xs
xsm
sm
md
lg

สาวลึก"เณรคำ"ซุก150ล้าน วัดต้นสังกัดขู่ตะเพิด DSIไล่บี้คดีอาญา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-มรภ.อุบลราชธานี เล็งถอดปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ "เณรคำ" เจ้าคณะจังหวัดอุบลฯ ขีดเส้นให้มาพบภายใน 15 วัน ไม่มาคัดชื่อออกจากการเป็นพระลูกวัด ปปง.แฉอีกพบบัญชีส่วนตัวมีเงินหมุนเวียน 150 ล้าน สอบที่มาก่อนอายัด แฉอีกพระแก้วมรกตไม่ได้ใช้หยกทำ ดีเอสไอโดดรับไม้ต่อสอบคดีอาญา พร้อมรับ ม.สันติภาพเป็นคดีพิเศษ ศิษย์เอกร้องสอบภาพกกสีกาของจริงหรือตัดต่อ

หลังจากที่ ASTVผู้จัดการรายวัน ได้รายงานพิเศษตีแผ่พฤติกรรมลวงโลก ของพระวิรพล ฉัตติโก หรือหลวงปูเณรคำ ประธานสงฆ์ป่าขันติธรรม ต.ยาง อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ ถึงความไม่เหมาะสมต่างๆ รวมถึงกรณีที่เมื่อปี 2553 มหาวิทยาลัยราชภัฏ (มรภ.) อุบลราชธานี ได้จัดพิธีถวายปริญญาบัตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาสังคมศาสตร์เพื่อการพัฒนา ให้กับหลวงปูเณรคำ แต่เมื่อมีข่าวพฤติกรรมลวงโลก ทำให้เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ว่าทางมหาวิทยาลัยจะดำเนินการอย่างไร เพื่อรักษาเกียรติภูมิของสถาบัน

ล่าสุด ผศ.ประชุม ผงผ่าน อธิการบดีมรภ.อุบลราชธานี ได้เปิดเผยในเรื่องนี้ว่า ฝ่ายบริหารได้หารือกับสำนักงานพุทธศาสนาจังหวัด (พศจ.) ศรีษะเกษแล้ว ซึ่งพศจ.แนะนำว่าให้รอผลการสอบสวนจากคณะกรรมการสอบอธิกรณ์ก่อน และยังต้องรอผลการตรวจสอบของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) หลังจากได้ผลสรุปจากทั้ง 2 คณะแล้ว หากพบว่ามีพฤติกรรมมิชอบ ผิดพระธรรมวินัย และทุจริตจริง จะเสนอที่ประชุมสภามหาวิทยาลัย ใช้อำนาจถอดถอนการถวายปริญญาบัตร เพราะถือว่าไม่มีคุณสมบัติที่จะได้รับการยกย่องอีกต่อไป

"ผมเพิ่งมารับตำแหน่งเมื่อเดือนม.ค.2556 ซึ่งมูลเหตุที่ถวายปริญญาบัตร มีเหตุผลประกอบ คือ ทำคุณประโยชน์ต่อสาธารณชนต่อเนื่อง และทราบว่าช่วงที่พักอยู่สำนักสงฆ์ขันติธรรม ได้มาบรรยายธรรมที่สถาบันทุกปี และมอบทุนการศึกษาให้นักศึกษา ส่วนการบริจาคทรัพย์เพื่อสร้างถาวรวัตถุนั้น ตรวจสอบแล้วไม่พบ"

พระครูวัชรสิทธิคุณ เลขานุการเจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ ฝ่ายธรรมยุต กล่าวว่า พระครูวิสุทธิญาณ เจ้าคณะจังหวัด ลงนามในคำสั่งฉบับที่ 2/2556 ให้พระวิรพล ฉัตติโก มาให้การสอบอธิกรณ์ด้วยตนเอง พร้อมสั่งให้ศิษย์ระวังการให้ข่าว โดยเฉพาะการอ้างสถาบันเบื้องสูง เพราะสังคมจะมองว่าจะเป็นการทำที่มิบังควรอย่างยิ่ง และการอ้างถึงมหาเถรสมาคมไปในทางที่ไม่ถูกต้องตามธรรมเนียมปฏิบัติ จะเป็นเหตุให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อน

พระราชธรรมโกศล เจ้าอาวาสวัดใต้พระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.อุบลราชธานี ในฐานะเจ้าคณะจังหวัดอุบลราชธานี ฝ่ายธรรมยุต กล่าวว่า พระวิรพลมีชื่อเป็นพระลูกวัด อยู่ในความปกครองจริง ซึ่งจะออกหนังสือคำสั่งให้เณรคำมาชี้แจงภายใน 15 วัน ถ้าไม่มาจะคัดชื่อออกจากบัญชีพระลูกวัด และให้เวลาอีก 15 วัน เพื่อหาสังกัดใหม่ หากไม่หาสังกัดใหม่ ก็จะสิ้นสภาพการเป็นพระตามวินัยสงฆ์ ส่วนสังกัดใหม่จะเป็นวัดในประเทศไทย หรือต่างประเทศ ก็แล้วผู้ปกครองสงฆ์วัดนั้นจะเป็นผู้พิจารณา

นายวิรอด ไชยพรรณนา ผู้อำนวยการพศจ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า ได้ตั้งคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริง 5 ประเด็น ประกอบด้วย 1.ติดตามการทำงานของคณะสงฆ์ว่าดำเนินการถึงขั้นไหนแล้ว 2.ตรวจสอบการเงิน ทรัพย์สิน และก่อสร้างพระแก้วมรกตจำลองว่าถูกต้องหรือไม่อย่างไร 3.ตรวจสอบการสร้างที่พักสงฆ์ขันติธรรมและสาขาว่าถูกต้องตามหลักเกณฑ์หรือไม่ 4.คุณสมบัติและสังกัดว่ามีที่มาอย่างไร และ 5.ตรวจสอบความสัมพันธ์กับสีกาว่ามีข้อเท็จจริงอย่างไร

ด้านพ.ต.ท.ธีรพงษ์ ดุลยวิจารณ์ ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการข่าวกรองทางการเงิน ปปง. กล่าวว่า ได้ตรวจสอบธุรกรรมการเงินเบื้องต้นพบมีกว่า 10 บัญชีที่น่าสงสัย โดยล่าสุดแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนแรก คือ บัญชีที่เกี่ยวข้องกับเงินบริจาค 16 บัญชี มี 3 บัญชีที่ผิดปกติมาก ความเคลื่อนไหวช่วงปี 2553 ถึงปัจจุบัน ยอดเงินหมุนเวียน 197 ล้านบาท ธุรกรรมกว่า 100 รายการ ส่วนตัวบุคคลมีเงินหมุนเวียนกว่า 150 ล้านบาท ธุรกรรมกว่า 70 รายการ ซึ่งบัญชีที่ผิดปกติมียอดเงินเข้ามาจำนวนมากและโอนไป จึงปรึกษากองปราบปราม ตรวจสอบธุรกรรมว่ามีความโปร่งใสหรือไม่อย่างไร

ทั้งนี้ ข้อมูลที่นายสงกรานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายพลังต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ยื่นมานั้น ถือว่ามีประโยชน์มาก ส่วนการอายัดทรัพย์ ถ้าพบความผิดมูลฐานเข้าข่ายฉ้อโกง ก็ทำการตรวจสอบทรัพย์สิน และเสนออายัดใน 90 วัน จากนั้นให้ผู้เกี่ยวข้องชี้แจง ถ้าชี้แจงไม่ได้จะยื่นศาลแพ่งสั่งอายัดต่อไป

ขณะที่นายสงกรานต์ แถลงข่าวที่กองปราบปราม ว่า ตามที่ร้องเรียนให้บก.ป.สืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริง ซึ่งประสานข้อมูลกับปปง.แล้ว มีเบาะแสเพิ่มเติมว่าการบริจาคเงินของชาวบ้านในจ.ศรีสะเกษ อย่างมากก็หลักพันบาท อาจจะมีบ้างที่มีรายใหญ่ จึงน่าสงสัยว่ารายได้มาจากทางใด สอดคล้องกับที่ปปง.ตรวจสอบสถานะการเงิน นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมจึงตั้งเป็นสำนักปฏิบัติธรรม ไม่ยอมจดทะเบียนเป็นวัด

ส่วนกรณีทองคำที่อ้างว่ามีถึง 8,000 กิโลกรัม ร้านทองประเมินแล้วคิดเป็นเงินกว่า 9,000 ล้านบาท ก็ต้องถามอีกว่าพระวิรพลมีธุรกิจอะไร และลูกศิษย์ทำกิจกรรมอะไรบ้าง นอกจากนี้ ขอตั้งข้อสงสัยว่าลูกศิษย์มักจะใช้คำว่ากรรมการบริหาร โฆษกฝ่ายประชาสัมพันธ์ ซึ่งการจัดงานบุญ เขาใช้ชื่อกรรมการวัด หรือคณะกรรมการจัดงาน และเมื่อตรวจสอบไปยังสำนักพัฒนาธุรกิจการค้า พบว่าบริษัท ขันติธรรมก้าวหน้า จำกัด จดทะเบียนเมื่อปี 2555 แต่ไม่ส่งงบการเงิน

นอกจากนี้ พระแก้วมรกตจำลอง ที่กล่าวอ้างว่าทำมาจากหยกนั้น ได้ประสานผู้เชี่ยวชาญจากกรมศิลปากรร่วมตรวจสอบแล้ว น่าจะทำด้วยเรซิ่นผสมผงหิน มูลค่าไม่น่าเกิน 30 ล้านบาท จึงต้องแจ้งความดำเนินคดีกับพระวิรพล ในข้อหาฉ้อโกงประชาชนด้วย

"ตอนนี้ถือว่าขาดจากความเป็นพระแล้ว และหากพิสูจน์ได้ด้วยว่ามีภรรยาและมีบุตรจริง ก็ถือว่าแต่งกายเลียนแบบสงฆ์ ทั้งยังทำความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เนื่องจากเผยแพร่คลิปวีดีโอผ่านทางยูทูบ รวมทั้งผิดตามพ.ร.บ.ฟอกเงิน และพ.ร.บ.ศุลกากร"

พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รองผบก.ป. กล่าวว่า จะเร่งรวบรวมพยานหลักฐาน ใครเกี่ยวข้องต้องเรียกมาสอบปากคำ จากนั้นจึงจะออกหมายเรียกพระวิรพล หากมีความคืบหน้าพร้อมจะแจ้งต่อสื่อมวลชนทันที

วันเดียวกันนี้ นายสุขุม วงประสิทธิ ประธานเครือข่ายบ้านวิมุติธรรม ตั้งอยู่สำนักสงฆ์ป่าขันติธรรม นายเริงศักดิ์ กำธร ได้เข้าพบร.ต.ท.ชลิต มณีพราว พนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. ขอให้สืบสวนข้อเท็จจริงกรณีภาพถ่ายคล้ายพระวิรพลนอนอยู่กับสีกา ว่าเป็นภาพหลวงปู่เณรคำจริงหรือไม่ ใครเป็นผู้นำภาพมาเผยแพร่ทางอินเตอร์เน็ต เพราะภาพนี้เผยแพร่มาตั้งแต่ 5 ปีก่อน เป็นฝีมือของนักเรียนหญิงชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย โรงเรียนแห่งหนึ่งในจ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นลูกของอดีตกรรมการสำนักสงฆ์ นำไปมอบให้กับครูคนหนึ่ง เพื่อหวังทำลายชื่อเสียงของหลวงปู่เณรคำ โดยหากตรวจพิสูจน์แล้วเป็นภาพจริง ขอให้ประสาน พศ. มหาเถรสมาคม และเจ้าคณะจังหวัด เพื่อทำพิธีลาสิขาบทหลวงปู่เณรคำ แต่หากเป็นภาพตัดต่อ ขอให้ดำเนินคดีกับผู้ตัดต่อภาพและเผยแพร่

นายสุขุมกล่าวว่า สำหรับยอดเงิน 200 ล้านบาท ก็เป็นเงินที่ญาติโยมถวายเพื่อใช้สร้างวัด และสำนักสงฆ์ทั่วประเทศที่ยังไม่เสร็จ อีกทั้งเป็นเงินที่ได้มาจากการทำบุญ บริจาค และติดกัณฑ์เทศน์ ผิดตรงไหน เพราะไม่ใช่เงินจากการทำผิดกฎหมาย ทั้งนี้ จะขอให้ทนายความเข้ามาช่วยเรื่องคดีที่เกิดขึ้น หากพบว่ามีการกล่าวหาหลวงปู่ที่ใหน จะแจ้งความดำเนินคดีทันที

"หลวงปู่กลับประเทศไทยแน่นอน แต่คงต้องขอตั้งหลัก เพื่อหารือนักกฎหมาย โดยคงต้องใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ เพราะแม้ว่าท่านจะเป็นพระ แต่ก็เป็นประชาชนคนหนึ่ง ที่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย"

นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวว่า ได้ให้สำนักคดีความมั่นคงสืบสวนโดยเร็ว ซึ่งปปง.ได้แถลงผลตรวจสอบแล้ว พบความผิดปกติทางการเงิน ดังนั้น ดีเอสไอจะขอข้อมูลจาก ปปง. มาดำเนินการต่อ เนื่องจากปปง.ตรวจสอบทางแพ่งเท่านั้น ขณะที่ดีเอสไอสามารถทำคดีอาญาได้

ขณะเดียวกัน ได้รับคดีที่ รศ.นพ.กำจร ตติยกวี รองเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) ขอให้ตรวจสอบมหาวิทยาลัยสันติภาพโลกว่าเข้าข่ายฉ้อโกงประชาชนหรือไม่เป็นคดีพิเศษ เนื่องจากเข้าข่ายความผิดเกี่ยวกับพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เพราะลงโฆษณาชวนเชื่อ จึงถือเป็นความผิดตามพ.ร.บ.แนบท้ายการสอบสวนคดีพิเศษ และจะขยายผลไปถึงกรณีฉ้อโกงประชาชน จากการเปิดรับบริจาคขอวัดป่าขันติธรรม เนื่องจากเป็นคดีความผิดเกี่ยวเนื่องเกี่ยวพัน

ทั้งนี้ พศ.ตรวจสอบกรณีดังกล่าวภายหลังนายสุขุม วงศ์ประสิทธิ ลูกศิษย์หลวงปู่เณรคำ ระบุว่าจบการศึกษาปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยดังกล่าว แต่ข้อมูลจากสกอ.ยืนยันว่า ไม่ได้รับอนุญาตให้จัดตั้งเป็นสถาบันอุดมศึกษา จึงไม่มีอำนาจให้ปริญญาบัตรกับบุคคลใด และไม่สามารถใช้คำว่ามหาวิทยาลัยได้
กำลังโหลดความคิดเห็น