มีผู้อ่านหลายท่าน รวมทั้งหมอแพตปุญชิดา “ด้วยความเคารพค่ะท่าน ดร.ป. ค่ะ ท่านช่วยเขียนวิจารณ์ วิเคราะห์ บทสนทนาในคลิปฉาวโฉ่ระหว่างพลเอกยุทธศักดิ์-ทักษิณ ให้หน่อยนะค่ะ อยากฟัง อยากอ่านค่ะ ขอบคุณค่ะ”
แนวคิดสุดแสบของคนทั้งสองก็คือขาดสติยั้งคิด คิดว่ามีอำนาจแล้วจะทำอะไรก็ได้ตามใจเขา ตามที่ทั้งสองต้องการ โดยเฉพาะพวกเขาไม่เห็นหัว ไม่มีความเกรงใจ ไม่มีความจงรักภักดี นี่คือขาดสติยั้งคิดอย่างร้ายแรงต่อชาติ
นายพล ก็ประจบเจ้านายจนเสียสติ ลืมความเป็นมารากเหง้าของตนเอง คิดทำอะไรขาดการยั้งคิดอย่างร้ายแรงในฐานะเป็นถึงนายทหารยศพลเอก มันบ่งบอกว่าเงินและอำนาจมันได้ทำลายคุณธรรมของนายพลคนนี้จนหมดสิ้น
สภาพจิตใจของทักษิณหลังจากผันตัวเป็นนักธุรกิจเขามีแต่ความโลภ ความอยากได้ อยากรวยเป็นอาจิณ กิเลสความโลภเข้าครอบงำจิตใจเขาทุกวันเวลานาที ขอย้ำว่า เขามีสันดานกลายเป็นคนฉลาดแกมโกง
เรามาดู แนวคิด นโยบายของทักษิณ “ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ” อย่างเช่น
1. นโยบายจำนำข้าวเกวียนละ 15,000 บาท นี่ก็เพื่อเอาใจ หลอกชาวนาให้ไปลงคะแนน ผลออกมาทำลายชาวนา ทำลายการส่งออกข้าว ภาพรวมคือทักษิณและรัฐบาล ปูนิ่ม ทำลายกระบวนผลิตข้าวทั้งระบบ เพียงเพื่อหลอกชาวนาไปลงคะแนนให้พรรคเพื่อไทย ดุจดัง “เสื้อร้ายเจ้าเล่ห์หลอกว่าจะหาหญ้าดีๆ มาให้วัวกินอิ่มทุกวัน” แต่ท้ายที่สุดนอกจากไม่มีหญ้าให้กินแล้วยังจับวัวกินทุกวันๆ จนจำนวนวัวน้อยลงทุกวันๆ
2. นโยบายแรงงานขั้นต่ำ 300 บาทได้ทำให้ทุนคนไทยขนาดกลางต้องปิดโรงงานลงหลายหมื่นโรงงานตามข่าว คนไทยตกงานเพิ่มมากขึ้น แต่กลับทำให้ทุนข้ามชาติกระชับการผูกขาดฟันผลกำไรเพิ่มขึ้น ทักษิณเป็นนายทุนข้ามชาติ จึงได้ประโยชน์ แต่ในภาพรวมเป็นการทำลายทุนชาติ บั่นทอน แกล้งทุนชาติให้ล้มไปทั้งระบบ นับแต่นายทุนชาติ การลงทุน แรงงาน ฯลฯ ล้มไปแบบโดมิโน
3. นโยบายรถยนต์คันแรกเพื่อเอาใจทุนข้ามชาติ ทักษิณ ตระกูลชินก็ได้ประโยชน์จากนโยบายตรงนี้
ภาพรวมแล้ว ทักษิณ ตระกูลสินได้ทั้งอำนาจและเงินตรา ความมั่งคั่ง โดยการหลอกล่อประชาชน ด้วย “นโยบายลูกกวาดอาบยาพิษ” เราสู้กับทักษิณแล้ว แต่สู้สื่อทักษิณโฆษณาชวนเชื่อไม่ได้ แต่ผลมันออกมาชัดเจนว่าชาติและประชาชนมีแต่ฉิบหาย หายนะให้เห็นกันชัดๆ คนมีการศึกษา ก็เข้าใจแบบนี้กันทั้งนั้น ฯลฯ
เราจะแสดงให้เห็นว่า ทักษิณ นายพล และนักการเมืองปล้นชาติทั้งหลายต่างก็มาจากอบายภูมิ (กลัว โลภ โกรธ หลง) เพราะพวกเขาคิดเอาก่อน โลภก่อน ความโลภเป็นตัณหา คือความทะยานอยากทั้งทางอยากได้ รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส อยากได้อำนาจเช่น อยากเป็นโน่นเป็นนี่ อยากเข้าประเทศโดยไม่มีความผิดใดๆ อยากเป็นที่ปรึกษาทรัพย์สินส่วนพระองค์ เพื่อเข้าไปหาจุดอ่อนเล่นงานทรัพย์สินส่วนพระองค์ทะยานอยากอย่างแรงที่จะไม่เข้าคุก ทั้งๆ ที่เหตุผล ทักษิณต้องเข้าคุกเพราะทำผิดกฎหมายเขาหลงตนเองว่า นายกฯ ทำอะไรไม่ผิดกฎหมาย เมื่อศาลพิพากษาว่าเขาทำผิดกฎหมาย ต้องถูกลงโทษตามตัวบทกฎหมาย อย่างนี้ในสัจธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าถือว่า จิตใจของเขาตกอยู่ในอบายภูมิชัดๆ ซึ่ง ทักษิณกลัวก็เป็นอสุรกาย ทักษิณโลภก็เป็นเปรต จับได้ไล่ทันก็โกรธ ปลุกระดมให้คนเผาบ้านเผาเมือง ฯลฯ ก็เป็นสัตว์นรก และทักษิณกำลังหลงตนเองอย่างร้ายแรงว่ายึดกองทัพอยู่ในมือของเขาแล้ว อย่างเช่นจะเสนอนิรโทษ ทักษิณและพวกผ่านสภาความมั่นคงโดยให้ นายกฯ และรัฐมนตรีกลาโหมออกพระราชกำหนดนิรโทษฯ ให้ทักษิณกับพวกที่กระทำความผิดทางอาญาบ้านเมืองให้พ้นผิด อย่างนี้เรียกว่าหลงอย่างร้ายแรงก็เป็นเดรัจฉานอย่างร้ายแรง
ผู้รู้ทางพระพุทธศาสนา ก็จะไม่เข้าใกล้ เพราะถือว่าเป็นคนจิตใจต่ำ ไม่สมควรคบ
การเป็นนักการเมือง จิตใจของผู้คิดกู้ชาติ เป็นอย่างไร เราศึกษาได้ไม่ยาก เปรียบเทียบคนรักเมตตามนุษยชาติ คนรักชาติ นักการเมือง (แท้) จิตใจล้วนไปในทางเดียวกัน
เรามาดู พระพุทธเจ้า พระองค์ทรงเป็นแบบอย่างแห่งการเสียสละอย่างบริสุทธิ์ เมตตามหาศาลเพื่อมนุษยชาติอย่างบริสุทธิ์ ด้วยปัญญาอันบริสุทธิ์ หากเรามองลึกเข้าไปในจิตใจของพระองค์ เราจะเห็นได้ว่าพระองค์ทรงคิดให้ก่อน คิดให้ปัญญา คิดเมตตาก่อน กระทำด้วยพระเมตตาอันยิ่งใหญ่ รับปัจจัย 4 ตามสมควร ตามความพอดี ตามที่ทายกถวาย
สมเด็จพระนเรศวรมหาราช สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช พระมหากษัตริย์ไทยอันยิ่งใหญ่ ผู้ทรงนำการกู้ชาติกู้แผ่นดินครั้งที่หนึ่งและสอง พระองค์ทรงเป็นตัวอย่างของผู้ปกครองที่ยอดเยี่ยมในท่ามกลางวิกฤต เป็นตัวอย่างอันยอดเยี่ยมของนายทหารที่เสียสละอย่างสูงสุด สุดซึ้ง ต้องเอาชีวิตเข้าแลกเข้าปะทะคมดาบคมปืนทุกวินาทีของการรบเพื่อกู้ชาติ ยากที่ใครจะทำได้ ทรงเป็นผู้นำการรบ การกู้ชาติด้วยความเสียสละทั้งปัญญาและแรงกาย ยากที่จะอธิบายได้ นึกเห็นภาพแล้วน้ำตาไหล
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว องค์ปัจจุบัน พระองค์ทรงเสียสละ คิดค้นโครงการต่างๆ กว่า 4,000 โครงการ ก็ด้วยความรัก ความห่วงใยต่อพสกนิกรของพระองค์ จิตใจของพระองค์จึงมีแต่ให้ กล่าวได้ว่า พระองค์ทรงคิดให้ก่อนด้วยพระเมตตาอันยิ่งพระองค์จึงได้รับการถวายความจงรักภักดีสูงสุด เว้นแต่พวกคนพาล
ดังกล่าวนี้ เป็นการยกตัวอย่างให้เห็นแนวคิดของเจ้าชายสิทธัตถะพระโพธิสัตว์ ต่อมาตรัสรู้เป็นองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือคล้อยตามไปในทิศทางเดียวกันอย่างพระโพธิสัตว์ในระดับพระมหากษัตริย์ผู้ทรงเสียสละอันยิ่ง ซึ่งยากที่ใครๆ จะทำได้
แต่ก็ไม่ยากเลยสำหรับผู้คิดเสียสละตนเพื่อชาติ เดินรอยตามแบบอย่างพระโพธิสัตว์ เพียงเปลี่ยนวิธีคิดเสียใหม่ จากการที่คนเราคิดคล้อยตามกิเลส อันเนื่องด้วยความกลัวเพราะความเป็นสัตว์ สัตว์ทุกชนิดล้วนแต่มีความกลัวเป็นพื้น “รักตัว กลัวตาย โลภ อยากได้ไม่มีขอบเขต อิจฉา ริษยา ชิงดีชิงเด่นเห็นแก่ตัว ฯลฯ”
คือคนทั่วไปก็ จะคิดแบบ “ทักษิณ” ทั้งสิ้น คือ คิดอยากได้ก่อน หรือคิดเอาก่อน ให้ทีหลัง หรือ “โกงชาติก่อนซื้อเสียงทีหลัง” อันที่จริง คนเราลืมไปว่า เรามีจิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว การคิดเอา (วัตถุ ทรัพย์สินเงินทองก่อน ก็เป็นรูปธรรม ให้ทีหลังก็เป็นรูปธรรม) โดยลืมเรื่องจิตใจฝ่ายดีฝ่ายกุศล ฝ่ายบริสุทธิ์ ที่คิดให้ก่อน เมตตาก่อน เช่น “คิดทำงานเพื่อชาติ ส่วนเงินเดือนก็ได้รับอยู่แล้ว” หากคิดอย่างนี้จะทำให้สะอาดบริสุทธิ์ หรือ “เรียนอะไรก็ได้ ทำหน้าที่อะไรก็ได้มีจุดหมายเพื่อชาติ” ใครคิดอย่างนี้ ก็คิดไปในทางเดียวกับพระโพธิสัตว์ การคิดอย่างนี้ จะไม่มีจากตัณหา คือไม่มีความทะยานอยากในตัณหาทั้งสาม เพราะคิดให้ก่อน ไม่ได้คิดเอาก่อน เมื่อคิดให้ก่อนจึงมีความสุข โปร่งโล่ง เบาสบาย ทั้งเป็นเหตุให้จิตใจดี จิตใจสะอาด ปราศจากกิเลสตัณหา พูดง่ายๆ ว่า หากไม่ทำตามใจกิเลส นานๆ เข้า จิตใจก็สะอาดขึ้นๆ ทุกวัน กลายเป็นคนทำงานอย่างมีความสุข ทำหนักแค่ไหนก็มีความสุขเพราะคิดว่าเราทำงานให้กับชาติบ้านเมือง คือ“คิดให้ก่อน รับทีหลัง” ซึ่งต่างจากแนวคิดของกิเลสที่ “คิดเอาก่อน ให้ที่หลัง”
วิธีคิดแบบพระโพธิสัตว์ (หมายถึงผู้เสียสละอันยิ่งใหญ่แต่ยังไม่สิ้นกิเลส) ผู้ซึ่งจะได้มาตรัสรู้เป็นพระอรหันต์หรือพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะมีลักษณะคิดให้ก่อน รับทีหลัง เปรียบเทียบพิจารณา ดังรูป
ดังนั้น ทักษิณ ก็ยังคงคิดจะกินรวบ ยังคิดที่จะยึดระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญ และระบบนี้เองที่ทำให้นักการเมืองทุกคนเป็นแบบทักษิณ เพียงแต่มากหรือน้อยเท่านั้น ทักษิณยังคิดที่จะยึดกองทัพเป็นของตนเอง ทักษิณยังคิดที่จะจ้องจาบหยาบช้าลามก ทักษิณยังคิดเพื่อหลอกคนอื่นเพื่อตนทั้งสิ้น ทักษิณยังคิดหลอกนายทหารในกองทัพที่โง่เขลาได้ ทักษิณยังคิดที่จะกลับไทยโดยอยู่เหนือกฎหมายคล้ายดังประมุขในบางประเทศ ทักษิณยังคิดทำกองทัพให้อ่อนแอ แล้วเอากองทัพพม่ามาข่มขู่ ทักษิณยังคิดหลอก ผบ.ทบ.คนปัจจุบัน ปลดเกษียณแล้วมาเป็นรัฐมนตรีช่วยกลาโหม 555 ลึกๆ แล้วทักษิณยังคิดจะเอาส่วนแบ่งหรือยึดทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ใช่หรือไม่
หากใครยังมีวิถีคิดแบบทักษิณ ก็ให้เปลี่ยนเสียเถิด เปลี่ยนมาเป็นแนวคิดแบบพระโพธิสัตว์ แบบพระเจ้าแผ่นดินมหาราช ช่วยกันๆ อธิบายๆๆๆ เปลี่ยนกันทั้งประเทศอย่างสันติ ทักษิณและพวกมันก็อยู่ไม่ได้ ชนะกันที่ความคิดจุดยืนนี่เองครับพี่น้อง
แนวคิดสุดแสบของคนทั้งสองก็คือขาดสติยั้งคิด คิดว่ามีอำนาจแล้วจะทำอะไรก็ได้ตามใจเขา ตามที่ทั้งสองต้องการ โดยเฉพาะพวกเขาไม่เห็นหัว ไม่มีความเกรงใจ ไม่มีความจงรักภักดี นี่คือขาดสติยั้งคิดอย่างร้ายแรงต่อชาติ
นายพล ก็ประจบเจ้านายจนเสียสติ ลืมความเป็นมารากเหง้าของตนเอง คิดทำอะไรขาดการยั้งคิดอย่างร้ายแรงในฐานะเป็นถึงนายทหารยศพลเอก มันบ่งบอกว่าเงินและอำนาจมันได้ทำลายคุณธรรมของนายพลคนนี้จนหมดสิ้น
สภาพจิตใจของทักษิณหลังจากผันตัวเป็นนักธุรกิจเขามีแต่ความโลภ ความอยากได้ อยากรวยเป็นอาจิณ กิเลสความโลภเข้าครอบงำจิตใจเขาทุกวันเวลานาที ขอย้ำว่า เขามีสันดานกลายเป็นคนฉลาดแกมโกง
เรามาดู แนวคิด นโยบายของทักษิณ “ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ” อย่างเช่น
1. นโยบายจำนำข้าวเกวียนละ 15,000 บาท นี่ก็เพื่อเอาใจ หลอกชาวนาให้ไปลงคะแนน ผลออกมาทำลายชาวนา ทำลายการส่งออกข้าว ภาพรวมคือทักษิณและรัฐบาล ปูนิ่ม ทำลายกระบวนผลิตข้าวทั้งระบบ เพียงเพื่อหลอกชาวนาไปลงคะแนนให้พรรคเพื่อไทย ดุจดัง “เสื้อร้ายเจ้าเล่ห์หลอกว่าจะหาหญ้าดีๆ มาให้วัวกินอิ่มทุกวัน” แต่ท้ายที่สุดนอกจากไม่มีหญ้าให้กินแล้วยังจับวัวกินทุกวันๆ จนจำนวนวัวน้อยลงทุกวันๆ
2. นโยบายแรงงานขั้นต่ำ 300 บาทได้ทำให้ทุนคนไทยขนาดกลางต้องปิดโรงงานลงหลายหมื่นโรงงานตามข่าว คนไทยตกงานเพิ่มมากขึ้น แต่กลับทำให้ทุนข้ามชาติกระชับการผูกขาดฟันผลกำไรเพิ่มขึ้น ทักษิณเป็นนายทุนข้ามชาติ จึงได้ประโยชน์ แต่ในภาพรวมเป็นการทำลายทุนชาติ บั่นทอน แกล้งทุนชาติให้ล้มไปทั้งระบบ นับแต่นายทุนชาติ การลงทุน แรงงาน ฯลฯ ล้มไปแบบโดมิโน
3. นโยบายรถยนต์คันแรกเพื่อเอาใจทุนข้ามชาติ ทักษิณ ตระกูลชินก็ได้ประโยชน์จากนโยบายตรงนี้
ภาพรวมแล้ว ทักษิณ ตระกูลสินได้ทั้งอำนาจและเงินตรา ความมั่งคั่ง โดยการหลอกล่อประชาชน ด้วย “นโยบายลูกกวาดอาบยาพิษ” เราสู้กับทักษิณแล้ว แต่สู้สื่อทักษิณโฆษณาชวนเชื่อไม่ได้ แต่ผลมันออกมาชัดเจนว่าชาติและประชาชนมีแต่ฉิบหาย หายนะให้เห็นกันชัดๆ คนมีการศึกษา ก็เข้าใจแบบนี้กันทั้งนั้น ฯลฯ
เราจะแสดงให้เห็นว่า ทักษิณ นายพล และนักการเมืองปล้นชาติทั้งหลายต่างก็มาจากอบายภูมิ (กลัว โลภ โกรธ หลง) เพราะพวกเขาคิดเอาก่อน โลภก่อน ความโลภเป็นตัณหา คือความทะยานอยากทั้งทางอยากได้ รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส อยากได้อำนาจเช่น อยากเป็นโน่นเป็นนี่ อยากเข้าประเทศโดยไม่มีความผิดใดๆ อยากเป็นที่ปรึกษาทรัพย์สินส่วนพระองค์ เพื่อเข้าไปหาจุดอ่อนเล่นงานทรัพย์สินส่วนพระองค์ทะยานอยากอย่างแรงที่จะไม่เข้าคุก ทั้งๆ ที่เหตุผล ทักษิณต้องเข้าคุกเพราะทำผิดกฎหมายเขาหลงตนเองว่า นายกฯ ทำอะไรไม่ผิดกฎหมาย เมื่อศาลพิพากษาว่าเขาทำผิดกฎหมาย ต้องถูกลงโทษตามตัวบทกฎหมาย อย่างนี้ในสัจธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าถือว่า จิตใจของเขาตกอยู่ในอบายภูมิชัดๆ ซึ่ง ทักษิณกลัวก็เป็นอสุรกาย ทักษิณโลภก็เป็นเปรต จับได้ไล่ทันก็โกรธ ปลุกระดมให้คนเผาบ้านเผาเมือง ฯลฯ ก็เป็นสัตว์นรก และทักษิณกำลังหลงตนเองอย่างร้ายแรงว่ายึดกองทัพอยู่ในมือของเขาแล้ว อย่างเช่นจะเสนอนิรโทษ ทักษิณและพวกผ่านสภาความมั่นคงโดยให้ นายกฯ และรัฐมนตรีกลาโหมออกพระราชกำหนดนิรโทษฯ ให้ทักษิณกับพวกที่กระทำความผิดทางอาญาบ้านเมืองให้พ้นผิด อย่างนี้เรียกว่าหลงอย่างร้ายแรงก็เป็นเดรัจฉานอย่างร้ายแรง
ผู้รู้ทางพระพุทธศาสนา ก็จะไม่เข้าใกล้ เพราะถือว่าเป็นคนจิตใจต่ำ ไม่สมควรคบ
การเป็นนักการเมือง จิตใจของผู้คิดกู้ชาติ เป็นอย่างไร เราศึกษาได้ไม่ยาก เปรียบเทียบคนรักเมตตามนุษยชาติ คนรักชาติ นักการเมือง (แท้) จิตใจล้วนไปในทางเดียวกัน
เรามาดู พระพุทธเจ้า พระองค์ทรงเป็นแบบอย่างแห่งการเสียสละอย่างบริสุทธิ์ เมตตามหาศาลเพื่อมนุษยชาติอย่างบริสุทธิ์ ด้วยปัญญาอันบริสุทธิ์ หากเรามองลึกเข้าไปในจิตใจของพระองค์ เราจะเห็นได้ว่าพระองค์ทรงคิดให้ก่อน คิดให้ปัญญา คิดเมตตาก่อน กระทำด้วยพระเมตตาอันยิ่งใหญ่ รับปัจจัย 4 ตามสมควร ตามความพอดี ตามที่ทายกถวาย
สมเด็จพระนเรศวรมหาราช สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช พระมหากษัตริย์ไทยอันยิ่งใหญ่ ผู้ทรงนำการกู้ชาติกู้แผ่นดินครั้งที่หนึ่งและสอง พระองค์ทรงเป็นตัวอย่างของผู้ปกครองที่ยอดเยี่ยมในท่ามกลางวิกฤต เป็นตัวอย่างอันยอดเยี่ยมของนายทหารที่เสียสละอย่างสูงสุด สุดซึ้ง ต้องเอาชีวิตเข้าแลกเข้าปะทะคมดาบคมปืนทุกวินาทีของการรบเพื่อกู้ชาติ ยากที่ใครจะทำได้ ทรงเป็นผู้นำการรบ การกู้ชาติด้วยความเสียสละทั้งปัญญาและแรงกาย ยากที่จะอธิบายได้ นึกเห็นภาพแล้วน้ำตาไหล
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว องค์ปัจจุบัน พระองค์ทรงเสียสละ คิดค้นโครงการต่างๆ กว่า 4,000 โครงการ ก็ด้วยความรัก ความห่วงใยต่อพสกนิกรของพระองค์ จิตใจของพระองค์จึงมีแต่ให้ กล่าวได้ว่า พระองค์ทรงคิดให้ก่อนด้วยพระเมตตาอันยิ่งพระองค์จึงได้รับการถวายความจงรักภักดีสูงสุด เว้นแต่พวกคนพาล
ดังกล่าวนี้ เป็นการยกตัวอย่างให้เห็นแนวคิดของเจ้าชายสิทธัตถะพระโพธิสัตว์ ต่อมาตรัสรู้เป็นองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือคล้อยตามไปในทิศทางเดียวกันอย่างพระโพธิสัตว์ในระดับพระมหากษัตริย์ผู้ทรงเสียสละอันยิ่ง ซึ่งยากที่ใครๆ จะทำได้
แต่ก็ไม่ยากเลยสำหรับผู้คิดเสียสละตนเพื่อชาติ เดินรอยตามแบบอย่างพระโพธิสัตว์ เพียงเปลี่ยนวิธีคิดเสียใหม่ จากการที่คนเราคิดคล้อยตามกิเลส อันเนื่องด้วยความกลัวเพราะความเป็นสัตว์ สัตว์ทุกชนิดล้วนแต่มีความกลัวเป็นพื้น “รักตัว กลัวตาย โลภ อยากได้ไม่มีขอบเขต อิจฉา ริษยา ชิงดีชิงเด่นเห็นแก่ตัว ฯลฯ”
คือคนทั่วไปก็ จะคิดแบบ “ทักษิณ” ทั้งสิ้น คือ คิดอยากได้ก่อน หรือคิดเอาก่อน ให้ทีหลัง หรือ “โกงชาติก่อนซื้อเสียงทีหลัง” อันที่จริง คนเราลืมไปว่า เรามีจิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว การคิดเอา (วัตถุ ทรัพย์สินเงินทองก่อน ก็เป็นรูปธรรม ให้ทีหลังก็เป็นรูปธรรม) โดยลืมเรื่องจิตใจฝ่ายดีฝ่ายกุศล ฝ่ายบริสุทธิ์ ที่คิดให้ก่อน เมตตาก่อน เช่น “คิดทำงานเพื่อชาติ ส่วนเงินเดือนก็ได้รับอยู่แล้ว” หากคิดอย่างนี้จะทำให้สะอาดบริสุทธิ์ หรือ “เรียนอะไรก็ได้ ทำหน้าที่อะไรก็ได้มีจุดหมายเพื่อชาติ” ใครคิดอย่างนี้ ก็คิดไปในทางเดียวกับพระโพธิสัตว์ การคิดอย่างนี้ จะไม่มีจากตัณหา คือไม่มีความทะยานอยากในตัณหาทั้งสาม เพราะคิดให้ก่อน ไม่ได้คิดเอาก่อน เมื่อคิดให้ก่อนจึงมีความสุข โปร่งโล่ง เบาสบาย ทั้งเป็นเหตุให้จิตใจดี จิตใจสะอาด ปราศจากกิเลสตัณหา พูดง่ายๆ ว่า หากไม่ทำตามใจกิเลส นานๆ เข้า จิตใจก็สะอาดขึ้นๆ ทุกวัน กลายเป็นคนทำงานอย่างมีความสุข ทำหนักแค่ไหนก็มีความสุขเพราะคิดว่าเราทำงานให้กับชาติบ้านเมือง คือ“คิดให้ก่อน รับทีหลัง” ซึ่งต่างจากแนวคิดของกิเลสที่ “คิดเอาก่อน ให้ที่หลัง”
วิธีคิดแบบพระโพธิสัตว์ (หมายถึงผู้เสียสละอันยิ่งใหญ่แต่ยังไม่สิ้นกิเลส) ผู้ซึ่งจะได้มาตรัสรู้เป็นพระอรหันต์หรือพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะมีลักษณะคิดให้ก่อน รับทีหลัง เปรียบเทียบพิจารณา ดังรูป
ดังนั้น ทักษิณ ก็ยังคงคิดจะกินรวบ ยังคิดที่จะยึดระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญ และระบบนี้เองที่ทำให้นักการเมืองทุกคนเป็นแบบทักษิณ เพียงแต่มากหรือน้อยเท่านั้น ทักษิณยังคิดที่จะยึดกองทัพเป็นของตนเอง ทักษิณยังคิดที่จะจ้องจาบหยาบช้าลามก ทักษิณยังคิดเพื่อหลอกคนอื่นเพื่อตนทั้งสิ้น ทักษิณยังคิดหลอกนายทหารในกองทัพที่โง่เขลาได้ ทักษิณยังคิดที่จะกลับไทยโดยอยู่เหนือกฎหมายคล้ายดังประมุขในบางประเทศ ทักษิณยังคิดทำกองทัพให้อ่อนแอ แล้วเอากองทัพพม่ามาข่มขู่ ทักษิณยังคิดหลอก ผบ.ทบ.คนปัจจุบัน ปลดเกษียณแล้วมาเป็นรัฐมนตรีช่วยกลาโหม 555 ลึกๆ แล้วทักษิณยังคิดจะเอาส่วนแบ่งหรือยึดทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ใช่หรือไม่
หากใครยังมีวิถีคิดแบบทักษิณ ก็ให้เปลี่ยนเสียเถิด เปลี่ยนมาเป็นแนวคิดแบบพระโพธิสัตว์ แบบพระเจ้าแผ่นดินมหาราช ช่วยกันๆ อธิบายๆๆๆ เปลี่ยนกันทั้งประเทศอย่างสันติ ทักษิณและพวกมันก็อยู่ไม่ได้ ชนะกันที่ความคิดจุดยืนนี่เองครับพี่น้อง