xs
xsm
sm
md
lg

ศิษย์เอกร้อง ป.สอบสวนข้อเท็จจริง เชื่อ “ไอ้คำ” ถูกใส่ร้าย

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


ศิษย์เอก “ไอ้คำ” ร้องกองปราบสอบสวนข้อเท็จจริงประเด็นฉาว ตายังไม่สว่าง! เชื่อ “โล้นห่มเหลือง” ชื่อดังที่ตนเองเลื่อมใสศรัทธาถูกใส่ร้าย ลั่น “ไอ้คำ” เดินทางกลับประเทศไทยแน่ อ้างตั้งหลักปรึกษาทนายความ!


วันนี้ (3 ก.ค.) ที่ กองปราบปราม เมื่อเวลา 15.30 น. ดร.สุขุม วงประสิทธิ ประธานเครือข่ายบ้านวิมุติธรรม ตั้งอยู่บริเวณสำนักสงฆ์ป่าขันติธรรม ต.ยาง อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ พร้อมด้วย นายเริงศักดิ์ กำธร และลูกศิษย์ของหลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก หรือพระวิรพล สุขผล ประธานสำนักสงฆ์ป่าขันติธรรม เดินทางเข้าพบ ร.ต.ท.ชลิต มณีพราว พนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป.เพื่อร้องเรียนขอให้มีการสืบสวนข้อเท็จจริงกรณีภาพถ่ายคล้ายพระวิรพล นอนอยู่บนหมอนกับสีการายหนึ่ง โดยขอให้ทางพนักงานสอบสวนตรวจสอบว่าเป็นภาพของหลวงปู่เณรคำ จริงหรือไม่ มีผู้ใดเป็นผู้นำภาพมาเผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ต รวมทั้งตรวจสอบในประเด็นต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยทำหนังสือร้องเรียน และภาพถ่ายดังกล่าวมามอบให้พนักงานสอบสวนไว้ประกอบการพิจารณาดำเนินการ

ดร.สุขุม กล่าวว่า กรณีของภาพถ่ายดังกล่าว ตนอยากให้ทางตำรวจประสานหน่วยงานที่มีความชำนาญได้พิสูจน์ว่าเป็นภาพจริง หรือมีการตัดต่อ ซึ่งในส่วนนี้ทางตนและญาติโยมของหลวงปู่เณรคำ ทราบข้อมูลในเบื้องต้นว่ามีการเผยแพร่มาตั้งแต่ 5 ปีก่อน โดยเป็นฝีมือของหญิงสาวนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย โรงเรียนแห่งหนึ่ง ใน จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นลูกของอดีตกรรมการสำนักสงฆ์ป่าขันติธรรม เป็นผู้นำไปมอบให้กับครูคนหนึ่ง ซึ่งมีอาชีพเสริมเป็นผู้สื่อข่าว เพื่อหวังทำลายชื่อเสียงของหลวงปู่เณรคำ จากนั้นก็พบว่ามีการนำไปโพสต์ลงในเว็บไซต์พันทิป ก่อนจะถูกนำเสนอผ่านสื่อมวลชน

ดร.สุขุม กล่าวต่อว่า หากทางตำรวจได้ตรวจพิสูจน์แล้วขอให้แถลงว่าเป็นภาพจริง หรือภาพที่มีการตัดต่อ โดยหากเป็นภาพจริง ก็ขอให้ประสานไปยังสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ มหาเถรสมาคม และเจ้าคณะจังหวัด เพื่อทำพิธีลาสิกขาบทหลวงปู่เณรคำต่อไป แต่หากเป็นภาพที่มีการตัดต่อก็ขอให้ดำเนินคดีกับผู้ที่ตัดต่อภาพ และนำออกมาเผยแพร่ ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง นอกจากกรณีภาพถ่ายที่ทำให้หลวงปู่เณรคำ ตกเป็นจำเลยสังคมไปแล้ว

“ทั้งนี้ยังมีประเด็นอื่นๆ ที่ทางเครือข่ายฯ ต้องการให้มีการตรวจสอบไปพร้อมกัน ประกอบด้วย การตรวจสอบบัญชีธนาคารของหลวงปู่เณรคำ ที่กำลังถูกสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) พิจารณาอายัดไว้ เนื่องจากเป็นเงินที่ได้มาด้วยความบริสุทธิ์จากการทำบุญ บริจาค และติดกัณฑ์เทศน์ แล้วผิดตรงไหน เพราะไม่ใช่เงินจากการกระทำผิดกฎหมาย เช่น ค้ายาเสพติด” ดร.สุขุม กล่าว

ดร.สุขุม กล่าวอีกว่า สำหรับยอดเงินจำนวน 200 ล้านบาท ก็เป็นเงินที่ญาติโยมถวายเพื่อใช้ในการก่อสร้างวัด และสำนักสงฆ์ต่างๆ ทั่วประเทศ ที่ยังดำเนินการไม่เสร็จ เงินเพียงเท่านี้ก็ยังไม่พอในการสร้างอีกด้วย ทั้งนี้ ทางเครือข่ายฯ ปรึกษากันแล้วว่าจะขอให้ทนายความเข้ามาช่วยเหลือในเรื่องของคดีที่เกิดขึ้น และต้องถือว่าหลวงปู่เณรคำ ยังเป็นผู้บริสุทธิ์ เพราะยังไม่ได้ตกเป็นผู้ต้องหาแต่อย่างใด โดยหากพบว่ามีการกระทำที่เป็นการกล่าวหาหลวงปู่เณรคำ เกิดขึ้นที่ใด ก็จะเข้าแจ้งความดำเนินคดีทันที

ดร.สุขุม กล่าวอีกว่า หากมีการตรวจสอบเรื่องเงินในบัญชีธนาคาร และทรัพย์สินต่างๆ ก็ขอให้ทางตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ตรวจสอบย้อนหลังไปตั้งแต่กรรมการชุดแรกได้เข้ามาดำเนินการ เพื่อความเป็นธรรม ไม่เป็นการเลือกปฏิบัติ และหากทาง ปปง.จะอายัดทรัพย์ของหลวงปู่เณรคำ ก็อยากให้คำนึงถึงญาติโยมพุทธศาสนิกชนที่ทำบุญกับหลวงปู่เณรคำ ด้วยว่าเป็นการทำร้ายจิตใจ และต้องรับผิดชอบหากเกิดความเสียหายขึ้นในภายหลัง

“หลวงปู่เณรคำ” จะเดินทางกลับประเทศไทย อย่างแน่นอน ท่านไม่ได้หนี แต่ตอนนี้คงต้องขอตั้งหลัก เพื่อหารือและปรึกษากับนักกฎหมาย เพื่อช่วยกันปกป้องพระพุทธศาสนา โดยท่านคงต้องใช้สิทธิตามกฎหมายรัฐธรรมนูญเพื่อความยุติธรรม แม้ว่าท่านจะเป็นพระ แต่ก็เป็นประชาชนคนหนึ่งที่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย” ดร.สุขุม กล่าว

ด้านพนักงานสอบสวนได้แนะนำ ดร.สุขุม ไปแจ้งความที่ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ซึ่งรับผิดชอบคดีลักษณะดังกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น