ASTVผู้จัดการรายวัน - “พม่า” แฉผู้ค้าไทยแห่ซื้อข้าวราคาถูกจากฝั่งพม่าไปสวมสิทธิโครงการรับจำนำ กมธ.ตรวจสต๊อกข้าวจำนำพบ 4 โรงสีทำข้าวหาย เผย ข้าวจีทูจีจัดทำเอ็มโอยูแล้ว 7.3ล้านตัน ส่วนปม! เช็คจีทูจี 8 หมื่นบาท โฆษกพาณิชย์ อ้าง เป็นการจ่ายค่าข้าว 5 ตัน ที่เหลือจากขนย้ายข้าวกองใหญ่ ยันไม่ผิดปกติ ปชป.จี้ถามชื่อประเทศสั่งซื้อ
วานนี้(11 ก.ค.56) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซต์อิระวดี ซึ่งเป็นนิตยสารเชิงข่าวในพม่า ได้รายงานถึงตลาดค้าข้าวในพม่าที่ได้รับประโยชน์จากนโยบายรับจำนำข้าวของประเทศไทยว่า บรรดาผู้ค้าข้าวในไทยกำลังหันมาซื้อข้าวราคาถูกจากพม่า เพื่อนำไปสวมสิทธิในโครงการรับจำนำข้าวซึ่งได้ราคาตันละ 1.5 หมื่นบาท
เยมินอ่อง เลขาธิการสมาพันธ์ผู้ค้าข้าวพม่า เปิดเผยว่า ผู้ค้าข้าวในไทยไม่ได้เข้ามาซื้อข้าวในพม่านานมากแล้ว ทว่าตั้งแต่เมื่อช่วงต้นปีนี้ ผู้ค้าข้าวในไทยเริ่มหันมาซื้อข้าวขาวปกติและข้าวหักในพม่า ก่อนจะลักลอบขนส่งผ่านทางชายแดน
"การค้าข้าวชายแดนเช่นนี้เกี่ยวเนื่องมาจากโครงการรับจำนำข้าวของไทย ชาวนาไทยจะได้ประโยชน์ไปเต็มๆ หากซื้อข้าวราคาถูกจากพม่าและส่งกลับเข้าไปสวมสิทธิ เพราะรัฐบาลไทยให้ราคาจำนำไว้ดีมาก"เยมินอ่อง แถลงที่เมืองย่างกุ้ง
อิระวดีระบุว่า ก่อนหน้านี้ว่า มีการจับกุมการลักลอบขนข้าวเข้าไทยที่ด่าน อ.แม่สอด จ.ตาก ได้ถึง 25 ตัน โดยเป็นข้าวที่คาดว่าเตรียมจะนำไปขายในโครงการรับจำนำข้าวโดยเฉพาะ ซึ่งทางสมาพันธ์ผู้ค้าข้าวพม่าระบุว่า จะสอบสวนเรื่องนี้ต่อไป และย้ำด้วยว่าอาจมีการเข้าไปกำกับดูแลผู้ค้าข้าวในพม่า
อย่างไรก็ตาม เยมินอ่อง ระบุด้วยว่า การลักลอบค้าข้าวริมชายแดนไทยยังนับว่ามีปริมาณน้อยกว่ามากเมื่อเทียบกับฝั่งชายแดนจีน ซึ่งมีปริมาณถึงราว 8 แสนตัน โดยพม่าและจีนนั้นยังไม่มีข้อตกลงการค้าทวิภาคีระหว่างกัน แม้ว่าฝ่ายพม่าจะร้องขอถึงเรื่องนี้ทุกครั้งที่มีการพบปะกับฝ่ายจีนก็ตาม
ทั้งนี้ ข้อมูลการส่งออกข้าวอย่างเป็นทางการของพม่าระบุว่า ในปี 2555 พม่าสามารถส่งออกข้าวเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าจากในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ไปอยู่ที่ 1.4 ล้านตัน โดยภาคการเกษตรนั้นสามารถสร้างรายได้คิดเป็น 1 ใน 4 ของจีดีพีประเทศ ซึ่งมีจีดีพีอยู่ที่ 4.54 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐในปี 2544
**กมธ.สต๊อกพบ4โรงสีทำข้าวหาย
คณะกรรมาธิการ (กมธ.) ส่งเสริมราคาผลผลิตเกษตรกร สภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวิชัย ล้ำสุทธิ สส.ระยอง พรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธาน ได้มีการประชุมเพื่อพิจารณาเรื่องผลการตรวจสอบสต๊อกข้าวในโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล โดยเชิญหน่วยงานเกี่ยวข้องเข้าร่วมชี้แจง
นายสุชาติ สินรัตน์ รองอธิบดีกรมการค้าภายใน ชี้แจงว่า ผลการตรวจสอบสต๊อกข้าวคงเหลือของโครงการดังกล่าวทั้งหมดตั้งแต่ปี 54/55 นาปีและนาปรัง ปี 55/56 รอบที่ 1 และ 2 ซึ่งวันที่ 21 มิ.ย. ที่ผ่านมา ตำรวจได้นำกำลังลงตรวจทั่วประเทศ ทั้งหมด 1,222 จุด
โดยเป็นโรงสี 755 โรง โกดังกลาง คลังกลาง และไซโล 1,367แห่ง ซึ่งผลตรวจสอบเบื้องต้น ฝ่ายเลขาธิการคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ยังไม่ได้รับกรายงานเป็นทางการจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ว่าปริมาณเท่าไหร่ แต่รับรายงานว่าผลตรวจสอบผิดปกติ
“ปริมาณข้าวตามจุดรับจำนำทั้งโรงสี โกดังกลาง มีปัญหาไม่กี่ราย แต่ปริมาณโรงสีข้าวขาดพบ 4 โรง เช่นในจังหวัด ปทุมธานี ขัยนาท พัทลุง และสงขลา ซึ่งสตช.ให้อคส.ดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษ นอกนั้นเป็นบัญชีไม่สมดุล พบว่าปริมาณข้าวรายการใดรายหนึ่งไม่ตรงตามบัญชี แต่มีรายการหนึ่งเกิน แต่ทอนกลับมาแล้วปริมาณครบ ก็ให้โรงสีจัดการสีข้าวให้ครบ”นายสุชาติ กล่าว
ด้านนายสมศักดิ์ วงศ์วัฒนศานต์ รองผู้อำนวยการคลังสินค้า (อคส.) กล่าวว่า สต๊อกข้าวที่อยู่ในการดูแลของอคส. ส่วนหนึ่งก็อยู่ในความครอบครงอขององค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อตก.)โดยโครงการับจำนำข้าวเปลือกนาปี 54/55 รับจำนำ 4.9 ล้านตันเศษ นำมาสีเป็นข้าวสาร 3.2 ล้านตัน และนำมาเก็บในโกดังกลาวอคส.ประมาณ 280 แห่งทั่วประเทศ
ขณะเดียวกันบางส่วนเหลืออยู่ 3 แห่ง ข้าวเปลือกมีเหลือในโครงการ 54/55 อยู่ที่โรงสีธัญญะรุ่งเรืองชัย จ.นครราชสีมา จำนวน 5,000 พันตัน อตก.จ.สุโขทัย ประมาณ 2.5 ตัน ข้าวสารที่คงเหลือในโกดังซึ่งระบายไปแล้วบางส่วน จำนวน 500 ตันเศษ ส่วนโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง จำนำได้ 11.3 ล้านตัน แปรสภาพเป็นข้าวสาร 11 ล้านตัน
นายไพรัช เกียรติโชติชัย นักวิชาการพาณิชย์เชี่ยวชาญ กรมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า การระบายข้าว เมื่ออนุกรรมการพิจารณาแล้วว่าจะระบายอย่างไร ก็จะมากรมการค้าระหว่างประเทศ โดยวิธีระบาย ใช้ทั้ง 5 วิธี คือ จีทูจี ผ่านตลาดเกษตรสินค้าล่วงหน้า การประมูลภาคเอกชน หน่วงานราชการ และช่วยผู้ประสบภัยพิบัติ
ทั้งนี้ การระบายข้าวแบบจีทูจี ตัวเลขยังไม่นิ่ง แต่มีการทำเอ็มโอยู 7.3 ล้านตัน ส่วนระบายภาคเอกชน 5 แสนตัน ราชการ 8 แสนตัน แต่ช่วยภัยพิบัติยังไม่มี ส่วนหลักเกณฑ์การระบาย ผู้ที่ซื้อต้องมาดูคุณภาพเองหน้าโกดัง สำหรับการระบายจีทูจีข้อมูลถูกต้องนั้น ยอมรับว่าไม่ทราบ เนื่องจากไม่ใช่หน่วงานรับผิดชอบ
**อ้างเช็คจีทูจี8หมื่น ข้าว 5 ตันทยอยจ่าย
นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ โฆษกประจำกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า แคชเชียร์เช็ค จากการตรวจสอบพบว่าการสั่งจ่ายเช็คดังกล่าวเป็นไปตามขั้นตอนการรับมอบข้าวตามปกติ โดยการซื้อขายข้าวแบบจีทูจี ผู้ซื้อจะต้องซื้อยกคลัง (เหมาหลัง) และผู้ซื้อจะทยอยชำระเงินก่อนขนย้ายแต่ละงวดก่อนขนข้าวออกไปได้
ทั้งนี้ ในโกดังจะจัดเก็บข้าวจะเป็นลักษณะบรรจุกระสอบตั้งเป็นกอง กองละประมาณ 2,000 ตัน ในแต่ละกระสอบจะมีน้ำหนักเนื้อข้าว 100 กิโลกรัม เมื่อถึงกำหนดรับมอบ ผู้ซื้อจะจัดหารถบรรทุกมาขนย้ายข้าวจากโกดัง ซึ่งรถบรรทุก 1 คัน สามารถขนได้ประมาณ 20 ตัน จึงจำเป็นต้องทยอยรับมอบ ไม่สามารถขนย้ายได้ในครั้งเดียว
“ในการรับมอบข้าวแต่ละครั้งจะทยอยรับมอบดังกล่าวทำให้อาจมีปริมาณสุดท้ายคงเหลือเป็นปริมาณไม่กี่ตันหรือเพียงไม่กี่กระสอบ ซึ่งในกรณีตามที่เป็นข่าวดังกล่าว ข้าวที่ขนย้ายไปแล้วมีจำนวนคงเหลือประมาณ 5 ตัน หรือ 50 กระสอบ ทำให้มีจำนวนเงินในการสั่งจ่ายเป็นเงินประมาณ 8 หมื่นบาท ซึ่งไม่ถือว่าผิดปกติ” นายวุฒิไกร กล่าว
อย่างไรก็ตาม การชี้แจงต่อข้อสงสัยดังกล่าว ทางกรมการค้าต่างประเทศจะเป็นผู้รับผิดชอบในการชี้แจงข้อมูลต่อป.ป.ช.ต่อไป
** จี้ชื่อประเทศสั่งซื้อข้าวแค่8หมื่นบาท
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า อยากให้รัฐบาลตอบว่าประเทศใดมีการสั่งซื้อข้าวแบบจีทูจีเพียง 8 หมื่นบาท ซึ่งหากยึดเอาราคาตลาดโลกตันละไม่เกิน 15,000 บาท การสั่งจ่ายเงิน 8 หมื่นบาทจะซื้อข้าวได้ 7 ตัน จึงไม่ทราบว่าประเทศใดกินข้าวน้อยมากกว่าหมู่บ้านบางหมู่บ้านด้วยซ้ำ ถือเป็นตัวอย่างหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่ามีการทุจรติคอร์รัปชั่น และไม่มีการซื้อขายแบบจีทูจีจริง และอยากถามว่าประเทศใดที่ค้าขายแล้วมีการซอยเช็คย่อยถึง1,460 ใบ ดังนั้นแสดงให้เห็นชัดว่าเรื่องนี้มีการเอาประเทศต่างๆและเอาสัญญาจีทูจีมาบังหน้า แต่เป็นการขายรายย่อยให้เอกชนที่มีความสนิทสนมกับรัฐบาลและนำข้าวไปขายต่อในราคาที่แพง ซึ่งเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มพ่อค้าและนักลงทุนที่ใกล้ชิดรัฐบาล
“ผมไม่เคยเห็น น.ส.ยิ่งลักษณ์จะสะทกสะท้านในเรื่องนี้ หรือให้ความร่วมมือ ตื่นเต้นว่ามีการโกงกินมหาศาล แต่กลับหันหลังให้ปัญหา ปัดความรับผิดชอบ ไม่แสดงสภาวะผู้นำในการแก้ไขปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่น เหมือนในวันที่ครม.ยื่นเข้าแถว และประกาศเจตนารมณ์ปราบทุจรติคอร์รัปชั่น ซึ่งผมว่าทำได้แค่ตอนที่พูดเพราะครม.ทั้งคณะต้องมายืนด้านหลังนายกฯ จึงไม่มีเวลาไปทำเรื่องทุจริต แต่หลังจากพูดจบพฤติกรรมครม.กลับตรงข้ามกัน เพราะมีทั้งการโกงข้าว กินข้าวเน่า ทำวงการค้าข้าวไทยเสียหาย และทำชื่อเสียงข้าวไทยย่อยยับ ซึ่งเป็นผลงานของรัฐบาล”โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
** ยันจีทูจีโปร่งใส เช็ค 8 หมื่นตรวจได้
นายยรรยง พวงราช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวกรณ๊ป.ป.ช. ตรวจสอบพบเช็คว่า ไม่น่าจะเป็นความจริง และส่อในการทุจริต ว่า ยืนยัน ที่ผ่านมาการขายข้าวแบบ G2G ดำเนินการอย่างโปร่งใสที่สุด ตนในฐานะผู้ระบาย ได้มีการดำเนินการอย่างถูกต้องในทุกขั้นตอน และจะมีการเร่งโรดโชว์ในตลาดต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อระบายข้าวในสต๊อกของรัฐบาล ในราคาที่ไม่ทำให้ราคาข้าวในประเทศตกต่ำ เพราะมีผลต่อราคาข้าวของเกษตรกร ในขณะที่การตรวจสอบการขายผู้ที่มีหน้าที่ตรวจสอบก็สามารถดำเนินการตรวจสอบได้ตามขั้นตอนปกติ
วานนี้(11 ก.ค.56) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซต์อิระวดี ซึ่งเป็นนิตยสารเชิงข่าวในพม่า ได้รายงานถึงตลาดค้าข้าวในพม่าที่ได้รับประโยชน์จากนโยบายรับจำนำข้าวของประเทศไทยว่า บรรดาผู้ค้าข้าวในไทยกำลังหันมาซื้อข้าวราคาถูกจากพม่า เพื่อนำไปสวมสิทธิในโครงการรับจำนำข้าวซึ่งได้ราคาตันละ 1.5 หมื่นบาท
เยมินอ่อง เลขาธิการสมาพันธ์ผู้ค้าข้าวพม่า เปิดเผยว่า ผู้ค้าข้าวในไทยไม่ได้เข้ามาซื้อข้าวในพม่านานมากแล้ว ทว่าตั้งแต่เมื่อช่วงต้นปีนี้ ผู้ค้าข้าวในไทยเริ่มหันมาซื้อข้าวขาวปกติและข้าวหักในพม่า ก่อนจะลักลอบขนส่งผ่านทางชายแดน
"การค้าข้าวชายแดนเช่นนี้เกี่ยวเนื่องมาจากโครงการรับจำนำข้าวของไทย ชาวนาไทยจะได้ประโยชน์ไปเต็มๆ หากซื้อข้าวราคาถูกจากพม่าและส่งกลับเข้าไปสวมสิทธิ เพราะรัฐบาลไทยให้ราคาจำนำไว้ดีมาก"เยมินอ่อง แถลงที่เมืองย่างกุ้ง
อิระวดีระบุว่า ก่อนหน้านี้ว่า มีการจับกุมการลักลอบขนข้าวเข้าไทยที่ด่าน อ.แม่สอด จ.ตาก ได้ถึง 25 ตัน โดยเป็นข้าวที่คาดว่าเตรียมจะนำไปขายในโครงการรับจำนำข้าวโดยเฉพาะ ซึ่งทางสมาพันธ์ผู้ค้าข้าวพม่าระบุว่า จะสอบสวนเรื่องนี้ต่อไป และย้ำด้วยว่าอาจมีการเข้าไปกำกับดูแลผู้ค้าข้าวในพม่า
อย่างไรก็ตาม เยมินอ่อง ระบุด้วยว่า การลักลอบค้าข้าวริมชายแดนไทยยังนับว่ามีปริมาณน้อยกว่ามากเมื่อเทียบกับฝั่งชายแดนจีน ซึ่งมีปริมาณถึงราว 8 แสนตัน โดยพม่าและจีนนั้นยังไม่มีข้อตกลงการค้าทวิภาคีระหว่างกัน แม้ว่าฝ่ายพม่าจะร้องขอถึงเรื่องนี้ทุกครั้งที่มีการพบปะกับฝ่ายจีนก็ตาม
ทั้งนี้ ข้อมูลการส่งออกข้าวอย่างเป็นทางการของพม่าระบุว่า ในปี 2555 พม่าสามารถส่งออกข้าวเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าจากในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ไปอยู่ที่ 1.4 ล้านตัน โดยภาคการเกษตรนั้นสามารถสร้างรายได้คิดเป็น 1 ใน 4 ของจีดีพีประเทศ ซึ่งมีจีดีพีอยู่ที่ 4.54 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐในปี 2544
**กมธ.สต๊อกพบ4โรงสีทำข้าวหาย
คณะกรรมาธิการ (กมธ.) ส่งเสริมราคาผลผลิตเกษตรกร สภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวิชัย ล้ำสุทธิ สส.ระยอง พรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธาน ได้มีการประชุมเพื่อพิจารณาเรื่องผลการตรวจสอบสต๊อกข้าวในโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล โดยเชิญหน่วยงานเกี่ยวข้องเข้าร่วมชี้แจง
นายสุชาติ สินรัตน์ รองอธิบดีกรมการค้าภายใน ชี้แจงว่า ผลการตรวจสอบสต๊อกข้าวคงเหลือของโครงการดังกล่าวทั้งหมดตั้งแต่ปี 54/55 นาปีและนาปรัง ปี 55/56 รอบที่ 1 และ 2 ซึ่งวันที่ 21 มิ.ย. ที่ผ่านมา ตำรวจได้นำกำลังลงตรวจทั่วประเทศ ทั้งหมด 1,222 จุด
โดยเป็นโรงสี 755 โรง โกดังกลาง คลังกลาง และไซโล 1,367แห่ง ซึ่งผลตรวจสอบเบื้องต้น ฝ่ายเลขาธิการคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ยังไม่ได้รับกรายงานเป็นทางการจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ว่าปริมาณเท่าไหร่ แต่รับรายงานว่าผลตรวจสอบผิดปกติ
“ปริมาณข้าวตามจุดรับจำนำทั้งโรงสี โกดังกลาง มีปัญหาไม่กี่ราย แต่ปริมาณโรงสีข้าวขาดพบ 4 โรง เช่นในจังหวัด ปทุมธานี ขัยนาท พัทลุง และสงขลา ซึ่งสตช.ให้อคส.ดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษ นอกนั้นเป็นบัญชีไม่สมดุล พบว่าปริมาณข้าวรายการใดรายหนึ่งไม่ตรงตามบัญชี แต่มีรายการหนึ่งเกิน แต่ทอนกลับมาแล้วปริมาณครบ ก็ให้โรงสีจัดการสีข้าวให้ครบ”นายสุชาติ กล่าว
ด้านนายสมศักดิ์ วงศ์วัฒนศานต์ รองผู้อำนวยการคลังสินค้า (อคส.) กล่าวว่า สต๊อกข้าวที่อยู่ในการดูแลของอคส. ส่วนหนึ่งก็อยู่ในความครอบครงอขององค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อตก.)โดยโครงการับจำนำข้าวเปลือกนาปี 54/55 รับจำนำ 4.9 ล้านตันเศษ นำมาสีเป็นข้าวสาร 3.2 ล้านตัน และนำมาเก็บในโกดังกลาวอคส.ประมาณ 280 แห่งทั่วประเทศ
ขณะเดียวกันบางส่วนเหลืออยู่ 3 แห่ง ข้าวเปลือกมีเหลือในโครงการ 54/55 อยู่ที่โรงสีธัญญะรุ่งเรืองชัย จ.นครราชสีมา จำนวน 5,000 พันตัน อตก.จ.สุโขทัย ประมาณ 2.5 ตัน ข้าวสารที่คงเหลือในโกดังซึ่งระบายไปแล้วบางส่วน จำนวน 500 ตันเศษ ส่วนโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง จำนำได้ 11.3 ล้านตัน แปรสภาพเป็นข้าวสาร 11 ล้านตัน
นายไพรัช เกียรติโชติชัย นักวิชาการพาณิชย์เชี่ยวชาญ กรมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า การระบายข้าว เมื่ออนุกรรมการพิจารณาแล้วว่าจะระบายอย่างไร ก็จะมากรมการค้าระหว่างประเทศ โดยวิธีระบาย ใช้ทั้ง 5 วิธี คือ จีทูจี ผ่านตลาดเกษตรสินค้าล่วงหน้า การประมูลภาคเอกชน หน่วงานราชการ และช่วยผู้ประสบภัยพิบัติ
ทั้งนี้ การระบายข้าวแบบจีทูจี ตัวเลขยังไม่นิ่ง แต่มีการทำเอ็มโอยู 7.3 ล้านตัน ส่วนระบายภาคเอกชน 5 แสนตัน ราชการ 8 แสนตัน แต่ช่วยภัยพิบัติยังไม่มี ส่วนหลักเกณฑ์การระบาย ผู้ที่ซื้อต้องมาดูคุณภาพเองหน้าโกดัง สำหรับการระบายจีทูจีข้อมูลถูกต้องนั้น ยอมรับว่าไม่ทราบ เนื่องจากไม่ใช่หน่วงานรับผิดชอบ
**อ้างเช็คจีทูจี8หมื่น ข้าว 5 ตันทยอยจ่าย
นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ โฆษกประจำกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า แคชเชียร์เช็ค จากการตรวจสอบพบว่าการสั่งจ่ายเช็คดังกล่าวเป็นไปตามขั้นตอนการรับมอบข้าวตามปกติ โดยการซื้อขายข้าวแบบจีทูจี ผู้ซื้อจะต้องซื้อยกคลัง (เหมาหลัง) และผู้ซื้อจะทยอยชำระเงินก่อนขนย้ายแต่ละงวดก่อนขนข้าวออกไปได้
ทั้งนี้ ในโกดังจะจัดเก็บข้าวจะเป็นลักษณะบรรจุกระสอบตั้งเป็นกอง กองละประมาณ 2,000 ตัน ในแต่ละกระสอบจะมีน้ำหนักเนื้อข้าว 100 กิโลกรัม เมื่อถึงกำหนดรับมอบ ผู้ซื้อจะจัดหารถบรรทุกมาขนย้ายข้าวจากโกดัง ซึ่งรถบรรทุก 1 คัน สามารถขนได้ประมาณ 20 ตัน จึงจำเป็นต้องทยอยรับมอบ ไม่สามารถขนย้ายได้ในครั้งเดียว
“ในการรับมอบข้าวแต่ละครั้งจะทยอยรับมอบดังกล่าวทำให้อาจมีปริมาณสุดท้ายคงเหลือเป็นปริมาณไม่กี่ตันหรือเพียงไม่กี่กระสอบ ซึ่งในกรณีตามที่เป็นข่าวดังกล่าว ข้าวที่ขนย้ายไปแล้วมีจำนวนคงเหลือประมาณ 5 ตัน หรือ 50 กระสอบ ทำให้มีจำนวนเงินในการสั่งจ่ายเป็นเงินประมาณ 8 หมื่นบาท ซึ่งไม่ถือว่าผิดปกติ” นายวุฒิไกร กล่าว
อย่างไรก็ตาม การชี้แจงต่อข้อสงสัยดังกล่าว ทางกรมการค้าต่างประเทศจะเป็นผู้รับผิดชอบในการชี้แจงข้อมูลต่อป.ป.ช.ต่อไป
** จี้ชื่อประเทศสั่งซื้อข้าวแค่8หมื่นบาท
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า อยากให้รัฐบาลตอบว่าประเทศใดมีการสั่งซื้อข้าวแบบจีทูจีเพียง 8 หมื่นบาท ซึ่งหากยึดเอาราคาตลาดโลกตันละไม่เกิน 15,000 บาท การสั่งจ่ายเงิน 8 หมื่นบาทจะซื้อข้าวได้ 7 ตัน จึงไม่ทราบว่าประเทศใดกินข้าวน้อยมากกว่าหมู่บ้านบางหมู่บ้านด้วยซ้ำ ถือเป็นตัวอย่างหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่ามีการทุจรติคอร์รัปชั่น และไม่มีการซื้อขายแบบจีทูจีจริง และอยากถามว่าประเทศใดที่ค้าขายแล้วมีการซอยเช็คย่อยถึง1,460 ใบ ดังนั้นแสดงให้เห็นชัดว่าเรื่องนี้มีการเอาประเทศต่างๆและเอาสัญญาจีทูจีมาบังหน้า แต่เป็นการขายรายย่อยให้เอกชนที่มีความสนิทสนมกับรัฐบาลและนำข้าวไปขายต่อในราคาที่แพง ซึ่งเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มพ่อค้าและนักลงทุนที่ใกล้ชิดรัฐบาล
“ผมไม่เคยเห็น น.ส.ยิ่งลักษณ์จะสะทกสะท้านในเรื่องนี้ หรือให้ความร่วมมือ ตื่นเต้นว่ามีการโกงกินมหาศาล แต่กลับหันหลังให้ปัญหา ปัดความรับผิดชอบ ไม่แสดงสภาวะผู้นำในการแก้ไขปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่น เหมือนในวันที่ครม.ยื่นเข้าแถว และประกาศเจตนารมณ์ปราบทุจรติคอร์รัปชั่น ซึ่งผมว่าทำได้แค่ตอนที่พูดเพราะครม.ทั้งคณะต้องมายืนด้านหลังนายกฯ จึงไม่มีเวลาไปทำเรื่องทุจริต แต่หลังจากพูดจบพฤติกรรมครม.กลับตรงข้ามกัน เพราะมีทั้งการโกงข้าว กินข้าวเน่า ทำวงการค้าข้าวไทยเสียหาย และทำชื่อเสียงข้าวไทยย่อยยับ ซึ่งเป็นผลงานของรัฐบาล”โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
** ยันจีทูจีโปร่งใส เช็ค 8 หมื่นตรวจได้
นายยรรยง พวงราช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวกรณ๊ป.ป.ช. ตรวจสอบพบเช็คว่า ไม่น่าจะเป็นความจริง และส่อในการทุจริต ว่า ยืนยัน ที่ผ่านมาการขายข้าวแบบ G2G ดำเนินการอย่างโปร่งใสที่สุด ตนในฐานะผู้ระบาย ได้มีการดำเนินการอย่างถูกต้องในทุกขั้นตอน และจะมีการเร่งโรดโชว์ในตลาดต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อระบายข้าวในสต๊อกของรัฐบาล ในราคาที่ไม่ทำให้ราคาข้าวในประเทศตกต่ำ เพราะมีผลต่อราคาข้าวของเกษตรกร ในขณะที่การตรวจสอบการขายผู้ที่มีหน้าที่ตรวจสอบก็สามารถดำเนินการตรวจสอบได้ตามขั้นตอนปกติ