบสวนทางการเงิน สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. ได้มาทำการสอบปากคำนางลอน
ทั้งนี้ เพื่อหาข้อมูลหลักฐานเกี่ยวกับทรัพย์สินของหลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก ซึ่งปรากฏว่านางลอนได้ให้ข้อมูลแก่ทาง ปปง.อย่างเต็มที่
นางลอนกล่าวว่า ตนไม่ทราบเรื่องทรัพย์สินของหลวงปู่เณรคำ ตนทราบเพียงเรื่องที่ดินของตนกับญาติพี่น้องที่ใช้เป็นที่ตั้งของวัดป่าขันติธรรมเท่านั้น ซึ่งขณะนี้ตนและคณะกำลังดำเนินการขอสร้างวัดป่าขันติธรรมให้ถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ ของเจ้าของที่ดินทุกคนที่ต้องการสร้างวัดป่าขันติธรรมให้ถูกต้องตามกฎหมายบนที่ดินแปลงนี้
ที่ดินซึ่งเป็นที่ตั้งของวัดป่าขันติธรรมมีโฉนดที่เป็นชื่อของตนอยู่ 5 แปลง เนื้อที่ 12 ไร่ 3 งาน 19 ตารางวา ซึ่งเป็นที่ดินที่มีผู้บริจาคให้สร้างวัดบ้าง และทางวัดซื้อจากชาวบ้านบ้างและทางหลวงปู่เณรคำและกรรมการของวัดได้มีมติให้โอนเป็นชื่อของตน เนื่องจากตนเป็นโยมอุปัฏฐากวัดป่าขันติธรรมอยู่ ซึ่งวัตถุประสงค์ของเจ้าของที่ทั้งหมดที่บริจาคและขายให้วัดป่าขันติธรรมก็เพื่อจัดตั้งเป็นวัดที่สมบูรณ์แบบเท่านั้น
พ.ต.ท.ธีรพงษ์ ดุลยวิจารณ์ ผู้อำนวยการส่วนสอบสวนทางการเงิน กล่าวว่า ในส่วนของ ปปง.ก็คงจะมาดูเรื่องของมูลฐานความผิดก่อนว่าจะเกี่ยวข้องกับมูลฐานความผิดใดบ้าง ซึ่งของ ปปง.มีมูลฐานที่คุณสงกรานต์ได้มาให้ข้อมูลไว้ นั่นคือเรื่องฉ้อโกงประชาชนส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งคือมูลฐานในเรื่องของยาเสพติด
นอกนั้นถ้าพบว่ามีมูลฐานอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องก็คงจะเป็นพยานหลักฐานที่เราจะใช้เป็นตัวตั้งต้นเพื่อหาผู้เกี่ยวข้องมาดำเนินการ ซึ่งแนวทางการดำเนินงานของเราก็จะลงไปที่ตัวบุคคลว่ามีใครที่เกี่ยวข้องกับตัวของหลวงปู่เณรคำบ้าง จากนั้นก็ไล่ไปที่ทรัพย์สิน และก็จะไปดูว่าทรัพย์สินที่มีได้มาอย่างไร
พ.ต.ท.ธีรพงษ์กล่าวว่า ในเรื่องนี้คาดว่าจะใช้ระยะเวลาประมาณ 10 วัน หรือ 14 วันถึงจะรวบรวมข้อมูลและนำมาสรุปหาแนวทางในการดำเนินการในขั้นตอนต่อไปได้ แต่ทุกวันนี้ทรัพย์สินของหลวงปู่เณรคำที่มีการตรวจยึดมาตรวจสอบนั้นก็มีบัญชีเงินฝากจำนวน 21 บัญชี โดยในบัญชีมีเงินหมุนเวียนกว่า 205 ล้านบาท ซึ่งตรงนี้ต้องมาดูว่าเงินทั้งหมดมาจากไหน และได้มาอย่างถูกต้องหรือไม่อย่างไร
ต่อมา พ.ต.ท.สวิก นุชเจริญ พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ กองกำกับการ 3 กองปราบปราม และคณะ ได้มาพบกับนางลอน มนัส อายุ 68 ปี ผู้ที่มีชื่อในโฉนดที่ดินที่ตั้งที่พักสงฆ์ขันติธรรมเพื่อสอบปากคำหาข้อมูลหลักฐานเกี่ยวกับที่ดินของที่พักสงฆ์ขันติธรรม ซึ่งนางลอนได้นำสำเนาโฉนดที่ดินที่เป็นชื่อของนางลอนให้เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบ
เจ้าหน้าที่ได้บันทึกคำให้การของนางลอนถึงเรื่องราวรายละเอียดเกี่ยวกับที่ดินของที่พักสงฆ์ขันติธรรม แล้วให้นางลอนลงชื่อยืนยันคำให้การ แต่เจ้าหน้าที่ไม่ได้ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนแต่อย่างใด
