ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - อธิการบดี ม.สันติภาพโลกเปิดสำนักงานแถลงที่เชียงใหม่ ยันพร้อมให้ดีเอสไอตรวจสอบหลังถูกจัดเป็นคดีพิเศษ ระบุเป็นสมาชิก USDLA ที่อเมริกาจัดเรียนทางไกลได้ ไม่ขึ้นตรงต่อ สกอ. จะบอกว่าผิด กม.ไม่ได้ แจงไม่รู้จัก “เณรคำ-สุขุม” ส่วนเรื่องเก็บเงินแลกปริญญา มี ม.สันติภาพโลก 3 แห่งต้องระบุว่าเจ้าไหน ยันของตนเก็บแค่ 15,000 บาท ชี้สื่อคอยปั่นกระแสทำเรื่องลุกลาม แต่ยังเดินหน้ามอบปริญญา พร้อมเตรียมจัดการเรียนการสอนด้วย
วันนี้ (4 ก.ค.) นายสวัสดิ์ บันเทิงสุข อธิการบดีมหาวิทยาลัยสันติภาพโลก เปิดสำนักงานมหาวิทยาลัย เลขที่ 19 ถนนเทพฤทธิ์ ต.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ แถลงถึงกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ รับกรณีการจัดตั้งมหาวิทยาลัยสันติภาพโลก และการมอบปริญญาบัตรโดยไม่ได้รับอนุญาตไว้เป็นคดีพิเศษ พร้อมแต่งตั้งคณะพนักงานสอบสวนทำการสอบสวนในประเด็นต่างๆ ว่าพร้อมให้ดีเอสไอตรวจสอบ รวมทั้งพร้อมให้ข้อมูล เนื่องจากมั่นใจว่าเป็นไปโดยถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ
การแถลงข่าวของนายสวัสดิ์ครั้งนี้มีขึ้นหลังจากมีรายงานว่าเจ้าหน้าที่จากศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษ พื้นที่ภาคเหนือ ดีเอสไอ จะเข้าตรวจสอบสำนักงานของมหาวิทยาลัยที่เชียงใหม่ หลังจากที่ดีเอสไอได้รับเรื่องไว้เป็นคดีพิเศษ ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องจากกรณีที่นายสุขุม วงศ์ประสิทธิ์ ศิษย์เอกของหลวงปู่เณรคำ กล่าวอ้างว่าเป็นด็อกเตอร์จากมหาวิทยาลัย และนำไปสู่การเปิดเผยข้อมูลว่ามหาวิทยาลัยสันติภาพโลกอาจทำผิดกฎหมายในหลายประเด็น เช่น จัดตั้งมหาวิทยาลัยและการมอบปริญญาบัตรโดยไม่ได้รับอนุญาต การเรียกเก็บค่าใช้จ่ายในการมอบปริญญาบัตร หรือการกล่าวอ้างถึงมหาวิทยาลัยในต่างประเทศ เป็นต้น
โดยนายสวัสดิ์ ซึ่งอดีตเคยเป็นอาจารย์คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า มหาวิทยาลัยสันติภาพโลกเกิดขึ้นจากวัตถุประสงค์ที่ต้องการส่งเสริมการศึกษาที่สามารถเรียนได้จากทุกแห่ง ซึ่งในการก่อตั้งมหาวิทยาลัยยอมรับว่า ไม่ได้ยื่นขออนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอุดมศึกษา (สกอ.) เนื่องจากเห็นว่าแนวคิดทางการศึกษาและวิธีการดำเนินการแตกต่างกัน อีกทั้งหากขอตั้งเป็นมหาวิทยาลัยเชื่อว่า สกอ.ก็จะไม่อนุมัติ อย่างไรก็ตาม ในกระบวนการจัดตั้งมหาวิทยาลัยได้เข้าเป็นสมาชิกของสมาคมการศึกษาทางไกลแห่งสหรัฐอเมริกา (United States Distant Learning Association : USDLA) ซึ่งทำให้มีสิทธิที่จะดำเนินการจัดการเรียนการสอนในระบบทางไกลได้
นายสวัสดิ์กล่าวว่า หลังจากก่อตั้งมหาวิทยาลัย และทำพิธีสถาปนามหาวิทยาลัยไปเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2555 ได้มอบปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ไปแล้วกว่า 300 รายโดยที่ยังไม่จัดการเรียนการสอน มีเพียงการมอบปริญญาแก่ผู้ที่มหาวิทยาลัยเห็นว่ามีความเหมาะสม และผ่านการคัดกรองจากคณะกรรมการของมหาวิทยาลัยแล้วเท่านั้น โดยคุณสมบัติของผู้ที่จะได้ปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ต้องเป็นผู้ที่มีความประพฤติดี ได้รับการยกย่องจากสังคม มีค่าใช้จ่ายในการรับปริญญารายละ 15,000 บาท ซึ่งจะนำไปใช้ในการตัดชุดครุย และจัดเตรียมพิธีการมอบปริญญาบัตร และในอนาคตหากเห็นว่าผู้ที่รับปริญญามีความประพฤติที่ไม่เหมาะสมก็จะมีการเรียกคืนปริญญาบัตรด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม นายสวัสดิ์ยอมรับว่าปัจจุบันมหาวิทยาลัยสันติภาพโลก หรือ WPU ที่ตนดูแลไม่ได้ดำเนินกิจกรรมร่วมกับมหาวิทยาลัยสันติภาพโลก 2 หรือ WPU2 ที่มีนายศุภณัฐ ดอนจันทร์ เป็นอธิการบดี และ World Peace Academy Cyber University Pakistan ที่มี ม.ร.ว.จิราคม กิติยากร เป็นประธานบริหารกิตติมศักดิ์ เนื่องจากมีความเห็นที่ไม่ตรงกันเกี่ยวกับแนวทางการจัดการศึกษา และการจัดเก็บค่าใช้จ่ายต่างๆ การกล่าวหาว่ามหาวิทยาลัยสันติภาพโลกมีการเรียกเก็บเงินเพื่อให้ได้ปริญญานั้นต้องระบุด้วยว่าเป็นมหาวิทยาลัยใดใน 3 แห่ง แต่ในส่วนที่ตนรับผิดชอบ ยืนยันว่าไม่มีเหตุลักษณะที่ว่าแน่นอน
นายสวัสดิ์กล่าวว่า ไม่เคยรู้จักหลวงปู่เณรคำ หรือนายสุขุม ศิษย์เอกของหลวงปู่เณรคำ ที่อ้างว่าเป็นด็อกเตอร์จากมหาวิทยาลัยสันติภาพโลก ส่วนการที่ สกอ.ระบุว่ามหาวิทยาลัยไม่สามารถอ้างว่าเป็นมหาวิทยาลัยได้เนื่องจากไม่ได้รับอนุญาตจาก สกอ.นั้น ต้องเข้าใจว่ามหาวิทยาลัยของตนไม่ได้อยู่ในอำนาจของ สกอ.แต่มีการจดทะเบียนในรูปแบบห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลเพื่อให้ถูกต้องในการเป็นสมาชิกกับ USDLA อยู่แล้ว จึงมีสิทธิที่จะดำเนินการ
นอกจากนี้ การให้บริการด้านการศึกษาเป็นสิทธิที่บัญญัติไว้ตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดที่กฎอื่นจะมาล้มล้างมิได้ และมหาวิทยาลัยก็ไม่ใช่คำที่บัญญัติให้ สกอ.ใช้ได้เพียงผู้เดียวเท่านั้น ดังนั้นตนยืนยันที่จะดำเนินการต่อไป โดยจะไม่มีการขออนุญาต สกอ.แน่นอนเพราะถือว่าเป็นการจัดการศึกษาคนละแนวทางกัน ส่วนในอนาคตนอกเหนือจากการมอบปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์แล้ว ยังเตรียมที่จะจัดการเรียนการสอนทางไกลเพิ่มขึ้นอีกด้วย
นายสวัสดิ์กล่าวถึงกรณีที่มีสื่อบางแห่งรายงานว่า มหาวิทยาลัยสันติภาพโลกมีการจดทะเบียนเป็นโรงเรียนอนุบาลแต่เปิดเป็นมหาวิทยาลัย ว่าเป็นการให้ข้อมูลผิดต่อสาธารณะ โดยสื่อดังกล่าวมาดูที่สำนักงานแห่งนี้แล้วพบเห็นหลานของตน ซึ่งเป็นเด็กเล็กเล่นกับเพื่อนในละแวกใกล้เคียง แล้วเข้าใจเอาเองว่าสถานที่นี้เป็นโรงเรียนอนุบาล พร้อมทั้งนำเสนอข่าวออกไปโดยที่ตนไม่มีโอกาสแก้ตัว
ขณะเดียวกันยังมีความพยายามของสื่ออีกหลายแห่ง ทั้งผู้ประกาศข่าวชื่อดังจากสถานีโทรทัศน์รายใหญ่ที่นำเสนอข่าวเกี่ยวกับมหาวิทยาลัยอย่างต่อเนื่อง หรือการเคลื่อนไหวของนายเสกสรร ประเสริฐ ผู้อำนวยการหนังสือพิมพ์เบาะแส ที่เคยได้รับปริญญาจากมหาวิทยาลัย และมีปัญหาส่วนตัวกับทางมหาวิทยาลัยคอยนำเสนอข่าว จนกระทั่งดีเอสไอรับเรื่องดังกล่าวเป็นคดีพิเศษ ตนจึงตัดสินใจแถลงข่าวเพื่อเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนได้ซักถาม และชี้แจงข้อมูลให้สื่อมวลชนได้ทราบเพื่อให้เกิดความชัดเจน
สำหรับการมอบปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์แก่บุคคลต่างๆ นั้นเป็นไปเพื่อให้กำลังใจแก่ผู้ที่ทำความดี และเพื่อเสริมสร้างศักดิ์ศรีและความดีงามของมนุษยชาติ รวมทั้งมุ่งหวังให้ผู้ที่รับปริญญาประพฤติตนเป็นคนดี และถ่ายทอดแนวคิดนี้ออกไปเพื่อนำไปสู่สันติภาพในโลก
แต่ในขณะเดียวกันก็ได้แจ้งต่อผู้ที่ได้รับปริญญาทุกคนแล้วว่าปริญญาดังกล่าวไม่ได้รับการรับรองจาก สกอ. หรือสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) จึงไม่สามารถนำไปอ้างอิงหรือใช้ตำแหน่งด็อกเตอร์นำหน้าได้ เพียงแต่ที่ผ่านมามีผู้ที่ได้รับปริญญาหลายรายได้ระบุตำแหน่งด็อกเตอร์ไว้หน้าชื่อของตน ซึ่งหลังจากนี้จะมีการทำความเข้าใจกับผู้ที่ได้รับรางวัล พร้อมทั้งจะพิจารณาการทำพิธีมอบปริญญาบัตรใหม่ โดยอาจจะมอบเดือนละครั้ง
ส่วนการตรวจสอบของดีเอสไอ หากพบว่าตนไม่สามารถดำเนินการได้ก็คงต้องย้ายไปดำเนินการที่อื่น เนื่องจากเป็นมหาวิทยาลัยสันติภาพโลกที่สามารถดำเนินการ ณ ที่ใดในโลกก็ได้ แต่ในเมื่อเป็นคนไทยจึงอยากอยู่ในประเทศไทย และหากไม่มีปัญหาก็จะมีการจัดการเรียนสอนและมอบปริญญาต่อไป
