หลังสร้างสถิติเปิดตัวในเกาหลีด้วยกระแสการตอบรับที่ดี 15 วัน 5 แสนเครื่อง เมื่อต้นปี แอลจีเดินหน้าเปิดตัว LG Optimus G Pro สมาร์ทโฟนเรือธงครั้งแรกในเอเซีย ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาที่มาเก๊า ด้วยรูปโฉมหน้าจอขนาด 5.5 นิ้ว FULL HD แอนดรอยด์เวอร์ชันล่าสุด หวังเจาะกลุ่มคนที่ต้องการใช้ทั้งสมาร์ทโฟน และแท็บเล็ตในเครื่องเดียวกัน โดยจะเริ่มวางขายที่ฮ่องกงในเดือนมิ.ย.ตามด้วยไต้หวัน, สิงคโปร์, อินเดีย, อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์, เวียดนาม, มาเลเซียและประเทศไทยในเดือนก.ค.นี้
LG Optimus G Pro จะเป็นบททดสอบครั้งสำคัญของแอลจีว่า เมื่อพูดถึงสมาร์ทโฟนชั้นนำของเกาหลี ก็ไม่ได้มีแค่ซัมซุงตระกูลกาแล็กซี่เท่านั้นที่เจิดจรัสในตลาดสมาร์ทโฟน แต่ยังมีประกายของ LG Optimus G Pro ที่โดดเด่นไม่แพ้กัน
' LG Optimus G Proในกลุ่ม 5.5 นิ้ว FULL HDสินค้าตัวนี้ฟีเจอร์ดีที่สุด ณ วันที่เปิดตัว สีสันสมจริงมากที่สุดในโลก' จง ซุก ปาร์ค ประธานและซีอีโอกลุ่มผลิตภัณฑ์โทรศัพท์มือถือ บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ กล่าวที่มาเก๊าในงานเปิดตัวครั้งแรกในเอเซีย
Optimus G Pro จะเป็นสมาร์ทโฟนเรือธงที่พัฒนาต่อยอดมาจาก Optimus Gโดยมีระบบประมวลผล Snapdragon 600 Quadcore 1.7 GHz และ Adreno 320 GPU ตอบสนองการทำงานได้อย่างรวดเร็ว รองรับการใช้งานแอปพลิเคชันต่างๆ ในเวลาเดียวกันได้โดยไม่สะดุด แบตเตอรี่ขนาด 3,140 mAh มีอายุการใช้งานนานที่สุดในปัจจุบัน หน่วยความจำ (RAM) ขนาด 2 GB หน้าจอแบบ Full HD IPS ขนาด 5.5 นิ้ว มาพร้อมโปรแกรมและฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลายเพื่อประสบการณ์การใช้งานที่แตกต่าง เช่น Dual Camera & Dual Recording สามารถถ่ายภาพหรือถ่ายวิดีโอพร้อมกันทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง , VR Panorama โปรแกรมที่ช่วยให้สามารถถ่ายภาพมุมกว้าง ทั้งแนวตั้ง และแนวนอนได้แบบ 360 องศาในส่วนฟังก์ชั่น QRemote 2.0 จะช่วยให้สามารถใช้งานสมาร์ทโฟนแทนรีโมตคอนโทรลอุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นเซ็ตท็อปบอกซ์ เครื่องปรับอากาศ หรือ ทีวีแอลอีดีได้ทันที
แอลจีเน้นพัฒนาฟังก์ชั่นการใช้งานแบบที่สามารถนำมาใช้งานได้จริง ไม่ใช้แค่มีไว้โชว์เอาเท่ห์ อย่าง QSlide ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเปิดโปรแกรมการทำงานหลายอย่างในเวลาเดียวกัน เพียงแค่สไลด์ก็สามารถสลับหน้าฟังก์ชันการใช้งานได้ง่ายๆ โดยไม่ต้องปิดโปรแกรม เช่น เช็กอีเมล หรือแชตไปพร้อมๆ กับการรับชมวิดีโอ เหมือนเวลาเปิดคอมพิวเตอร์หน้าจอหลายหน้าต่างแล้วใช้งานไปพร้อมๆกัน
'หากถามว่าทำไมคนต้องซื้อ Optimus G Pro ก็ตอบได้ว่าเป็นเพราะปัจจุบันความต้องการของตลาดคือโทรศัพท์ที่หน้าจอใหญ่มากยิ่งขึ้น ทุกวันนี้คนอยากได้โทรศัพท์หน้าจอใหญ่ที่เป็น Full HD สีสันสมจริงมากที่สุดในโลก เมื่อเทียบกับแบรนด์อื่นที่สีอมฟ้า หรือสีอมเหลือง รวมทั้งแบตเตอรี่ที่มีความจุมากที่สุดในปัจจุบัน เมื่อเทียบกับโทรศัพท์ทุกตัวทั่วโลกที่วางขายขณะนี้ เพราะโทรศัพท์ไม่ใช้แค่โทร.อย่างเดียวแต่ต้องใช้งานด้านข้อมูลได้ด้วย Optimus G Pro จะอยู่ในกลุ่มโฟนเล็ต เป็นทั้งโทรศัพท์และแท็บเล็ตในเครื่องเดียวกัน คนกลุ่มนี้โตขึ้นเรื่อยๆ อยู่ในวัยทำงานที่ต้องการใช้งานทั้งโปรแกรมเวิร์ด พาวเวอร์พอยต์ เอ็กซเซล ก็ได้ หรือ เล่นเกมก็ได้เป็นได้ทุกอย่าง บอกได้เลยว่าในกลุ่ม 5.5 นิ้ว สินค้าตัวนี้ฟีเจอร์ดีที่สุด ณ วันที่เปิดตัวไม่ว่าจะเป็นชิป CPU Quadcore ตัวล่าสุด FULL HD ทั้งถ่ายภาพทั้ง VDO '
ศิวกร ดำรงภัทร ผู้จัดการฝ่ายการตลาด กลุ่มผลิตภัณฑ์โทรศัพท์มือถือ บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์(ประเทศไทย)กล่าวว่า Optimus G Pro ประสบความสำเร็จอย่างมากจากการทำตลาดในประเทศเกาหลีจึงเป็นที่มาของการเปิดตลาดเอเซียครั้งนี้ ในส่วนของประเทศไทยคาดว่าจะมียอดขายประมาณเดือนละ 5พันเครื่องหรือประมาณ6หมื่นเครื่องใน 1 ปี จากเป้าหมายรวมของแอลจีทุกรุ่นทั้งหมดประมาณ 2.5 แสนเครื่องในปี 2013ซึ่งคาดว่าจะเป็นสมาร์ทโฟนประมาณ 75 % -80% จากปีที่ผ่านมาทำตลาดได้ประมาณ 2 แสนเครื่องในส่วนนี้เป็นสมาร์ทโฟนประมาณ65-70%
'เรามั่นใจว่าOptimus G PRO จะทำให้แอลจีขึ้นเป็นอันดับ 3 ในตลาดสมาร์ทโฟนรองจากซัมซุง และแอปเปิล ได้โดยคาดว่าจะมีส่วนแบ่งในตลาดสมาร์ทโฟนประมาณ 10% ปีนี้จะเห็นเราทำหนังโฆษณามากขึ้น จากที่ผ่านมาไม่มี เราเริ่มทำมาตั้งแต่รุ่น G มาถึงรุ่นนี้ G PRO รวมไปถึงรุ่นต่อไปก็จะมีต่อเนื่องไปอีก นอกจากการเปิดตัวOptimus G Pro ในไทยประมาณเดือนก.ค.แล้วคาดว่าประมาณไตรมาส 4 ก็จะเห็นแอลจีเปิดตัวออกมาอีก1 รุ่นในกลุ่ม G'
สำหรับราคาเปิดตัวในประเทศไทยนั้น หากเทียบเคียงกับOptimus Gราคา 17,900 บาทแล้ว Optimus G Proคาดว่าจะมีราคาสูงกว่านิดหน่อยเท่านั้นเอง และศิวกรย้ำว่าขอให้มั่นใจได้ว่าคนไทยจะได้ราคาถูกกว่าที่ Optimus G Pro เปิดตัวในเกาหลีที่ 24,000บาท แน่นอน
'ตลาดรวมสมาร์ทโฟนที่มีขนาดหน้าจอ5.5นิ้วขึ้นไปในปีนี้คาดว่ามีประมาณ 4 แสนเครื่องจากปีที่ผ่านมาตลาดรวมประมาณ 3 แสนเครื่อง ซึ่งในจำนวนนี้เป็นของ ซัมซุง กาแล็กซี่ โน้ต 2ประมาณ 90%'
ในส่วนของตลาดรวมโทรศัพท์มือถือทั้งประเทศในปีนี้คาดว่าจะเพิ่มเป็น 20ล้านเครื่องจากปีที่ผ่านมาที่ 15 ล้านเครื่อง ในจำนวนนี้เป็นสมาร์ทโฟนประมาณ25% ที่เหลือ75% เป็นฟีเจอร์โฟน แต่ในปีนี้คาดว่าสมาร์ทโฟนจะเติบโตขึ้นเป็น 45% ที่เหลือเป็นฟีเจอร์โฟน 55 % จะเห็นได้ว่าสัดส่วนสมาร์ทโฟนเติบโตขึ้นทุกปี โดยเฉพาะการเปิดตัวของโอเปอเรเตอร์ 3Gความถี่ 2.1 GHzในปีนี้
ทั้งนี้ในมุมมองของซัปพลายเออร์เห็นว่า ภาพการแข่งขันในปีนี้จะเห็นได้ชัดว่าโอเปอเรเตอร์จะเป็นผู้ผลักดันตลาดเพื่อให้เกิดผู้ใช้บริการ 3G ความถี่ 2.1 GHz จำนวนมาก โดยจะเห็นการแข่งขันด้านราคาเป็นหลัก ซึ่งโอเปอเรเตอร์จะเป็นผู้รับภาระต้นทุนค่าเครื่องจำนวนหนึ่ง (subsidize) หากเครื่องรุ่นไหนเป็นที่นิยมและโอเปอเรเตอร์ยอม subsidize ก็จะเป็นเครื่องที่มีส่วนแบ่งมากในตลาด โดยปัจจุบันแบรนด์มือถือแต่ละยี่ห้อก็อยู่ระหว่างการเจรจากับโอเปอเรเตอร์ เพื่อเลือกรุ่นและราคาที่จะ subsidize เพื่อกระตุ้นตลาด
'ตลาดเมืองไทยยังไงก็ยังเป็นโอเพ่นมาร์เก็ตอยู่ ไม่ได้อยู่ภายใต้โอเปอเรเตอร์หรือขายผ่านโอเปอเรเตอร์อย่างเดียว จะมีเพียงบางช่วงเท่านั้นที่เขาต้องการกระตุ้นตลาดจึงเข้ามา subsidize อย่างอเมริกาโอเปอเรเตอร์เป็นผู้ทำตลาดตัวเครื่องเอง เราจะไม่เห็นโทรศัพท์ขายตามตู้ทั่วๆไปเหมือนบ้านเรา'
ผู้บริหารแอลจี กล่าวว่า เป้าหมายของแอลจีคือต้องการเป็นที่ 3 ในตลาดสมาร์ทโฟนไทย หรือ มีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 10% จากปีที่ผ่านมาอยู่ในอันดับที่ 4-5ส่วนในภาพรวมนั้น ถึงแม้แอลจีจะไม่ได้มีโทรศัพท์มือถือทำตลาดทุกเซ็กเมนต์ก็ตาม แต่ถ้าเซ็กเมนต์ไหนแอลจีมีโทรศัพท์มือถือขาย แอลจีก็ต้องการส่วนแบ่งตลาดประมาณ 15% โดยในปีนี้แอลจีจะใช้งบการตลาดประมาณ 250 ล้านบาทเพิ่มจากปีที่ผ่านมาที่ใช้ 150 ล้านบาท
ปัจจุบันแอลจีทำตลาดผ่าน3ช่องทางคือ1.Organize Tradeหรือบริษัทที่ขายมือถืออย่างเดียวอย่างเจมาร์ท ทีจี 2.กลุ่มดีลเลอร์ เช่น ร้าน ตู้ต่างๆทั้งกรุงเทพฯและต่างจังหวัด และ 3. โมเดิร์น เทรด อย่างเทสโก้ โลตัส พาวเวอร์บาย โดยในปีนี้จะเน้นโมเดิร์น เทรดมากขึ้น
'ปีนี้จะเห็น LG OPTIMUS ในตระกูล G เป็นแฟล็กชิปของแอลจีในระดับพรีเมี่ยม ภายใต้กิจกรรมการตลาดที่เน้นสื่อสารกับกลุ่มวัยทำงานและกลุ่มนักศึกษา ซึ่งจะมีโรดโชว์ตามออฟฟิศและมหาวิทยาลัยรวมกับแมสมีเดียต่างๆ อย่างทีวีสปอร์ต โฆษณา'
Company Related Link :
LG
