ASTVผู้จัดการรายวัน - เจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ ชี้ "เณรคำ" พ้นจากความเป็นพระแล้วตั้งแต่เสพเมถุน เผยปปส.รับเรื่องเอี่ยวยาเสพติดแล้ว โผล่อีกรายปธ.สำนักพุทธชยันตี ร้องบก.ป.ถูกหลอกสร้างวัด สูญเงิน 5 แสน ด้านรองผบก.ป.วอนผู้เสียหายถูกหลอกลวงทุกกรณีเข้าให้ข้อมูลเพื่อใช้มัดตัวให้ดิ้นไม่หลุด ด้านผู้บริหารรพ.กรุงเทพ แฉแค่อ่อนเพลียแต่นั่งฮ.มาขอเข้าพัก แถมยืมเครื่องนับเงินไปใช้ในห้องพัก
หลังจากพ.ต.ท.พงศ์อินทร์ อินทรขาว ผู้บัญชาการสำนักคดีความมั่นคง กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) สอบสวนข้อมูลเพิ่มเติมกรณีพระอาจารย์วิรพล ฉัตติโก หรือหลวงปู่เณรคำ ประธานสำนักสงฆ์วัดป่าขันติธรรม ต.ยาง อ.กันทรารมณ์ จ.ศรีสะเกษ โดยได้สอบปากคำพยานซึ่งเป็นลูกศิษย์ใกล้ชิด จากนั้นนำหนังสือของสำนักคดีความมั่นคง ที่ ยธ 0805/1027 ลงวันที่ 7 กรกฎาคม 2556 เรื่อง ขอส่งข้อมูลพฤติกรรมอันเข้าข่ายเป็นปาราชิกของพระวิรพล ฉัตติโก (หลวงปู่เณรคำ สุขผล) และสิ่งที่ส่งมาด้วย ประกอบด้วยรายงานสรุปผลการตรวจสอบข้อเท็จจริง ใหกับพระครูวิสุทธิญาณ เจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ ฝ่ายธรรมยุติ ที่วัดป่าศรีสำราญ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ
วานนี้ (8 ก.ค.) ที่วัดป่าบ้านซำตาโตง ต.พราน อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ พระครูวิสุทธิญาณ เจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ ฝ่ายธรรมยุติ กล่าวว่า หลังได้รับเอกสารสรุปผลการสอบสวนของดีเอสไอ อาตมากับคณะกรรมการสอบสวนอธิกรณ์พระวิรพล ฉัตติโก ได้หารือร่วมกันแล้วเห็นว่า หากเป็นความจริงตามการสอบสวนของดีเอสไอ ว่าพระวิรพลเสพเมถุนและมีลูก 1 คน ก็ถือว่าขาดจากความเป็นพระตั้งแต่เสพเมถุนแล้ว ซึ่งเรื่องนี้พระวิรพลควรมาชี้แจงข้อเท็จจริงกับกรรมการสอบสวน
ส่วนกรณีคณะสงฆ์จ.อุบลราชธานี จะขับพระวิรพลออกจากสังกัด โดยอ้างว่าได้ย้ายออกจากสังกัดเดิมตั้งแต่ปี 2549 เพื่อไปสังกัดวัดป่าขันติธรรม ได้สั่งการให้พระครูวัชรสิทธิคุณ พระเลขานุการและคณะ ประสานกับเจ้าคณะจังหวัดอุบลราชธานี เพื่อขอทราบข้อเท็จจริง จะได้นำมาประชุมร่วมกับคณะกรรมการสอบสวนอธิกรณ์ เพื่อพิจารณาโดยด่วนต่อไป
ขณะที่ พ.ต.ท.พงศ์อินทร์ กล่าวว่า จากการสอบสวนในเขตจ.ศรีสะเกษ และจ.อุบลราชธานี มีหลักฐานชัดเจนว่าพระวิรพล ฉัตติโก เข้าข่ายกระทำผิดกฎหมายตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 277 และมาตรา 317 วรรค 3 ซึ่งเป็นการกระทำชำเราเด็กหญิงอายุต่ำกว่า 15 ปี และพรากผู้เยาว์ ซึ่งจะมอบสำนวนคดีให้กับตำรวจท้องที่ดำเนินคดีต่อไป
และจากการที่ตนนำเรื่องที่พยานบอกว่า พระวิรพลเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ไปหารือกับพล.ต.อ.พงศพัศ พงเจริญ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด(ปปส.) ทางปปส.ได้รับเรื่องนี้ไว้แล้ว ซึ่งวันที่ 9 กรกฎาคมนี้ ดีเอสไอ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.) ตำรวจกองปรามปราม และกองพิสูจน์หลักฐาน จะลงพื้นที่จ.ศรีสะเกษ และจ.อุบลราชธานี เพื่อตรวจดีเอ็นเอของพยานที่อ้างว่าเป็นเมียและลูกของพระวิรพล รวมทั้งตรวจสอบเรื่องการรับเงินบริจาค สถานะทางการเงินของพระวิรพล และเรื่องต่างๆที่เกี่ยวข้องกับคดีทั้งหมด
ที่กองบังคับการปราบปราม(บก.ป.) นายสงกรานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ได้นิมนต์พระธีรธนัชณฤทธา เสาวภาคโชติรส อายุ 46 ปี ประธานสำนักปฏิบัติธรรมพุทธชยันตี แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา กรุงเทพมหานคร เข้าพบพ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รองผบก.ป. เพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติมกรณีหลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก
นายสงกรานต์ กล่าวว่า ถูกหลวงปู่เณรคำและลูกศิษย์ หลอกว่าจะหาเงินจัดซื้อที่ดิน และออกค่าใช้จ่ายสร้างวัด มูลค่า 55 ล้านบาท เมื่อทางสำนักปฏิบัติธรรมได้ขออนุญาตจดทะเบียนจัดตั้งวัดเรียบร้อยแล้ว พระธีรธนัชณฤทธา หลงเชื่อคำกล่าวอ้างจึงได้นำเงินที่ญาติโยมทำบุญ 5 แสนบาท ไปวางมัดจำกับธนาคาร เพื่อซื้อที่ดิน 14 ไร่ 24 ตารางวา แต่หลวงปู่เณรคำไม่ได้ทำตามที่รับปากไว้ เมื่อสอบถามไปลูกศิษย์ก็ตอบว่า หลวงปู่เณรคำมีค่าใช้จ่ายแต่ละเดือนถึง 11 ล้านบาท เพราะต้องดูแลทั้งพระและลูกศิษย์
ด้านพระธีรธนัชณฤทธา กล่าวว่า รู้จักกับหลวงปู่เณรคำผ่านทางลูกศิษย์ เนื่องจากเป็นพระที่มีชื่อเสียง มีผู้นับถือศรัทธาจำนวนมาก จึงหลงเชื่อ ต้องเสียเงินที่ญาติโยมบริจาค หากทางธนาคารยึดก็จะเกิดความเสียหายกับทางสำนักปฏิบัติธรรม ซึ่งอาตมาไม่ทราบเหตุผลว่าทำไมหลวงปู่เณรคำต้องทำเช่นนี้ ที่ผ่านมาพยายามติดต่อก็ให้ความหวังว่าจะหาเงินมาให้ แต่ไม่เคยได้ อาจเป็นเพราะเป็นการพูดปากเปล่า ไม่ได้ทำสัญญาไว้
แหล่งข่าวระดับสูงจากโรงพยาบาลกรุงเทพ กล่าวถึงกรณีหลวงปู่เณรคำ มาใช้บริการว่า เมื่อ 2-3 ปีเคยมาใช้บริการ 4 ครั้ง ครั้งที่ 1-2 ช่วงกลางคืน เดินทางมาโดยเฮลิคอปเตอร์ของบริษัท บางกอก เฮลิคอปเตอร์ เซอร์วิส จำกัด โดยประสานมาว่าจะมีพระมารักษาตัวที่โรงพยาบาล เมื่อเห็นว่ามีการประสานงานมา ก็จัดแพทย์เตรียมไว้ตามปกติ จากการสอบถามอาการพบว่าเป็นการอ่อนเพลีย ครั้งแรกจองห้องวีไอพี 3 ห้อง ต่อมาลดจำนวนลง เนื่องจากโรงพยาบาลเห็นว่าไม่ได้ป่วย จึงไม่อนุญาตให้เปิดห้องพักเหมือนครั้งแรก และการเช่าเฮลิคอปเตอร์มารับบริการที่โรงพยาบาล ส่วนใหญ่เป็นชื่อบุคคลอื่น มีผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด
แหล่งข่าวกล่าวถึงพฤติกรรมระหว่างเข้าพักในโรงพยาบาล ว่ามีคนติดตามประสานฝ่ายการเงินขอยืมเครื่องนับเงิน ซึ่งเจ้าหน้าที่ต้องรายงานผู้บริหารทราบ จึงเข้าใจว่าจะยืมไปใช้นับเงินบริจาค แต่ได้ตั้งข้อสังเกตุว่า เหตุใดจึงไม่นับเงินในสถานที่ทำบุญ กลับนำมานับกับผู้ติดตามในห้องพัก จึงมีความรู้สึกว่าไม่มีความโปร่งใส
ด้าน พ.ต.ท.พงศ์อินทร์ อินทรขาว ผู้บัญชาการสำนักคดีความมั่นคง กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ กล่าวว่า ภายในสัปดาห์นี้จะมอบหมายให้รองผู้บัญชาการ และนายอังศุเกติ์ วิสุทธิ์วัฒนศักดิ์ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ นำตัวยายของน.ส.หญิง(นามสมมุติ)พร้อมด้วยน.ส.หญิงที่เปิดเผยว่ามีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับพระวิรพล และมีลูกชายด้วยกัน ไปแจ้งความดำเนินคดีต่อพนักงานสอบสวนสภ.เมือง ท้องที่เกิดเหตุ รวมทั้งสถานีตำรวจทุกแห่งที่เกี่ยวข้อง ในข้อหากระทำอนาจารเด็กหญิงที่อายุต่ำกว่า 15 ปี และพรากผู้เยาว์
หลังจากพ.ต.ท.พงศ์อินทร์ อินทรขาว ผู้บัญชาการสำนักคดีความมั่นคง กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) สอบสวนข้อมูลเพิ่มเติมกรณีพระอาจารย์วิรพล ฉัตติโก หรือหลวงปู่เณรคำ ประธานสำนักสงฆ์วัดป่าขันติธรรม ต.ยาง อ.กันทรารมณ์ จ.ศรีสะเกษ โดยได้สอบปากคำพยานซึ่งเป็นลูกศิษย์ใกล้ชิด จากนั้นนำหนังสือของสำนักคดีความมั่นคง ที่ ยธ 0805/1027 ลงวันที่ 7 กรกฎาคม 2556 เรื่อง ขอส่งข้อมูลพฤติกรรมอันเข้าข่ายเป็นปาราชิกของพระวิรพล ฉัตติโก (หลวงปู่เณรคำ สุขผล) และสิ่งที่ส่งมาด้วย ประกอบด้วยรายงานสรุปผลการตรวจสอบข้อเท็จจริง ใหกับพระครูวิสุทธิญาณ เจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ ฝ่ายธรรมยุติ ที่วัดป่าศรีสำราญ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ
วานนี้ (8 ก.ค.) ที่วัดป่าบ้านซำตาโตง ต.พราน อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ พระครูวิสุทธิญาณ เจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ ฝ่ายธรรมยุติ กล่าวว่า หลังได้รับเอกสารสรุปผลการสอบสวนของดีเอสไอ อาตมากับคณะกรรมการสอบสวนอธิกรณ์พระวิรพล ฉัตติโก ได้หารือร่วมกันแล้วเห็นว่า หากเป็นความจริงตามการสอบสวนของดีเอสไอ ว่าพระวิรพลเสพเมถุนและมีลูก 1 คน ก็ถือว่าขาดจากความเป็นพระตั้งแต่เสพเมถุนแล้ว ซึ่งเรื่องนี้พระวิรพลควรมาชี้แจงข้อเท็จจริงกับกรรมการสอบสวน
ส่วนกรณีคณะสงฆ์จ.อุบลราชธานี จะขับพระวิรพลออกจากสังกัด โดยอ้างว่าได้ย้ายออกจากสังกัดเดิมตั้งแต่ปี 2549 เพื่อไปสังกัดวัดป่าขันติธรรม ได้สั่งการให้พระครูวัชรสิทธิคุณ พระเลขานุการและคณะ ประสานกับเจ้าคณะจังหวัดอุบลราชธานี เพื่อขอทราบข้อเท็จจริง จะได้นำมาประชุมร่วมกับคณะกรรมการสอบสวนอธิกรณ์ เพื่อพิจารณาโดยด่วนต่อไป
ขณะที่ พ.ต.ท.พงศ์อินทร์ กล่าวว่า จากการสอบสวนในเขตจ.ศรีสะเกษ และจ.อุบลราชธานี มีหลักฐานชัดเจนว่าพระวิรพล ฉัตติโก เข้าข่ายกระทำผิดกฎหมายตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 277 และมาตรา 317 วรรค 3 ซึ่งเป็นการกระทำชำเราเด็กหญิงอายุต่ำกว่า 15 ปี และพรากผู้เยาว์ ซึ่งจะมอบสำนวนคดีให้กับตำรวจท้องที่ดำเนินคดีต่อไป
และจากการที่ตนนำเรื่องที่พยานบอกว่า พระวิรพลเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ไปหารือกับพล.ต.อ.พงศพัศ พงเจริญ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด(ปปส.) ทางปปส.ได้รับเรื่องนี้ไว้แล้ว ซึ่งวันที่ 9 กรกฎาคมนี้ ดีเอสไอ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.) ตำรวจกองปรามปราม และกองพิสูจน์หลักฐาน จะลงพื้นที่จ.ศรีสะเกษ และจ.อุบลราชธานี เพื่อตรวจดีเอ็นเอของพยานที่อ้างว่าเป็นเมียและลูกของพระวิรพล รวมทั้งตรวจสอบเรื่องการรับเงินบริจาค สถานะทางการเงินของพระวิรพล และเรื่องต่างๆที่เกี่ยวข้องกับคดีทั้งหมด
ที่กองบังคับการปราบปราม(บก.ป.) นายสงกรานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ได้นิมนต์พระธีรธนัชณฤทธา เสาวภาคโชติรส อายุ 46 ปี ประธานสำนักปฏิบัติธรรมพุทธชยันตี แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา กรุงเทพมหานคร เข้าพบพ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รองผบก.ป. เพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติมกรณีหลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก
นายสงกรานต์ กล่าวว่า ถูกหลวงปู่เณรคำและลูกศิษย์ หลอกว่าจะหาเงินจัดซื้อที่ดิน และออกค่าใช้จ่ายสร้างวัด มูลค่า 55 ล้านบาท เมื่อทางสำนักปฏิบัติธรรมได้ขออนุญาตจดทะเบียนจัดตั้งวัดเรียบร้อยแล้ว พระธีรธนัชณฤทธา หลงเชื่อคำกล่าวอ้างจึงได้นำเงินที่ญาติโยมทำบุญ 5 แสนบาท ไปวางมัดจำกับธนาคาร เพื่อซื้อที่ดิน 14 ไร่ 24 ตารางวา แต่หลวงปู่เณรคำไม่ได้ทำตามที่รับปากไว้ เมื่อสอบถามไปลูกศิษย์ก็ตอบว่า หลวงปู่เณรคำมีค่าใช้จ่ายแต่ละเดือนถึง 11 ล้านบาท เพราะต้องดูแลทั้งพระและลูกศิษย์
ด้านพระธีรธนัชณฤทธา กล่าวว่า รู้จักกับหลวงปู่เณรคำผ่านทางลูกศิษย์ เนื่องจากเป็นพระที่มีชื่อเสียง มีผู้นับถือศรัทธาจำนวนมาก จึงหลงเชื่อ ต้องเสียเงินที่ญาติโยมบริจาค หากทางธนาคารยึดก็จะเกิดความเสียหายกับทางสำนักปฏิบัติธรรม ซึ่งอาตมาไม่ทราบเหตุผลว่าทำไมหลวงปู่เณรคำต้องทำเช่นนี้ ที่ผ่านมาพยายามติดต่อก็ให้ความหวังว่าจะหาเงินมาให้ แต่ไม่เคยได้ อาจเป็นเพราะเป็นการพูดปากเปล่า ไม่ได้ทำสัญญาไว้
แหล่งข่าวระดับสูงจากโรงพยาบาลกรุงเทพ กล่าวถึงกรณีหลวงปู่เณรคำ มาใช้บริการว่า เมื่อ 2-3 ปีเคยมาใช้บริการ 4 ครั้ง ครั้งที่ 1-2 ช่วงกลางคืน เดินทางมาโดยเฮลิคอปเตอร์ของบริษัท บางกอก เฮลิคอปเตอร์ เซอร์วิส จำกัด โดยประสานมาว่าจะมีพระมารักษาตัวที่โรงพยาบาล เมื่อเห็นว่ามีการประสานงานมา ก็จัดแพทย์เตรียมไว้ตามปกติ จากการสอบถามอาการพบว่าเป็นการอ่อนเพลีย ครั้งแรกจองห้องวีไอพี 3 ห้อง ต่อมาลดจำนวนลง เนื่องจากโรงพยาบาลเห็นว่าไม่ได้ป่วย จึงไม่อนุญาตให้เปิดห้องพักเหมือนครั้งแรก และการเช่าเฮลิคอปเตอร์มารับบริการที่โรงพยาบาล ส่วนใหญ่เป็นชื่อบุคคลอื่น มีผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด
แหล่งข่าวกล่าวถึงพฤติกรรมระหว่างเข้าพักในโรงพยาบาล ว่ามีคนติดตามประสานฝ่ายการเงินขอยืมเครื่องนับเงิน ซึ่งเจ้าหน้าที่ต้องรายงานผู้บริหารทราบ จึงเข้าใจว่าจะยืมไปใช้นับเงินบริจาค แต่ได้ตั้งข้อสังเกตุว่า เหตุใดจึงไม่นับเงินในสถานที่ทำบุญ กลับนำมานับกับผู้ติดตามในห้องพัก จึงมีความรู้สึกว่าไม่มีความโปร่งใส
ด้าน พ.ต.ท.พงศ์อินทร์ อินทรขาว ผู้บัญชาการสำนักคดีความมั่นคง กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ กล่าวว่า ภายในสัปดาห์นี้จะมอบหมายให้รองผู้บัญชาการ และนายอังศุเกติ์ วิสุทธิ์วัฒนศักดิ์ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ นำตัวยายของน.ส.หญิง(นามสมมุติ)พร้อมด้วยน.ส.หญิงที่เปิดเผยว่ามีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับพระวิรพล และมีลูกชายด้วยกัน ไปแจ้งความดำเนินคดีต่อพนักงานสอบสวนสภ.เมือง ท้องที่เกิดเหตุ รวมทั้งสถานีตำรวจทุกแห่งที่เกี่ยวข้อง ในข้อหากระทำอนาจารเด็กหญิงที่อายุต่ำกว่า 15 ปี และพรากผู้เยาว์