นครศรีธรรมราช - หน้ากากขาวนครศรีฯ ยังชุมนุมหลายจุด ปูดหน่วยข่าวทางทหารอุปโลกน์ปั้นข่าว นำชื่อผู้ไม่เกี่ยวข้องรายงานนายว่าเป็นแกนนำหน้ากากขาว ขณะผู้ที่ถูกแอบอ้างเตรียมยื่นหนังสือถึง ผบ.ทบ. ผ่าน เสธ.ทบ ตรวจสอบพฤติกรรม
วันนี้ (7 ก.ค.) การชุมนุมของกลุ่มหน้ากากขาวยังคงมีการชุมนุมกันอยู่ในหลายพื้นที่ของ จ.นครศรีธรรมราช เช่น อ.เมือง อ.ชะอวด อ.ฉวาง ภาพรวมพบว่ามีผู้ที่เข้าร่วมการชุมนุมค่อนข้างหนาตา ขณะที่ในตัวเมืองนครศรีธรรมราช ได้ใช้สถานที่บริเวณศาลาประดู่หก ถ.ราชดำเนิน ต.ในเมือง อ.เมืองนครศรีธรรมราช ได้มีกลุ่มหน้ากากขาวมารวมตัวกันเช่น 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา
โดยมีเจ้าหน้าที่หลายฝ่ายมาคอยติดตามความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ตาม ขณะที่มีการรวมตัวอยู่นั้น ปรากฏว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาลนายหนึ่งที่มาติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มหน้ากากขาวจอดรถริมถนนในจุดที่มีท่อประปาของเทศบาลนครนครศรีธรรมราช แตกอยู่ใต้ดินน้ำกัดเซาะจนเป็นโพรงขนาดใหญ่ ส่งผลให้รถทรุดตกลงไปตามผิวถนนที่ทรุดตัวจนทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมต้องมาช่วยกันกู้รถของตำรวจสันติบาลนายนี้ไว้ได้
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในการชุมนุมของกลุ่มหน้ากากขาวนครศรีธรรมราช ได้มีจุดเริ่มต้นจากการรวมตัวของกลุ่มสายสัมพันธ์นักเรียนของสถาบันการศึกษาชั้นนำแห่งหนึ่งของจังหวัดนครศรีธรรมราช ผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ โดยมีการชุมนุมเป็นครั้งแรกเมื่อวันอาทิตย์ที่ 16 มิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งมีการติดตามข้อมูลความเคลื่อนไหวของหน่วยข่าวด้านความมั่นคงในพื้นที่หลายหน่วยกันอยู่ตลอดเวลา
แต่ปรากฏว่า มีเจ้าหน้าที่การข่าวทางทหารนายหนึ่ง ซึ่งพยายามสร้างบทบาทให้มีความน่าเชื่อถือได้เจตนารายงานข้อมูลไปยังบังคับบัญชาด้วยข้อความอันเป็นเท็จ โดยสรุปสาระสำคัญได้ในทำนองว่า มีการประชุมเตรียมการชุมนุมเมื่อวันที่ 12 มิ.ย.56 ที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่งในตัวเมือง โดยมีผู้ที่เป็นแกนนำ ผู้ประสานงาน ซึ่งเป็นศิษย์เก่าของสถาบันการศึกษาชั้นนำของนครศรีธรรมราช มาร่วมประชุมหารือกันเพื่อจัดการชุมนุมขึ้น โดยเจตนาระบุชื่อผู้ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการจัดการชุมนุม แกนนำ หรือผู้ประสานงานเข้าไปอย่างน้อย 2 รายชื่อ
ยังระบุอีกว่า มีนักการเมืองจากพรรคฝ่ายค้านเข้ามาร่วมประชุม และนำเงินสดมาจ่ายให้แก่กลุ่มแกนนำ หรือผู้ประสานงานกลุ่มนี้ และทหารรายเดิมพยายามนำชุดข้อมูลนี้แจกจ่ายไปยังหน่วยงานด้านความมั่นคงหลายหน่วย เพื่อให้ข้อมูลเป็นไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อเจตนาให้เกิดการบรรจุรายชื่อของผู้ที่ถูกระบุในรายงานเข้าไปอยู่ในกลุ่มบุคคลผู้ที่เป็นแกนนำ หรือผู้ที่ต้องถูกติดตามพฤติกรรมเป็นพิเศษ ซึ่งข้อมูลดังกล่าวที่เกิดจากการรายงานของเจ้าหน้าที่การข่าวทางทหารนายนี้ ได้ถูกนำมาเปิดเผยให้แก่ผู้ที่ถูกระบุรายชื่อ เนื่องจากเห็นว่าเป็นผู้เสียหายเพราะเนื้อหาไม่เป็นความจริง และการประชุมไม่ได้เกิดขึ้นจริง เป็นเหตุการณ์ที่ถูกระบุ และรายงานไปยังผู้บังคับบัญชาเป็นเหตุการณ์อุปโลกน์ขึ้นมาทั้งหมด โดยผู้ที่ถูกระบุรายชื่อนั้นได้ยื่นหนังสือถึงพฤติการณ์ในการเจตนาบิดเบือนข้อมูลให้เกิดความเสียหายไปตามลำดับแล้ว โดยเสนอไปยังผู้บัญชาการทหารบก ผ่านเสนาธิการทหารบก และแม่ทัพภาคที่ 4 ผ่านเสนาธิการกองทัพภาคที่ 4
ส่วนการชุมนุมในพื้นที่นครศรีธรรมราชนั้น ยังคงเป็นไปโดยอิสระผ่านการประสานงานในสังคมออนไลน์ แม้ว่าจะมีความพยายามในการเข้าไปช่วงชิงมวลชนจากฝ่ายการเมืองแต่ยังไม่สำเร็จ
