xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

“ไปป์” เสียบมาสคอต “เชลซี” กับดรามาขั้นเทพของ “พรรคแมลงสาบ”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-กลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตและเมาท์มอยอย่างสนุกปากทั้งแวดวงกีฬาและแวดวงการเมืองเมื่อปรากฏภาพ “น้องไปป์” ด.ช.ศุภเสกข์ อมรฉัตร บุตรชายคนเดียวของ “น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” นายกรัฐมนตรีกับ “นายอนุสรณ์ อมรฉัตร” รับหน้าที่เป็น “มาสคอต” เดินจูงมือ “จอห์น เทอร์รี่” กัปตันทีมสิงห์บลูส์ลงสู่สนามในการแข่งขันฟุตบอลนัดพิเศษฉลองครบรอบ 80 ปีบริษัท บุญรอด บริวเวอรี่ จำกัด ระหว่างเซลซีกับทีมสิงห์ ออลสตาร์ เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2556 ที่ราชมังคลากีฬาสถาน หัวหมาก

เพราะในขณะที่น้องไปป์มีความสุขและฟินสุดๆ ในฐานะสาวกตัวกลั่นของสิงห์บลูส์นั้น กลับกลายเป็นมีกระแสข่าวในทางลบออกมาว่า การเข้ามาทำหน้าที่มาสคอตของน้องไปป์ทำให้เด็กอีกคนหนึ่งที่ผ่านการคัดเลือกมาก่อนหน้านี้ถูกปลดออกไปกลางอากาศ ซึ่งสร้างความเสียใจให้กับเด็กชายคนนี้เป็นอย่างมาก

ดังนั้น เสียงวิพากษ์วิจารณ์จึงดังขรมถึงความไม่เหมาะสมที่เกิดขึ้น เพราะนั่นหมายความว่า น้องไปป์ได้เข้ามาทำหน้าที่มาสคอตเพราะความเป็นลูกชายของนายกรัฐมนตรี โดยที่ไม่ได้คำนึงถึงหัวใจของผู้ที่พลาดหวังเลยแม้แต่น้อย

“เกรียงยศ สุดลาภา” พ่อของ “นพดล สุดลาภา” เด็กชายวัย 9 ปีที่ถูกน้องไปป์เสียบเข้ามารับหน้าที่ออกมาเปิดเผยข้อมูลผ่านสื่อว่า ไม่พอใจอย่างมากกับการกระทำครั้งนี้ เพราะว่าลูกได้ผ่านการคัดเลือกมาแล้ว แต่กลับถูกปลดกลางอากาศและเป็นน้องไปป์ ด.ช.ศุภเสกข์ อมรฉัตร บุตรชายของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเข้ามาเสียบแทน

นายเกรียงยศบอกด้วยว่า ลูกชายเสียใจอย่างมากและจะไม่ดูเกมที่เชลซีเตะกับสิงห์ออลสตาร์ในวันที่ 17 กรกฏาคมโดยเด็ดขาด

แน่นอน กรณีนี้ไม่มีใครโทษว่า น้องไปป์ทำผิด เพราะมั่นใจว่า น้องไปป์ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ถึงเบื้องหน้าเบื้องหลังของการเข้ามาทำหน้าที่นี้ และตามประสาเด็กก็ย่อมดีใจถ้าได้มีโอกาสสัมผัสซูเปอร์สตาร์อย่างใกล้ชิด ที่สำคัญคือทุกคนรู้ดีว่าน้องไปป์นั้นเป็นแฟนบอลตัวยงของเชลซี โดยเมื่อวันจันทร์ที่ 15 กรกฎาคมที่ผ่านมา น้องไปป์เพิ่งไปฝึกซ้อมฟุตบอลในโครงการสิงห์ โค้ชชิง คลินิกกับนักเตะเชลซีที่สนามซูเปอร์คิก ซอยลาดพร้าว 80

แต่ถ้าจะมีคนผิดก็คือบรรดา “ผู้ใหญ่” ที่ปฏิบัติการเชลียร์ลูกนายกรัฐมนตรีอย่างบ้าคลั่งต่างหาก

การที่ภาพออกมาเช่นนั้น ย่อมทำให้เกิดผลลบในลักษณะผู้ใหญ่รังแกเด็กโดยไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งว่ากันตามจริงแล้ว ถ้านายกฯ ยิ่งลักษณ์ใจกว้างและรู้เท่าทันเกมการเมืองก็ควรกำชับกำชามิให้ลูกเข้ามาเป็นมาสคอตเพื่อป้องกันข้อครหาที่เกิดขึ้นเสียด้วยซ้ำไป เพราะแม้น้องไปป์จะทำตามขั้นตอนจริง ดังที่นายภักดีหาญส์ หิมะทองคำ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรียืนยัน แต่ถามว่า แล้วใครจะเชื่อ

แน่นอน ในส่วนของสิงห์ซึ่งเป็นผู้จัดการแข่งขันย่อมลำบากใจ แต่ถ้าจะว่าไปแล้ว การแก้ปัญหาเด็กพิเศษไม่ใช่เรื่องยากถ้าหากมีการกำหนดกฎเกณฑ์เอาไว้ล่วงหน้าว่า หน้าที่มาสคอตนี้จำกัดเฉพาะเด็กๆ นักกีฬาเยาวชนทีมชาติไทย หรือเด็กๆ ด้อยโอกาสเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ปัญหามิได้หยุดอยู่เพียงแค่นั้น เพราะทำไปทำมาก็กลับกลายเป็นว่า ฝ่ายที่โวยวายเรื่องน้องไปป์ก็มีเบื้องหน้าเบื้องหลังที่ไม่ธรรมดาเช่นกัน เนื่องจากก่อนหน้าที่ลูกชายจะได้รับคัดเลือกให้เป็นมาสคอตของการแข่งขันระหว่างทีมสิงห์ออลสตาร์และทีมเชลซี ปรากฏว่าลูกชายคนหนึ่งของเกรียงยศก็เพิ่งได้รับคัดเลือกให้ทำหน้าที่เป็นมาสคอตในการแข่งขันระหว่างทีมสิงห์ออลสตาร์กับปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดที่เพิ่งเกิดขึ้นไปเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2556 ที่ราชมังคลากีฬาสถานไปแล้วเช่นกัน และตัวนายเกรียงยศผู้เป็นพ่อก็ยอมรับในข้อนี้



ทำให้เกิดคำถามย้อนกลับไปว่า การที่ได้รับการคัดเลือกติดต่อกันเช่นนี้มีเบื้องหน้าเบื้องหลังอะไรหรือไม่ เนื่องจากคงไม่ใช่คนธรรมดาเดินเดินกินข้าวแกงจะสามารถทำเช่นนี้ได้

ที่สำคัญและดรามาสุดๆ ก็คือจากการตรวจสอบข้อมูลก็พบว่า แท้ที่จริงแล้วนายเกรียงยศ สุดลาภาก็ไม่ใช่คนธรรมดาเช่นกัน หากแต่เป็นนักการเมืองชื่อดังสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้ามกับพรรคเพื่อไทย ทำให้เกิดกระแสตีกลับและเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในทันทีเช่นกันว่า เป็นบทดรามาของแมลงสาบหรือไม่

กล่าวคือ เส้นทางการเมืองของนายเกรียงยศนั้น เริ่มต้นการได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรองโฆษกกรุงเทพมหานครในสมัยที่นายอภิรักษ์ โกษะโยธินเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) รวมทั้งเคยเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งก็คือนายถาวร เสนเนียม

นอกจากนี้ นายเกรียงยศ เป็นผู้หนึ่งที่ได้รับการเสนอชื่อให้ลงสมัครรับเลือกตั้งซ่อมแทนนายทิวา เงินยวง ในการเลือกตั้งซ่อม เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2553 แต่สุดท้ายพรรคประชาธิปัตย์ มีมติให้นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ เป็นตัวแทนลงสมัครรับเลือกตั้ง ต่อมาในการเลือกตั้ง พ.ศ. 2554 ได้ลงสมัครรับเลือกตั้งในระบบบัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 68 สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ แต่ไม่ได้รับเลือกตั้ง

“กรณีนี้ผมรู้สึกสงสารเด็ก และไม่อยากให้ทีมงานสิงห์ถูกกดดัน พอแค่นี้ไม่อยากพูด เกรงว่าจะกลายเป็นประเด็นทางการเมืองเพราะอยู่กันคนละพรรค และก่อนหน้านี้ลูกชายผมได้เป็นมาสคอตให้ทีมแมนยูฯ ก็ถือว่าน่าภูมิใจแล้ว”นั่นคือคำให้สัมภาษณ์ล่าสุดของนายเกรียงยศต่อกรณีดังกล่าว

เมื่อความจริงเป็นเช่นั้น บทสรุปของเรื่องนี้จึงมีแนวโน้มที่จะกลายเป็นเรื่องดรามาทางการเมืองของผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย โดยที่ลากเด็กมาเป็นผู้รับกรรมแทนอย่างไม่รู้อิโหน่อิเหน่



กำลังโหลดความคิดเห็น