ศรีสะเกษ - เจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษชี้ “เณรคำ” พ้นจากความเป็นพระแล้วนับตั้งแต่เสพเมถุน ขณะดีเอสไอร่วมกับ ปปง. และกองปราบฯ เตรียมยกชุดใหญ่ลงศรีสะเกษ และอุบลราชธานี 9 ก.ค. เผย ป.ป.ส.รับเรื่องเอี่ยวยาเสพติดไว้แล้ว
เมื่อเวลา 09.00 น. วันนี้ (8 ก.ค.) ที่วัดป่าบ้านซำตาโตง ต.พราน อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ พระครูวิสุทธิญาณ เจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ ฝ่ายธรรมยุต เปิดเผยว่า จากการที่ได้รับเอกสารสรุปผลการสอบสวนของผู้บัญชาการสำนักคดีความมั่นคง กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ อาตมากับคณะกรรมการสอบสวนอธิกรณ์ พระวิรพล ฉัตติโก หรือหลวงปู่เณรคำ ได้หารือร่วมกันแล้วเห็นว่า หากเป็นความจริงตามการสอบสวนของดีเอสไอแล้วว่าพระวิรพลเสพเมถุนและมีลูก 1 คนก็ถือว่าขาดจากความเป็นพระนับตั้งแต่มีการเสพเมถุนแล้ว ซึ่งเรื่องนี้พระวิรพลจะต้องรู้แก่ใจตัวเอง ควรออกมาพบกรรมการสอบสวนเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริง
ส่วนกรณีที่คณะสงฆ์ จ.อุบลราชธานีจะขับพระวิรพลออกจากสังกัด โดยอ้างว่าได้ย้ายออกจากสังกัดตั้งแต่ปี 2549 เพื่อไปสังกัดวัดป่าขันติธรรม บ้านยาง ต.ยาง อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ เรื่องนี้อาตมาสั่งการให้พระครูวัชรสิทธิคุณ พระเลขานุการและคณะไปประสานกับเจ้าคณะจังหวัดอุบลราชธานีเพื่อขอทราบข้อเท็จจริง จากนั้นจะได้นำมาประชุมร่วมกับคณะกรรมการสอบสวนเพื่อพิจารณาเรื่องนี้โดยด่วนต่อไป
ขณะที่ พ.ต.ท.พงศ์อินทร์ อินทรขาว ผู้บัญชาการสำนักคดีความมั่นคง ดีเอสไอ กล่าวว่า จากการไปสอบสวนในเขตพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ และ จ.อุบลราชธานี มีหลักฐานชัดเจนว่าพระวิรพล ฉัตติโก เข้าข่ายกระทำผิดกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 277 และมาตรา 317 วรรค 3 ซึ่งเป็นการกระทำชำเราเด็กหญิงอายุต่ำกว่า 15 ปี และพรากผู้เยาว์ ซึ่งจะได้มอบสำนวนคดีแก่ตำรวจท้องที่ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
และจากการที่ตนนำเรื่องที่พยานบอกว่าพระวิรพลเกี่ยวข้องกับยาเสพติดไปหารือกับพล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ทาง ป.ป.ส.ได้รับเรื่องนี้ไว้แล้ว ซึ่งในวันที่ 9 กรกฎาคมนี้ดีเอสไอ พร้อมด้วยสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ตำรวจกองปราบปราม และกองพิสูจน์หลักฐาน จะลงพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ และ จ.อุบลราชธานี เพื่อตรวจดีเอ็นเอของพยานที่อ้างว่าเป็นเมียและลูกของพระวิรพล รวมทั้งจะได้มีการตรวจเรื่องการรับเงินบริจาค สถานะทางการเงินของพระวิรพล และเรื่องต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับคดีทั้งหมด