รพ.กรุงเทพแฉพิรุธ “เณรคำ” ไม่ป่วย เปิดห้อง-ยืมเครื่องนับเงิน

ASTVผู้จัดการรายวัน - ผู้บริหารโรงพยาบาลกรุงเทพแฉ “เณรคำ” มีพิรุธไม่ได้ป่วยไข้อะไรมากแค่อ่อนเพลียในครั้งแรกทางโรงพยาบาลจึงอนุญาตให้เข้าพัก ต่อมาผู้บริหารโรงพยาบาลสั่งให้มีการตรวจสอบว่าเป็นผู้ป่วยหรือไม่ ถ้าไม่เข้าข่ายผู้ป่วยให้ปฏิเสธใช้ห้องพักโรงพยาบาล หลังจากถูกปฏิเสธไปก็ไม่เคยมาใช้บริการอีก แฉมีพิรุธตั้งแต่ขบวนรถที่มาจอดรับหน้าโรงพยาบาลล้วนแต่เป็นรถเก๋งป้ายแดง แถมมีรถตำรวจนำขบวน ขณะที่ผู้บริหารโรงพยาบาลไม่มีใครรู้จัก แถมคนติดตามเคยยืมเครื่องนับเงินจากฝ่ายการเงินโรงพยาบาลไปนับเงินในห้องพักในโรงพยาบาล

แหล่งข่าวระดับสูงจากโรงพยาบาลกรุงเทพ เปิดเผยต่อ ASTVผู้จัดการรายวัน ถึงกรณีที่พระวิรพล ฉัตติโก หรือหลวงปู่เณรคำเคยมาใช้บริการที่โรงพยาบาลกรุงเทพว่า เคยมาเมื่อ 2-3 ปีที่แล้วประมาณ 4 ครั้ง โดยช่วงครั้งที่ 1-2 เป็นการเดินทางมาในช่วงกลางคืนโดยเฮลิคอปเตอร์ของบริษัท บางกอก เฮลิคอปเตอร์ เซอร์วิส โดยประสานมาว่าจะมีพระเณรคำมาทำการรักษาที่โรงพยาบาล ซึ่งทางโรงพยาบาลเห็นว่ามีการประสานงานมาก็ได้จัดแพทย์เตรียมไว้ตามปกติเหมือนกับผู้ป่วยทั่วๆ ไป และจากการสอบถามอาการแล้วพบว่าเป็นการอ่อนเพลียทั่วๆ ไป โดยในครั้งแรกมาใช้บริการในโรงพยาบาลนั้นได้จองห้องวีไอพี 3 ห้องซึ่งใช้เป็นห้องผู้ติดตาม และในครั้งต่อมาก็ลดจำนวนห้องลงเนื่องจากโรงพยาบาลเห็นว่าไม่ได้ป่วย ความจำเป็นการใช้ห้องพักจึงไม่อนุญาตให้เปิดห้องพักเหมือนครั้งแรก ในการติดต่อขอเช่าเฮลิคอปเตอร์และมารับบริการที่โรงพยาบาลส่วนใหญ่เป็นชื่อบุคคลอื่นที่ติดต่อมา และมีผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด

“ต้องยอมรับว่าโรงพยาบาลเป็นสถานที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมงใครจะเข้าจะออกก็ได้ แต่ต้องไม่ไปรบกวนผู้อื่น ซึ่งโรงพยาบาลจะรับเฉพาะผู้ป่วยเท่านั้น แต่ถ้าไม่ป่วยจริงก็จะไม่อนุญาตให้พัก ซึ่งต่อมาทางโรงพยาบาลก็ได้ปฏิเสธการให้ที่พักหลังจากนั้นก็ไม่เคยมาอีกเลย” แหล่งข่าวคนเดียวกันเล่าให้ ASTVผู้จัดการฟัง

สำหรับเฮลิคอปเตอร์ที่มีโลโก้ของโรงพยาบาลกรุงเทพนั้น ข้อเท็จจริงคือ เป็นเฮลิคอปเตอร์เปิดให้เช่าเอกชน หรือห้างร้านจะเช่าไปใช้ส่วนตัวก็มี เอกชนบางรายก็เอาโลโก้มาติดข้างเครื่องบินเพื่อใช้ในภารกิจเพื่อเป็นการสร้างแบรนด์ของบริษัท แต่เมื่อเช่าเสร็จจบภารกิจก็จะต้องถอดสติกเกอร์ออก ดังนั้น การที่เห็นโลโก้ของโรงพยาบาลบนเครื่องบินที่เณรคำใช้นั้นไม่ได้หมายความว่าทางโรงพยาบาลไปสนับสนุนเครื่องบินดังกล่าว แต่เป็นการเช่าตามปกติที่เปิดให้เช่าทั่วไป

ผู้บริหารสงสัยสั่งเช็กประวัติ
ขณะที่ผู้บริหารโรงพยาบาลได้ตั้งข้อสังเกตว่า ถ้าเป็นพระผู้ใหญ่แล้วเหตุใดจึงไม่มีการประสานกับผู้บริหารมาล่วงหน้า จึงได้มีการตรวจสอบประวัติดูแล้วก็รู้สึกเฉยๆ แต่กลับรู้สึกแปลกว่าเหตุใดจึงมีลูกศิษย์ต่างๆ เป็นผู้ประสานงาน ตั้งแต่การเช่าเฮลิคอปเตอร์ และการเข้าพักรักษาที่โรงพยาบาลกรุงเทพโดยไม่มีผู้บริหารของโรงพยาบาลกรุงเทพคนใดรู้จักหรือประสานติดต่อมาล่วงหน้า มีแต่ลูกศิษย์และคนติดตามจำนวนหนึ่งมาคอยต้อนรับ และขบวนรถยนต์ป้ายแดงจำนวน 4 ถึง 5 คันที่มาจอดรออยู่บริเวณหน้าโรงพยาบาลโดยมีรถตำรวจนำขบวน ซึ่งทุกๆ ครั้งที่มาจะมีขบวนรถมาจอดหน้าโรงพยาบาลเช่นนี้

“ผู้บริหารโรงพยาบาลได้มีการตรวจสอบในเชิงลึกว่ารถตำรวจนำขบวนเณรคำนั้นมาจากไหน พบว่าเป็นรถตำรวจในจังหวัดภาคอีสาน มีนายตำรวจระดับพันตำรวจเป็นผู้นำขบวน และตั้งข้อสังเกตต่อไปว่าเหตุใดจึงมีรถตำรวจมานำเพราะไม่ใช่เป็นภารกิจของทางราชการ จึงรู้สึกว่าไม่ชอบมาพากล และมีคำสั่งให้ผู้บริหารโรงพยาบาลตรวจสอบ หากไม่ใช่ผู้ป่วยจริงจะไม่อนุญาตให้มาใช้ห้องพักในโรงพยาบาลอย่างเด็ดขาด” ผู้บริหารโรงพยาบาลกรุงเทพเล่าให้ฟัง

ว่ากันว่าขบวนนำรถเณรคำเคยวิ่งสวนขบวนที่มีภารกิจในราชการที่ภาคอีสาน โดยขบวนเณรคำไม่มีการสื่อสารกันทำให้หลายฝ่ายมีการตรวจเช็กว่าเป็นรถขบวนของใครและมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น นอกจากนี้รถป้ายแดงที่นำขบวนต่างๆ ของเณรคำที่ว่านี้มีการนำไปถวายพระในภาคอีสาน เช่น เจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะภาค ไว้ใช้กันอย่างทั่วถึง

ยืมเครื่องนับเงิน
แหล่งข่าวระดับสูงจากโรงพยาบาลกรุงเทพกล่าวต่อไปถึงพฤติกรรมของคณะติดตามเณรคำว่า ในระหว่างการเข้าพักที่โรงพยาบาลได้มีคนติดตามเณรคำประสานงานไปยังฝ่ายบัญชีการเงินของโรงพยาบาลกรุงเทพเพื่อขอยืมเครื่องนับเงินของโรงพยาบาล ซึ่งเจ้าหน้าที่ต้องมีการรายงานแจ้งให้ผู้บริหารทราบ จึงได้รับทราบว่าจะมีการขอยืมเครื่องนับแบงก์ โดยผู้บริหารเข้าใจว่าจะยืมเครื่องนับเงินไปใช้นับเงินบริจาคต่างๆ แต่ก็ได้ตั้งข้อสังเกตว่าเหตุใดจึงไม่มีการนับเงินในสถานที่ทำบุญ แต่กลับนำมานับกับผู้ติดตามในห้องพักโรงพยาบาล ซึ่งมีความรู้สึกว่าไม่มีความโปร่งใส่ในเงินบริจาค

อ่านข่าวเกี่ยวข้องประกอบ : “กัปตันปิยะ” ชวนตะลึง “เณรคำ” โชว์รวย คุยมีเรือยอชต์-เงินฝากแบงก์นอกเพียบ