xs
xsm
sm
md
lg

พุทธชยันตีร้อง ป. “ไอ้คำ” หลอกสร้างวัด 5 แสน

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

 นายสงกรานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ นำตัว พระธีรธนัชณฤทธา เสาวภาคโชติรส แจ้งความกองปราบดำเนินคดีกับ เณรคำหลอกลวงอ้างว่าจะหาเงินจัดซื้อที่ดินสร้างวัดให้ แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีการช่วยเหลือแต่อย่างใด ทำให้เกิดความเสียหายจำนวน 5 แสนบาท
ประธานสำนักปฏิบัติธรรม “พุทธชยันตี” ร้อง ป.ถูก “เณรคำ” หลอกสร้างวัด-เสียหาย 5 แสน โดยได้นำเงินบริจาคของญาติโยมไปวางมัดจำกับธนาคาร เพื่อซื้อที่ดิน 14 ไร่ 24 ตาราง แขวงศาลาธรรมสพน์ แต่เงินมัดจำกำลังจะถูกบริษัทบริหารสินทรัพย์ดำเนินการยึด



วันนี้ (8 ก.ค.) ที่กองปราบปราม นายสงกรานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ นำตัว พระธีรธนัชณฤทธา เสาวภาคโชติรส อายุ 46 ปี ประธานสำนักปฏิบัติธรรม “พุทธชยันตี” ตั้งอยู่ในพื้นที่แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา กทม. เข้าพบ พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รอง ผบก.ป. เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษกรณีถูกหลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก หรือพระวิรพล สุขผล อายุ 34 ปี ประธานสำนักสงฆ์ป่าขันติธรรม ต.ยาง อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ อ้างว่าจะหาเงินจัดซื้อที่ดินสร้างวัดให้ แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีการช่วยเหลือแต่อย่างใด ทำให้เกิดความเสียหายจำนวน 5 แสนบาท

นายสงกรานต์กล่าวว่า หลังจากตนได้เปิดรับข้อมูลทางเฟซบุ๊ก รับร้องเรียนและข้อมูลที่เกี่ยวกับการกระทำของหลวงปู่เณรคำ ซึ่งอาจเข้าข่ายความผิดอาญานั้น ได้พบกรณีของ พระธีรธนัชณฤทธาได้ให้ข้อมูลว่า เมื่อช่วงต้นปี 2555 ได้ถูกหลวงปู่เณรคำ และลูกศิษย์ หลอกลวงว่าจะหาเงินเพื่อจัดซื้อที่ดิน และออกค่าใช้จ่ายต่างๆ ในการจัดสร้างวัด เป็นจำนวน 55 ล้านบาท เมื่อทางสำนักปฏิบัติธรรมแห่งนี้ได้ขออนุญาตจดทะเบียนจัดตั้งวัดเรียบร้อยแล้ว เพื่อใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติกิจทางสงฆ์ และให้ญาติโยมได้ปฏิบัติธรรมด้วย แต่เมื่อทางพระธีรธนัชณฤทธา หลงเชื่อคำกล่าวอ้างของหลวงปู่เณรคำ ได้นำเงินที่ญาติโยมทำบุญบริจาคเป็นจำนวน 5 แสนบาทไปวางมัดจำกับธนาคาร เพื่อซื้อที่ดิน 14 ไร่ 24 ตารางวา จากเจ้าของกรรมสิทธิ์ซึ่งเป็นบริษัทบริหารสินทรัพย์ชื่อดังแห่งหนึ่ง แต่ปรากฏว่าหลวงปู่เณรคำกลับผิดนัด เมื่อติดต่อสอบถามไปทางลูกศิษย์ของหลวงปู่เณรคำก็ได้รับคำตอบว่าหลวงปู่เณรคำมีค่าใช้จ่ายดูแลพระและลูกศิษย์แต่ละเดือนถึง 11 ล้านบาท จนทำให้เกิดความเสียหายขึ้นเนื่องจากเงินมัดจำกำลังจะถูกบริษัทบริหารสินทรัพย์ดำเนินการยึด

ด้านพระธีรธนัชณฤทธากล่าวว่า ได้รู้จักกับหลวงปู่เณรคำ ผ่านทางลูกศิษย์และเนื่องจากท่านเป็นพระที่มีชื่อเสียง มีผู้นับถือศรัทธาเยอะ รวมทั้งมีทรัพย์สินอยู่เป็นจำนวนมาก จึงหลงเชื่อ และไม่คิดว่าจะถูกหลอกลวง ซึ่งเงิน 5 แสนบาท ที่ได้นำไปวางมัดจำกับทางธนาคารนั้นก็เป็นเงินทำบุญของญาติโยม หากทางธนาคารยึดไปก็จะเกิดความเสียหายกับทางสำนักปฏิบัติธรรม อย่างไรก็ดี หลังจากปรึกษากับนายสงกรานต์ก็ยืนยันว่าจะพยายามช่วยเหลือในเรื่องข้อกฎหมาย เนื่องจากเป็นการผิดสัญญาของหลวงปู่เณรคำ

“อาตมาไม่ทราบเหตุผลว่าเหตุใดหลวงปู่เณรคำ ต้องทำอะไรเช่นนี้ ที่ผ่านมาก็พยายามติดต่อสอบถามหลายครั้งแล้ว แต่ก็มีเพียงการให้ความหวังว่าจะหาเงินมาให้เท่านั้น แต่ก็ไม่เคยได้ เป็นแค่การพูดปากเปล่าไม่มีการทำสัญญาใดๆ ไว้” พระธีรธนัชณฤทธากล่าว

ส่วน พ.ต.อ.ประสพโชคกล่าวว่า ได้รับเรื่องที่พระธีรธนัชณฤทธา ร้องทุกข์ไว้ดำเนินการตรวจสอบต่อไป ส่วนกรณีความคืบหน้าการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีกับ หลวงปู่เณรคำ ในความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และความผิดตามกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องนั้นภายหลังจากที่ตน และชุดสืบสวน บก.ป.ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบบ้านพักของบิดา มารดาของหลวงปู่เณรคำ ที่ อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี และได้เข้าพบกับท่านเจ้าคุณ พระราชธรรมโกศล เจ้าคณะจังหวัดอุบลราชธานี (ธรรมยุติ) จึงทราบประวัติของหลวงปู่เณรคำ ว่าได้บวชเณรที่วัดภูเขาแก้ว อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี จากนั้นได้บวชพระที่วัดพระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ ก่อนจะย้ายไปอยู่สำนักสงฆ์ป่าขันติธรรม ต.ยาง อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ นอกจากนี้ได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบกรณีหญิงสาวที่มีความสัมพันธ์กับหลวงปู่เณรคำ พบว่ามีหญิงสาวได้เข้ามาเกี่ยวพันหลายคน เรื่องนี้จึงมีการประสานกับ นางปวีณา หงสกุล รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เพื่อร่วมกันตรวจสอบและทำงานร่วมกันต่อไป

พ.ต.อ.ประสพโชคกล่าวต่อว่า ในส่วนของการตรวจสอบเรื่องเงินบริจาคของหลวงปู่เณรคำ ลูกศิษย์และบริวารแวดล้อม ซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนมากนั้น ได้ทำงานร่วมกับทางสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) อย่างต่อเนื่อง และในช่วงบ่ายวันเดียวกัน ตนพร้อมด้วยนายสงกรานต์ก็จะเข้าพบเลขาธิการ ปปง.ตามนัดหมาย เพื่อประชุมหารือและแลกเปลี่ยนข้อมูลในการทำงานร่วมกัน และหากมีการพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหากับหลวงปู่เณรคำไว้แล้ว ก็จะพิจารณาเรื่องการอายัดทรัพย์สินต่อไป สำหรับรถยนต์และทรัพย์สินอื่นๆ ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างดำเนินการตรวจสอบอยู่

“ขณะนี้พนักงานสอบสวนกำลังเร่งรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ในคดี ยืนยันว่าเรื่องนี้มีความคืบหน้าไปมากแล้ว อย่างไรก็ตาม หากบรรดาผู้เสียหายไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามที่เคยถูกหลวงปู่เณรคำ หลอกลวงในกรณีต่างๆ สามารถเข้าให้ข้อมูลกับผมหรือพนักงานสอบสวน บก.ป.เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการพิสูจน์ความผิดของหลวงปู่เณรคำ สำหรับสำนวนคดีก็จะทำให้รอบคอบรัดกุมที่สุด จึงมีการพิจารณาขออนุมัติศาลออกหมายจับต่อไป และคงไม่เป็นปัญหาอะไรหากผู้ต้องหาหลบหนีอยู่ต่างประเทศ เพราะสามารถดำเนินการโดยอาศัยความร่วมมือทางคดีอาญาได้” พ.ต.อ.ประสพโชคกล่าว

รายงานข่าวแจ้งด้วยว่าในวันพรุ่งนี้ ( 9 ก.ค.) ทางพนักงานสอบสวน กองปราบปราม จะขออนุมัติหมายค้นจากศาลจังหวัดอุบลราชธานี เพื่อเข้าตรวจค้นบ้านพ่อแม่ของเณรคำ มูลนิธิขันธรรม วัดป่าขันติธรรม รวม 3จุดด้วยกัน เพื่อตรวจดูทรัพย์สินที่มีอยู่ในที่ต่าง ๆ ว่าได้มาจากการกระทำผิดหรือไม่ ใครเป็นผู้ดูแล และเข้ามาดูแลตั้งแต่เมื่อไหร่ รวมทั้งค่าใช้จ่ายต่างๆ ในแต่ละวัน

นอกจากนั้นทางพนักงานสอบสวนจะสอบปากคำเหยื่อสาวที่เคยมีเพศสัมพันธ์กับเณรคำเมื่อตอนอายุ14ปี นำมาพิจารณาประกอบในสำนวนด้วย



กำลังโหลดความคิดเห็น