ASTVผู้จัดการรายวัน - "ชัชชาติ"หารือ"กิตติรัตน์"นอกรอบหาทางออกปัญหาราคาเดินรถไฟฟ้าสายสีม่วงเกินกรอบ หลัง BMCL ยอมลดค่าตัวรถลงแค่ 220ล้านบาท(ไม่รวมดอกเบี้ยและภาษี) ยังขาดอีก 234 ล้านบาท วงในเผย"บิ๊กโต้ง" เปิดห้องหวังกล่อมเอกชน แต่ไม่สำเร็จ คาดสุดท้าย"คมนาคม"ส่งคืนกก.มาตรา13 ต่อรองใหม่ ส่วนสายสีเขียว(หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต) รอบอร์ดสศช.เห็นชอบก่อนเสนอครม.คาดเปิดประมูลปลายปี56
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคมที่ผ่านมา ได้หารือกับนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ถึงความคืบหน้าผลการเจรจาต่อรองกับบริษัท รถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BMCL ในงานสัญญาที่ 4 ในรูปแบบ PPP-Gross Cost (สัมปทานสำหรับการลงทุน
การจัดหาระบบรถไฟฟ้าการให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุงรักษา) โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงช่วงบางซื่อ-บางใหญ่ ซึ่งคณะกรรมการตามมาตรา 13 แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ.2535 ( พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ 35 ) ได้เสนอผลการเจรจากับ BMCL ที่ปรับลดวงเงินลงประมาณ 300 ล้านบาท โดยจะเสนอที่ประชุมคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีชุดที่ 3 ที่มีนายกิตติรัตน์ เป็นประธานพิจารณาว่าจะยอมรับหรือให้ต่อรองเพิ่ม เนื่องจากยังลดราคาต่ำกว่ากรอบที่ต้องการ
"ต้องดูเหตุผลก่อนเพราะอยากให้ประมาณ 500 ล้านบาทแต่ลดมาแค่ 200 กว่าล้านเพราะอะไร นี่คือความยุ่งยากหนึ่งของระบบ PPP ที่การพิจารณาต่อรองเป็นอำนาจของกก.มาตรา13 ถามว่ายกเลิกได้ไหม เพราะไม่ได้ราคาอย่างที่รัฐต้องการ แล้วเปิดประมูลใหม่ก็อาจจะเสี่ยงมากกว่า และในประเทศตอนนี้มีผู้ประกอบการ 2 ราย คือ BMCL กับ BTS ซึ่งตอนประมูล BTS เสนอราคากว่าแสนล้าน สูงกว่าที่ BMCL เสนอ" นายชัชชาติ กล่าว
แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า เมื่อวันที่ 5 กรกฏาคมที่ผ่านมา ได้มีการพูดคุยกันถึงปัญหาสัญญาเดินรถสีม่วง ที่กระทรวงการคลังโดยมีนายกิตติรัตน์ นายชัชชาติ ผู้บริหารรฟม. และผู้บริหารระดับสูง บมจ.ช.การช่าง บริษัทแม่ของ BMCL ร่วมด้วย โดยผู้รับเหมายืนยันราคาที่ปรับลดล่าสดในส่วนของการจัดหาขบวนรถไฟฟ้า 21 ขบวนหรือ 63 ตู้ ลง 220 ล้านบาท (ไม่รวมภาษีและดอกเบี้ย) จากกรอบที่ต้องการให้ลด 454 ล้านบาท ยังเหลือส่วนต่างอีก 234 ล้านบาท โดยราคาขบวนรถไฟฟ้าทั้งหมดอยู่ที่ 5,075 ล้านบาทจาก5,296 ล้านบาท ทำให้วงเงินรวมปรับลดเหลือ 82,989 ล้านบาท จาก 83,310 ล้านบาท
แหล่งข่าวกล่าวว่า ราคารถไฟฟ้าในตลาดอยู่ที่ประมาณ 2 ล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 60-62 ล้านบาทต่อตู้ ขณะที่เอกชนเสนอราคา 2.7 ล้านเหรียญฯต่อตู้ ถือว่าได้กำไรจากตัวรถค่อนข้างมาก การที่เอกชนลดราคาให้เพียง 220 ล้านบาทถือว่าน้อยมากและยังไม่ถึงเป้าหมายที่กก.กลั่นกรองต้องการ ดังนั้นเป็นไปได้สูงที่รมว.คมนาคมอาจตัดสินใจส่งเรื่องให้กก.มาตรา13 ต่อรองกับเอกชนอีกรอบ เพราะหากเสนอผลให้กก.กลั่นกรองฯแล้วมีมติรับราคา จะถูกครหาแน่นอน ซึ่งวงในทั้งภาครัฐและเอกลนที่เกี่ยวข่องทราบกันดีว่า สัญญานี้เอกชนได้กำไรจากตัวรถไฟฟ้าและค่าระบบหลายพันล้านบาท การเจรจาเป็นการลดในส่วนกำไรลงเท่านั้น
นายชัชชาติ กล่าวถึงความคืบหน้าเดินรถ 1 สถานี ช่วง เตาปูน-บางซื่อ ระยะทาง 1 กิโลเมตรนั้น ว่า ได้ให้รฟม.กลับไปทำรายละเอียดและเหตุผลใหม่ให้ชัดเจน เนื่องจากที่เสนอมาว่าจะให้ BMCL เดินรถส่วนนี้ในรูปแบบ PPP Net Cost เหมือนสัมปทานสายสีน้ำเงิน (เฉลิมมหานคร) คือ รัฐลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน เอกชนรับสัมปทานเก็บค่าโดยสารและแบ่งส่วนแบ่งรายได้ให้รัฐ
แต่หากเจรจาไม่สำเร็จให้ใช้รูปแบบ PPP Gross Cost เหมือนสายสีม่วง คือ รัฐลงทุนโครงสร้าง เอกชนจัดหาระบบและรถไฟฟ้ามารับจ้างวิ่งแทนนั้น ไม่น่าจะเหมาะสม โดยเห็นว่า รฟม.ควรเสนอทางเลือกการเดินรถที่ดีที่สุด ไม่ใช่เสนอแบบได้ทั้งสองอย่างโดยการเดินรถ1 สถานีนี้ ยังมีเวลาที่จะพิจารณาอย่างรอบคอบไม่ต้องเร่งมาก
สำหรับความคืบหน้าโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต วงเงิน 58,000 ล้านบาท นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 1 เดือนจากนั้นจะเสนอที่ประชุม ครม. คาดว่าจะเปิดประมูลได้ปลายปี 2556 หรือต้นปี 2557 ส่วนสายสีชมพู ช่วงแคราย-ปากเกร็ด-มีนบุรี วงเงิน 58,642 ล้านบาท นั้นสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) กำลังตรวจสอบรายละเอียดแบบการก่อสร้างที่ใช้ Design & built เพื่อความรอบคอบ
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคมที่ผ่านมา ได้หารือกับนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ถึงความคืบหน้าผลการเจรจาต่อรองกับบริษัท รถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BMCL ในงานสัญญาที่ 4 ในรูปแบบ PPP-Gross Cost (สัมปทานสำหรับการลงทุน
การจัดหาระบบรถไฟฟ้าการให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุงรักษา) โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงช่วงบางซื่อ-บางใหญ่ ซึ่งคณะกรรมการตามมาตรา 13 แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ.2535 ( พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ 35 ) ได้เสนอผลการเจรจากับ BMCL ที่ปรับลดวงเงินลงประมาณ 300 ล้านบาท โดยจะเสนอที่ประชุมคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีชุดที่ 3 ที่มีนายกิตติรัตน์ เป็นประธานพิจารณาว่าจะยอมรับหรือให้ต่อรองเพิ่ม เนื่องจากยังลดราคาต่ำกว่ากรอบที่ต้องการ
"ต้องดูเหตุผลก่อนเพราะอยากให้ประมาณ 500 ล้านบาทแต่ลดมาแค่ 200 กว่าล้านเพราะอะไร นี่คือความยุ่งยากหนึ่งของระบบ PPP ที่การพิจารณาต่อรองเป็นอำนาจของกก.มาตรา13 ถามว่ายกเลิกได้ไหม เพราะไม่ได้ราคาอย่างที่รัฐต้องการ แล้วเปิดประมูลใหม่ก็อาจจะเสี่ยงมากกว่า และในประเทศตอนนี้มีผู้ประกอบการ 2 ราย คือ BMCL กับ BTS ซึ่งตอนประมูล BTS เสนอราคากว่าแสนล้าน สูงกว่าที่ BMCL เสนอ" นายชัชชาติ กล่าว
แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า เมื่อวันที่ 5 กรกฏาคมที่ผ่านมา ได้มีการพูดคุยกันถึงปัญหาสัญญาเดินรถสีม่วง ที่กระทรวงการคลังโดยมีนายกิตติรัตน์ นายชัชชาติ ผู้บริหารรฟม. และผู้บริหารระดับสูง บมจ.ช.การช่าง บริษัทแม่ของ BMCL ร่วมด้วย โดยผู้รับเหมายืนยันราคาที่ปรับลดล่าสดในส่วนของการจัดหาขบวนรถไฟฟ้า 21 ขบวนหรือ 63 ตู้ ลง 220 ล้านบาท (ไม่รวมภาษีและดอกเบี้ย) จากกรอบที่ต้องการให้ลด 454 ล้านบาท ยังเหลือส่วนต่างอีก 234 ล้านบาท โดยราคาขบวนรถไฟฟ้าทั้งหมดอยู่ที่ 5,075 ล้านบาทจาก5,296 ล้านบาท ทำให้วงเงินรวมปรับลดเหลือ 82,989 ล้านบาท จาก 83,310 ล้านบาท
แหล่งข่าวกล่าวว่า ราคารถไฟฟ้าในตลาดอยู่ที่ประมาณ 2 ล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 60-62 ล้านบาทต่อตู้ ขณะที่เอกชนเสนอราคา 2.7 ล้านเหรียญฯต่อตู้ ถือว่าได้กำไรจากตัวรถค่อนข้างมาก การที่เอกชนลดราคาให้เพียง 220 ล้านบาทถือว่าน้อยมากและยังไม่ถึงเป้าหมายที่กก.กลั่นกรองต้องการ ดังนั้นเป็นไปได้สูงที่รมว.คมนาคมอาจตัดสินใจส่งเรื่องให้กก.มาตรา13 ต่อรองกับเอกชนอีกรอบ เพราะหากเสนอผลให้กก.กลั่นกรองฯแล้วมีมติรับราคา จะถูกครหาแน่นอน ซึ่งวงในทั้งภาครัฐและเอกลนที่เกี่ยวข่องทราบกันดีว่า สัญญานี้เอกชนได้กำไรจากตัวรถไฟฟ้าและค่าระบบหลายพันล้านบาท การเจรจาเป็นการลดในส่วนกำไรลงเท่านั้น
นายชัชชาติ กล่าวถึงความคืบหน้าเดินรถ 1 สถานี ช่วง เตาปูน-บางซื่อ ระยะทาง 1 กิโลเมตรนั้น ว่า ได้ให้รฟม.กลับไปทำรายละเอียดและเหตุผลใหม่ให้ชัดเจน เนื่องจากที่เสนอมาว่าจะให้ BMCL เดินรถส่วนนี้ในรูปแบบ PPP Net Cost เหมือนสัมปทานสายสีน้ำเงิน (เฉลิมมหานคร) คือ รัฐลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน เอกชนรับสัมปทานเก็บค่าโดยสารและแบ่งส่วนแบ่งรายได้ให้รัฐ
แต่หากเจรจาไม่สำเร็จให้ใช้รูปแบบ PPP Gross Cost เหมือนสายสีม่วง คือ รัฐลงทุนโครงสร้าง เอกชนจัดหาระบบและรถไฟฟ้ามารับจ้างวิ่งแทนนั้น ไม่น่าจะเหมาะสม โดยเห็นว่า รฟม.ควรเสนอทางเลือกการเดินรถที่ดีที่สุด ไม่ใช่เสนอแบบได้ทั้งสองอย่างโดยการเดินรถ1 สถานีนี้ ยังมีเวลาที่จะพิจารณาอย่างรอบคอบไม่ต้องเร่งมาก
สำหรับความคืบหน้าโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต วงเงิน 58,000 ล้านบาท นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 1 เดือนจากนั้นจะเสนอที่ประชุม ครม. คาดว่าจะเปิดประมูลได้ปลายปี 2556 หรือต้นปี 2557 ส่วนสายสีชมพู ช่วงแคราย-ปากเกร็ด-มีนบุรี วงเงิน 58,642 ล้านบาท นั้นสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) กำลังตรวจสอบรายละเอียดแบบการก่อสร้างที่ใช้ Design & built เพื่อความรอบคอบ