xs
xsm
sm
md
lg

ศิษย์แฉไอ้คำเสพขายยาบ้า ป.สอบโยงขบวนการยาเสพติด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

"ดีเอสไอ" ยื่นหนังสือข้อมูลสรุปผลตรวจสอบข้อเท็จจริง "เณรคำ" ทำผิดพระธรรมวินัยและ กม.อาญาชัดเจน ให้เจ้าคณะศรีสะเกษ-อุบลฯเชือด เผยจ่อฟันเพิ่มอีก 1 คดี โทษหนักพรากผู้เยาว์เพื่อการอนาจาร ระบุพยานยันเห็นพระชื่อดังเสพและขนยาบ้าขาย ขณะศิษย์พระดังกร่างกักตัวผู้แทนเจ้าคณะจังหวัดฯ และตำรวจสันติบาลที่เข้าไปสอบสวนไว้ที่วัดเถื่อนขันติธรรมนานกว่า 2 ชม. ด้านกองปราบลงพื้นที่อุบลฯบ้านเกิด "เณรคำ" พร้อมเตรียมตรวจสอบโยงขบวนการยาเสพติดหรือไม่

เวลา 09.00 น.วานนี้ (7 ก.ค.) ที่โรงแรมเกษสิริ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ พ.ต.ท.พงศ์อินทร์ อินทรขาว ผู้บัญชาการสำนักคดีความมั่นคง กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ และคณะ ได้สอบสวนหาข้อมูลเพิ่มเติมกรณีพระอาจารย์วิรพล ฉัตติโก หรือหลวงปู่เณรคำ ประธานสำนักสงฆ์วัดป่าขันติธรรม ต.ยาง อ.กันทรารมณ์ จ.ศรีสะเกษ ที่ตกเป็นข่าวอื้อเกี่ยวกับความไม่เหมาะสม โดยได้สอบปากคำพยานซึ่งเป็นลูกศิษย์ใกล้ชิดของพระชื่อดังโดยใช้เวลาสอบสวนประมาณ 1 ชั่วโมง

ต่อมาเวลา 14.15 น.ที่วัดป่าศรีสำราญ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ พ.ต.ท.พงศ์อินทร์ และคณะ ได้นำหนังสือของสำนักคดีความมั่นคง กรมสอบสวนคดีพิเศษ ที่ ยธ 0805/1027 ลงวันที่ 7 ก.ค.2556 เรื่อง ขอส่งข้อมูลพฤติกรรมอันเข้าข่ายเป็นปาราชิกของพระวิรพล ฉัตติโก (หลวงปู่เณรคำ สุขผล) และสิ่งที่ส่งมาด้วย ประกอบด้วย รายงานสรุปผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงจำนวน 1 ชุด

โดยหนังสือระบุว่า ด้วยสำนักคดีความมั่นคง กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ทำการสืบสวนข้อเท็จจริงกรณีมีผู้มาร้องเรียนให้ทำการตรวจสอบบัญชีเงินรับบริจาคอันน่าสงสัยและพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของพระวิรพล ฉัตติโก หรือ หลวงปู่เณรคำ สุขผล จากการสืบสวนข้อเท็จจริงพบว่าพระวิรพล ฉัตติโก มีพฤติกรรมเข้าข่ายเป็นการกระทำผิดตามพระธรรมวินัย โดยเฉพาะประเด็นการเสพเมถุน และยังเข้าข่ายเป็นการกระทำความผิดอาญาแผ่นดิน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277 ด้วย ดังนั้น เพื่อมิให้เกิดความเสื่อมเสียหรือเสียหายแก่พระพุทธศาสนา และเป็นการรักษาไว้ซึ่งสถาบันศาสนา จึงใคร่ขอให้ท่านพิจารณาดำเนินการในประเด็นข้อเท็จจริงดังกล่าวตามอำนาจหน้าที่ที่เกี่ยวข้องโดยเร็วต่อไป ลงนามโดย พ.ต.ท.พงศ์อินทร์ อินทรขาว ผู้บัญชาการสำนักคดีความมั่นคง โดยได้ยื่นหนังสือดังกล่าวให้พระครูวิสุทธิญาณ เจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ ฝ่ายธรรมยุติ และมีพระครูสารธรรมคุณาทร เจ้าคณะตำบลโพนข่า อ.เมืองศรีสะเกษ และพระครูวัชระวิทธิคุณ เจ้าอาวาสวัดป่าศรีสำราญ และพระเลขานุการเจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ ร่วมในการรับมอบหนังสือในครั้งนี้ด้วย

ต่อจากนั้น พ.ต.ท.พงศ์อินทร์ และคณะ ได้เดินทางไปที่ จ.อุบลราชะานี เข้าพบพระราชธรรมโกศล เจ้าคณะจังหวัดอุบลราชธานี ฝ่ายธรรมยุต และเป็นเจ้าอาวาสวัดใต้พระเจ้าใหญ่องค์ตื้อเพื่อมอบผลการสอบสวนพฤติกรรมพระวิรพล เช่นกัน

พ.ต.ท.พงศ์อินทร์ กล่าวภายหลังว่า จากการที่ได้ลงพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ เพื่อสืบสวนข้อเท็จจริงกรณีที่ได้รับการร้องเรียนพฤติกรรมของหลวงปู่เณรคำว่าความประพฤติตัวไม่เหมาะสมกับสมณะเพศ โดยได้ทำการสืบสวนข้อเท็จจริงในเขตพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ นาน 3 วัน พบหลักฐานต่างๆ รวมทั้งได้รับการยืนยันจากพยานปากสำคัญหลายรายด้วยกัน โดยได้มีการยืนยันในเรื่องการเสพเมถุน การล่วงละเมิดทางเพศเด็กหญิงอายุต่ำกว่า 15 ปี

"รวมทั้งได้รับการยืนยันจากพยานบุคคลที่เชื่อถือได้ว่าพระวิรพล มีการดื่มสุรา เสพยาบ้า และมีการขนยาบ้าด้วย ซึ่งตนได้ทำการสอบสวนเรื่องนี้ไว้เรียบร้อยแล้ว จึงได้นำเอาสรุปผลการสอบสวนมาเสนอให้เจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ ฝ่ายธรรมยุติ ในฐานะประธานคณะกรรมการสอบสวนอธิกรณ์พระวิรพล ได้ทราบเพื่อจะได้ใช้เป็นข้อมูลในการสอบสวนการกระทำผิดพระธรรมวินัยของพระวิรพล ต่อไป"

พ.ต.ท.พงศ์อินทร์กล่าวต่อว่า จากการสอบสวนข้อเท็จจริงยังพบว่า พระวิรพล นอกจากจะเข้าข่ายการกระผิดกฎหมายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277 ซึ่งเป็นการกระทำชำเราเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี ไม่ว่าเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม จากการสอบสวนยังพบว่า การกระทำของพระวิรพล ยังเข้าข่ายการกระทำผิดกฎหมายประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277 วรรคสาม การพรากผู้เยาว์เพื่อการอนาจาร ซึ่งศาลจะลงโทษสถานหนัก และตนจะแจ้งข้อหานี้เพิ่มเติมด้วย

**แฉศิษย์เณรคำเหิมกักตัวเจ้าคณะตำบล

ด้านพระครูสารธรรมคุณาทร เจ้าคณะตำบลโพนข่า อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า เมื่อประมาณ 2-3 วันที่ผ่านมา อาตมาพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาล ได้เป็นตัวแทนของเจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ ฝ่ายธรรมยุติ เดินทางไปที่วัดป่าขันติธรรม เพื่อไปสอบถามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นและพบพระชาวต่างชาติรูปหนึ่ง โดยได้มีการนั่งหารือกันที่บริเวณชั้น 2 ของกุฎิที่พักของพระวิรพล ปรากฏว่า ลูกศิษย์ของพระวิรพล ได้กักตัวอาตมา และตำรวจสันติบาลไว้นานกว่า 2 ชั่วโมง เนื่องจากลูกศิษย์ของพระชื่อดังเข้าใจว่าตนจะเข้าไปจับผิดพระวิรพล ดังนั้น จึงได้กักตัวตนเอาไว้ สุดท้ายได้ปล่อยตัวตนกับตำรวจสันติบาลออกมา ซึ่งเรื่องนี้เข้าใจว่า ลูกศิษย์ของพระวิรพล เข้าใจผิด แต่ก็ไม่สมควรที่จะกระทำแบบนี้กับอาตมาและ ตำรวจสันติบาล

พระครูวิสุทธิญาณ เจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ ฝ่ายธรรมยุติ กล่าวว่า พระธรรมวินัยระบุไว้ว่า หากมีการกระทำผิดเกิดขึ้นก็จะต้องทำการสอบสวนทั้ง 2 ฝ่าย หากมีความผิดต้องปาราชิกสึกจากความเป็นพระไป แต่หากพระไม่สึกก็ไม่เคยมีประวัติบันทึกไว้ว่าจะดำเนินการอย่างไรได้ ซึ่งเรื่องการเสพเมถุนนี้จะต้องให้เจ้าทุกข์ทั้ง 2 ฝ่าย มาพูดยืนยันต่อหน้ากัน เพื่อให้คณะกรรมการได้รับฟังและพิจารณา โดยจะต้องเรียกผู้หญิงมายืนยันหากว่าเป็นจริงก็จะให้พระวิรพลสึกจากความเป็นพระ

**ป.ลุยบ้านเกิดตรวจเลือดน้องเณรคำ

ที่ จ.อุบลราชธานี เวลา 11.30 น. พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รอง ผบก.ป.พร้อม ร.ต.อ.พงษ์วุฒิ บุญรมย์ ได้ประสานงานกับ พ.ต.ท.รุ่งนิรันดร์ ทองเกษมสุข รอง ผกก.ป.สภ.พิบูลมังสาหาร และเจ้าหน้าที่จาก รพ.พิบูลมังสาหาร เดินทางไปที่บ้านเลขที่ 999/10 หมู่ 10 บ้านทรายมูล ต.ทรายมูล อ.พิบูลมังสาหาร เพื่อขอตรวจกรุ๊ปเลือดจากนายสุริ สุขผล อายุ 32 ปี น้องชายของหลวงปู่เณรคำ หลังจากเกิดกรณีที่มีหญิงสาวคนหนึ่งออกมาแฉว่ามีสัมพันธ์สวาทกับพระวิรพล จนมีลูกชายด้วยกัน 1 คน และมีพยายามที่จะเบี่ยงเบนประเด็นว่า หญิงสาวคนดังกล่าวมีความสัมพันธ์สวาทกับนายสุริ ไม่ใช่พระวิรพล แต่บ้านดังกล่าวซึ่งเป็นบ้านเดี่ยวชั้นเดี่ยวเป็นอาคารที่ก่อสร้างด้วยคอนกรีตทั้งหลัง มีกำแพงล้อมรอบสูงเกือบมิดทั้งหลังและมีสัญลักษณ์ที่กำแพงบ้านเป็นรูปดอกบัวติดอยู่ตามกำแพง หน้าบ้านถูกปิดตาย ทราบว่างนายสุริ พักอยู่ข้างในพร้อมด้วยนายรัตน์ สุขผล นางสุดใจ สุขผล บิดารมารดาหลวงปู่เณรคำ และมีพี่ชายต่างบิดา พี่สะใภ้ป อาศัยอยู่ด้วย

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ประสานกับนายบุญรัก สมเทพ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 10 และเป็นญาติสนิทกับนางสุดใจ แม่ หลวงปู่เณรคำ แต่นายสุริ ไม่ยอมให้เข้าพบและไม่ยอมให้ตรวจกรุ๊ปเลือดอีกด้วย โดยอ้างว่าปู่เณรคำ สั่งมาไม่ให้พบ หรือเจรจาใดๆ ทั้งสิ้น ดังนั้น เจ้าหน้าที่จึงได้พากันถอยกลับไป โดยจะได้ขอใบอนุญาตเข้าตรวจค้นต่อไป

จากนั้นคณะเจ้าหน้าที่จึงเดินทางไปที่สำนักสงฆ์วัดป่าขันติบารมี สาขา 1 บ้านทรายมูล ตั้งอยู่ภายในเนื้อที่ประมาณ 28 ไร่ และอยู่ห่างจากบ้านพักดังกล่าวประมาณ 2.5 ก.ม.ที่ประตูสำนักสงฆ์ถูกปิดตายและมีกล้องวงจรปิดมีกำแพงล้อมรอบสูงกว่า 4 เมตร ไม่สามารถเข้าตรวจค้นได้อีก จึงย้อนกลับมาที่ปากทางเข้าสำนักสงฆ์ที่อ้างว่าเป็นที่จอดรถยนต์ชนิดต่างๆ และเรือยอจช์ของหลวงปู่เณร ตั้งอยู่ บนเนื้อที่ประมาณ 10 ไร่ ปลูกสร้างด้วยคอนกรีต ภายในพบเพียงรถยนต์ยี่ห้อ จีป สีเขียวขี้ม้า ไม่มีหมายเลขทะเบียน จอดอยู่กับกับรถยนต์ยี่ห้อ โฟคสวาเกนต์ สีน้ำเงิน ทะเบียน อร 6926 กรุงเทพมหานคร และรถมอเตอร์ไชค์ที่ตกแต่งเป็นรถสกายแล็ปจอดอยู่อีก 2 คน ข้างหน้าอู่มีป้ายเขียนบอกเป็นอู่รับซ่อมรถยนต์และรับพ่นสี แต่ไม่มีผู้คนออกมาแสดงตัวว่าเป็นเจ้าของแต่อย่างใด

พ.ต.อ.ประสพโชค กล่าวว่า กองปราบมีการประสานงานกับหน่วยต่างๆ ทั้ง ป.ป.ง., ป.ป.ส. กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ซึ่งจะต้องตรวจสอบทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องทั้งสถานะการเงิน เส้นทางการเดินของเงิน ทุกบัญชี เรื่องรถ เรือ ทรัพย์สินอื่น คดีนี้เป็นคดีที่ประชาชนสนใจและเกี่ยวข้องกับศาสนา ซึ่งจะทำคดีด้วยความโปร่งใสและรวดเร็ว ในวันอังคารที่ 9 ก.ค.นี้จะเข้าพบกับ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ เลขาฯ ป.ป.ส.ซึ่งคดีนี้จะต้องทำการตรวจสอบทุกมิติ.
กำลังโหลดความคิดเห็น