“เสียหายใหญ่แล้วค่ะ ทหารพลีชีพ 8 นาย บาดเจ็บ 2 ท่านอาจารย์ ดร.ป. ค่ะ ช่วยวิเคราะห์ให้ความรู้ในมุมมองของ ดร.ให้หน่อยนะค่ะ แพต เป็นห่วงเรื่องนี้มากค่ะ ขอบคุณค่ะ”
ข่าวระบิดรถทหารยะลา เจ็บ 2 นาย ตาย 8 ศพ เป็นสงครามจรยุทธ์ของฝ่ายมุสลิมที่ต้องการแบ่งแยกดินแดนแต่ทางการไทยเรียกว่า “การก่อการร้ายรายวัน” และเรียก “โจรใต้” ซึ่งตามข่าว พวกเขาลอบวางระเบิดรถยนต์ทหารที่ผลัดพัก โดยเป็นทหารสังกัดกองร้อยทหารราบที่ 4021 (ร้อย ร.4021) หน่วยเฉพาะกิจยะลา 13 เหตุเกิดขึ้นในขณะที่ทางหน่วย เดินทางกลับบ้านในช่วงลาพัก บนถนนในหมู่บ้าน อ.กรงปินัง ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 นาย (และชาวบ้าน 2 ราย) มีทหารเสียชีวิต 8 นาย
วันนี้คุณหมอแพต ปุณชิตา ได้เป็นห่วงเรื่องปัญหาชายแดนใต้ ที่มีระเบิดรายวันและทหารเสียชีวิตเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายความมั่นคงและกองทัพตกเป็นฝ่ายรับ ซึ่งถือว่าเป็นความเสียหายอย่างมาก ที่คนในกองทัพขาดนักปราชญ์ ขาดเสนาธิการที่เชี่ยวชาญทางด้านการเมือง
สภาพความเป็นจริงทางใต้คือพี่น้องมุสลิม (บางส่วน) ทำสงครามจรยุทธ์ทำสงครามที่ไม่ประกาศ เพื่อบ่อนทำลายอำนาจรัฐไทย และใช้การเมืองสากลมุสลิมคอยเป็นฉากบัง ปกป้อง
แต่รัฐบาลและกองทัพไม่ยอมรับความเป็นจริง โดยเข้าใจว่าเป็นโจรกระจอกบ้าง เป็นโจรใต้บ้าง ต้องเรียกว่า “กองโจรมุสลิมแบ่งแยกดินแดน” เพราะถ้าพูดว่า “โจรใต้” เป็นการพูดที่เหมารวมคนใต้ทั้งหมด มันทนไม่ได้กับการเขียนอย่างนั้น ผลักคนใต้ทั้งหมดให้เป็นโจร ผลักคนใต้ให้ไปร่วมมือกับเหล่าโจรแบ่งแยกดินแดน ซึ่งไม่ยุติธรรมกับคนใต้อื่นๆ เลย
พรรคพวกบอกว่า มันเจ็บอก เจ็บใจทุกทีที่อ่านหนังสือพิมพ์ไทยรัฐที่เขียนว่า “โจรใต้คาร์บอมถล่มรถทหารดับ 5” “บึมร้านทองยะลา โจรใต้กวาดสี่แสน” “โจรใต้ป่วนไม่เลิก” เจ็บใจจริงๆ ทำไมไม่ใช้ศัพท์อื่นให้ตรงประเด็น เช่น “กองโจรมุสลิมปล้นร้านทอง กวาดไปสี่แสน” หรือ “กองโจรมุสลิมคาร์บอม ถล่มรถทหารดับ 5” “กองโจรมุสลิมป่วนไม่เลิก” ซึ่งเขียนให้มันตรงประเด็น หากเขียนไม่ตรงประเด็น มันก็กลายเป็นการเขียนบิดเบือน หรืออคติ และทำลายคนใต้ทั้งหมด คนใต้กลายเป็นโจรใต้ เขียนแบบนี้ใครได้ประโยชน์ ฝ่ายแบ่งแยกดินแดนเขาได้ประโยชน์
เลิกเขียนเสียเถอะหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่เอ๋ย จะทำให้คนใต้ไม่อ่านข่าวไทยรัฐ ช่วยกันนะพี่น้องสื่อทั้งหลาย ช่วยกันตักเตือนช่วยกันวิเคราะห์ด้วยเมตตากันจริงๆ ว่าช่วยกันเขียนให้ตรงประเด็นว่าใครทำความรุนแรง ใครคิดแบ่งแยกดินแดน
สิ่งที่เกิดขึ้นทางใต้ บอกกันตรงๆ บอกให้คนไทยรู้ความจริง บอกให้พวกเขารู้ว่าการแบ่งแยกดินแดนสำหรับประเทศไทยนั้นทำไม่ได้แล้ว ด้วยเหตุที่ว่า
1. ประเทศไทยหรือสยาม ได้ประกาศตั้งรัฐชาติ (Nation State) ซึ่งเป็นรัฐสมัยใหม่ต่อชาวโลก เมื่อ 2434 ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ฉะนั้นที่ดินทุกตารางนิ้ว ใครจะแบ่ง ใครจะแย่งเอาไปไม่ได้อีกแล้ว หากถูกแย่งเอาไป ก็ต้องเอาคืนมา เช่น จ.ลานช้าง จ.จำปาศักดิ์ ในลาว และ จ.พระตะบอง จ.พิบูลสงคราม ซึ่งฝรั่งเศสแย่งไปด้วยอำนาจบาตรใหญ่ และเขาพระวิหารที่เขมร แย่งเอาไป ด้วยการเมืองสากลที่กว้างขว้างกว่า ด้วยเล่ห์เพทุบายที่เหนือกว่า เราคนไทยก็ต้องคิดเอาคืนมา ที่เราเสียไป ก็เพราะไทยมีการปกครองระบอบเผด็จการ แต่หลอกลวงว่าเป็นประชาธิปไตย ซึ่งสาเหตุหลักคืออำนาจอธิปไตยเป็นของคนเพียงหยิบมือเดียวในยุคนั้น จนถึงยุคนี้
2. ด้วยกฎหมายรัฐธรรมนูญไทยทุกฉบับ “มาตรา 1 ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียว จะแบ่งแยกมิได้”
ทั้งสองอย่างนี้ จะต้องให้รู้แก่ประชาชน รู้ทั่วถึงกันหมด
สรุปพรรคใด กลุ่มการเมืองใด ศาสนาใดๆ คิดจะแบ่งแยกดินแดนไม่ได้ กลายเป็นกบฏมีความผิดต่อความมั่นคงของรัฐ ให้ประชาชนทุกคนต่างก็รู้ว่า พวกโจรแบ่งแยกดินแดนมีความผิดต่อความมั่นคงแห่งรัฐ
ต่อไปนี้กองทัพและประชาชนไทย จะต้องรู้ว่า ประเทศไทยมีการปกครองแบบเผด็จการโดยยึดเอากฎหมายรัฐธรรมนูญเป็นศูนย์กลาง ซึ่งการปกครองชนิดนี้มีผู้ปกครองหรือรัฐบาลเป็นศูนย์กลาง โดยรัฐบาลใช้กฎหมายรัฐธรรมนูญและกฎหมายอื่นๆ เป็นเครื่องมือในการบริหารและมีการคอร์รัปชันกันอย่างมโหฬารในทุกๆ รัฐบาล
เพราะการปกครองชนิดนี้ ที่เขาหลอกลวงและอ้างว่าเป็นระบอบประชาธิปไตย ซึ่งประชาชนกลายเป็นทาสทางการเมือง กลายเป็นกระบวนพิธีกรรมทางการเมือง ใครมีเงินมากซื้อเสียงได้มากก็จะชนะไป ประชาชนต้องลื่นไหลตามไปตามตัวบทกฎหมายที่เขาวางไว้ เช่น การบังคับให้ไปเลือกตั้ง เป็นต้น “น้ำต้องไหลไปตามคลองคด ฉันใด ปวงชนไทยก็ต้องไหลไปตามตัวบทกฎหมายที่กดขี่ ขูดรีด ฉันนั้น”
กองทัพ ปัญญาชนและประชาชนจะต้องรู้ว่า การปกครองเผด็จการทุกชนิด ไม่ว่าอ่อนหรือแข็ง มาจากการเลือกตั้งหรือว่ารัฐประหาร จะไม่มีหลักการปกครองโดยธรรม ซึ่งก็หมายความว่า ไม่มีระบอบการเมืองของประชาชน ไม่มีความยุติธรรมให้แก่ประชาชนอย่างแท้จริง นั่นก็หมายความว่าประชาชนไม่มีจุดหมายร่วมทางการเมือง มีแต่การเมืองขอนักการเมือง ประชาชนเป็นทาส
เมื่อการเมืองของประชาชนไม่มี ประชาชนก็ต้องมีการเมืองของประชาชนเอง แบ่งพรรค แบ่งฝ่าย ต่างพรรค ต่างฝ่าย ต่างจุดหมาย ล้วนแล้วแต่มีประโยชน์แอบแฝงต่างกันเพราะอาชีพต่างกันและต่างความคิดกัน แต่ประชาชนซึ่งก็ต้องไปพึ่งพิงพรรคการเมือง จึงกลายเป็นทาสของนักการเมืองไป เช่น ราคาข้าว ที่แรกให้ 15,000 บาทต่อเกวียน เพื่อซื้อเสียงชาวนาทางอ้อม ชาวนาก็เชื่อ แต่เราเคยเขียนบอกว่า มันเป็นนโยบาย “ลูกกวาดอาบยาพิษของทักษิณ” แล้วมันก็เป็นจริง ทำไปได้ปีกว่าปัญหาคอร์รัปชันมันใหญ่โตเกินที่จะแก้ ขาดทุนสองแสนล้าน เงินสองแสนล้านถามว่าเงินใครที่รัฐบาลทำตกหล่น มันก็เป็นเงินของคนไทยทุกคนตอนนี้ลดลงมาเกวียนละ 12,000 บาท ถามว่ารัฐบาลทำถูกต้องไหม ตอบได้เลยว่า โคตรแห่งการทำผิด ทำผิดต่อชาวนา หลอกล่อชาวนาเพื่อจะเอาคะแนน ก็เท่านั้นเอง แต่ชาวนารู้ไม่เท่าทันความยากจนมันบังตาด้วยความซื่อ เลยถูกหมาจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ มันหลอกลวงเอา
กฎหมายรัฐธรรมนูญ เป็นเครื่องมือ เป็นวิธีการซึ่งเป็นคนละส่วนกับระบอบประชาธิปไตยจริงๆ มันไม่สามารถเป็นจุดศูนย์กลางทางการเมืองของประชาชนได้ รัฐธรรมนูญที่ปราศจากจุดหมายของปวงชน หรือรัฐธรรมนูญที่ปราศจากหลักการปกครองโดยธรรม สภาพที่เป็นอยู่ภายใต้การเมืองระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญ จึงมีลักษณะ ร้อยคนร้อยจุดหมาย พันคนพันจุดหมาย ล้านคนล้านจุดหมาย
ในขณะที่คนอีกจำนวนหนึ่ง เขามีเอกภาพ แม้จะมีน้อยกว่าเขาก็เข้มแข็งกว่าในทางการเมือง
เพราะระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญเป็นเหตุแห่งความหายนะของชาติทุกๆ ด้าน เป็นเหตุแห่งความขัดแย้ง เป็นเหตุแห่งการทำลายความก้าวหน้าของประชาชนและชาติ เป็นสัจธรรมจริงที่ว่า “เมื่อไม่มีจุดหมาย (จุดหมายร่วมของปวงชน, ระบอบ,หลักการ) ก็ไม่มีหนทาง เมื่อไม่มีหนทางก็ไม่มีความก้าวหน้า เมื่อไม่มีความก้าวหน้า อุปมาพายเรือในอ่างน้ำ” นี่สภาพที่แท้จริงที่เป็นอยู่ของประชาชนไทยและประเทศไทย ประเทศไทยจึงล้าหลังกว่าประเทศเกิดใหม่ ส่วนจุดหมายบุคคล ใครเลวมาก มีอิทธิพลมาก ก็ยิ่งได้ประโยชน์ เช่น พวกนักการเมืองที่ยึดถือระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญ แต่พวกเขาพูด สำรอกทุกครั้งออกมาว่า “นี่คือระบอบประชาธิปไตย” ดูคำพูดทักษิณ, ยิ่งลักษณ์, อภิสิทธิ์ และนักการเมืองอื่นๆ ต่างก็พูดกรอกหูชาวบ้านว่าเป็นระบอบประชาธิปไตย ซึ่งมันพูดหลอกลวงที่สุด จะว่าไปนะ พวกพรรคการเมืองมันโง่เรื่องระบอบประชาธิปไตยที่สุด แต่มันฉลาดแกมโกงเรื่องระบอบเผด็จการที่สุดแล้วก็พูดหลอกลวงว่าเป็นระบอบประชาธิปไตยๆๆๆ
ขนาดว่า พวกเขากำลังจะออกกฎหมาย ด้วยการยกมือให้คนกระทำความผิดทางอาญาให้พ้นผิด และ นช.ที่ศาลได้ตัดสินแล้ว คดีสิ้นสุดแล้วแต่มันหนีอยู่เสมือนหนึ่งไม่เคยมีการกระทำความผิด พวกมันก็ยังทำได้ แต่ก็เห็นยังพร่ำเพ้อว่าเป็นระบอบประชาธิปไตยๆๆๆ
กองทัพแห่งชาติ ปัญญาชนและประชาชนผู้รักชาติทั้งหลายโปรดทราบเถิดว่า รัฐบาลภายใต้ระบอบเผด็จการ (ไม่มีหลักการปกครองโดยธรรมและอำนาจอธิปไตยเป็นของพวกพรรคการเมือง นายทุนเพียงหยิบมือเดียว) และกองทัพที่อยู่ภายใต้ระบอบเผด็จการทุกชนิด (ศึกษาให้ถ่องแท้เถิด) “ขัดแย้งที่ไหนแพ้ที่นั้น รบที่ไหนแพ้ที่นั้น” นี่คือความจริงที่ได้พิสูจน์มาแล้ว 80 กว่าปี ที่ผ่านมาทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต กองทัพก็จะสูญเสียนายทหาร ตำรวจ มากขึ้นเรื่อยๆ
ภายใต้การเมืองระบอบเผด็จการที่สั่งสมมายาวนานกว่า 80 ปี นั่นก็หมายความว่า ได้สั่งสมความอ่อนแอ ได้สั่งสมความเป็นเผด็จการ สั่งสมสภาพการกดขี่และขูดรีดประชาชนมากขึ้นๆ สั่งสมความโง่เขลาของนักการเมืองและประชาชน (นักการเมืองฉลาดประชาชนก็ฉลาด) สั่งสมความล้าหลัง สั่งสมความโง่งมงาย สั่งสมความปลิ้นปล้อน กะล่อน ตอแหล อุบาทว์จัญไรของนักการเมือง (ช่วยคิดต่อด้วยเถิด) ฯลฯ
เมื่อสภาพความเป็นจริง การดำรงอยู่ของระบอบเผด็จการมันเป็นเช่นนี้
1. ระบอบเผด็จการ (อำนาจอธิปไตยเป็นของนักการเมืองผสมทุนเพียงหยิบมือเดียว ดูทักษิณ) เมื่อประชาชนต่อต้าน หากหน้าด้าน จะถูกรัฐประหารอย่างง่ายดายที่สุด (แต่น่าเสียดายพอรัฐประหารเสร็จก็ไปร่างกฎหมายรัฐธรรมนูญใหม่ทุกที เพราะผู้นำทำรัฐประหารและนักวิชาการมันเป็นพวกลัทธิเผด็จการรัฐธรรมนูญ พูดง่ายๆ เป็นทายาทของคณะราษฎรที่สืบทอดกันมาผิดๆ อย่างร้ายแรงต่อชาติ)
2. เมื่อประชาชนที่ลุกขึ้นมาต่อต้านรัฐบาล รัฐบาลของระบอบเผด็จการจะกลัวมากๆ เพราะรู้ว่าตกเป็นฝ่ายรับ ฝ่ายไหนตกเป็นฝ่ายรับฝ่ายนั้นแพ้เสมอไป ต่อไปนี้อาจจะแพ้สิ้นตระกูลก็ได้ ก็ดูกันต่อไป
3. พรรคกองกำลังติดอาวุธ เช่น กองโจรมุสลิมแบ่งแยกดินแดน 3 จังหวัดภาคใต้ไทย พวกเขามีศาสนา มีความเชื่อ มีการเมืองที่เป็นเอกภาพสูงกว่ารัฐบาลไทย แม้จะมีจำนวนน้อยกว่า พวกเขาก็จะกลายเป็นฝ่ายรุก ฝ่ายไหนเป็นฝ่ายรุกฝ่ายนั้นชนะ ฝ่ายไหนเป็นฝ่ายตั้งรับฝ่ายนั้นแพ้ระบอบเผด็จการ กองทัพภายใต้ระบอบเผด็จการตกเป็นฝ่ายรับมาตลอด จึงพ่ายแพ้ตลอดและจะสูญเสียเพิ่มขึ้นเรื่อยจนกระทั่งพวกเขาแยกดินแดนได้สำเร็จ
ฝ่ายเขารุกทางการเมืองได้ผล พูดง่ายๆ พวกเขาชนะการเมืองเพราะเป็นการเมือง (ที่เขาอ้าง) กู้ชาติ ฝ่ายรัฐบาลไทยเป็นรัฐบาลภายใต้ระบอบเผด็จการ เมื่อยกขึ้นมาอธิบายก็จะตกเป็นฝ่ายรับทุกครั้งไปเพราะ ไม่เป็นธรรม กดขี่ ขูดรีด ใช่ทั้งหมด ฝ่ายรัฐบาลระบอบเผด็จการเป็นลบทั้งหมด และพวกเขาสั่งสมมายาวนาน ซึ่งต่างจากมวลชนไทยที่ต่อต้านรัฐบาล เกิดขึ้น ดับไป เป็นครั้งคราว ไม่มีการสั่งสมความฉลาดทางยุทธศาสตร์ ทางยุทธวิธี เห็นแคบๆ เช่น เรียกร้องรัฐธรรมนูญ เรียกร้องให้รัฐบาลลาออก เป็นต้น แต่ฝ่ายมุสลิมมีการสั่งสมประสบการณ์ในทุกๆ ด้าน ปัญญา ปรัชญา ยุทธศาสตร์การเมือง ยุทธวิธีทางการเมืองยุทธศาสตร์การทหาร ยุทธวิธีทางการเมือง งานมวลชน และการข่าว ฯลฯ ของพวกเขาแน่นอนกว่าฝ่ายกองทัพภายใต้ระบอบเผด็จการ
ดังกล่าวนี้โดยย่อๆ เท่านั้น จะเห็นได้ว่า รัฐบาลไทยและกองทัพไทยภายใต้ระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญระบบรัฐสภา จะมีแต่แพ้กับแพ้ในทุกด้านเพราะสภาพการณ์ของกองทัพแพ้ทางการเมือง เพราะกองทัพแห่งชาติถือสนับสนุนการเมืองระบอบเผด็จการ (ตรงนี้กองทัพขาดคนมีปัญญาและจะเสียหายร้ายแรงเพื่อขึ้นเรื่อยๆ) เพราะกองทัพเข้าใจว่า รัฐบาลก่อนหรือรัฐบาลนี้เป็นระบอบประชาธิปไตย จึงให้ขึ้นคร่อมคอ ไปไหนต่อไป ถึงไหน แต่ผลของมันคือความเสียของชาติอย่างใหญ่หลวงนับไม่ถ้วน
แต่ยังมีช่องทางแห่งชัยชนะของประชาชน คือ กองทัพแห่งชาติ ย้ำว่ากองทัพแห่งชาติ ร่วมมือกับประชาชน ช่วยกันกดดันเพื่อนำไปสู่การโค่นระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญแล้วพระเจ้าแผ่นดินทรงสถาปนาหลักการปกครองแบบประชาธิปไตยอย่างแท้จริงหรือธรรมาธิปไตยที่เหมาะสมกับประเทศไทย สร้างเป็นเอกภาพของปวงชนในชาติ ใช้หลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9 เป็นทั้งยุทธศาสตร์และยุทธวิธีในการต่อสู้อย่างสันติให้ความเป็นธรรมอย่างสมบูรณ์ตามหลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9 เป็นการรุกกลับทางการเมืองต่อฝ่ายเผด็จการ และฝ่ายรุนแรงต่อฝ่ายแบ่งแยกดินแดน
โดยใช้อำนาจอธิปไตยอันเป็นของปวงชนโดยแท้จริง พลังอำนาจของปวงชนอันเป็นเอกภาพที่มีอำนาจยิ่งใหญ่มหึมา ย่อมทำให้อำนาจแบ่งแยกดินแดนตกเป็นฝ่ายรับทางการเมือง เมื่อกองกำลังของกองโจรแบ่งแยกดินแดน พ่ายแพ้ทางการเมือง การทหารของพวกเขาก็จะอยู่ไม่ได้ และการเมืองธรรมาธิปไตยย่อมเหนือกว่าลัทธิการเมืองใดๆ ในประเทศและในโลกปัจจุบัน ..... “ปัญญาชนในกองทัพนะมีบ้างไหม” .....
ข่าวระบิดรถทหารยะลา เจ็บ 2 นาย ตาย 8 ศพ เป็นสงครามจรยุทธ์ของฝ่ายมุสลิมที่ต้องการแบ่งแยกดินแดนแต่ทางการไทยเรียกว่า “การก่อการร้ายรายวัน” และเรียก “โจรใต้” ซึ่งตามข่าว พวกเขาลอบวางระเบิดรถยนต์ทหารที่ผลัดพัก โดยเป็นทหารสังกัดกองร้อยทหารราบที่ 4021 (ร้อย ร.4021) หน่วยเฉพาะกิจยะลา 13 เหตุเกิดขึ้นในขณะที่ทางหน่วย เดินทางกลับบ้านในช่วงลาพัก บนถนนในหมู่บ้าน อ.กรงปินัง ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 นาย (และชาวบ้าน 2 ราย) มีทหารเสียชีวิต 8 นาย
วันนี้คุณหมอแพต ปุณชิตา ได้เป็นห่วงเรื่องปัญหาชายแดนใต้ ที่มีระเบิดรายวันและทหารเสียชีวิตเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายความมั่นคงและกองทัพตกเป็นฝ่ายรับ ซึ่งถือว่าเป็นความเสียหายอย่างมาก ที่คนในกองทัพขาดนักปราชญ์ ขาดเสนาธิการที่เชี่ยวชาญทางด้านการเมือง
สภาพความเป็นจริงทางใต้คือพี่น้องมุสลิม (บางส่วน) ทำสงครามจรยุทธ์ทำสงครามที่ไม่ประกาศ เพื่อบ่อนทำลายอำนาจรัฐไทย และใช้การเมืองสากลมุสลิมคอยเป็นฉากบัง ปกป้อง
แต่รัฐบาลและกองทัพไม่ยอมรับความเป็นจริง โดยเข้าใจว่าเป็นโจรกระจอกบ้าง เป็นโจรใต้บ้าง ต้องเรียกว่า “กองโจรมุสลิมแบ่งแยกดินแดน” เพราะถ้าพูดว่า “โจรใต้” เป็นการพูดที่เหมารวมคนใต้ทั้งหมด มันทนไม่ได้กับการเขียนอย่างนั้น ผลักคนใต้ทั้งหมดให้เป็นโจร ผลักคนใต้ให้ไปร่วมมือกับเหล่าโจรแบ่งแยกดินแดน ซึ่งไม่ยุติธรรมกับคนใต้อื่นๆ เลย
พรรคพวกบอกว่า มันเจ็บอก เจ็บใจทุกทีที่อ่านหนังสือพิมพ์ไทยรัฐที่เขียนว่า “โจรใต้คาร์บอมถล่มรถทหารดับ 5” “บึมร้านทองยะลา โจรใต้กวาดสี่แสน” “โจรใต้ป่วนไม่เลิก” เจ็บใจจริงๆ ทำไมไม่ใช้ศัพท์อื่นให้ตรงประเด็น เช่น “กองโจรมุสลิมปล้นร้านทอง กวาดไปสี่แสน” หรือ “กองโจรมุสลิมคาร์บอม ถล่มรถทหารดับ 5” “กองโจรมุสลิมป่วนไม่เลิก” ซึ่งเขียนให้มันตรงประเด็น หากเขียนไม่ตรงประเด็น มันก็กลายเป็นการเขียนบิดเบือน หรืออคติ และทำลายคนใต้ทั้งหมด คนใต้กลายเป็นโจรใต้ เขียนแบบนี้ใครได้ประโยชน์ ฝ่ายแบ่งแยกดินแดนเขาได้ประโยชน์
เลิกเขียนเสียเถอะหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่เอ๋ย จะทำให้คนใต้ไม่อ่านข่าวไทยรัฐ ช่วยกันนะพี่น้องสื่อทั้งหลาย ช่วยกันตักเตือนช่วยกันวิเคราะห์ด้วยเมตตากันจริงๆ ว่าช่วยกันเขียนให้ตรงประเด็นว่าใครทำความรุนแรง ใครคิดแบ่งแยกดินแดน
สิ่งที่เกิดขึ้นทางใต้ บอกกันตรงๆ บอกให้คนไทยรู้ความจริง บอกให้พวกเขารู้ว่าการแบ่งแยกดินแดนสำหรับประเทศไทยนั้นทำไม่ได้แล้ว ด้วยเหตุที่ว่า
1. ประเทศไทยหรือสยาม ได้ประกาศตั้งรัฐชาติ (Nation State) ซึ่งเป็นรัฐสมัยใหม่ต่อชาวโลก เมื่อ 2434 ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ฉะนั้นที่ดินทุกตารางนิ้ว ใครจะแบ่ง ใครจะแย่งเอาไปไม่ได้อีกแล้ว หากถูกแย่งเอาไป ก็ต้องเอาคืนมา เช่น จ.ลานช้าง จ.จำปาศักดิ์ ในลาว และ จ.พระตะบอง จ.พิบูลสงคราม ซึ่งฝรั่งเศสแย่งไปด้วยอำนาจบาตรใหญ่ และเขาพระวิหารที่เขมร แย่งเอาไป ด้วยการเมืองสากลที่กว้างขว้างกว่า ด้วยเล่ห์เพทุบายที่เหนือกว่า เราคนไทยก็ต้องคิดเอาคืนมา ที่เราเสียไป ก็เพราะไทยมีการปกครองระบอบเผด็จการ แต่หลอกลวงว่าเป็นประชาธิปไตย ซึ่งสาเหตุหลักคืออำนาจอธิปไตยเป็นของคนเพียงหยิบมือเดียวในยุคนั้น จนถึงยุคนี้
2. ด้วยกฎหมายรัฐธรรมนูญไทยทุกฉบับ “มาตรา 1 ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียว จะแบ่งแยกมิได้”
ทั้งสองอย่างนี้ จะต้องให้รู้แก่ประชาชน รู้ทั่วถึงกันหมด
สรุปพรรคใด กลุ่มการเมืองใด ศาสนาใดๆ คิดจะแบ่งแยกดินแดนไม่ได้ กลายเป็นกบฏมีความผิดต่อความมั่นคงของรัฐ ให้ประชาชนทุกคนต่างก็รู้ว่า พวกโจรแบ่งแยกดินแดนมีความผิดต่อความมั่นคงแห่งรัฐ
ต่อไปนี้กองทัพและประชาชนไทย จะต้องรู้ว่า ประเทศไทยมีการปกครองแบบเผด็จการโดยยึดเอากฎหมายรัฐธรรมนูญเป็นศูนย์กลาง ซึ่งการปกครองชนิดนี้มีผู้ปกครองหรือรัฐบาลเป็นศูนย์กลาง โดยรัฐบาลใช้กฎหมายรัฐธรรมนูญและกฎหมายอื่นๆ เป็นเครื่องมือในการบริหารและมีการคอร์รัปชันกันอย่างมโหฬารในทุกๆ รัฐบาล
เพราะการปกครองชนิดนี้ ที่เขาหลอกลวงและอ้างว่าเป็นระบอบประชาธิปไตย ซึ่งประชาชนกลายเป็นทาสทางการเมือง กลายเป็นกระบวนพิธีกรรมทางการเมือง ใครมีเงินมากซื้อเสียงได้มากก็จะชนะไป ประชาชนต้องลื่นไหลตามไปตามตัวบทกฎหมายที่เขาวางไว้ เช่น การบังคับให้ไปเลือกตั้ง เป็นต้น “น้ำต้องไหลไปตามคลองคด ฉันใด ปวงชนไทยก็ต้องไหลไปตามตัวบทกฎหมายที่กดขี่ ขูดรีด ฉันนั้น”
กองทัพ ปัญญาชนและประชาชนจะต้องรู้ว่า การปกครองเผด็จการทุกชนิด ไม่ว่าอ่อนหรือแข็ง มาจากการเลือกตั้งหรือว่ารัฐประหาร จะไม่มีหลักการปกครองโดยธรรม ซึ่งก็หมายความว่า ไม่มีระบอบการเมืองของประชาชน ไม่มีความยุติธรรมให้แก่ประชาชนอย่างแท้จริง นั่นก็หมายความว่าประชาชนไม่มีจุดหมายร่วมทางการเมือง มีแต่การเมืองขอนักการเมือง ประชาชนเป็นทาส
เมื่อการเมืองของประชาชนไม่มี ประชาชนก็ต้องมีการเมืองของประชาชนเอง แบ่งพรรค แบ่งฝ่าย ต่างพรรค ต่างฝ่าย ต่างจุดหมาย ล้วนแล้วแต่มีประโยชน์แอบแฝงต่างกันเพราะอาชีพต่างกันและต่างความคิดกัน แต่ประชาชนซึ่งก็ต้องไปพึ่งพิงพรรคการเมือง จึงกลายเป็นทาสของนักการเมืองไป เช่น ราคาข้าว ที่แรกให้ 15,000 บาทต่อเกวียน เพื่อซื้อเสียงชาวนาทางอ้อม ชาวนาก็เชื่อ แต่เราเคยเขียนบอกว่า มันเป็นนโยบาย “ลูกกวาดอาบยาพิษของทักษิณ” แล้วมันก็เป็นจริง ทำไปได้ปีกว่าปัญหาคอร์รัปชันมันใหญ่โตเกินที่จะแก้ ขาดทุนสองแสนล้าน เงินสองแสนล้านถามว่าเงินใครที่รัฐบาลทำตกหล่น มันก็เป็นเงินของคนไทยทุกคนตอนนี้ลดลงมาเกวียนละ 12,000 บาท ถามว่ารัฐบาลทำถูกต้องไหม ตอบได้เลยว่า โคตรแห่งการทำผิด ทำผิดต่อชาวนา หลอกล่อชาวนาเพื่อจะเอาคะแนน ก็เท่านั้นเอง แต่ชาวนารู้ไม่เท่าทันความยากจนมันบังตาด้วยความซื่อ เลยถูกหมาจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ มันหลอกลวงเอา
กฎหมายรัฐธรรมนูญ เป็นเครื่องมือ เป็นวิธีการซึ่งเป็นคนละส่วนกับระบอบประชาธิปไตยจริงๆ มันไม่สามารถเป็นจุดศูนย์กลางทางการเมืองของประชาชนได้ รัฐธรรมนูญที่ปราศจากจุดหมายของปวงชน หรือรัฐธรรมนูญที่ปราศจากหลักการปกครองโดยธรรม สภาพที่เป็นอยู่ภายใต้การเมืองระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญ จึงมีลักษณะ ร้อยคนร้อยจุดหมาย พันคนพันจุดหมาย ล้านคนล้านจุดหมาย
ในขณะที่คนอีกจำนวนหนึ่ง เขามีเอกภาพ แม้จะมีน้อยกว่าเขาก็เข้มแข็งกว่าในทางการเมือง
เพราะระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญเป็นเหตุแห่งความหายนะของชาติทุกๆ ด้าน เป็นเหตุแห่งความขัดแย้ง เป็นเหตุแห่งการทำลายความก้าวหน้าของประชาชนและชาติ เป็นสัจธรรมจริงที่ว่า “เมื่อไม่มีจุดหมาย (จุดหมายร่วมของปวงชน, ระบอบ,หลักการ) ก็ไม่มีหนทาง เมื่อไม่มีหนทางก็ไม่มีความก้าวหน้า เมื่อไม่มีความก้าวหน้า อุปมาพายเรือในอ่างน้ำ” นี่สภาพที่แท้จริงที่เป็นอยู่ของประชาชนไทยและประเทศไทย ประเทศไทยจึงล้าหลังกว่าประเทศเกิดใหม่ ส่วนจุดหมายบุคคล ใครเลวมาก มีอิทธิพลมาก ก็ยิ่งได้ประโยชน์ เช่น พวกนักการเมืองที่ยึดถือระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญ แต่พวกเขาพูด สำรอกทุกครั้งออกมาว่า “นี่คือระบอบประชาธิปไตย” ดูคำพูดทักษิณ, ยิ่งลักษณ์, อภิสิทธิ์ และนักการเมืองอื่นๆ ต่างก็พูดกรอกหูชาวบ้านว่าเป็นระบอบประชาธิปไตย ซึ่งมันพูดหลอกลวงที่สุด จะว่าไปนะ พวกพรรคการเมืองมันโง่เรื่องระบอบประชาธิปไตยที่สุด แต่มันฉลาดแกมโกงเรื่องระบอบเผด็จการที่สุดแล้วก็พูดหลอกลวงว่าเป็นระบอบประชาธิปไตยๆๆๆ
ขนาดว่า พวกเขากำลังจะออกกฎหมาย ด้วยการยกมือให้คนกระทำความผิดทางอาญาให้พ้นผิด และ นช.ที่ศาลได้ตัดสินแล้ว คดีสิ้นสุดแล้วแต่มันหนีอยู่เสมือนหนึ่งไม่เคยมีการกระทำความผิด พวกมันก็ยังทำได้ แต่ก็เห็นยังพร่ำเพ้อว่าเป็นระบอบประชาธิปไตยๆๆๆ
กองทัพแห่งชาติ ปัญญาชนและประชาชนผู้รักชาติทั้งหลายโปรดทราบเถิดว่า รัฐบาลภายใต้ระบอบเผด็จการ (ไม่มีหลักการปกครองโดยธรรมและอำนาจอธิปไตยเป็นของพวกพรรคการเมือง นายทุนเพียงหยิบมือเดียว) และกองทัพที่อยู่ภายใต้ระบอบเผด็จการทุกชนิด (ศึกษาให้ถ่องแท้เถิด) “ขัดแย้งที่ไหนแพ้ที่นั้น รบที่ไหนแพ้ที่นั้น” นี่คือความจริงที่ได้พิสูจน์มาแล้ว 80 กว่าปี ที่ผ่านมาทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต กองทัพก็จะสูญเสียนายทหาร ตำรวจ มากขึ้นเรื่อยๆ
ภายใต้การเมืองระบอบเผด็จการที่สั่งสมมายาวนานกว่า 80 ปี นั่นก็หมายความว่า ได้สั่งสมความอ่อนแอ ได้สั่งสมความเป็นเผด็จการ สั่งสมสภาพการกดขี่และขูดรีดประชาชนมากขึ้นๆ สั่งสมความโง่เขลาของนักการเมืองและประชาชน (นักการเมืองฉลาดประชาชนก็ฉลาด) สั่งสมความล้าหลัง สั่งสมความโง่งมงาย สั่งสมความปลิ้นปล้อน กะล่อน ตอแหล อุบาทว์จัญไรของนักการเมือง (ช่วยคิดต่อด้วยเถิด) ฯลฯ
เมื่อสภาพความเป็นจริง การดำรงอยู่ของระบอบเผด็จการมันเป็นเช่นนี้
1. ระบอบเผด็จการ (อำนาจอธิปไตยเป็นของนักการเมืองผสมทุนเพียงหยิบมือเดียว ดูทักษิณ) เมื่อประชาชนต่อต้าน หากหน้าด้าน จะถูกรัฐประหารอย่างง่ายดายที่สุด (แต่น่าเสียดายพอรัฐประหารเสร็จก็ไปร่างกฎหมายรัฐธรรมนูญใหม่ทุกที เพราะผู้นำทำรัฐประหารและนักวิชาการมันเป็นพวกลัทธิเผด็จการรัฐธรรมนูญ พูดง่ายๆ เป็นทายาทของคณะราษฎรที่สืบทอดกันมาผิดๆ อย่างร้ายแรงต่อชาติ)
2. เมื่อประชาชนที่ลุกขึ้นมาต่อต้านรัฐบาล รัฐบาลของระบอบเผด็จการจะกลัวมากๆ เพราะรู้ว่าตกเป็นฝ่ายรับ ฝ่ายไหนตกเป็นฝ่ายรับฝ่ายนั้นแพ้เสมอไป ต่อไปนี้อาจจะแพ้สิ้นตระกูลก็ได้ ก็ดูกันต่อไป
3. พรรคกองกำลังติดอาวุธ เช่น กองโจรมุสลิมแบ่งแยกดินแดน 3 จังหวัดภาคใต้ไทย พวกเขามีศาสนา มีความเชื่อ มีการเมืองที่เป็นเอกภาพสูงกว่ารัฐบาลไทย แม้จะมีจำนวนน้อยกว่า พวกเขาก็จะกลายเป็นฝ่ายรุก ฝ่ายไหนเป็นฝ่ายรุกฝ่ายนั้นชนะ ฝ่ายไหนเป็นฝ่ายตั้งรับฝ่ายนั้นแพ้ระบอบเผด็จการ กองทัพภายใต้ระบอบเผด็จการตกเป็นฝ่ายรับมาตลอด จึงพ่ายแพ้ตลอดและจะสูญเสียเพิ่มขึ้นเรื่อยจนกระทั่งพวกเขาแยกดินแดนได้สำเร็จ
ฝ่ายเขารุกทางการเมืองได้ผล พูดง่ายๆ พวกเขาชนะการเมืองเพราะเป็นการเมือง (ที่เขาอ้าง) กู้ชาติ ฝ่ายรัฐบาลไทยเป็นรัฐบาลภายใต้ระบอบเผด็จการ เมื่อยกขึ้นมาอธิบายก็จะตกเป็นฝ่ายรับทุกครั้งไปเพราะ ไม่เป็นธรรม กดขี่ ขูดรีด ใช่ทั้งหมด ฝ่ายรัฐบาลระบอบเผด็จการเป็นลบทั้งหมด และพวกเขาสั่งสมมายาวนาน ซึ่งต่างจากมวลชนไทยที่ต่อต้านรัฐบาล เกิดขึ้น ดับไป เป็นครั้งคราว ไม่มีการสั่งสมความฉลาดทางยุทธศาสตร์ ทางยุทธวิธี เห็นแคบๆ เช่น เรียกร้องรัฐธรรมนูญ เรียกร้องให้รัฐบาลลาออก เป็นต้น แต่ฝ่ายมุสลิมมีการสั่งสมประสบการณ์ในทุกๆ ด้าน ปัญญา ปรัชญา ยุทธศาสตร์การเมือง ยุทธวิธีทางการเมืองยุทธศาสตร์การทหาร ยุทธวิธีทางการเมือง งานมวลชน และการข่าว ฯลฯ ของพวกเขาแน่นอนกว่าฝ่ายกองทัพภายใต้ระบอบเผด็จการ
ดังกล่าวนี้โดยย่อๆ เท่านั้น จะเห็นได้ว่า รัฐบาลไทยและกองทัพไทยภายใต้ระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญระบบรัฐสภา จะมีแต่แพ้กับแพ้ในทุกด้านเพราะสภาพการณ์ของกองทัพแพ้ทางการเมือง เพราะกองทัพแห่งชาติถือสนับสนุนการเมืองระบอบเผด็จการ (ตรงนี้กองทัพขาดคนมีปัญญาและจะเสียหายร้ายแรงเพื่อขึ้นเรื่อยๆ) เพราะกองทัพเข้าใจว่า รัฐบาลก่อนหรือรัฐบาลนี้เป็นระบอบประชาธิปไตย จึงให้ขึ้นคร่อมคอ ไปไหนต่อไป ถึงไหน แต่ผลของมันคือความเสียของชาติอย่างใหญ่หลวงนับไม่ถ้วน
แต่ยังมีช่องทางแห่งชัยชนะของประชาชน คือ กองทัพแห่งชาติ ย้ำว่ากองทัพแห่งชาติ ร่วมมือกับประชาชน ช่วยกันกดดันเพื่อนำไปสู่การโค่นระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญแล้วพระเจ้าแผ่นดินทรงสถาปนาหลักการปกครองแบบประชาธิปไตยอย่างแท้จริงหรือธรรมาธิปไตยที่เหมาะสมกับประเทศไทย สร้างเป็นเอกภาพของปวงชนในชาติ ใช้หลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9 เป็นทั้งยุทธศาสตร์และยุทธวิธีในการต่อสู้อย่างสันติให้ความเป็นธรรมอย่างสมบูรณ์ตามหลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9 เป็นการรุกกลับทางการเมืองต่อฝ่ายเผด็จการ และฝ่ายรุนแรงต่อฝ่ายแบ่งแยกดินแดน
โดยใช้อำนาจอธิปไตยอันเป็นของปวงชนโดยแท้จริง พลังอำนาจของปวงชนอันเป็นเอกภาพที่มีอำนาจยิ่งใหญ่มหึมา ย่อมทำให้อำนาจแบ่งแยกดินแดนตกเป็นฝ่ายรับทางการเมือง เมื่อกองกำลังของกองโจรแบ่งแยกดินแดน พ่ายแพ้ทางการเมือง การทหารของพวกเขาก็จะอยู่ไม่ได้ และการเมืองธรรมาธิปไตยย่อมเหนือกว่าลัทธิการเมืองใดๆ ในประเทศและในโลกปัจจุบัน ..... “ปัญญาชนในกองทัพนะมีบ้างไหม” .....
