ASTVผู้จัดการรายวัน-ป.ป.ช.พบพิรุธซื้อข้าวจีทูจี แต่จ่ายเช็คแค่ 8 หมื่นบาท เตรียมประสานแบงก์สาวต้นตอ แนะ "สุภา"ใช้กฎหมายคุ้มครองพยานสู้ หากถูกคุกคาม "นิวัฒน์ธำรง"ปัดไม่รู้เรื่องเช็ค เหตุเพิ่งเข้ามา เตรียมเปิดระบายข้าวเดือนละ 5 แสนถึงล้านตัน คลอดทีโออาร์ศุกร์นี้
วานนี้ (10 ก.ค.) ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จ.นนทบุรี นายวิชา มหาคุณ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ในฐานะอนุกรรมการไต่สวนการทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ได้แถลงถึงความคืบหน้ากรณีตรวจสอบแคชเชียร์เช็คที่เกี่ยวกับการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) จำนวน 1,460 ฉบับ ที่ได้รับจากกระทรวงพาณิชย์
นายวิชากล่าวว่า ต้องมีการสอบย้อนไปยังธนาคารทั้ง 6 แห่งที่เป็นเจ้าของแคชเชียร์เช็ค ซึ่งขณะนี้ได้มีการประสานไปแล้ว แต่บางแห่งยังไม่ให้ความร่วมมือ จึงต้องมีการประสานไปในระดับผู้ใหญ่ แต่ถ้าไม่ให้ความร่วมมือจริงๆ ก็คงต้องไปถึงศาล เพราะหากขาดส่วนนี้ไปจะทำให้สำนวนบกพร่อง
เมื่อถามว่า ตามกฎหมายธนาคารไม่สามารถหลีกเลี่ยงการให้ความร่วมมือได้ นายวิชา กล่าวว่า ปกติสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ แต่ถ้าเข้าถึงไม่ได้ ก็ต้องไปขออนุญาตศาล ซึ่งเรื่องนี้ต้องทำไปตามจังหวะของมัน แต่เรายืนยันว่าเราทำเร็วแล้ว แต่ทั้งนี้ เช็คมีจำนวนตั้ง 1,460 ฉบับ
“หลายฉบับเงินแค่จำนวนไม่กี่หมื่น ก็มีการเซ็นเช็คออกมา ก็เป็นที่รู้กันของประชาชนทั้งหลายแล้ว เราเปิดตัวเลขนี้ออกมา ก็รู้แล้วว่ามันเป็นจีทูจีหรือเปล่า ส่วนถามว่าดูตอนนี้เช็คทั้งหมดมีพิรุธอะไรหรือไม่นั้น ผมบอกแล้วว่ามันมีที่ไหน ที่ทำจีทูจี ทำการค้าระหว่างรัฐต่อรัฐแล้วจ่ายเช็คเพียงแค่ 8 หมื่นกว่าบาท คุณก็ไปคิดดูเองแล้วกัน รัฐที่ไหนจะจ่ายเช็ค 8 หมื่นบาท”นายวิชากล่าว
**ลั่นสรุปคดีก่อน"กล้านรงค์"พ้นวาระ
เมื่อถามว่าต้องใช้เวลาเท่าไรในการติดตามเส้นทางของเช็คทั้งหมด นายวิชา กล่าวว่า ลักษณะของการทำงานทั้งหมด เรามีอำนาจตามแบบของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) อยู่แล้ว และส่วนใหญ่ธนาคารก็ให้ความร่วมมือดี เพราะมีข้อตกลงกันอยู่ แต่ก็อาจจะมีบ้างที่ไม่ให้ความร่วมมือ ก็ต้องประสานกันต่อไป ให้เกิดความเข้าใจกัน ไม่เช่นนั้นถ้าไปศาลแล้วจะเสียเวลา ส่วนคดีนี้จะเสร็จก่อนที่นายกล้านรงค์ จินทิก กรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะประธานอนุกรรมการฯ จะพ้นวาระในเดือน ก.ย. นี้ หรือไม่ เชื่อว่านายกล้านรงค์จะพยายามดำเนินการเรื่องนี้
**แนะ“สุภา”ใช้กฎหมายคุ้มครองพยานสู้
เมื่อถามว่าน.ส.สุภา ปิยะจิตติ รองปลัดกระทรวงการคลังได้ให้ข้อมูลอย่างไรบ้าง นายวิชา กล่าวว่า น.ส.สุภาได้ให้ข้อมูลว่าในการทำรายการต่างๆ มีหนังสือของกระทรวงการคลังครบถ้วน ในฐานะเป็นคนปิดบัญชี มันก็ชัดอยู่แล้ว แต่เราก็จะมาดูว่ามีอะไรที่ต้องเพิ่มเติมหรือไม่ โดยน.ส.สุภาก็ได้ยืนยันตัวเลขการขาดทุนในโครงการรับจำนำข้าวตามที่เป็นข่าว ส่วนกรณีที่ น.ส.สุภา กำลังจะถูกตั้งกรรมการสอบ ก็สามารถร้องขอให้ ป.ป.ช. ดูแลได้ หากถูกคุกคาม เพราะเรามีกฎหมายคุ้มครองพยานให้การคุ้มครองอยู่แล้ว แต่ขณะนี้ยังไม่มีการแจ้งเข้ามา เพราะยังเป็นการโดนเรียกไปถาม ซึ่งไม่รู้ว่าถูกเรียกไปแบบไหน
“ป.ป.ช. ไม่ต้องให้คำแนะนำอะไรกับ น.ส. สุภา เพราะมันมีกฎหมาย หากข้าราชการถูกข่มขู่คุกคาม เราก็คุ้มครองได้ สามารถจะแจ้งนายกรัฐมนตรีได้ด้วยว่าห้ามไม่ให้ย้ายจากตำแหน่งเดิม แต่ตอนนี้ น.ส.สุภายังไม่ได้แจ้งอย่างเป็นทางการเข้ามา แต่เราก็พร้อมคุ้มครองตามมาตรการที่มีอยู่ ทั้งในเรื่องการโยกย้าย และการกลั่นแกล้ง ซึ่งเราจะช่วยไม่ให้ถูกกลั่นแกล้ง” นายวิชากล่าว
***"นิวัฒน์ธำรง"ปัดไม่รู้เรื่องเช็ค
นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบรายละเอียดต่อเรื่องเช็ค เพราะเป็นเรื่องเก่าก่อนที่ตนมารับตำแหน่ง ไม่สามารถตอบได้ ซึ่งทางป.ป.ช.ก็คงดำเนินการสอบสวนตามขั้นตอน เพราะมีสิทธิตามอำนาจของกฎหมายในการเรียกข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์มาชี้แจงอยู่แล้ว
**"พาณิชย์"อัดพวกไม่หวังดีกุข่าวข้าวเน่า
นายนิวัฒน์ธำรงกล่าวภายหลังลงพื้นที่ตรวจสอบสถานการณ์ราคาสินค้าที่ตลาดยิ่งเจริญ บางเขน ว่า เป็นการเก็บข้อมูลนำไปใช้ในการประชุมเชิงปฏิบัติการ (เวิร์กชอป) ร่วมกับน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในวันที่ 12 ก.ค.2556 ที่ทำเนียบรัฐบาล
ส่วนกระแสข่าวในโซเซียลมีเดียกรณีข้าวถุงมีสารพิษเจือปนจนหนูตายใน 5 นาที เห็นว่า เป็นการสร้างข่าวของผู้ไม่หวังดี เป็นการทำลายระบบข้าวสาร การค้า และประเทศชาติ หากใครมีหลักฐานก็ควรออกมาระบุว่าที่ใดยี่ห้ออะไร ก็จะเข้าไปตรวจสอบ และให้เจ้าหน้าที่รัฐดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้กระทำผิด เพราะขณะนี้มีการแต่ปล่อยข่าวหรือถามกันจากคนในประเทศ ขณะที่ทั่วโลกยังมั่นใจในคุณภาพข้าวไทย
***ระบายข้าวเดือนละ5แสนถึง1ล้านตัน
หลังจากนั้น นายนิวัฒน์ธำรง ได้กลับมาที่กระทรวงพาณิชย์เพื่อประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าว โดยได้แถลงหลังประชุมว่า ได้อนุมัติให้มีการเปิดระบายข้าวสารในสต๊อกรัฐบาลทุกชนิด ทั้งข้าวขาว ข้าวหอมมะลิ และข้าวเหนียว ให้แก่ผู้ประกอบการค้าข้าวทั้งในและส่งออก กำหนดเดือนละ 5 แสนถึง 1 ล้านตัน เปิดประมูลเดือนละ 2-3 ครั้ง หรือมากกว่านี้ ซึ่งจะดูตามความเหมาะสม และให้ระบายข้าวเปลือกเดือนละ 4 แสนตันเพื่อให้ผู้ซื้อนำไปทำข้าวนึ่งส่งออก โดยมีราคามาตรฐานภายในเอาไว้แล้ว ถ้าได้ราคาตามที่ตั้งใจไว้ก็ขาย ไม่ได้ก็ไม่ขาย โดยจะประกาศทีโออาร์ได้ภายในวันศุกร์ (12 ก.ค.)
นอกจากนี้ จะผลักดันให้นำข้าวเข้าไปซื้อขายในตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย (เอเฟต) ปริมาณ 5 แสนถึง 1 ล้านตัน จากเดิมที่ทำอยู่แล้วปีละหลายแสนตัน ซึ่งจะเริ่มในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ขณะเดียวกัน มีแผนที่จะเดินทางไปยังประเทศที่ซื้อข้าวไทยเพื่อผลักดันให้ซื้อข้าวไทยเพิ่มขึ้น โดยสัปดาห์หน้าจะเดินทางไปอินโดนีเซีย จีน อิหร่าน และเดือนถัดไปจะไปฟิลิปปินส์ มาเลเซีย สิงคโปร์ และประเทศอื่นๆ
***เผยจีนเซ็นซื้อข้าวจีทูจีอีก5ล้านตัน
นางปราณี ศิริพันธ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า เมื่อเร็วๆ นี้ กระทรวงพาณิชย์ได้ทำสัญญาซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) กับจีนอีก 5 ล้านตัน ภายใน 3 ปี จากปีก่อนหน้าที่ทำสัญญาจีทูจีไปแล้ว 7.3 ล้านตัน ส่งผลให้ตั้งแต่ปลายปี 2554 จนถึงขณะนี้ไทยทำสัญญาแบบจีทูจีไปแล้วราว 12.3 ล้านตัน และคาดว่า ภายในปีนี้น่าจะทำสัญญาได้เพิ่มมากขึ้น จากการที่รมว.พาณิชย์ และรมช.พาณิชย์ จะเดินทางไปเยือนประเทศคู่ค้า ส่วนการยกเลิกสัญญาจีทูจีกับประเทศไอเวอร์รี่โคสต์ (โกติวัวร์) ที่ก่อนหน้านี้ทำสัญญาซื้อข้าวจากรัฐบาลไทย 2.4 แสนตัน ไทยได้ขอยกเลิกสัญญา เพราะไอเวอร์รี่โคสต์ เปลี่ยนรัฐบาลใหม่ หลังจากที่ส่งมอบข้าวให้แล้วเพียง 3.8 หมื่นตัน
ส่วนกรณีเช็คเงินสดที่ได้จากการขายข้าวจีทูจี เป็นเช็คสั่งจ่ายให้กับกรมการค้าต่างประเทศในทุกๆ ครั้งที่ลูกค้านำข้าวออกจากโกดัง ซึ่งเช็คแต่ละใบก็มีมูลค่าไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับปริมาณข้าวในแต่ละโกดังที่มารับมอบ
***ถกชาวนาหารือกรอบจำนำปี56/57
วันเดียวกันนี้ ในช่วงบ่าย นายนิวัฒน์ธำรง ได้หารือร่วมกับตัวแทนเกษตรกร 4 สมาคม ได้แก่ สมาคมชาวนาข้าวไทย สมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย สมาคมส่งเสริมชาวนาไทย และสภาเกษตรกรแห่งชาติ เพื่อกำหนดแนวทางการรับจำนำข้าวฤดูกาลผลิตปี 2556/57 รวมถึงการพัฒนาระบบข้าวไทย เช่น การจัดพื้นที่โซนนิ่ง โดยมอบให้นายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ ประธานสภาเกษตรกร เป็นเจ้าภาพในการหารือ และให้ได้ข้อสรุปภายใน 3-4 สัปดาห์มาเสนอต่อกระทรวงพาณิชย์ เพื่อเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) พิจารณาต่อไป
ทางด้านนายโนรี ศรีสมุทรนาค นายกสมาคมส่งเสริมชาวนาไทย กล่าวว่า รัฐบาลตั้งเป้าหมายจะรับจำนำข้าวไว้ที่ 1.2 หมื่นบาท/ตัน ซึ่งเป็นราคาที่เกษตรกรยอมรับได้ แต่ต้องมีมาตรการเสริมในการช่วยเหลือไม่ให้เกษตรกรที่นำข้าวมาเข้าโครงการรับจำนำแล้วถูกหักค่าความชื้นและสิ่งเจือปน ทำให้ได้ราคาไม่เท่ากับราคาจำนำที่กำหนดไว้
**"โต้ง"กล้าพูด! สั่งสอบเพราะต้องการช่วย
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ความจริงไม่ได้มีการตั้งกรรมการสอบน.ส.สุภาแต่อย่างใด แต่ที่ผ่านมาน.ส.สุภาได้ไปให้ข้อมูลกับคณะกรรมาธิการชุดหนึ่งของวุฒิสภา และอาจถูกสัมภาษณ์ไปจำนวนมาก จนปรากฏเป็นข่าวต่างๆ ออกมา ซึ่งน.ส.สุภาก็ได้ชี้แจงกับปลัดกระทรวงการคลัง และเพื่อนร่วมงานว่าไม่ได้พูดอย่างที่เป็นข่าว กระทรวงการคลังจึงต้องช่วยน.ส.สุภา โดยไปดูว่าสิ่งที่น.ส.สุภาได้พูดกับสิ่งที่ปรากฎเป็นข่าว มีอะไรไม่ตรงกันบ้าง จะได้ช่วยยืนยันไปว่าน.ส.สุภาไม่ได้ไปพูดให้ใครกระทบกระเทือน
***"สุทธิพงษ์"ยันเป็นคนแพร่ข้อมูลข้าวเน่า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีหน้าเพจเฟซบุ๊กของ สุทธิพงษ์ ธรรมวุฒิ ผู้ดำเนินรายการ คนค้นฅน และผู้บริหารในบริษัท ทีวีบูรพา ได้โพสต์ข้อความผ่านหน้าเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุถึงโรงสีข้าวที่กำลังเตรียมส่งข้าวออกจำหน่าย ที่มาจากโรงสีรายใหญ่ในภาคอีสาน พร้อมระบุว่ามีสารพิษตกค้าง และสารดังกล่าวไม่สามารถละลายในน้ำได้ แถมทำให้หนูตายใน 5 นาที นอกจากนี้ ยังระบุถึงยี่ห้อข้าวที่ไม่ควรซื้อมารับประทานอีกด้วย และได้มีผู้นำไปแชร์ต่อกันอย่างมาก
ล่าสุด นายสุทธิพงษ์ ได้ตัดสินใจลบโพสต์ทิ้ง และชี้แจงว่า "เร็วกว่าไฟลามทุ่ง ถึงแม้ผมจะลบไปแล้ว เร็วที่สุดเท่าที่ผมจัดการได้ เมื่อเห็นผลของความสะเพร่าไปไกลเกินกว่าเจตนาแห่งสัมมาทิฐิและกุศลเจตนา อย่าให้และอย่าใช้ผมไปก่อกรรมกับใครเลยนะครับ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ไม่ได้หมายความว่าผมสามารถลบความจริงทิ้งได้ และไม่ว่าใครก็ไม่สามารถลบกรรมทั้งดีชั่วทิ้งได้ โดยเฉพาะการกระทำกับชาวนาและข้าวปลาอาหาร"
อย่างไรก็ตาม นายสุทธิพงษ์ ได้โพสต์อีกครั้ง ย้ำจุดยืน ที่ได้ออกมาโพสต์ข้อความถึงกรณี โรงสีและเรื่องข้าว โดยระบุว่า "ผมคิดว่าเป็นเรื่องง่ายมากถ้าบริสุทธิใจ ไม่ต้องรอสื่อไปแอบตรวจสอบหรอกครับ ข้าวทุกยี่ห้อและโรงสีทั้งหลายที่ถูกกล่าวหาหรือไม่ถูกกล่าวหาก็ตาม แย่งกันเลยครับ แย่งกันเปิดโรงสีให้เจ้าหน้าที่และสื่อเข้าไปตรวจอย่างอิสระ ทั้งตอนที่เป็นข้าวเปลือกและตอนที่สีบรรจุถุง ตรวจกันให้หนำใจ เพราะข้าวบริสุทธิ์และปลอดภัยอยู่แล้วจะไปกลัวอะไร สื่อยินดีไปทำข่าวให้ ไม่ต้องเสียเงินไปทำโฆษณา ผมว่าตราเปิดเผย จริงใจ บริสุทธิ์ใจ ตรงไปตรงมานี่ การันตีคุณภาพให้ดียิ่งกว่าตรารับรองมาตรฐานไหนๆ ทั้งนั้น ทำเลยครับ"
**แจกข้าวถุงชุดใหม่กลบข่าวข้าวเน่า
ที่ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จ.พังงา ได้เร่งนำถุงยังชีพชุดใหม่เข้าเปลี่ยนให้กับชาวบ้านที่ประสบภัยน้ำป่าไหลหลากดินโคลนถล่มในพื้นที่ จ.พังงา ช่วงวันที่ 2-4 ก.ค.2556 หลังจากนายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ รมช.มหาดไทย และนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ลงพื้นที่จ.พังงา เมื่อวันที่ 5 ก.ค.2556 เพื่อนำถุงยังชีพเข้ามอบให้กับชาวบ้าน บรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้น แต่กลับพบปัญหา ข้าวถุงที่ติดมากับถุงยังชีพเริ่มส่งกลิ่นเน่าเหม็น หลังเปิดถุงออกมาตั้งไว้ ก็มีแมลงวันมารุมตอมจำนวนมาก ลักษณะของเมล็ดข้าวสารเป็นสีเหลืองจับกันเป็นก้อน โดยที่ถุงบรรจุระบุว่าผลิตเมื่อวันที่ 10 มิ.ย.2556 ซึ่งนายธำรงค์ เจริญกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา ได้สั่งการให้ ปภ.พังงา นำถุงยังชีพชุดใหม่ไปให้ อบต.ทุ่งมะพร้าว และ อบต.ลำภี อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา เพื่อสับเปลี่ยน และแจกจ่ายให้กับผู้ประสบภัยที่ได้รับข้าวเน่า
วานนี้ (10 ก.ค.) ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จ.นนทบุรี นายวิชา มหาคุณ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ในฐานะอนุกรรมการไต่สวนการทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ได้แถลงถึงความคืบหน้ากรณีตรวจสอบแคชเชียร์เช็คที่เกี่ยวกับการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) จำนวน 1,460 ฉบับ ที่ได้รับจากกระทรวงพาณิชย์
นายวิชากล่าวว่า ต้องมีการสอบย้อนไปยังธนาคารทั้ง 6 แห่งที่เป็นเจ้าของแคชเชียร์เช็ค ซึ่งขณะนี้ได้มีการประสานไปแล้ว แต่บางแห่งยังไม่ให้ความร่วมมือ จึงต้องมีการประสานไปในระดับผู้ใหญ่ แต่ถ้าไม่ให้ความร่วมมือจริงๆ ก็คงต้องไปถึงศาล เพราะหากขาดส่วนนี้ไปจะทำให้สำนวนบกพร่อง
เมื่อถามว่า ตามกฎหมายธนาคารไม่สามารถหลีกเลี่ยงการให้ความร่วมมือได้ นายวิชา กล่าวว่า ปกติสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ แต่ถ้าเข้าถึงไม่ได้ ก็ต้องไปขออนุญาตศาล ซึ่งเรื่องนี้ต้องทำไปตามจังหวะของมัน แต่เรายืนยันว่าเราทำเร็วแล้ว แต่ทั้งนี้ เช็คมีจำนวนตั้ง 1,460 ฉบับ
“หลายฉบับเงินแค่จำนวนไม่กี่หมื่น ก็มีการเซ็นเช็คออกมา ก็เป็นที่รู้กันของประชาชนทั้งหลายแล้ว เราเปิดตัวเลขนี้ออกมา ก็รู้แล้วว่ามันเป็นจีทูจีหรือเปล่า ส่วนถามว่าดูตอนนี้เช็คทั้งหมดมีพิรุธอะไรหรือไม่นั้น ผมบอกแล้วว่ามันมีที่ไหน ที่ทำจีทูจี ทำการค้าระหว่างรัฐต่อรัฐแล้วจ่ายเช็คเพียงแค่ 8 หมื่นกว่าบาท คุณก็ไปคิดดูเองแล้วกัน รัฐที่ไหนจะจ่ายเช็ค 8 หมื่นบาท”นายวิชากล่าว
**ลั่นสรุปคดีก่อน"กล้านรงค์"พ้นวาระ
เมื่อถามว่าต้องใช้เวลาเท่าไรในการติดตามเส้นทางของเช็คทั้งหมด นายวิชา กล่าวว่า ลักษณะของการทำงานทั้งหมด เรามีอำนาจตามแบบของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) อยู่แล้ว และส่วนใหญ่ธนาคารก็ให้ความร่วมมือดี เพราะมีข้อตกลงกันอยู่ แต่ก็อาจจะมีบ้างที่ไม่ให้ความร่วมมือ ก็ต้องประสานกันต่อไป ให้เกิดความเข้าใจกัน ไม่เช่นนั้นถ้าไปศาลแล้วจะเสียเวลา ส่วนคดีนี้จะเสร็จก่อนที่นายกล้านรงค์ จินทิก กรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะประธานอนุกรรมการฯ จะพ้นวาระในเดือน ก.ย. นี้ หรือไม่ เชื่อว่านายกล้านรงค์จะพยายามดำเนินการเรื่องนี้
**แนะ“สุภา”ใช้กฎหมายคุ้มครองพยานสู้
เมื่อถามว่าน.ส.สุภา ปิยะจิตติ รองปลัดกระทรวงการคลังได้ให้ข้อมูลอย่างไรบ้าง นายวิชา กล่าวว่า น.ส.สุภาได้ให้ข้อมูลว่าในการทำรายการต่างๆ มีหนังสือของกระทรวงการคลังครบถ้วน ในฐานะเป็นคนปิดบัญชี มันก็ชัดอยู่แล้ว แต่เราก็จะมาดูว่ามีอะไรที่ต้องเพิ่มเติมหรือไม่ โดยน.ส.สุภาก็ได้ยืนยันตัวเลขการขาดทุนในโครงการรับจำนำข้าวตามที่เป็นข่าว ส่วนกรณีที่ น.ส.สุภา กำลังจะถูกตั้งกรรมการสอบ ก็สามารถร้องขอให้ ป.ป.ช. ดูแลได้ หากถูกคุกคาม เพราะเรามีกฎหมายคุ้มครองพยานให้การคุ้มครองอยู่แล้ว แต่ขณะนี้ยังไม่มีการแจ้งเข้ามา เพราะยังเป็นการโดนเรียกไปถาม ซึ่งไม่รู้ว่าถูกเรียกไปแบบไหน
“ป.ป.ช. ไม่ต้องให้คำแนะนำอะไรกับ น.ส. สุภา เพราะมันมีกฎหมาย หากข้าราชการถูกข่มขู่คุกคาม เราก็คุ้มครองได้ สามารถจะแจ้งนายกรัฐมนตรีได้ด้วยว่าห้ามไม่ให้ย้ายจากตำแหน่งเดิม แต่ตอนนี้ น.ส.สุภายังไม่ได้แจ้งอย่างเป็นทางการเข้ามา แต่เราก็พร้อมคุ้มครองตามมาตรการที่มีอยู่ ทั้งในเรื่องการโยกย้าย และการกลั่นแกล้ง ซึ่งเราจะช่วยไม่ให้ถูกกลั่นแกล้ง” นายวิชากล่าว
***"นิวัฒน์ธำรง"ปัดไม่รู้เรื่องเช็ค
นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบรายละเอียดต่อเรื่องเช็ค เพราะเป็นเรื่องเก่าก่อนที่ตนมารับตำแหน่ง ไม่สามารถตอบได้ ซึ่งทางป.ป.ช.ก็คงดำเนินการสอบสวนตามขั้นตอน เพราะมีสิทธิตามอำนาจของกฎหมายในการเรียกข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์มาชี้แจงอยู่แล้ว
**"พาณิชย์"อัดพวกไม่หวังดีกุข่าวข้าวเน่า
นายนิวัฒน์ธำรงกล่าวภายหลังลงพื้นที่ตรวจสอบสถานการณ์ราคาสินค้าที่ตลาดยิ่งเจริญ บางเขน ว่า เป็นการเก็บข้อมูลนำไปใช้ในการประชุมเชิงปฏิบัติการ (เวิร์กชอป) ร่วมกับน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในวันที่ 12 ก.ค.2556 ที่ทำเนียบรัฐบาล
ส่วนกระแสข่าวในโซเซียลมีเดียกรณีข้าวถุงมีสารพิษเจือปนจนหนูตายใน 5 นาที เห็นว่า เป็นการสร้างข่าวของผู้ไม่หวังดี เป็นการทำลายระบบข้าวสาร การค้า และประเทศชาติ หากใครมีหลักฐานก็ควรออกมาระบุว่าที่ใดยี่ห้ออะไร ก็จะเข้าไปตรวจสอบ และให้เจ้าหน้าที่รัฐดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้กระทำผิด เพราะขณะนี้มีการแต่ปล่อยข่าวหรือถามกันจากคนในประเทศ ขณะที่ทั่วโลกยังมั่นใจในคุณภาพข้าวไทย
***ระบายข้าวเดือนละ5แสนถึง1ล้านตัน
หลังจากนั้น นายนิวัฒน์ธำรง ได้กลับมาที่กระทรวงพาณิชย์เพื่อประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าว โดยได้แถลงหลังประชุมว่า ได้อนุมัติให้มีการเปิดระบายข้าวสารในสต๊อกรัฐบาลทุกชนิด ทั้งข้าวขาว ข้าวหอมมะลิ และข้าวเหนียว ให้แก่ผู้ประกอบการค้าข้าวทั้งในและส่งออก กำหนดเดือนละ 5 แสนถึง 1 ล้านตัน เปิดประมูลเดือนละ 2-3 ครั้ง หรือมากกว่านี้ ซึ่งจะดูตามความเหมาะสม และให้ระบายข้าวเปลือกเดือนละ 4 แสนตันเพื่อให้ผู้ซื้อนำไปทำข้าวนึ่งส่งออก โดยมีราคามาตรฐานภายในเอาไว้แล้ว ถ้าได้ราคาตามที่ตั้งใจไว้ก็ขาย ไม่ได้ก็ไม่ขาย โดยจะประกาศทีโออาร์ได้ภายในวันศุกร์ (12 ก.ค.)
นอกจากนี้ จะผลักดันให้นำข้าวเข้าไปซื้อขายในตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย (เอเฟต) ปริมาณ 5 แสนถึง 1 ล้านตัน จากเดิมที่ทำอยู่แล้วปีละหลายแสนตัน ซึ่งจะเริ่มในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ขณะเดียวกัน มีแผนที่จะเดินทางไปยังประเทศที่ซื้อข้าวไทยเพื่อผลักดันให้ซื้อข้าวไทยเพิ่มขึ้น โดยสัปดาห์หน้าจะเดินทางไปอินโดนีเซีย จีน อิหร่าน และเดือนถัดไปจะไปฟิลิปปินส์ มาเลเซีย สิงคโปร์ และประเทศอื่นๆ
***เผยจีนเซ็นซื้อข้าวจีทูจีอีก5ล้านตัน
นางปราณี ศิริพันธ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า เมื่อเร็วๆ นี้ กระทรวงพาณิชย์ได้ทำสัญญาซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) กับจีนอีก 5 ล้านตัน ภายใน 3 ปี จากปีก่อนหน้าที่ทำสัญญาจีทูจีไปแล้ว 7.3 ล้านตัน ส่งผลให้ตั้งแต่ปลายปี 2554 จนถึงขณะนี้ไทยทำสัญญาแบบจีทูจีไปแล้วราว 12.3 ล้านตัน และคาดว่า ภายในปีนี้น่าจะทำสัญญาได้เพิ่มมากขึ้น จากการที่รมว.พาณิชย์ และรมช.พาณิชย์ จะเดินทางไปเยือนประเทศคู่ค้า ส่วนการยกเลิกสัญญาจีทูจีกับประเทศไอเวอร์รี่โคสต์ (โกติวัวร์) ที่ก่อนหน้านี้ทำสัญญาซื้อข้าวจากรัฐบาลไทย 2.4 แสนตัน ไทยได้ขอยกเลิกสัญญา เพราะไอเวอร์รี่โคสต์ เปลี่ยนรัฐบาลใหม่ หลังจากที่ส่งมอบข้าวให้แล้วเพียง 3.8 หมื่นตัน
ส่วนกรณีเช็คเงินสดที่ได้จากการขายข้าวจีทูจี เป็นเช็คสั่งจ่ายให้กับกรมการค้าต่างประเทศในทุกๆ ครั้งที่ลูกค้านำข้าวออกจากโกดัง ซึ่งเช็คแต่ละใบก็มีมูลค่าไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับปริมาณข้าวในแต่ละโกดังที่มารับมอบ
***ถกชาวนาหารือกรอบจำนำปี56/57
วันเดียวกันนี้ ในช่วงบ่าย นายนิวัฒน์ธำรง ได้หารือร่วมกับตัวแทนเกษตรกร 4 สมาคม ได้แก่ สมาคมชาวนาข้าวไทย สมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย สมาคมส่งเสริมชาวนาไทย และสภาเกษตรกรแห่งชาติ เพื่อกำหนดแนวทางการรับจำนำข้าวฤดูกาลผลิตปี 2556/57 รวมถึงการพัฒนาระบบข้าวไทย เช่น การจัดพื้นที่โซนนิ่ง โดยมอบให้นายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ ประธานสภาเกษตรกร เป็นเจ้าภาพในการหารือ และให้ได้ข้อสรุปภายใน 3-4 สัปดาห์มาเสนอต่อกระทรวงพาณิชย์ เพื่อเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) พิจารณาต่อไป
ทางด้านนายโนรี ศรีสมุทรนาค นายกสมาคมส่งเสริมชาวนาไทย กล่าวว่า รัฐบาลตั้งเป้าหมายจะรับจำนำข้าวไว้ที่ 1.2 หมื่นบาท/ตัน ซึ่งเป็นราคาที่เกษตรกรยอมรับได้ แต่ต้องมีมาตรการเสริมในการช่วยเหลือไม่ให้เกษตรกรที่นำข้าวมาเข้าโครงการรับจำนำแล้วถูกหักค่าความชื้นและสิ่งเจือปน ทำให้ได้ราคาไม่เท่ากับราคาจำนำที่กำหนดไว้
**"โต้ง"กล้าพูด! สั่งสอบเพราะต้องการช่วย
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ความจริงไม่ได้มีการตั้งกรรมการสอบน.ส.สุภาแต่อย่างใด แต่ที่ผ่านมาน.ส.สุภาได้ไปให้ข้อมูลกับคณะกรรมาธิการชุดหนึ่งของวุฒิสภา และอาจถูกสัมภาษณ์ไปจำนวนมาก จนปรากฏเป็นข่าวต่างๆ ออกมา ซึ่งน.ส.สุภาก็ได้ชี้แจงกับปลัดกระทรวงการคลัง และเพื่อนร่วมงานว่าไม่ได้พูดอย่างที่เป็นข่าว กระทรวงการคลังจึงต้องช่วยน.ส.สุภา โดยไปดูว่าสิ่งที่น.ส.สุภาได้พูดกับสิ่งที่ปรากฎเป็นข่าว มีอะไรไม่ตรงกันบ้าง จะได้ช่วยยืนยันไปว่าน.ส.สุภาไม่ได้ไปพูดให้ใครกระทบกระเทือน
***"สุทธิพงษ์"ยันเป็นคนแพร่ข้อมูลข้าวเน่า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีหน้าเพจเฟซบุ๊กของ สุทธิพงษ์ ธรรมวุฒิ ผู้ดำเนินรายการ คนค้นฅน และผู้บริหารในบริษัท ทีวีบูรพา ได้โพสต์ข้อความผ่านหน้าเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุถึงโรงสีข้าวที่กำลังเตรียมส่งข้าวออกจำหน่าย ที่มาจากโรงสีรายใหญ่ในภาคอีสาน พร้อมระบุว่ามีสารพิษตกค้าง และสารดังกล่าวไม่สามารถละลายในน้ำได้ แถมทำให้หนูตายใน 5 นาที นอกจากนี้ ยังระบุถึงยี่ห้อข้าวที่ไม่ควรซื้อมารับประทานอีกด้วย และได้มีผู้นำไปแชร์ต่อกันอย่างมาก
ล่าสุด นายสุทธิพงษ์ ได้ตัดสินใจลบโพสต์ทิ้ง และชี้แจงว่า "เร็วกว่าไฟลามทุ่ง ถึงแม้ผมจะลบไปแล้ว เร็วที่สุดเท่าที่ผมจัดการได้ เมื่อเห็นผลของความสะเพร่าไปไกลเกินกว่าเจตนาแห่งสัมมาทิฐิและกุศลเจตนา อย่าให้และอย่าใช้ผมไปก่อกรรมกับใครเลยนะครับ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ไม่ได้หมายความว่าผมสามารถลบความจริงทิ้งได้ และไม่ว่าใครก็ไม่สามารถลบกรรมทั้งดีชั่วทิ้งได้ โดยเฉพาะการกระทำกับชาวนาและข้าวปลาอาหาร"
อย่างไรก็ตาม นายสุทธิพงษ์ ได้โพสต์อีกครั้ง ย้ำจุดยืน ที่ได้ออกมาโพสต์ข้อความถึงกรณี โรงสีและเรื่องข้าว โดยระบุว่า "ผมคิดว่าเป็นเรื่องง่ายมากถ้าบริสุทธิใจ ไม่ต้องรอสื่อไปแอบตรวจสอบหรอกครับ ข้าวทุกยี่ห้อและโรงสีทั้งหลายที่ถูกกล่าวหาหรือไม่ถูกกล่าวหาก็ตาม แย่งกันเลยครับ แย่งกันเปิดโรงสีให้เจ้าหน้าที่และสื่อเข้าไปตรวจอย่างอิสระ ทั้งตอนที่เป็นข้าวเปลือกและตอนที่สีบรรจุถุง ตรวจกันให้หนำใจ เพราะข้าวบริสุทธิ์และปลอดภัยอยู่แล้วจะไปกลัวอะไร สื่อยินดีไปทำข่าวให้ ไม่ต้องเสียเงินไปทำโฆษณา ผมว่าตราเปิดเผย จริงใจ บริสุทธิ์ใจ ตรงไปตรงมานี่ การันตีคุณภาพให้ดียิ่งกว่าตรารับรองมาตรฐานไหนๆ ทั้งนั้น ทำเลยครับ"
**แจกข้าวถุงชุดใหม่กลบข่าวข้าวเน่า
ที่ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จ.พังงา ได้เร่งนำถุงยังชีพชุดใหม่เข้าเปลี่ยนให้กับชาวบ้านที่ประสบภัยน้ำป่าไหลหลากดินโคลนถล่มในพื้นที่ จ.พังงา ช่วงวันที่ 2-4 ก.ค.2556 หลังจากนายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ รมช.มหาดไทย และนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ลงพื้นที่จ.พังงา เมื่อวันที่ 5 ก.ค.2556 เพื่อนำถุงยังชีพเข้ามอบให้กับชาวบ้าน บรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้น แต่กลับพบปัญหา ข้าวถุงที่ติดมากับถุงยังชีพเริ่มส่งกลิ่นเน่าเหม็น หลังเปิดถุงออกมาตั้งไว้ ก็มีแมลงวันมารุมตอมจำนวนมาก ลักษณะของเมล็ดข้าวสารเป็นสีเหลืองจับกันเป็นก้อน โดยที่ถุงบรรจุระบุว่าผลิตเมื่อวันที่ 10 มิ.ย.2556 ซึ่งนายธำรงค์ เจริญกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา ได้สั่งการให้ ปภ.พังงา นำถุงยังชีพชุดใหม่ไปให้ อบต.ทุ่งมะพร้าว และ อบต.ลำภี อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา เพื่อสับเปลี่ยน และแจกจ่ายให้กับผู้ประสบภัยที่ได้รับข้าวเน่า