อุบลราชธานี - เจ้าคณะจังหวัดอุบลราชธานีเรียกประชุมพระสังฆาธิการหารือการบวชพระเณรคำเพื่อยืนยันไปยังเจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ ส่วนจะนำเรื่องต้องอธิกรณ์ของหลวงปู่เณรคำขึ้นมาพิจารณาด้วยหรือไม่ยังไม่ชัดเจน แต่หากถูกขับพ้นจากการปกครองของสงฆ์อุบลราชธานี เณรคำต้องรีบหาสังกัดใหม่ไม่เช่นนั้นจะทำให้สิ้นสภาพความเป็นพระโดยปริยาย ขณะเดียวกันกองปราบปรามเตรียมส่งชุดสืบสวนเก็บข้อมูลประวัติหลวงปู่เณรคำกับพระราชธรรมโกศลในวันอาทิตย์นี้ด้วย
วันนี้ (5 ก.ค.) ที่วัดใต้พระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ พระราชธรรมโกศล เจ้าคณะจังหวัดฝ่ายธรรมยุต และเป็นเจ้าอาวาสวัดที่พระวิรพล ฉัตติโก หรือหลวงปู่เณรคำ เข้ามาสังกัดเปิดเผยว่า มีหนังสือเรียกประชุมพระสังฆาธิการผู้ใหญ่ของฝ่ายธรรมยุตจำนวน 15 รูป เพื่อสรุปข้อมูลการบวชเณรและบวชพระของหลวงปู่เณรคำเป็นพระจริงตามที่สังคมสงสัยหรือไม่ โดยจะมีพระอุปัชฌาย์มายืนยัน
เบื้องต้นทราบว่าพระวิรพลได้บวชเณรที่วัดภูเขาแก้ว อ.พิบูลมังสาหาร ตั้งแต่อายุ 15 ปี ต่อจากนั้นบรรพชาเป็นภิกษุที่วัดศรีนวลอำเภอเดียวกัน โดยมีพระสุนารถมุนีเจ้าคณะอำเภอพิบูลมังสาหารเป็นพระอุปัชฌาย์
เมื่อคณะสงฆ์ผู้บวชให้การยืนยันการบวชของพระวิรพลต่อคณะกรรมการสงฆ์แล้ว จะทำหนังสือแจ้งให้เจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งเป็นผู้ปกครองพระวิรพลตามที่สำนักสงฆ์ตั้งอยู่ในปัจจุบันทราบ เพื่อเจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษจะได้เป็นผู้ดำเนินการสอบสวนตามขั้นตอนระเบียบสงฆ์ต่อไป
สำหรับกรณีข่าวที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน และวัดพระเจ้าใหญ่องค์ตื้อมีคำสั่งเรียกเณรคำมาชี้แจง แต่ยังไม่ปฏิบัติตาม จะทำให้พระวิพลหรือหลวงปู่เณรคำต้องอธิกรณ์คือ ถูกกล่าวหาและไม่เชื่อฟังคำสั่งของครูอาจารย์ในขณะนี้ คณะสงฆ์อาจนำขึ้นมาหารือด้วย
ส่วนจะมีการขับเณรคำให้พ้นจากปกครองของคณะสงฆ์จังหวัดอุบลราชธานีหรือไม่ยังให้คำตอบไม่ได้ จึงไม่ใช่เรื่องจริงที่เณรคำจะถูกขับให้พ้นจากวัดภายใน 1-2 วันนี้ เพราะได้ให้เวลาเณรคำมาชี้แจงข้อเท็จจริงภายใน 15 วัน
แต่หากถูกขับให้พ้นจากการปกครอง เณรคำจะต้องหาวัดใหม่สังกัดทันที ไม่เช่นนั้นจะทำให้ขาดจากความเป็นพระไปโดยปริยาย ซึ่งการเรียกประชุมครั้งนี้จะดำเนินการให้เสร็จภายใน 3 วัน คือไม่เกินวันจันทร์นี้ก็จะทราบผล
เจ้าคณะจังหวัดอุบลราชธานีกล่าวต่อว่า ตั้งแต่เกิดเรื่องราวขึ้นมาเณรคำไม่เคยติดต่อมาหาเลย จึงต้องการให้เณรคำติดต่อมาพูดคุยด้วยเพื่อขอทราบข้อเท็จจริงจากฝ่ายพระวิรพล หรือเณรคำบ้าง
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า วันเดียวกันนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองอุบลราชธานีได้มาแจ้งให้พระธรรมราชโกศลทราบว่า เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนของกองบังคับการตำรวจปราบปรามจะเข้าพบ เพื่อขอทราบประวัติและข้อมูลของพระวิรพลในวันอาทิตย์ที่ 7 ก.ค.นี้ด้วย
วันนี้ (5 ก.ค.) ที่วัดใต้พระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ พระราชธรรมโกศล เจ้าคณะจังหวัดฝ่ายธรรมยุต และเป็นเจ้าอาวาสวัดที่พระวิรพล ฉัตติโก หรือหลวงปู่เณรคำ เข้ามาสังกัดเปิดเผยว่า มีหนังสือเรียกประชุมพระสังฆาธิการผู้ใหญ่ของฝ่ายธรรมยุตจำนวน 15 รูป เพื่อสรุปข้อมูลการบวชเณรและบวชพระของหลวงปู่เณรคำเป็นพระจริงตามที่สังคมสงสัยหรือไม่ โดยจะมีพระอุปัชฌาย์มายืนยัน
เบื้องต้นทราบว่าพระวิรพลได้บวชเณรที่วัดภูเขาแก้ว อ.พิบูลมังสาหาร ตั้งแต่อายุ 15 ปี ต่อจากนั้นบรรพชาเป็นภิกษุที่วัดศรีนวลอำเภอเดียวกัน โดยมีพระสุนารถมุนีเจ้าคณะอำเภอพิบูลมังสาหารเป็นพระอุปัชฌาย์
เมื่อคณะสงฆ์ผู้บวชให้การยืนยันการบวชของพระวิรพลต่อคณะกรรมการสงฆ์แล้ว จะทำหนังสือแจ้งให้เจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งเป็นผู้ปกครองพระวิรพลตามที่สำนักสงฆ์ตั้งอยู่ในปัจจุบันทราบ เพื่อเจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษจะได้เป็นผู้ดำเนินการสอบสวนตามขั้นตอนระเบียบสงฆ์ต่อไป
สำหรับกรณีข่าวที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน และวัดพระเจ้าใหญ่องค์ตื้อมีคำสั่งเรียกเณรคำมาชี้แจง แต่ยังไม่ปฏิบัติตาม จะทำให้พระวิพลหรือหลวงปู่เณรคำต้องอธิกรณ์คือ ถูกกล่าวหาและไม่เชื่อฟังคำสั่งของครูอาจารย์ในขณะนี้ คณะสงฆ์อาจนำขึ้นมาหารือด้วย
ส่วนจะมีการขับเณรคำให้พ้นจากปกครองของคณะสงฆ์จังหวัดอุบลราชธานีหรือไม่ยังให้คำตอบไม่ได้ จึงไม่ใช่เรื่องจริงที่เณรคำจะถูกขับให้พ้นจากวัดภายใน 1-2 วันนี้ เพราะได้ให้เวลาเณรคำมาชี้แจงข้อเท็จจริงภายใน 15 วัน
แต่หากถูกขับให้พ้นจากการปกครอง เณรคำจะต้องหาวัดใหม่สังกัดทันที ไม่เช่นนั้นจะทำให้ขาดจากความเป็นพระไปโดยปริยาย ซึ่งการเรียกประชุมครั้งนี้จะดำเนินการให้เสร็จภายใน 3 วัน คือไม่เกินวันจันทร์นี้ก็จะทราบผล
เจ้าคณะจังหวัดอุบลราชธานีกล่าวต่อว่า ตั้งแต่เกิดเรื่องราวขึ้นมาเณรคำไม่เคยติดต่อมาหาเลย จึงต้องการให้เณรคำติดต่อมาพูดคุยด้วยเพื่อขอทราบข้อเท็จจริงจากฝ่ายพระวิรพล หรือเณรคำบ้าง
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า วันเดียวกันนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองอุบลราชธานีได้มาแจ้งให้พระธรรมราชโกศลทราบว่า เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนของกองบังคับการตำรวจปราบปรามจะเข้าพบ เพื่อขอทราบประวัติและข้อมูลของพระวิรพลในวันอาทิตย์ที่ 7 ก.ค.นี้ด้วย
