ศรีสะเกษ - เจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษขีดเส้น 31 ก.ค. “เณรคำ” ต้องมาพบกรรมการสอบสวน หากเบี้ยวห้ามเข้าเขตปกครองของสงฆ์ศรีสะเกษ เหตุถือว่าปกครองไม่ได้แล้ว เผยแม้ตั้งวัดป่าขันติธรรมถูกต้องตาม กม.จะไม่ให้เณรคำเป็นเจ้าอาวาส เกรงมีเรื่องวุ่นวายไม่จบสิ้น
เมื่อเวลา 13.30 น. วันนี้ (2 ก.ค.) ที่วัดบ้านซำตาโตง ต.พราน อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ พระครูวิสุทธิญาณ เจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ ฝ่ายธรรมยุต และเจ้าอาวาสวัดบ้านซำตาโตง ในฐานะประธานกรรมการสอบสวนพระอธิกรณ์ พระวิรพล ฉัตติโก หรือหลวงปู่เณรคำ ประธานสงฆ์วัดป่าขันติธรรม บ้านยาง ต.ยาง อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ เปิดเผยว่า แม้จะมีการจัดตั้งสำนักสงฆ์ขันติธรรมให้เป็นวัดถูกต้องตามกฎหมายแล้ว ก็จะไม่ให้พระวิรพลเป็นเจ้าอาวาส ต้องขอเรื่องนี้ไว้ก่อน และจะขอให้การสรรหาเจ้าอาวาสอยู่ในหลักการของท้องถิ่น ซึ่งแนวทางในการสรรหาเจ้าอาวาสวัดเป็นอย่างไรก็ต้องว่ากันไปตามนั้น
หากพระวิรพลเชื่อและทำตามก็ต้องขอให้เป็นไปตามที่เขานิยมยินยอมกัน หากพระวิรพลไม่ยินยอม ทางคณะสงฆ์ศรีสะเกษไม่สามารถที่จะตั้งพระวิรพลเป็นเจ้าอาวาสได้ เนื่องจากจะมีเรื่องวุ่นวายขึ้นมาอีกไม่จบสิ้น ขณะนี้ต้องปรึกษาหารือกันว่าทำอย่างไรเรื่องวุ่นวายต่างๆ ของสำนักสงฆ์ขันติธรรมจะจบโดยไม่มีข้อครหา
พระครูวิสุทธิญาณกล่าวว่า การที่คณะกรรมการสอบสวนสั่งให้พระวิรพล สุขผล ซึ่งอยู่ในเขตปกครองของคณะสงฆ์ศรีสะเกษ ฝ่ายธรรมยุต มาพบแล้วไม่มาพบ ถือว่าพระวิรพลยังแข็งกระด้างอยู่ หรือว่าอยู่ไกลมายังไม่ถึงจะต้องแจ้งให้ทราบ ต้องแจ้งให้คนที่ได้รับทุกข์ได้ทราบ ซึ่งจะให้โอกาสพระวิรพลถึงสิ้นเดือนกรกฎาคมนี้ หากพระวิรพลไม่มาพบคณะกรรมการสอบสวนก็จะยกเรื่องทั้งหมดให้ไปเจรจากันที่ จ.อุบลราชธานี จะไม่ให้มาวุ่นวายกับอาตมาภาพอีก จะไม่ต้อนรับอีกต่อไป และหากเรื่องยังไม่สงบจะไม่ให้พระวิรพลเข้ามายุ่งเกี่ยวกับสำนักสงฆ์ขันติธรรมอีกต่อไป และห้ามพระวิรพลเข้ามาในเขตปกครองของสงฆ์ศรีสะเกษเพราะถือว่าปกครองไม่ได้
“ส่วนโทษผิดพระธรรมวินัยนั้นยังเอาโทษไม่ได้ แต่พระวิรพลไม่เคารพอาตมาภาพแล้ว อาตมาภาพก็จะไม่ให้มาอยู่ด้วยในเขต จ.ศรีสะเกษอีกต่อไป ถ้ายังเคารพกันอยู่ก็จะต้องมาปรึกษาหารือกัน พระวิรพลจะหลบหลีกอย่างไรก็ว่ากันไป”
พระครูวิสุทธิญาณกล่าวว่า การที่พระสงฆ์ใช้ข้าวของราคาแพง นั่งเครื่องบินเจ็ตนั้นถือว่าไม่เหมาะสมต่อสมณเพศ เพราะตามหลักของพระพุทธศาสนาจะเป็นที่ครหาของคนทั่วไป ถ้าอยู่แบบจนๆ แบบที่อาตมาอยู่ยังจะดีกว่า หรือพระวิรพลเห็นว่าเป็นคนละคนกันก็แล้วแต่ ซึ่งตามหลักของพระพุทธเจ้าแล้วต้องอยู่แบบจนๆ เสียก่อน ถึงแม้จะใหญ่โตหรูหราขึ้นไปก็ควรสังวรระวังตนไม่ให้เป็นที่ครหาของคนทั่วไป เราเป็นพระอาศัยญาติโยมเป็นคนให้ แต่มาทำตัวใหญ่กว่าเด่นกว่าคนให้มันไม่ถูกต้อง จะต้องให้พอเหมาะพอดี
ส่วนกรณีที่พระเปิดบัญชีธนาคารส่วนตัวนั้น ข้อเท็จจริงก็มีอยู่บ้างเพราะจะสามารถเอาปัจจัยไปใช้ได้สะดวก ซึ่งตามความนิยมแล้วจะต้องเอาปัจจัยไปเข้าบัญชีของวัดหรือคณะสงฆ์ แต่ความคิดของผู้หาปัจจัยมาก็จะเก็บไว้บ้างเพื่อความสะดวกของเจ้าของ จะได้ไม่ขรุขระ ถือว่าเป็นสมบัติของเจ้าของที่หามาเอง ซึ่งก็น่าคิด เนื่องจากจะว่าผิดก็ยังไม่ได้ เพราะทางพระพุทธศาสนาก็ยังอนุโลมกันอยู่ สมบัติอะไรเป็นของส่วนตัว และของสงฆ์จะต้องแยกกัน หากเจ็บไข้ได้ป่วยจะสามารถใช้ปัจจัยในการรักษาพยาบาลได้ รวมทั้งการเดินทางไปไหนมาไหนต้องใช้ปัจจัยทั้งสิ้น