xs
xsm
sm
md
lg

จี้สำนึก"เพ้ง"รับผิดชอบไฟดับ-ขู่!ล้มโรงไฟฟ้ากระทบความมั่นคง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน- “เฮียเพ้ง”ยกโขยงลงกระบี่ ต้นมิ.ย.นี้ เล็งถามประชาชน-ส.ส. ก่อนผุด “โรงไฟฟ้ากระบี่” ก่อนเคาะขั้นสุดท้าย อ้างสียงส่วนใหญ่ไม่เอาพร้อมถอย แต่ยังขู่!อาจเกิดผลกระทบต่อความมั่นคงทางภาคใต้ ด้านปธ.สหภาพกฟผ. จวก!พวกกล่าวหาสร้างสถานการณ์ดับไฟ ยันไม่เอาภาพลักษณ์44ปีทำลายตัวเอง ด้านเอ็นจีโอจี้สำนึกรมต.เทียบโสมขาว

วานนี้(23พ.ค.56)นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า เดือนมิถุนายนนี้ ตนจะลงพื้นที่จังหวัดกระบี่ เพื่อรับฟังความคิดเห็นภาคประชาชนและผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด รวมทั้ง ส.ส.ในพื้นที่ เกี่ยวกับการก่อสร้างโรงไฟฟ้ากระบี่ กำลังผลิต 800 เมกะวัตต์ ซึ่งใช้เทคโนโลยีถ่านหินสะอาด จากนั้นจะให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือ กฟผ.สำรวจความคิดเห็นประชาชนอีกรอบ ก่อนนำมาพิจารณาว่าจะก่อสร้างโรงไฟฟ้าหรือไม่โดยยืนยันว่าจะฟังเสียงประชาชนเป็นหลัก

“คงจะต้องไปถามประชาชนในพื้นที่หากส่วนใหญ่ไม่เอาผมเองก็คงไม่คิดจะไปต่อสู้กับประชาชน อย่างไรก็ตาม ยอมรับหากไม่สามารถก่อสร้างได้ จะมีผลต่อความมั่นคงด้านพลังงานในภาคใต้”นายพงษ์ศักดิ์กล่าว

นายสุทัศน์ ปัทมสิริวัฒน์ ผู้ว่าการ กฟผ. กล่าวว่า การก่อสร้างโรงไฟฟ้ากระบี่ มีการพิจารณาจากหลายปัจจัย โดยโรงไฟฟ้าแห่งนี้ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นผู้เสนอให้ กฟผ. ลงไปก่อสร้าง เพราะที่ตั้งที่เหมาะสมในการป้อนไฟฟ้าไปยังแหล่งท่องเที่ยวในฝั่งอันดามัน ทั้งกระบี่ พังงา และภูเก็ต ซึ่งมีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูง หากไม่มีโรงไฟฟ้าใหม่ จะต้องอาศัยการส่งไฟฟ้าจากภาคกลางไปภาคใต้ ซึ่งมีระยะทาง 1,000 กิโลเมตร ซึ่งระบบสายส่งหากยาวเกินไปจะทำไม่มีสเถียรภาพ เมื่อเกิดเหตุ สายส่งจะสวิงและหลุดออกจากระบบได้ง่าย

“ โรงไฟฟ้าแห่งนี้ใช้เทคโนโลยีถ่านหินสะอาด มีผลต่อต้นทุนค่าไฟต่ำ ที่ผ่านมา กฟผ. ได้ปรับแผนตามข้อเรียกร้องของประชาชน โดยเฉพาะข้อกังวลของกลุ่มประมงและการท่องเที่ยวแล้วจึงมั่นใจว่าจะไม่มีปัญหา”นายสุทัศน์กล่าว

นายศิริชัย ไม้งาม ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ กฟผ. กล่าวว่า กรณีไฟฟ้าดับเป็นวงกว้างในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้เมื่อวันที่ 21 พ.ค.ที่ผ่านมามีผู้ตั้งข้อสังเกตุว่ากฟผ.สร้างสถานการณ์เพื่อที่จะผลักดันสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินที่ภาคใต้เพิ่มขึ้นว่า เป็นสิทธิที่คนจะคิดอย่างไรก็ได้ แต่ก็ถือว่าเป็นความคิดของคนโง่ๆเพราะกฟผ.คงจะไม่เอาชื่อเสียงที่ทำให้กับสังคมมาอย่างยาวนาน 44ปีแลกด้วยการดับไฟและเอาพี่น้องประชาชนมาเป็นตัวประกันและให้กฟผ.โดนด่าอย่างหนักเช่นที่เกิดขึ้น

“ ไฟดับครั้งนี้มีเหตุและผลของมันอยู่แล้วที่เป็นเพราะภัยธรรมชาติที่ฟ้าผ่า และสายส่งอีกเส้นก็กำลังซ่อมบำรุง อยู่จึงเหลือสายส่งกำลัง 230 Kv ที่เมื่อจ่ายไฟแล้วเกินกำลังจะรับได้ทำให้ไฟฟ้าหลุดจากระบบไฟจึงดับเป็นวงกว้าง คงไม่มีใครอยากให้เกิดหรอก แต่ไฟดับครั้งนี้ผมกลับมองว่ามันเป็นบทเรียนที่ทำให้เห็นว่าที่ผ่านมาคนไทยอยู่สบายไฟตก ดับน้อยมากจนลืมที่จะคิดถึงกรณีอุบัติเหตุหรือแผนรองรับอะไรไว้เลย”นายศิริชัยกล่าว

ทั้งนี้ต้องยอมรับว่าภาคใต้มีความต้องการใช้ไฟเพิ่มทุกปีขณะที่โรงไฟฟ้าในพื้นที่มีจำกัดไม่เพียงพอกับความต้องการ และยังมีข้อจำกัดสายส่งที่ยาวเมื่อส่งจากภาคกลางไปเสริมการมีโรงไฟฟ้าในพื้นที่เองจะมั่นคงกว่า แต่หากประชาชนในพื้นที่ไม่ยอมรับก็จะยิ่งผลักดันให้ไทยไปพึ่งพิงไฟฟ้าจากประเทศเพื่อนบ้านมากขึ้นซึ่งเสี่ยงต่อความมั่นคงกว่าเดิมเพราะขนาดไฟดับในไทยกว่าจะแก้ไขส่งไฟจากจุดอื่นๆไปช่วยยังใช้เวลาหลายชั่วโมงแล้วถ้าเกิดปัญหากับเพื่อนบ้านที่ไทยไปซื้อมาอะไรจะเกิดขึ้น

นายธนา พุฒรังษี รองผู้ว่าการระบบส่งกฟผ. กล่าวว่ากรณีที่มองว่าอีสานมีความเสี่ยงคล้ายกับพื้นที่ภาคใต้นั้นเป็นการมองในเรื่องของระบบส่งเท่านั้นแต่ขณะนี้กฟผ.ได้มีแผนการขยายระบบแล้ว แต่หากมองในแง่ของกำลังการผลิตในภาคอีสานยังสูงกว่าความต้องการจึงถือว่ายังมีสถานการณ์ที่ดีอยู่

ขณะที่ภาคใต้เสี่ยงกว่าเพราะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าในพื้นที่ต่ำกว่าปริมาณความต้องการใช้และระบบส่งก็ยังไม่มีแผนขยาย เอกชนกังวลไฟดับในรอบ34ปีหวั่นซ้ำอีกอนาคต

นายพีระ เพชรพาณิชย์ ประธานสภาอุตสาหกรรมภาคใต้ กล่าวว่า ขณะนี้ภาคเอกชนมีความกังวลต่อกรณีไฟฟ้าดับ 14 จังหวัดภาคใต้มากขึ้นเนื่องจากถือเป็นการดับวงกว้างครั้งรุนแรงที่สุดในรอบ 34 ปีจึงเกรงว่าปัญหาดังกล่าวจะเกิดซ้ำขึ้นอีกหรือไม่ในอนาคตและรัฐบาลจะมีแนวทางการแก้ไขอย่างไร ดังนั้นจึงต้องการให้ทุกฝ่ายเร่งหาแผนที่จะรองรับปัญหาหากกรณีฉุกเฉินอย่างชัดเจนเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับภาคธุรกิจและประชาชน

“เท่าที่หารือกับภาคธุรกิจในภาคใต้ที่ไฟฟ้าดับที่ผ่านมาเบื้องต้น ภาคการผลิตกระทบไม่มากนักเพราะเป็นช่วงเวลาเลิกงานเป็นส่วนใหญ่ยกเว้นห้องเย็นที่ได้รับผลกระทบบ้าง ซึ่งสิ่งสำคัญจากนี้คิดว่าทุกฝ่ายน่าจะร่วมกันคิดแก้ไขปัญหาไม่ใช่เวลาจะมาโทษใครเพราะผมเองก็เชื่อว่าการไฟฟ้าทั้งหมดคงไม่อยากให้เกิดไฟดับ”นายพีระกล่าว

**ถามสำนึก“เพ้ง”เทียบรมต.เกาหลี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายบรรจง นะแส ผู้อำนวยการโครงการการจัดการทรัพยากรชายฝั่งภาคใต้ ได้โพสต์เฟซบุ๊คส่วนตัว ว่า คำชี้แจงของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยและกระทรวงพลังงาน ที่ระบุว่า เกิดจากกระแสไฟฟ้ามีไม่เพียงพอ โดยมีกระแสไฟฟ้าแค่ 1,300 เมกกะวัตต์ ในขณะที่ปริมาณการใช้มีถึง 2,000 เมกกะวัตต์นั้น ไม่น่าจะตรงข้อเท็จจริง

เนื่องจากมีนักวิชาการระบุว่า โรงไฟฟ้าภาคใต้มีกำลังการผลิตได้ 2,495 เมกกะวัตต์ ซึ่งยังไม่รวมกระแสไฟฟ้าที่ส่งมาจากภาคกลางอีก 600 เมกกะวัตต์ และสัญญาแลกเปลี่ยนกับประเทศมาเลเซียอีก 300 เมกกะวัตต์ จึงน่าจะเป็นเรื่องของการโจรกรรมกระแสไฟฟ้าไปขายให้ที่อื่นหรือไม่

นายบรรจงยังโพสต์ข้อความที่เทียบเคียงกับสถานการณ์ไฟฟ้าในประเทศเกาหลีด้วยว่า ปี 54 เกิดเหตุไฟฟ้าดับส่งผลกระทบต่อประชากรกว่า 2.1 ล้านครัวเรือน และคนที่อยู่ในอาคารอื่น ๆ เป็นเวลานานถึง 1 ชั่วโมง มีรายงานประชาชนราว 2,900 คน ติดอยู่ในลิฟต์, ไฟจราจรดับในหลายเมือง, โรงงานประกอบชิ้นส่วนต้องหยุดชะงัก นายชอย จุง-คยอง รัฐมนตรีเศรษฐกิจของเกาหลีใต้ รับผิดชอบด้วยการลาออกจากตำแหน่งกลางที่ประชุมคณะรัฐมนตรี

วันเดียวกันมีการวิพากษ์วิจารณ์เรื่องความรับผิดชอบของผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งตัวนายพงษ์ศักดิ์ ในฐานะรมว.พลังงาน, กระทรวงพลังงาน, การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) แต่ปรากฏว่า ยังไม่มีใครหรือหน่วยงานใดแสดงความรับผิดชอบต่อเรื่องนี้แต่อย่าง ทั้งนี้ได้มีโพสต์ข้อความพร้อมรูป โดยเปรียบเทียบ "สำนึก" และ "ความรับผิดชอบ" ของรัฐมนตรีจากประเทศไทย กับรัฐมนตรีจากประเทศเกาหลีใต้ โดยระบุว่า...

“เพราะที่นี่คือประเทศไทย....รมต.เศรษฐกิจเกาหลีใต้ลาออกรับผิดชอบไฟดับ 1 ชั่วโมง27 ก.ย. 2554 นายชอย จุง-คยอง รัฐมนตรีเศรษฐกิจของเกาหลีใต้ ซึ่งรับผิดชอบด้านพลังงานด้วย ได้ลาออกจากตำแหน่งแล้ว เพื่อแสดงความรับผิดชอบในเหตุการณ์ไฟดับ แต่รมต.ไทย ตอบว่าแค่เป็นอุบัติเหตุ(ฟ้าผ่าสายส่งไฟ)

** ปชป.ไม่หวัง “เพ้ง” ไขก๊อกรับผิดชอบ

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวตำหนิรัฐบาลว่าให้ความสนใจเกี่ยวกับปัญหาไฟฟ้าดับ 14 จังหวัดในพื้นที่ภาคใต้น้อยมาก โดยรัฐบาลต้องชี้แจงว่าทำไมจึงไม่มีระบบสำรอง ซึ่งการดำเนินการเพื่อให้เกิดความมั่นคงทางพลังงานก็ต้องดำเนินการไป แต่ไม่ควรนำมาปะปนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าต้องสร้างโรงไฟฟ้าเพิ่ม เพราะก่อนหน้านี้คำพูดของ นายพงษ์ศักดิ์ ก็ชัดเจนมาก

ดังนั้นจึงต้องมีการสอบหาข้อเท็จจริงเพื่ออธิบายกับประชาชนจะได้ไม่มีการอ้าง หรือกล่าวหาตามมา ทั้งนี้เห็นว่าภาพรวมของพลังงานถึงเวลาที่ต้องเปิดเผยและสะสางอย่างเป็นระบบ ไม่ใช้ใช้วิธีขู่ประชาชนเพราะเรื่องที่ไม่ถูกต้อง โดยก่อนหน้านี้ก็เคยมีการอ้างว่าพม่าจะปิดซ่อมโรงไฟฟ้าซึ่งจะส่งผลกระทบให้ไฟฟ้าดับในช่วงเดือนเมษายนมาแล้ว
อย่างไรก็ตามอยากให้รมว.พลังงานเปิดเผยผลสอบข้อเท็จจริงกับสังคมด้วย เพราะเคยไปพูดในสิ่งที่ทำให้สังคมเกิดความหวาดระแวงอยู่แล้ว

**แฉ!พลังงานใช้ร้อยล้านตอบโต้NGO

น.ส.รสนา โตสิตระกูล สว.กทม.โพตส์ข้อความผ่านเฟซบุ๊คว่า ดิฉันได้รับจม ฉบับหนึ่งจากคนในกระทรวงพลังงานส่งข่าวมาว่าการให้ข้อมูลของดิฉันและเครือข่ายผ่าน social media มีผลอย่างยิ่งที่ทำให้ลดความน่าเชื่อถือของกระทรวง ทำให้ผู้บริหารในกระทรวงมีคำสั่งให้ตอบโต้ และdiscredit พวกเราโดยจ้างบริษัท " ซ " ด้วยงบ 19ล้านบาทเป็นงบปชส. ของกองทุนอนุรักษ์พลังงาน เป็นงบปชส.ตามสถานการณ์ เช่น การลงโฆษณาทาง นสพ. การให้ตอบโต้ทางFacebook และเวบไซด์ต่างๆ โดยเฉพาะประเด็นLPG และใช้เงินอีก 15ล้านผลิตแผ่นพับชี้แจงเรื่องLPG ล้อบบี้นักข่าว คอลัมนิสต์ จัดสัมนาสื่อท้องถิ่นในต่างจังหวัด

นอกจากนี้ยังจ้างนสพ.ฉบับหนึ่งให้คอยตอบโต้ดิฉันเเละเครือข่าย นอกเหนือจากแคมเปญ เรื่องพลังงานเขาบอกเราบอก คน ก.พลังงานท่านนั้นบอกว่าโครงการตอบโต้ และดิสเครดิตแบ่งเป็น5 เฟสๆละ15-20ล้านบาท เห็นว่าเฟสแรกจบแล้ว กำลังต่อสัญญาเฟส2

ผู้ให้ข้อมูลท่านนั้นบอกต่อท้ายว่า กระทรวงพลังงานและอีกองค์กร ใช้งบตอบโต้คุณรสนาและเครือข่ายไม่ต่ำกว่า100ล้านบาท

ดิฉันเชื่อว่า"ความจริง"แม้จะป็นเสียงที่แผ่วเบาไม่ดังอึกทึกเหมือนเสียงโฆษณาชวนเชื่ออันอื้ออึง แต่เสียงแห่ง"ความจริง"นั้นจะเป็นเสียงที่ทรงพลังกว่าความเท็จอย่างแน่นอน
กำลังโหลดความคิดเห็น