xs
xsm
sm
md
lg

เพื่อไทยรีบชิงตีโวหาร ปชป.ป่าเถื่อน จี้ลาออก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย (ภาพจากแฟ้ม)
โฆษกเพื่อไทยชิงแถลงข่าว กล่าวหา ปชป.ป่าเถื่อน จี้ลาออก เป็นเผด็จการเสียงข้างน้อย แนะ “มาร์ค” ทบทวนตัวเอง โอดรัฐสภาเดินไปยากแล้ว

เมื่อเวลา 15.40 น. ที่รัฐสภา นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงว่า พฤติกรรมของ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ในสภาวันนี้ ถือเป็นการประณามตัวเองผ่านการถ่ายทอดสด เมื่อเสียงส่วนใหญ่โหวตว่าการแปรญัตติของ ส.ส.57 คน ผิดหลักการข้อบังคับ แทนที่จะยอมรับ กลับแสดงพฤติกรรมเสพติดความป่าเถื่อน โห่ฮา หนักถึงขั้นทำร้ายเจ้าหน้าที่สภา เป็นการตีรวนซ้ำซากต่อเนื่องจากการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2557 จึงขอประณาม ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ที่ทำให้ภาพรวมของฝ่ายนิติบัญญัติ และระบบรัฐสภาเสื่อมเสีย และเชื่อว่าการประชุมเรื่องอื่นๆถัดไปก็จะเจอเหตุการณ์ลักษณะแบบนี้อีก พรรคประชาธิปัตย์ต้องการทำให้ระบบรัฐสภาล้มเหลว ปล่อยให้ระบบอื่นเข้ามาแทรกหรือไม่ ตนจะรวบรวมหลักฐานยื่นประธานรัฐสภาตรวจสอบจริยธรรม และถ้าเข้าข่ายกฎหมายอื่นใดจะดำเนินการทั้งหมด

“ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ไม่เคารพกฎหมาย ไม่เคารพจริยธรรม ไม่เห็นหัวประชาชน เป็นเผด็จการเสียงข้างน้อย กระทำสิ่งที่น่าละอาย ส.ส.พวกนี้ควรลาออกไปเสีย และขอให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ไปทบทวนพฤติกรรมของตัวเอง ถ้าทำไม่ได้ก็ลาออกไปเถอะ ไปนำม็อบอย่างที่ท่านบอก วันนี้ปลาเน่ากลุ่ม ส.ส.ฝ่ายค้าน แต่ทำให้สมาชิกรัฐสภา ทั้ง ส.ส.รัฐบาล และ ส.ว. เหม็นกันไปหมด” นายพร้อมพงศ์กล่าว

นายมานิตย์ สังข์พุ่ม ส.ส.สุรินทร์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า วันนี้เหมือนยาออกฤทธิ์เต็มที่ พรรคประชาธิปัตย์กำลังลากเอาระบบสภาไปนอกสภา ตรงกันข้ามกับสิ่งที่นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ เคยบอกไว้อย่างสิ้นเชิง ซึ่งก่อนหน้านี้พรรคประชาธิปัตย์ก็เดินสายไปประสานกับม็อบต่างๆ ไว้แล้ว วันนี้คิดว่ารัฐสภาเดินไปยากแล้ว เพราะดูเจตนาของประธานรัฐสภาทั้ง 2 คนก็ไม่ผิดหลักการและเหตุผล แต่กลับต้องเจอเหตุการณ์ลักษณะนี้

นายสงวน พงษ์มณี ส.ส.ลำพูน พรรคเพื่อไทย แถลงว่า การประชุมสภาฯ ในวันนี้ตนในฐานะกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญคนหนึ่ง ในการประชุมกรรมาธิการนั้นมีข้อขัดแย้งในเรื่องระยะเวลาแปรญัญติ 15 หรือ 30 วันจะเริ่มตั้งแต่วันใด ส่วนการตัดสิทธิผู้แปรญัญตินั้นมีการหารือกันในห้องกรรมาธิการ โดยสมาชิกจำนวน 57 คน ไม่เห็นด้วยและเสนอแปรญัตติ ซึ่งเป็นการเสนอให้แก้ไขในหลักการ แต่เป็นการขัดต่อหลักการการแก้กฏหมาย และอันดับที่สองคือ การแปรญัญติหลังเวลาที่กำหนด เรื่องนี้จึงจบไปแล้ว

นายสงวนกล่าวต่อว่า พอเปิดประชุมสภากลับมีประเด็นไม่ยอมรับการทำหน้าที่ของประธานรัฐสภา ซึ่งทางประธานก็ต้องทำหน้าที่ตามกรอบของตัวเอง ทางฝ่ายค้านก็พยายามหยิบยกเรื่องเจ้าหน้าที่ตำรวจขึ้นมาตีรวนอีก โดยไม่ยอมทำการอภิปรายแปรญัญติ ซึ่งข้อบังคับก็กำหนดชัดเจนว่า หากผู้ใดไม่แปรญัตติก็จะตกไป โดยฝ่ายค้านจะไม่ยอมให้มีการเดินหน้าทำงานได้เลย เพราะใช้วิธีแบบพวกมากลากไป ส.ส.รัฐบาลกำลังถูกยึดกุญแจโดยฝ่ายค้าน

ด้าน น.ส.จารุพรรณ กุลดิลก ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า คนที่จะทำผิดนั้นจะต้องเป็นคนที่กลัวตำรวจ ซึ่งทางฝ่ายค้านรู้ดีว่าตัวเองทำผิดขอยังคับการประชุมสภาหลายข้อตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา จึงพยายามตีรวนว่าถูกตำรวจคุกคาม ตนจึงอยากถามว่าใครกันแน่ที่มีพฤติกรรมข่มขู่ประธานสภาอยู่ตลอดเวลา เรื่องนี้คงต้องให้ประชาชนตัดสินเองว่าเหตุใดอำนาจของฝ่ายนิติบัญญัติถึงเดินหน้าต่อไปไม่ได้

ทั้งนี้ นายสงวนเปิดเผยว่า ถึงแม้ว่าการพิจารณาเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญจะไม่เสร็จสิ้นก็ไม่เป็นไร แต่ตอนนี้จะต้องเน้นเรื่องของงบประมาณปี 57 เพราะมีเวลากำหนดเอาไว้แล้ว ไม่เช่นนั้นความเสียหายจะเกิดขึ้นได้

ก่อนหน้านี้ นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ ระบุการประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่องที่มาของ ส.ว. อาจมีการลักไก่พิจารณาต่อเนื่องทั้ง 3 ร่างว่า พรรคประชาธิปัตย์หลอนตัวเองเข้าขั้น เอาเข้าจริงกลัวทุกร่าง ไม่ว่าพรรคเพื่อไทยจะเสนอร่างอะไรเข้าไป คิดเองเออเอง พูดอยู่ไม่กี่คำ เอะอะ ก็ ลักไก่ สับขาหลอก จึงทำให้การอภิปรายของ ส.ส.ฝ่ายค้าน เต็มไปด้วยทัศนคติที่เป็นลบ อคติทุกอย่าง ดูได้จากการตีรวน ป่วนสภาอย่างที่ผ่านมาหลายครั้ง

ทั้งนี้ การแก้ไขที่มาของ ส.ว.ที่พรรคประชาธิปัตย์กลัวว่า ถ้าหากมาจากการเลือกตั้งทั้งหมดจะทำให้ไม่มีความเป็นกลาง เป็นสภาผัวเมียนั้น ยิ่งชัดว่านี่คือดูหมิ่นเหยียดหยามประชาชน ว่าจะไม่มีวิจารณญาณในการเลือก ดูถูกว่าประชาชนโง ถือเป็นแนวคิดอำมาตย์สุดขั้ว ทั้งที่การให้ประชาชนได้ใช้สิทธิ์ใช้เสียง และได้มีส่วนสำคัญในการตัดสินใจเลือกตัวแทนของตัวเองอย่างเต็มที่ ถือเป็นเรื่องที่ดีตามกระบวนการประชาธิปไตย ฉะนั้นการคืนสิทธิให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจจึงเป็นเรื่องที่ถูกต้องชอบธรรม เพราะประชาชนย่อมมีสิทธิเสรีภาพในการเลือกตัวแทนของตัวเองได้ ถ้าไม่มีความเชื่อมั่นในการตัดสินใจของประชาชนแล้วจะคิดให้ตัดสินใจแทนตลอดจะเป็นประชาธิปไตยได้อย่างไร

นายอนุสรณ์กล่าวถึงกรณีนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ ระบุ ขณะนี้สถานการณ์ยังไม่ถึงขั้น ให้ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ต้องลาออกเพื่อไปนำมวลชนข้างนอก เรื่องนี้ต้องเป็นมติพรรคและจะเดินสายทาบทาม 12 ม็อบสู้ หากนิรโทษกรรมคดีหมิ่นสถาบัน ว่านี่คือประชาธิปัตย์สไตล์ คือไม่มีความจริงใจกับกลุ่มใดๆ ทั้งสิ้น การไปพูดคุยกับพันธมิตร หรือเดินสายทาบทามกลุ่มต่างๆ จึงเป็นเพียงรักแท้ในคืนหลอกลวง ฝนตกขี้หมูไหล หวังรวบรวมคนผิดหวังล้มล้างรัฐบาลสนองความต้องการของตัวเองเท่านั้น โดยจะไม่ยอมเสียอะไรเลย ถือเป็นวิธีการฉลาดแกมโกง แต่อย่าหวังว่าคนพวกนี้เขาจะเชื่ออะไรง่ายๆ

ทั้งนี้ เพราะตอนนี้พรรคประชาธิปัตย์ทุนหายกำไรหดไปหมดแล้ว ไม่มีราคาพอที่จะให้เชื่อถือได้อีกต่อไป พูดจากลับกลอก ก่อนนี้บอกจะออก ตอนหลังไม่ยอมให้ ส.ส.ลาออก เพราะไม่มีความจำเป็น หวังใช้แรงงานคนอื่น ทั้งที่ตัวเองนั่งตากแอร์รอชัยชนะ แล้วที่เคยประกาศ ถ้าเป็นแกนนำจะขอตายคนแรก คงเป็นวาทกรรมยั่วยุจอมปลอมเท่านั้น เพราะหากพรรคประชาธิปัตย์จริงใจกับกลุ่มคนพวกนั้นจริง วันนี้จะไม่มัวแต่นั่งพูดว่าได้เดินสายคุยกับใครแล้วบ้าง หรือได้จับมือจูบปากกับกลุ่มใดบ้าง แต่จะต้องประกาศลุกขึ้นมานำอย่างชัดเจน ไม่หลบๆซ่อนๆอยู่ข้างหลังคนอื่น เอาฝ่ายนั้นฝ่ายนี้มาเป็นกำแพงหลบ ถ้าไม่ลงทุนอะไรเลยแล้วจะรอกำไรอย่างเดียวมันคงไม่แฟร์กับเพื่อนๆ และในขณะนี้ที่แกนนำพรรคไปยึดเวทีเขา พวกเขาก็อึดอัดและไม่สบายใจอย่างหนัก เพราะรู้ตลอดว่าประชาธิปัตย์หวังชุบมือเปิบอย่างเดียว

นายอนุสรณ์กล่าวถึงกรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลอยตัวเหนือปัญหา ไม่ร่วมประชุมสภาแต่เดินทางไปต่างประเทศว่า การทำงานของนายกฯนั้นแบ่งเป็น 2 ส่วน ชัดเจน คือ ส่วนหนึ่งเป็นงานสภา เป็นเรื่องของวิป เรื่องของ ส.ส. เรื่องของสภา อีกส่วนหนึ่งเป็นงานบริหารราชการแผ่นดิน ท่านก็ดำเนินการตามนโยบายที่ได้หาเสียงไว้กับประชาชนรวมถึงที่แถลงต่อรัฐสภา จะเห็นได้ว่าที่นายกฯไม่ตอบโต้เพราะมุ่งแต่ทำงาน ไม่ชื่นชอบแนวการใช้สำนวนโวหารเชือดเฉือนคนอื่นแทนการทำงานเหมือนผู้นำในอดีตบางคน

ส่วนที่นายอภิสิทธิ์ระบุอีกว่า การไม่ตอบโต้อะไรของนายกฯไม่ถูกตามระบอบประชาธิปไตยนั้น ก็ถือเป็นทัศนคติหรือมุมมองของแต่ละคน แต่ตนมองว่าพรรคประชาธิปัตย์มีหัวหน้าที่มีโลกทัศน์แบบนี้ จึงทำให้ไม่สามารถเอาชนะพรรคเพื่อไทยได้ และที่สำคัญคือ ไม่สามารถเอาชนะใจประชาชนคนส่วนใหญ่ของประเทศนี้ได้ เพราะประชาชนเขาเลือกคนที่จะมาบริหารประเทศจากการทำงาน ไม่ใช่คนที่ใช้ปากบริหาร และการที่นายกฯไม่ตอบโต้กลับเป็นจุดแข็งที่ทำให้พรรคประชาธิปัตย์ลงแดงตาย ที่ไม่มีคนตอบโต้ด้วย กลายเป็นฝ่ายหาเรื่องนายกฯข้างเดียว แถมเป็นการหาเรื่องกับสุภาพสตรีอีกต่างหาก เพราะประชาธิปัตย์ดีแต่เหน็บไปวันๆ เพราะฉะนั้นตนจึงไม่แปลกใจเลยที่นายอภิสิทธิ์จะกล่าวเช่นนั้น


กำลังโหลดความคิดเห็น