xs
xsm
sm
md
lg

เมียหอบลูกฟ้องสื่อมัด"เณรคำ" ท้าพิสูจน์ดีเอ็นเอ DSI-กองปราบตั้งทีมค้นสมบัติ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการรายวัน - สาวศรีสะเกษโผล่! นำลูกชาย 11 ขวบ ท้าพิสูจน์ดีเอ็นเอ"เณรคำ" จริง ส่งเสียเดือนละหมื่นแล้วหายลับ วอนมูลนิธิปวีณาช่วยหวั่นลูกถูกอุ้มหาย เผยถูก "ก" ตร.ทางหลวงศิษย์เอก โทร.จิกหนัก ด้านเจ้าคณะจังหวัดร่อนหนังสือ สั่งลูกศิษย์เลิกให้ข่าวแอบอ้างเบื้องสูง-เถรสมาคม "ดีเอสไอ" ส่งทีมคุ้ยข้อมูลเงินล้าน ประสานกองปราบฯ ตั้งทีมสืบค้นสมบัติ ศิษย์พล่านเดินสายร้อง ปอท.ท้าพิสูจน์ภาพฉาว

เมื่อเวลา 14.00 น.วานนี้ (4 ก.ค.) หลังจากที่มีหญิงสาวคนหนึ่งพร้อมสามีได้เข้าร้องเรียนสื่อมวลชนว่า เคยมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับพระฉาวชื่อดังรูปหนึ่งของ จ.ศรีสะเกษ และมีลูกชายด้วยกัน 1 คนเพื่อเป็นการตรวจสอบข้อเท็จจริง ผู้สื่อข่าวจึงได้เดินทางไปที่บ้านหนองนาเวียง ต.น้ำเกลี้ยง อ.น้ำเกลี้ยง จ.ศรีสะเกษ เมื่อไปถึงพบ น.ส."ญ" อายุ 27 ปี และ ด.ช."น." อายุ 11 ขวบ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนประถมศึกษาแห่งหนึ่งในเขต อ.เมืองศรีสะเกษ กำลังนั่งเล่นอยู่ในบริเวณข้างบ้าน โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สภ.น้ำเกลี้ยง มาคอยดูแลความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยตลอดเวลา

น.ส."ญ" กล่าวว่า ตนเป็นลูกกำพร้าอาศัยอยู่กับยายที่บ้านโนนจาน ต.โพธิ์ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ ช่วงเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ได้ไปทำบุญกับยายที่บริเวณที่พักสงฆ์แห่งหนึ่งริมห้วยสำราญ ต.โพธิ์ ได้พบกับพระชื่อดังและได้เข้ามาจีบตน จากนั้นพระชื่อดังได้ขับรถเก๋งมารับตนไปเที่ยวด้วยกัน และได้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันบนรถ จากนั้นได้มีเพศสัมพันธ์กันเรื่อยมา

จนกระทั่งตนได้ตั้งท้องและเรียนจบชั้น ม.3 พระชื่อดังจึงได้พาตนไปเช่าบ้านพักอยู่ที่ อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี โดยพระดังได้แวะเวียนไปนอนกับตนที่บ้านเช่าเป็นประจำ และได้ให้คนขับรถคนสนิทพากันไปคลอดบุตรที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งใน จ.อุบลราชธานี โดยได้ใช้ชื่อญาติของตนคนหนึ่งมาเป็นพ่อของเด็กที่เกิดขึ้นมา

หลังจากที่คลอดลูกแล้ว ตนได้กลับมาพักอาศัยอยู่กับยายที่บ้านโนนจานและญาติพี่น้อง ซึ่งพระชื่อดังก็ส่งเงินมาให้เป็นค่าเลี้ยงดูลูกชายทุกเดือน แต่ว่าไม่สม่ำเสมอต้องทวงถามค่านมลูกเป็นประจำ และก่อนหน้านี้มีเรื่องดังขึ้นมาพระดังก็ได้พาตนไปเช่าบ้านอยู่ที่กรุงเทพฯ พอเรื่องเงียบก็ให้ตนกลับมาอยู่บ้าน และต่อมาพระชื่อดังก็หายเงียบไปนานประมาณ 6 เดือน ตนจึงได้นำเรื่องไปร้องที่กองปราบปราม กรุงเทพฯ

รวมทั้งตนกับลูกเคยพากันไปตรวจดีเอ็นเอ ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯไว้แล้ว ทั้งนี้เพื่อต้องการให้พระชื่อดังมารับผิดชอบดูแลตนกับลูก และต่อมาพระชื่อดังได้ให้ลูกศิษย์คนสนิทที่เป็นตำรวจมาเคลียร์ปัญหาและจ่ายเงินให้ก้อนหนึ่งและจ่ายเงินค่าเลี้ยงลูกรายเดือนๆ ละ 10,000 บาท ตนจึงได้ถอนแจ้งความที่กองปราบปราม

จนกระทั่งขณะนี้ลูกชายของตนอายุได้ 11 ขวบ กำลังเรียนอยู่ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.เมืองศรีสะเกษ แต่วันนี้ตนไม่ได้ให้ลูกไปเรียนหนังสือ เนื่องจากเกรงว่าลูกจะถูกอุ้มหายไป เพราะว่าพระชื่อดังมีลูกศิษย์ที่มีอิทธิพลมากหลายคนการที่ตนออกมาร้องกับสื่อมวลชนในครั้งนี้ เนื่องจากว่า พระชื่อดังไม่ส่งเงินค่าเลี้ยงดูลูกมาให้ตนนาน 2 เดือนแล้ว ล่าสุดลูกศิษย์พระชื่อดังที่เป็นตำรวจทางหลวงโอนเงินมาให้ตน 2,000 บาทเท่านั้น ทำให้ตนกับลูกได้รับความเดือดร้อนมาก

ขณะนี้ตนมีสามีใหม่แล้วและมีลูกกับสามีใหม่อีก 1 คน อายุประมาณ 4 เดือน ตนจึงอยากให้พระชื่อดังออกมาแสดงความรับผิดชอบส่งเงินค่าเลี้ยงดูมาให้เช่นเดิมด้วย เพราะว่าลูกชายของพระชื่อดังกำลังโตและต้องใช้เงินในการศึกษาเล่าเรียนหนังสือรวมทั้งค่าใช้จ่ายอื่นในชีวิตประจำวันด้วย

"หากพระชื่อดังไม่เชื่อว่า ลูกชายของตนเป็นลูกของพระชื่อดังจริงก็พร้อมที่จะพิสูจน์ดีเอ็นเอ โดยขอให้พระชื่อดังนัดวันเวลามาเพื่อที่จะไปให้แพทย์ตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอ ตนช้ำใจมากที่ผู้หญิงคนอื่นๆ ได้เงินทองจากพระชื่อดังมากมาย แต่ตนซึ่งมีลูกด้วยกันกับพระชื่อดังแท้ๆ แต่ต้องมีความเป็นอยู่อย่างยากลำบาก ขณะที่ผู้หญิงคนอื่นของพระชื่อดังมีความเป็นอยู่อย่างสุขสบาย จึงขอเรียกร้องให้พระชื่อดังออกมาส่งเงินค่าเลี้ยงดูให้กับตนและลูกด้วย ซึ่งจะขอความช่วยเหลือไปยังมูลนิธิปวีณา หงสกุล เพื่อขอให้ช่วยเหลือในเรื่องนี้ด้วย และขอให้ตำรวจ สภ.น้ำเกลี้ยง มาดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับตนและครอบครัวด้วย เนื่องจากขณะนี้เกรงกลัวอิทธิพลของพระชื่อดังมากว่าจะไม่ได้รับความปลอดภัย" น.ส."ญ" กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ขณะที่ น.ส."ญ" กำลังให้สัมภาษณ์อยู่ปรากฏว่าได้มีโทรศัพท์เรียกเข้ามือถือของ น.ส."ญ" ซึ่ง น.ส."ญ" ได้แจ้งกับสื่อมวลชนว่า ตำรวจทางหลวงชื่อ "ก." ลูกศิษย์ของพระชื่อดังโทร.มาแต่พอทราบจาก น.ส."ญ" ว่า มีนักข่าวมาทำข่าวตำรวจคนดังกล่าว ก็รีบวางสายทันที เมื่อ น.ส."ญ" โทร.กลับไปก็ไม่ได้รับสายแต่อย่างใด ทั้งนี้ จากการดูหน้าตา ด.ช."น" พบมีส่วนคล้ายกับพระดังผู้อื้อฉาวองค์หนึ่งใน จ.ศรีสะเกษด้วย

**จี้"เณรคำ"สั่งศิษย์เลิกแอบอ้างเบื้องสูง

ที่วัดป่าศรีสำราญ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ พระครูวัชรสิทธิคุณ เจ้าอาวาสวัดป่าศรีสำราญ ในฐานะเลขานุการเจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษฝ่ายธรรมยุต กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบกรณีข่าวฉาวของหลวงปู่เณรคำ ว่า ขณะนี้พระครูวิสุทธิญาณ เจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ ฝ่ายธรรมยุต ได้ลงนามในคำสั่งเจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ ฉบับที่ 2/2556 โดยมีประเด็นหลัก 2 เรื่อง ประกอบด้วย 1.ให้พระวิรพล ฉัตติโก หรือ หลวงปู่เณรคำ ในฐานะประธานที่พักสงฆ์ป่าขันติธรรม ไปให้การสอบอธิกรณ์เกี่ยวกับธรรมวินัยด้วยตนเองและ 2.ให้ลูกศิษย์หลวงปู่เณรคำ ระวังการให้สัมภาษณ์สื่อโดยเฉพาะการกล่าวอ้างถึงสถาบันเบื้องสูงของไทย และการกล่าวอ้างถึงมหาเถรสมาคม ในทางที่ไม่ถูกต้องจนเป็นเหตุให้เกิดความไม่เหมาะสมและเสื่อมเสียต่อมหาเถรสมาคม โดยได้ยื่นหนังสือให้กับพระเสียน ติกขวิโร ซึ่งเป็นพระในที่พักสงฆ์ขันติธรรม ให้ทราบเรื่องและนำหนังสือ ส่งต่อให้กับหลวงปู่เณรคำ ต่อไป

**"ดีเอสไอ"ส่งทีมลงคุ้ยเส้นทางการเงิน

วันเดียวกันที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.อ.ญาณพล ยั่งยืน รองอธิบดี ดีเอสไอ เปิดเผยภายหลังได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ดำเนินการสืบสวนข้อเท็จจริงในกรณีงสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) ตรวจพบเงินในหมุนเวียนในบัญชีของหลวงปู่เณรคำ ที่กำลังเป็นข่าวอื้อฉาวกว่า 200 ล้านบาทว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สังคมกำลังให้ความสนใจ ซึ่งตนจะเร่งดำเนินการในทันที โดยจะประสานกับ ป.ป.ง.เพื่อขอข้อมูลที่ดำเนินการตรวจสอบเส้นทางการเงิน และส่งทีมลงพื้นที่แล้วเพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติม โดยจะยังไม่มีการออกหมายเรียกผู้ที่เกี่ยวข้องมาสอบปากคำ ขอหาข้อมูลให้เพียงพอก่อน จากนั้นจึงจะเสนอให้กรรมการคดีพิเศษพิจารณาว่า เข้าข่ายเป็นคดีพิเศษหรือไม่

พ.ต.อ.ญาณพล กล่าวว่า การดำเนินการในคดีนี้ ตนยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายลูกศิษย์ หรือผู้ที่เชื่อถือศรัทธา หรือฝ่ายที่มีข้อมูลความผิดปกติ ยินดีพูดคุยและรับข้อมูลทุกฝ่าย โดยขณะนี้ได้ส่งทีมลงพื้นที่เพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติมแล้ว ขอใช้เวลาสักระยะก่อน ยืนยันว่าไม่หนักใจแม้เป็นคดีที่สังคมจับตามอง

ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ ป.ป.ง.ได้เปิดเผยถึงผลการตรวจสอบธุรกรรมการเงินของหลวงปู่เณรคำ เบื้องต้นพบมีกว่า 10 บัญชีที่มีความน่าสงสัย โดยมีเงินหมุนเวียนกว่า 200 ล้านบาท แต่เมื่อมีการตรวจสอบเพิ่มเติมปรากฎพบมีบัญชีที่เกี่ยวข้องกับเงินบริจาคทั้งหมด 16 บัญชี โดยในจำนวนนี้มี 3 บัญชีที่มีความผิดปกติมาก มีความเคลื่อนไหวในช่วงปี 2553 ถึงปัจจุบัน ยอดเงินหมุนเวียนสูงถึง 197 ล้านบาท มีธุรกรรมอีก 100 กว่ารายการ ขณะเดียวกันบัญชีส่วนบุคคลโดยใช้ชื่อของเณรคำเองมีเงินหมุนเวียน 150 กว่าล้านบาท มีธุรกรรมอีก 70 กว่ารายการ ซึ่งบัญชีที่ผิดปกติมียอดเงินเข้ามาจำนวนมาก และโอนออกจากบัญชีไป"

**"ป.บุกตรวจบ้านพัก-วัดป่าขันติธรรม

ส่วนที่กองปราบปราม หลังจากนายสงกรานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เข้าแจ้งความกล่าวโทษ ให้ดำเนินคดีกับหลวงปู่เณรคำ ในความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน ความผิดตาม พ.ร.บ.คณะสงฆ์ ความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ความผิดตาม พ.ร.บ.ฟอกเงิน รวมทั้ง พ.ร.บ.ศุลกากร ปรากฎว่าวานนี้ พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รอง ผบก.ป.ได้เรียก พ.ต.อ.วรวุฒิ คุณะเกษม ผกก.3 บก.ป. พ.ต.ท.วราวุธ เจริญชนม์ รอง ผกก.3 บก.ป.และชุดสืบสวนร่วมประชุมแบ่งหน้าที่ในการรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ

โดย พ.ต.อ.ประสพโชค ได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมา 2 ชุดเพื่อลงพื้นที่ จ.อุบลราชธานี และ จ.ศรีสะเกษ เข้าตรวจสอบทั้งที่บ้านพัก สำนักสงฆ์ป่าขันติธรรม และร้านทองต่างๆ ที่มีการติดต่อซื้อขายทองคำ เพื่อทราบว่าหลวงปู่เณรคำ มีทรัพย์สินใดบ้าง นอกจากนี้ จะตรวจสอบประวัติของหลวงปู่เณรคำ ทั้งก่อนและภายหลังอุปสมบท เพื่อทราบข้อมูลประวัติความเป็นมา ซึ่งคณะทำงานจะลงพื้นที่สืบสวนสอบสวนภายในสัปดาห์หน้า ส่วนการตรวจสอบเส้นทางการเงินในบัญชีธนาคารต่างๆ กว่า 16 บัญชีนั้น เป็นหน้าที่ของ ป.ป.ง.ในการดำเนินการ อย่างไรก็ดี จะมีการประสานข้อมูล เพื่อติดตามความคืบหน้าในการทำงานร่วมกันต่อไป

ด้านนายสงกานต์ กล่าวว่า ในวันที่ 5 ก.ค.นี้เวลา13.30 น.ตนจะเข้ายื่นข้อมูลขอให้ทางกองปราบปรามตรวจสอบเครือข่ายที่กลุ่มของลูกศิษย์หลวงปู่เณรคำว่า มีการติดต่อกับใครบ้าง เพื่อตรวจสอบว่ามีการเชื่อมโยงกันอย่างไรบ้าง อย่างไรก็ตาม จากคดีทั้งหมดที่มีการกล่าวโทษหลวงปู่เณรคำ กับพวกนั้น แต่ละคดีล้วนมีโทษจำคุกเกิน 3 ปีทั้งสิ้น ซึ่งตามกฎหมายแล้วพนักงานสอบสวนสามารถยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อออกหมายจับได้ทันที

**ศิษย์พล่านร้อง ปอท.พิสูจน์ภาพกกสีกา

ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมเกี่ยวกับเทคโนโลยี (ปอท.) เมื่อเวลา 11.30 น. นายสุขุม วงษ์ประสิทธิ์ พร้อมด้วยลูกศิษย์ พระวิรพล สุขผล หรือหลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก ประธานสำนักสงฆ์วัดป่าขันติธรรม จ.ศรีสะเกษ เดินทางเข้าร้องเรียน ปอท.เพื่อขอให้ตรวจสอบ และดำเนินคดีต่อผู้ปล่อยภาพ บุคคลที่มีใบหน้าคล้ายหลวงปู่เณรคำนอนหมอนใบเดียวกับสีกา และให้สืบสวนว่าภาพดังกล่าวว่ามีการตัดต่อหรือเป็นภาพที่เกิดขึ้นจริง โดยมี ร.ต.อ.ภัทรศักดิ์ สมงาม ร้อยเวร ทำการสอบปากคำและรับเรื่องร้องเรียนดังกล่าวไว้ตรวจสอบ

นายสุขุม กล่าวก่อนเข้าร้องทุกข์ว่า ตนได้ไปแจ้งความที่กองปราบปรามเพื่อให้ทำการพิสูจน์ภาพถ่ายดังกล่าวภายใน 7 วันว่ามีการตัดต่อหรือไม่ ซึ่งหากเป็นภาพจริงให้ทำการส่งหลักฐานไปยังมหาเถรสมาคมเพื่อให้ลาสิกขาหลวงปู่เณรคำ แต่หากเป็นภาพตัดต่อให้ดำเนินการเอาผิดต่อผู้ที่ทำการตัดต่อภาพ รวมถึงผู้นำภาพดังกล่าวไปเผยแพร่ และขอความเป็นธรรมให้หลวงปู่เณรคำ ซึ่งขณะนี้ท่านยังไม่ได้เข้าให้ปากคำใดและยังไม่ได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ศาลก็ยังไม่ได้ตัดสินถูก-ผิด จึงวอนประชาชนอย่าด่วนสรุป เนื่องจากจะไม่เป็นธรรมต่อหลวงปู่เณรคำ ทั้งนี้ ตนขอให้มีการสอบสวนกรรมการสำนักสงฆ์ขันติธรรมตั้งแต่ชุดแรกจนถึงปัจจุบัน หากพบความผิดให้ดำเนินการตามกฎหมายทันที เพื่อเป็นตัวอย่างให้วัดอื่นต่อไป อย่างไรก็ตามตนเชื่อว่าใครทำอย่างไรก็จะได้รับผลอย่างนั้น

สำหรับที่มาของภาพดังกล่าวนั้น นายสุขุม อ้างว่ามีที่มามาจากเด็กนักเรียนใน จ.ศรีสะเกษ นำภาพนี้ไปตัดต่อ และเผยแพร่ในเว็บไซต์พันทิป จากข้อสงสัยที่เชื่อว่าภาพนี้มีการตัดต่อนั้น ตนพบว่ามีจุดต้องสัย 4 จุด คือ จุดที่ 1 เชื่อว่าไม่มีกล้องชนิดใดสามารถถ่ายภาพได้มาเพียงใบหน้าเสี้ยวหนึ่งของฝ่ายหญิงเท่านั้น จุดที่ 2 รอยหมอนด้านที่สุภาพสตรีนอนไม่มีรอยยุบลงไป ในลักษณะคนนอน จุดที่ 3 เส้นผมของสุภาพสตรี คล้ายกับไม่ได้นอนในหมอน และจุดที่ 4 สีของภาพไม่มีความกลมกลืนกัน

"ส่วนกรณีที่มีสุภาพสตรีท่านหนึ่งอ้างว่าเป็นภรรยาของหลวงปู่เณรคำ และมีบุตรด้วยกัน 1 คนนั้นตนยังไม่มีโอกาสได้พูดคุยกับสุภาพสตรีคนดังกล่าว แต่ได้ไปพบบิดาของหญิงสาวแล้ว โดยได้รับคำยืนยันว่าไม่ใช่ภรรยาหลวงปู่เณรคำ แต่เป็นน้องชาย จึงวอนให้สุภาพสตรีคนดังกล่าวออกมาชี้แจง ส่วนเรื่องลูกให้พิสูจน์ความจริงด้วยดีเอ็นเอ อย่างไรก็ตาม ตนยืนยันว่าหลวงปู่เณรคำ จะเข้าสู่กระบวนการทั้งทางธรรมและทางวินัย โดยจะกลับมาเข้าพรรษาที่สำนักสงฆ์ขันติธรรมอย่างแน่นอน" นายสุขุม กล่าว เมื่อถามว่าได้มีการติดต่อกับหลวงปู่เณรคำบางหรือไม่ นายสุขุมกล่าวว่า "ติดต่อกับหลวงปู่เณรคำในทางลับ"

**ผู้ค้าพลอยผวาหนี้20เณรคำสูญ

ที่อ.แม่สอด จ.ตากว่า ขณะนี้บรรดาแม่ค้าพลอยในตลาดอัญมณีแม่สอด กำลังวิพากษ์วิจารณ์และปรับทุกข์กันเกี่ยวกับเรื่องราวของหลวงปู่เณรคำ ที่มีเจ้าของที่ดินบนยอดดอยม่อนหินเหล็กไฟ ต.มหาวัน อ.แม่สอด ชื่อย่อ "ต" เลื่อมใสศรัทธา ถวายที่ดินไม่มีเอกสารสิทธิบนยอดดอยจำนวน 15 ไร่ ให้หลวงปู่เณรคำ สร้างวัดขันติบารมี สาขาที่ 88 ขึ้น อีกทั้งหลวงปู่เณรคำ ยังเป็นลูกค้ารายใหญ่ที่สั่งซื้อพลอย อัญมณีอื่นๆ จำนวนมากด้วยเงินเชื่อจากแม่ค้าหลายราย

ล่าสุดหลวงปู่เณรคำ ได้สั่งซื้อพลอยพม่าประดับเพชรจาก "เจ๊ จ." มูลค่ากว่า 5 ล้านบาท "เจ๊ ถ." อีกเกือบ 10 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังสั่งเลี่ยมกรอบพระประดับด้วยทองคำมูลค่ากว่า 5 ล้านบาทด้วย รวมทั้งพ่อค้าแม่ค้าพลอยรายย่อยอีกหลายราย รวมมูลค่าทั้งหมดไม่ต่ำกว่า 20 ล้านบาทและทั้งหมดยังไม่ได้รับการชำระเงินจากหลวงปู่เณรคำ แต่อย่างใด

**วัดเครือข่ายสาขาแม่สอดใกล้ร้าง

ที่วัดขันติบารมี สาขา 88 ม่อนหินเหล็กไฟ ต.มหาวัน อ.แม่สอด ปรากฏว่า คนงานได้มารื้อป้ายอักษรที่ระบุชื่อวัด รวมทั้งภาพของหลวงปู่เณรคำ ที่ติดไว้บริเวณทางเข้าวัดออกจนหมดแล้ว

ขณะที่พระสุพันโน หรือพระนัก พระลูกวัดวัดป่าขันติธรรม ที่ถูกส่งตัวมาเฝ้าวัดขันติบาร สาขา 88 ก็ได้เก็บข้าวของและเดินทางออกจากกุฏิกลับวัดที่ จ.ศรีสะเกษ ไปแล้ว หลังจากทราบข่าวว่า โยมที่บริจาคที่จะมาทวงที่ดินคืน ทำให้วัดสาขาที่ 88 แห่งนี้กลายเป็นวัดร้าง ไม่มีพระสงฆ์จำวัดอีกต่อไป

นอกจากนี้ ถนนสายเลี่ยงม่อน ทางเข้าวัดขันติบารมี บริเวณห่างจากตัววัดไม่ถึง 50 เมตร ได้เกิดทรุดตัวยาวเกือบ 10 เมตร บางจุดลึกเกือบ 50 ซม.โดยไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งชาวบ้านต่างบอกว่าเหมือนลางบอกเหตุว่าจะไม่มีคนผ่านถนนสายนี้อีกแล้ว เพราะตำนานเณรคำ ใกล้ล่มสลาย

**ตัดชื่อหลวงพ่อปานขาวพ้นศิษย์ปู่ชา

ที่วัดบวรนิเวศวิหาร สมเด็จพระวันรัต ในฐานะรักษาการเจ้าคณะใหญ่คณะธรรมยุตและกรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) กล่าวว่า ได้มอบหมายให้เจ้าคณะปกครองไปดำเนินการแล้ว อาตมาไม่อยากเข้าไปแทรกแซงหรือล้วงลูกการทำงาน รอให้ทางเจ้าคณะปกครองรายงานกลับขึ้นมาก่อน อย่างไรก็ตาม เวลานี้หลวงปู่เณรคำ ยังไม่ได้กลับมาประเทศไทย คงต้องรอให้กลับมาก่อน ซึ่งอาตมาได้เรียกให้กลับมาแล้ว แต่เขายังไม่กลับ อย่างไรก็ตาม ในการประชุม มส.วันที่ 10 ก.ค.นี้ จะยังไม่มีการนำเสนอให้ตรวจสอบหลวงปู่เณรคำ

ส่วนกระแสข่าวที่ระบุว่าพระครูภาวนาวรธรรมวิเทศ หรือหลวงพ่อปานขาว เจ้าอาวาสวัดโพธิญาณราม ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งทางหลวงปู่เณรคำ ได้ตั้งให้เป็นรักษาการประธานสงฆ์วัดป่าขันติธรรม ขณะที่ทางกลุ่มลูกศิษย์หลวงปู่เณรคำ อ้างว่าหลวงพ่อปานขาว เป็นลูกศิษย์หลวงปู่ชา แห่งวัดหนองป่าพง จ.อุบลราชธานี ทั้งวัดโพธิญาณราม ยังเป็นวัดสาขาของวัดหนองป่าพงด้วย แต่ปัจจุบันถูกตัดออกจากการเป็นสาขาของวัดหนองป่าพงแล้วนั้น

ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังวัดหนองป่าพง ได้รับการยืนยันว่า หลวงพ่อปานขาว เป็นชาวต่าชาติกลุ่มแรกที่หลวงปู่ชาบวชให้จริง แต่ช่วงกว่า 10 ปีก่อนหน้านี้หลวงพ่อปานขาว มีแนวทางในการปฏิบัติแตกต่างไปจากแนวทางของวัดหนองป่าพง ดังนั้น คณะสงฆ์วัดหนองป่าพง จึงมีมติตัดวัดโพธิญาณราม ออกจากการเป็นวัดสาขาของวัดหนองป่าพง
กำลังโหลดความคิดเห็น