กองปราบฯ บุกเข้าตรวจค้นบ้านพ่อแม่ “เณรคำ” 3 จุด สุดตะลึง! พบอลังการอย่างกับวัง พบตู้เซฟเจาะผนังภายในอาคารที่กำลังก่อสร้างแต่ไม่พบทรัพย์สิน ตกแต่งเฟอร์นิเจอร์หลุยส์-โคมไฟแชนเดอเลียร์ พร้อมลงนามอายัด 21 บัญชีให้ ปปง. ด้าน “สงกรานต์” เรียกผู้เสียหายลงชื่อจองกฐินเอาผิดอาญาจอมลวงโลก!
วันนี้ (9 ก.ค.) ที่กองปราบปราม พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ ผบก.ป. กล่าวถึงความคืบหน้าคดีพระวิระพล สุขผล หรือหลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก ประธานสงฆ์วัดป่าขันติธรรม ต.ยาง อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ ว่าได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รอง ผบก.ป.เดินทางไปประชุมร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เกี่ยวกับการตรวจสอบทรัพย์สินของพระวิรพล สุขผล หรือหลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก ประธานสำนักสงฆ์ขันติธรรม จ.ศรีสะเกษ โดยเบื้องต้นที่ประชุมมีมติให้อายัดบัญชีธนาคารของหลวงปู่เณรคำ และผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด 21 บัญชี ซึ่งตนได้ลงนามในเอกสารอายัดไปเรียบร้อยแล้ว ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
พล.ต.ต.สุพิศาลกล่าวว่า หลังจากนี้ก็จะส่งบัญชีธนาคารทั้งหมดให้กับ ปปง.เป็นผู้ตรวจสอบถึงที่มาที่ไปของเงิน พร้อมกับเรียกผู้เกี่ยวข้องให้มาชี้แจงในประเด็นที่เห็นว่ามีข้อสงสัย ซึ่งเป็นการดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย เพื่อตรวจสอบดูว่ามีความเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดตามที่ถูกแจ้งความไว้หรือไม่ ขณะเดียวกัน ในส่วนของความผิดในข้อหาอื่นๆ นั้นได้มอบหมายให้พนักงานสอบสวน กก.3 บก.ป.เร่งติดตามผู้เสียหายมาให้ปากคำ เพื่อสรุปสำนวนคดีโดยเร็วและเป็นธรรมที่สุด
พล.ต.ต.สุพิศาลกล่าวต่อว่า การตรวจสอบทรัพย์สินของหลวงปู่เณรคำนั้น เนื่องมาจากนายสงกรานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ได้มาแจ้งความร้องทุกข์ไว้ในคดีฉ้อโกงประชาชน ซึ่งสามารถแจ้งความได้เนื่องจากเป็นคดีอาญาเพราะถือว่ารัฐเป็นผู้เสียหาย โดยขั้นตอนหลังจากนี้ทางชุดสืบสวนก็จะรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ หากพบว่ามีการกระทำความผิดก็ต้องติดตามตัวผู้เสียหายมาสอบปากคำ ก่อนจะเสนอศาลเพื่อขออนุมัติหมายจับ อย่างไรก็ตาม ในส่วนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นั้น ทราบว่าขณะนี้ก็อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง และจะเสนอเข้าคณะกรรมการคดีพิเศษในช่วงสิ้นเดือนกรกฎาคมนี้ หากพิจารณาแล้วเห็นว่าเข้าข่ายเป็นคดีพิเศษ ทาง บก.ป.ก็ยินดีจะส่งมอบคดีต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 13.00 น.วันเดียวกัน พล.ต.ต.สุพิศาล ได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.วรวุฒิ คุณะเกษม ผกก.3 บก.ป. พ.ต.อ.เอกพงษ์ พลมณี รอง ผกก.3 บก.ป. พ.ต.ท.สวิก นุชเจริญผล พนักงานสอบสวน กก.3 บก.ป.ร่วมกับเจ้าหน้าที่ ปปง.นำหมายค้นของศาลจังหวัดอุบลราชธานี เข้าตรวจค้นเป้าหมายที่เกี่ยวข้องกับหลวงปู่เณรคำ ซึ่งเป็นบ้านพัก 3 หลัง ในบริเวณพื้นที่กว่า 2 ไร่
จุดแรก เข้าตรวจค้นบ้านพักเลขที่ 999 บ้านทรายมูล ต.ทรายมูล อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี ของนายรัตน์ และนางสุดใจ สุขผล บิดาและมารดาของหลวงปู่เณรคำ รวมทั้ง นายจำนงค์ สมเทพ พี่ชายต่างบิดาของหลวงปู่เณรคำ ซึ่งการตรวจคนพบว่าตัวบ้านตั้งอยู่ภายในรั้วสูง มีประตูปิดกั้นแน่นหนา ภายในบ้านตกแต่งอย่างหรูหราด้วยเฟอร์นิเจอร์หลุยส์ และโคมไฟแชนเดอเลียร์ มีนางสุขใจ เป็นผู้นำตรวจค้น ขณะที่นายรัตน์นอนป่วยอยู่ภายในบ้าน โดยเจ้าหน้าที่พบเอกสาร ใบเสร็จรับเงินต่างๆ จำนวนหนึ่งจึงอายัดไว้ตรวจสอบ นอกจากนี้ยังพบอัญมณีและเครื่องประดับต่างๆ แต่ไม่พบรถหรู ซึ่งคาดว่าน่าจะมีการเคลื่อนย้ายไปแล้วก่อนหน้านี้
จุดที่ 2 ที่อาคารไม้ซึ่งเป็นบ้านพักหลังเก่าของครอบครัว ภายในอาณาบริเวณเดียวกัน และจุดที่ 3 จุดสุดท้ายเป็นบ้านพักที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง พบตู้เซฟขนาดใหญ่ที่มีการสร้างติดกับผนังอาคาร แต่ไม่พบทรัพย์สินมีค่าใดๆ โดยทางชุดสืบสวน กก.3 บก.ป.ได้รวบรวมข้อมูลต่างๆ จากการตรวจค้นครั้งนี้เพื่อตรวจสอบทางคดี และรายงานผู้บังคับบัญชาทราบต่อไป
ด้านนายสงกรานต์กล่าวว่า ในวันเดียวกันนี้ตนได้นิมนต์พระธีรธนัชณฤทธา เสาวภาคโชติรส อายุ 46 ปี ประธานสำนักปฏิบัติธรรมพุทธชยันตี ตั้งอยู่ในพื้นที่แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา กทม.เข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน บก.ป.เกี่ยวกับกรณีที่ถูกหลวงปู่เณรคำ หลอกลวงว่าจะหาเงินจำนวน 55 ล้านบาท มาจัดซื้อที่ดินและสร้างวัดให้ จนทางพระธีรธนัชณฤทธาได้นำเงินทำบุญของญาติโยมไปวางมัดจำกับธนาคาร สร้างความเสียหายเพราะไม่มีการให้เงินมาซื้อที่ดินสร้างวัดแต่อย่างใด
นายสงกรานต์กล่าวต่อว่า แม้ว่ากรณีนี้เป็นเรื่องของการสัญญาว่าจะให้ เป็นมูลคดีทางแพ่ง แต่หลังจากมีการจ่ายเงินมัดจำจนเกิดความเสียหายขึ้นแล้ว เข้าข่ายหลอกลวง ซึ่งเป็นความผิดอาญา อย่างไรก็ดี ตนยังคงเปิดรับข้อมูลของผู้เสียหายที่ถูกเณรคำหลอกลวง ไม่ว่าจะเป็นพระ หรือฆราวาสอย่างต่อเนื่องต่อไปเพื่อนำมาประกอบการพิจารณาเอาผิดต่อเณรคำ