ASTVผู้จัดการรายวัน- อสังหาฯรายกลางเปิดเกมส์รุกตลาดคอนโดทั้งกทม.-ตจว. ด้านMK ประกาศเพิ่มพอร์ตคอนโดวางเป้า3ปีเพิ่มสัดส่วนเป็น50% จากปัจจุบันมีแชร์คอนโดในพอร์ต30% เผยปี56ขยับรุกตลาดในเมือง ลดบ้านเดี่ยว เพิ่มคอนโด-ทาวน์เฮาส์เล็งออกหุ้นกู้ระยะยาว2ปี พร้อมตั๋วB/Eวงเงิน1.5พันล้านบาทช่วงครึ่งปีหลัง รองรับแผนเพิ่มสัดส่วนคอนโด แจงปี56เปิดตัว4โครงการใหม่ คอนโดมิเนียม2โครงการ บ้านแนวราบ2โครงการมูลค่ารวมทั้งสิ้น 3,000ล้านบาท
นายชวน ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) หรือ MK เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทมีแผนจะออกหุ้นกู้และตั๋วสัญญาใช้เงิน หรือตั๋วB/E วงเงิน1,500ล้านบาท ในช่วงครึ่งหลังของปี เพื่อรองรับแผนการขยายการลงทุนในโครงการที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียมแทนการใช้สินเชื่อโครงการจากสถาบันการเงิน เนื่องจากระยะเวลาในการก่อสร้างและการรับรู้รายได้ต้องใช้ระยะเวลามากกว่าโครงการประเภทแนวราบ ซึ่งจะส่งผลต่อต้นทุนจากดอกเบี้ยเงินกู้ในการพัฒนาโครงการ ส่วนการลงทุนโครงการในแนวราบนั้นจะยังคงใช้สินเชื่อโครงการจากสถาบันการเงิน เนื่องจากโครงการจัดสรรนั้นสามารถทยอยรับรู้รายได้ตามความคืบหน้าโครงการหรือการส่งมอบที่อยู่อาศัยให้แก่ลูกค้า
โดย ณ ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนการพัฒนาโครงการแบ่งออกเป็นบ้านเดี่ยว 34% คอนโดมิเนียม37% ทาวน์โฮม15% และบ้านแฝด12% ส่วนที่เหลือเป็นสินค้าอื่นๆ อย่างไรก็ตามในระย2-3ปีจากนี้บริษัทจะทยอยเพิ่มสัดส่วนการลงทุนพัฒนาโครงการคอนโดเพิ่มขึ้นเป็น50% เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าในตลาดระดับกลาง-ล่าง ระดับราคา60,000ต่อตารางเมตร (ตร.ม.) ที่ต้องการที่อยู่อาศัยในเมืองและใกล้ระบบขนส่งมวลชน ง่ายต่อการเดินทางเข้าสู่แหล่งงาน
ทั้งนี้ ในปัจจุบันบริษัทมีพอร์ตที่อยู่อาศัยที่อยู่ระหว่างการทำตลาดรวม 3,877ล้านบาท จากจำนวนโครงการที่เปิดขาย15โครงการ โดยในปี2556นี้ บริษัทตั้งเป้าว่าจะมีรายได้จากการขายรวม3,000ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนหน้า70% และมียอดประมาณการรับรู้รายได้รวมที่3,000ล้านบาทเช่นกัน โดย มั่นคงฯมีสต๊อกยอดขายรอรับรู้รายได้ที่จะยกมารับรู้รายได้ในปี 2556 รวม1,3000ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นยอดขายจากโครงการเด็นคอนโดมิเนียม800ล้านบาท ส่วนที่เหลือเป็นยอดขายจากบ้านแนวราบ
สำหรับปี2556นี้ บริษัทจะมีการลงทุนพัฒนาโครงการใหม่รวม 4โครงการมูลค่ารวม 3,000ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ออกัส เจริญกรุง-พระราม3 ราคาเริ่มต้น 1.8-3ล้านบาท มูลค่ารวม1,700 ล้านบาท โครงการทาวน์โฮม3ชั้น ชวนชื่นโมดัส วิภาวดีระดับราคา4.5ล้านบาท มูลค่า 520ล้านบาท โครงการทาวน์โฮม ลีออง สุขุมวิท62 ระดับราคา 6.5-7.5ล้านบาท มูลค่ารวม 430 ล้านบาท และโครงการบ้านเดี่ยวและบ้านแฝด ชวนชื่นพระราม7 สิรินธร มูลค่าโครงการ312 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในปี2554 เป็นปีที่ผู้ประกอบการอสังหาฯ ขยายการลงทุนจำนวนมากจนส่งผลให้เกิดความกังวลในตลาดว่าจะเปิดภาวะโอเวอร์ซัปพลายในตลาดห้องชุดขึ้น แต่ภายหลังเกิดเหตุการน้ำท่วมใหญ่ช่วงปลายปีส่งผลให้กลุ่มผู้บริโภคหันไปนิยมซื้อห้องชุดมากขึ้นจนทำให้ซัปพลายในตลาดระบายออกไปจำนวนมาก ขณะเดียวกันในช่วงต้นปี2555 ผู้ประกอบการได้มีการชะลอพัฒนาโครงการอาคารชุดลงทำให้ตลาดปรับตัวสู่สมดุลย์
ขณะเดียวกันดีมานด์ในตลาดห้องชุดไม่ได้หดตัวลงแต่กลับขยายตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้ประกอบการอสังหาฯกลับมาขยายการลงทุนโครงการอาคารชุดเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะบริษัทอสังหาฯระดับกลาง โดยก่อนหน้านี้ บริษัท เอ็น.ซี. เฮ้าส์ซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ NCHได้เปิดตัวแบรนด์คอนโดมิเนียม เดอะกรีน ซึ่งเป็นการพัฒนาโครงการในเมืองพัทยา และในปี56นี้ยังมีแผนจะลงทุนโครงการคอนโด2โครงการ ซึ่งจะทำให้สัดส่วนการลงทุนในโครงการคอนโดเพิ่มเป็น 20-25% นอกจากนี้ บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ก็เป็นอีกรายที่ประกาศลงทุนโครงการคอนโด เพิ่มอีก2-3โครงการ ซึ่งจะทำให้มีสดส่วนการพัฒนาโครงการห้องชุดเพิ่มเป็น 30%
นายชวน ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) หรือ MK เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทมีแผนจะออกหุ้นกู้และตั๋วสัญญาใช้เงิน หรือตั๋วB/E วงเงิน1,500ล้านบาท ในช่วงครึ่งหลังของปี เพื่อรองรับแผนการขยายการลงทุนในโครงการที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียมแทนการใช้สินเชื่อโครงการจากสถาบันการเงิน เนื่องจากระยะเวลาในการก่อสร้างและการรับรู้รายได้ต้องใช้ระยะเวลามากกว่าโครงการประเภทแนวราบ ซึ่งจะส่งผลต่อต้นทุนจากดอกเบี้ยเงินกู้ในการพัฒนาโครงการ ส่วนการลงทุนโครงการในแนวราบนั้นจะยังคงใช้สินเชื่อโครงการจากสถาบันการเงิน เนื่องจากโครงการจัดสรรนั้นสามารถทยอยรับรู้รายได้ตามความคืบหน้าโครงการหรือการส่งมอบที่อยู่อาศัยให้แก่ลูกค้า
โดย ณ ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนการพัฒนาโครงการแบ่งออกเป็นบ้านเดี่ยว 34% คอนโดมิเนียม37% ทาวน์โฮม15% และบ้านแฝด12% ส่วนที่เหลือเป็นสินค้าอื่นๆ อย่างไรก็ตามในระย2-3ปีจากนี้บริษัทจะทยอยเพิ่มสัดส่วนการลงทุนพัฒนาโครงการคอนโดเพิ่มขึ้นเป็น50% เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าในตลาดระดับกลาง-ล่าง ระดับราคา60,000ต่อตารางเมตร (ตร.ม.) ที่ต้องการที่อยู่อาศัยในเมืองและใกล้ระบบขนส่งมวลชน ง่ายต่อการเดินทางเข้าสู่แหล่งงาน
ทั้งนี้ ในปัจจุบันบริษัทมีพอร์ตที่อยู่อาศัยที่อยู่ระหว่างการทำตลาดรวม 3,877ล้านบาท จากจำนวนโครงการที่เปิดขาย15โครงการ โดยในปี2556นี้ บริษัทตั้งเป้าว่าจะมีรายได้จากการขายรวม3,000ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนหน้า70% และมียอดประมาณการรับรู้รายได้รวมที่3,000ล้านบาทเช่นกัน โดย มั่นคงฯมีสต๊อกยอดขายรอรับรู้รายได้ที่จะยกมารับรู้รายได้ในปี 2556 รวม1,3000ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นยอดขายจากโครงการเด็นคอนโดมิเนียม800ล้านบาท ส่วนที่เหลือเป็นยอดขายจากบ้านแนวราบ
สำหรับปี2556นี้ บริษัทจะมีการลงทุนพัฒนาโครงการใหม่รวม 4โครงการมูลค่ารวม 3,000ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ออกัส เจริญกรุง-พระราม3 ราคาเริ่มต้น 1.8-3ล้านบาท มูลค่ารวม1,700 ล้านบาท โครงการทาวน์โฮม3ชั้น ชวนชื่นโมดัส วิภาวดีระดับราคา4.5ล้านบาท มูลค่า 520ล้านบาท โครงการทาวน์โฮม ลีออง สุขุมวิท62 ระดับราคา 6.5-7.5ล้านบาท มูลค่ารวม 430 ล้านบาท และโครงการบ้านเดี่ยวและบ้านแฝด ชวนชื่นพระราม7 สิรินธร มูลค่าโครงการ312 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในปี2554 เป็นปีที่ผู้ประกอบการอสังหาฯ ขยายการลงทุนจำนวนมากจนส่งผลให้เกิดความกังวลในตลาดว่าจะเปิดภาวะโอเวอร์ซัปพลายในตลาดห้องชุดขึ้น แต่ภายหลังเกิดเหตุการน้ำท่วมใหญ่ช่วงปลายปีส่งผลให้กลุ่มผู้บริโภคหันไปนิยมซื้อห้องชุดมากขึ้นจนทำให้ซัปพลายในตลาดระบายออกไปจำนวนมาก ขณะเดียวกันในช่วงต้นปี2555 ผู้ประกอบการได้มีการชะลอพัฒนาโครงการอาคารชุดลงทำให้ตลาดปรับตัวสู่สมดุลย์
ขณะเดียวกันดีมานด์ในตลาดห้องชุดไม่ได้หดตัวลงแต่กลับขยายตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้ประกอบการอสังหาฯกลับมาขยายการลงทุนโครงการอาคารชุดเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะบริษัทอสังหาฯระดับกลาง โดยก่อนหน้านี้ บริษัท เอ็น.ซี. เฮ้าส์ซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ NCHได้เปิดตัวแบรนด์คอนโดมิเนียม เดอะกรีน ซึ่งเป็นการพัฒนาโครงการในเมืองพัทยา และในปี56นี้ยังมีแผนจะลงทุนโครงการคอนโด2โครงการ ซึ่งจะทำให้สัดส่วนการลงทุนในโครงการคอนโดเพิ่มเป็น 20-25% นอกจากนี้ บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ก็เป็นอีกรายที่ประกาศลงทุนโครงการคอนโด เพิ่มอีก2-3โครงการ ซึ่งจะทำให้มีสดส่วนการพัฒนาโครงการห้องชุดเพิ่มเป็น 30%