งานห่มผ้าพระแก้วจำลองวัดป่าขันติธรรม เงียบเหงา ศิษย์เอกเผยหลวงปู่เณรคำโฟนอินเมื่อ 29 มิ.ย. เทศน์ลูกศิษย์ว่าไม่ต้องโกรธใคร เดินทางไปเรื่อย ยังไม่มีกำหนดกลับ เตรียมถวายฎีกาขอพระบารมีทรงเมตตาคุ้มครอง "ศาสนา-หลวงปู่เณรคำ" ด้าน "หลวงปู่พุทธอิสระ" เตรียมฟ้องเจ้าคณะปกครองศรีสะเกษกรณีละเว้นฯ จวก "ดร.สนอง" หัวหน้าซ่องโจร ขณะที่ สกอ.ซัดศิษย์เอกเป็น ดร.ปลอม
เมื่อเวลา 09.30 น. วานนี้( 30 มิ.ย.) ที่พักสงฆ์ขันติธรรม บ้านยาง ต.ยาง อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ มีการประกอบพิธีบวงสรวงเทพเทวดา และห่มผ้าฤดูฝน พระแก้วมรกตจำลององค์ใหญ่ที่สุดในโลก มีผู้เดินทางมาร่วมพิธีประมาณ 500 คน ซึ่งต่างจากการจัดงานที่ผ่านมาที่มีประชาชนจากทั่วสารทิศ เดินทางมาร่วมงานนับหมื่นคน อีกทั้งส่วนใหญ่ที่มาร่วมงานครั้งนี้มาจากต่างจังหวัด โดยเฉพาะจ.อุบลราชธานี
เวลา 13.30 น. หลังจากเสร็จสิ้นพิธี ประชาชนที่มาร่วมงานก็เริ่มทยอยเดินทางกลับภูมิลำเนาด้วยความผิดหวัง เนื่องจากไม่ได้ฟังโฟนอิน อย่างไรก็ตาม นายชัย ประเสริฐสังข์ ชาวจ.ร้อยเอ็ด ลูกศิษย์ของหลวงปู่เณรคำ ซึ่งประกอบอาชีพเลี่ยมพระ บูชาพระ และขายวัตถุมงคลตามงานที่หลวงปู่เณรคำเดินทางไปแสดงธรรม อ้างว่า หลวงปู่เณรคำโฟนอินเข้ามาเวลาประมาณ 23.00 น. วันที่ 29 มิ.ย. โดยเทศนากับลูกศิษย์ว่าไม่ต้องไปโกรธใคร ไม่ต้องไปว่าใคร ใครจะว่าอย่างไรช่างเขา เราทำตัวเราให้ดีที่สุด ขณะนี้หลวงปู่เดินทางไปเรื่อยๆ ตามประเทศสหรัฐอเมริกา ประเทศอังกฤษ โดยยังไม่มีกำหนดเดินทางกลับประเทศไทย
นายสุขุม วงประสิทธิ ประธานองค์กรเครือข่ายบ้านวิมุตติธรรม ศิษย์หลวงปู่เณรคำ กล่าวว่า เมื่อเย็นวันที่ 29 มิถุนายน พระครูวิสุทธิญาณ เจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ ฝ่ายธรรมยุต ได้ให้พระครูวัชรสิทธิคุณ เลขานุการเจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ ฝ่ายธรรมยุต มาปรึกษาหารือกับหลวงพ่อปานขาว ซึ่งกษาการประธานที่พักสงฆ์ขันติธรรม ซึ่งพระครูวัชรสิทธิคุณรับข้อเสนอของหลวงพ่อปานขาว และให้ตนนำข้อเสนอไปยังมหาเถรสมาคม ซึ่งมีอยู่ 3 ข้อหลัก และ 6 ข้อย่อย
สำหรับรายละเอียดมีดังนี้ 1.ตลอดระยะเวลาที่เกิดข่าว และเหตุการณ์ต่างๆ ไม่ปรากฏข้อใดที่หลวงปู่เณรคำขัดต่อพระธรรมวินัย ซึ่งก็ขอให้ทางมหาเถรสมาคมได้ออกมาแถลงการณ์ชี้แจงว่าหลวงปู่เณรคำผิดพระธรรมวินัยข้อใด 2.ตนจะรับหน้าที่หาความจริงเรื่องที่มีภาพหลวงปู่เณรคำ ซึ่งถูกตัดต่อนอนอยู่กับผู้หญิง เพื่อจะนำมาชี้แจงต่อประชาชน ซึ่งจริงๆเรื่องนี้มีการยืนยันจากฝ่ายเทคนิคแล้วว่า เป็นภาพตัดต่อจริง
3.เรื่องจัดตั้งวัด ทางคณะกรรมการหมู่บ้านจะรีบรวบรวมข้อมูล และประสานงานขอจัดตั้งที่แห่งนี้ให้เป็นวัดอย่างเป็นทางการ 3.1.เรื่องทรัพย์สินของวัด จะมีการรวบรวมเพื่อทำบัญชี ทั้งบัญชีรับเก่า ทั้งบัญชีรับใหม่ หนี้สินที่เกิดขึ้น 3.2. เราจะดำเนินการกับผู้ที่ปล่อยภาพอันไม่เหมาะสมตามกฎหมาย โดยจะเชิญนักกฎหมายระดับโลกและมีจรรยาบรรณ มากอบกู้ชื่อเสียงของหลวงปู่เณรคำ 3.3.จะนำมูลนิธรรม มาดำเนินการให้ถูกต้อง เพื่อรองรับทรัพย์สินของวัดที่เกิดขึ้น และเพื่อให้ตกเป็นทรัพย์สินของแผ่นดินอย่างแท้จริง 3.4.จะจัดตั้งกองทุนทำสื่อธรรมะ หรือกองทุนกอบกู้ชื่อเสียงหลวงปู่เณรคำ ในรูปแบบบ้านวิมุตติธรรม เพื่อให้ธรรมะของหลวงปู่เผยแพร่ไปสู่ทุกหลังคาเรือน และต่างประเทศ 3.5. ถ้าวันที่ 5 ธันวาคมนี้ มีการก่อตั้งวัด และมูลนิธิเสร็จสมบูรณ์ และไม่มีเรื่องมลทินแล้ว จะกราบบังคมทูลขอพระบรมราชานุญาต จัดงานวันที่ 5 ธันวาคม และฉลององค์พระแก้วมรกตจำลองที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วย และ 3.6. หากว่าหลวงปู่เณรคำ และทางวัดไม่ได้รับความเป็นธรรม หรือทำลายกันอย่างต่อเนื่อง จะมีการทำหนังสือถวายฎีกา เพื่อขอให้ทรงปกป้องคุ้มครองพระพุทธศาสนา และหลวงปู่เณรคำต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีหลวงปู่เณรคำไม่กลับมาตามคำสั่งของเจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ นายสุขุม กล่าวว่า เบื้องต้นได้ปรึกษาหารือกับรองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด ซึ่งไม่ได้ผิดต่อพ.ร.บ.ใด ขึ้นอยู่กับภารกิจของหลวงปู่เณรคำที่นั้นด้วย วันนี้ต้องบอกได้ว่าท่านยังบริสุทธิ์ ทั้งหมดยังเป็นเพียงข้อกล่าวหา อีกทั้งการที่หลวงปู่เณรคำยังไม่กลับมา เนื่องจากเรื่องที่เกิดขึ้นต้องได้รับการคลี่คลายก่อน เพราะท่านเป็นพระที่มีประชาชน ญาติโยมเคารพศรัทธาเป็นจำนวนมาก ต้องกลับมาอย่างสง่างาม นอกจากนี้ที่ยังกลับมาไม่ได้เพราะกำลังปฏิบัติภารกิจที่สำคัญ คือ การรวบรวมนิพุทธศาสนาทุกนิกายที่อยู่ในประเทศยุโรป ให้รวมเป็นหนึ่งเดียว ส่วนตัวท่านจะกลับมาตอนไหนต้องรอต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่โฟนอินมาได้ชี้แจงเรื่องต่างๆหรือไม่ นายสุขุม กล่าวว่า ท่านพูดว่าท่านจะไม่มีแถลงการณ์ ไม่ชี้แจง เนื่องจากไม่ได้ผิดอะไร และถ้าท่านจะแถลงหรือจะแสดงธรรมนั้น จะแสดงกับคนที่มีคุณธรรมเท่านั้น ซึ่งวันนี้ต้องกลับมาถามสังคมไทยว่า เรากำลังจะสึกพระที่ไม่มีความผิด โดยเชื่อตามกระแสข่าวเท่านั้นหรือ
วันเดียวกัน หลวงปู่พุทธอิสระ แห่งวัดอ้อน้อย (ธรรมอิสระ) ต.ห้วงขวาง อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ออกแถลงการณ์ การผิดวินัยสงฆ์ของหลวงปู่เณรคำ โดยระบุว่าหลวงปู่เณรคำต้องอาบัติปาราชิก เพราะอวดอุตริมน์สสธรรมที่ไม่มีในตัวตน ปาจิตตีย์เพราะโกหก ปาฏิเทสนียะเพราะรับและยินดีในเงินทอง ทุกกฎ เพราะไม่มีสมณะสารูป และโลกะวัชทำชาวโลกติเตียน
หลวงปู่พุทธอิสระกล่าวว่า ตอนนี้ได้มีทนายอาสาจะดำเนินการให้ในเรื่องการฟ้องไปยังศาลปกครองเพื่อฟ้องร้องต่อเจ้าคณะปกครอง ฐานละเลยและเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และจะฟ้องทางอาญาด้วย ด้วย ดร.สนอง วรอุไร จัดว่าเป้นพวกซ่องโจร รวมตัวกันเพื่อปันอรหันต์ และทราบว่าตอนนี้ ทางนั้นหลวงปู่เณรคำ มีลูกศิษย์ ได้รวมเงินกันเพื่อจะจ้างทนายระดับประเทศจะมาฟ้องร้องซึ่งตอนนี้ก็รับทราบและเตรียมตัวรอแล้ว และมีทนายอาสาจะเข้ามาช่วย ตอนนี้ก็เตรียมขายพริกในวัดมาใช้จ้างทนาย
และเรื่องนี้ต้องฝากสื่อมวลชนต้องช่วยกันติดตามเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด และที่มีลูกศิษย์เป็นห่วงจะจัดกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ มาดูแล ยืนยันว่าฉันมาคนเดียวอย่าให้ใครต้องเดือดร้อน ฉันตั้งใจคิดคนเดียว ทำคนเดียว ที่เหลือก็ขอให้เป็นกำลังใจให้กันไม่อยากให้ลูกศิษย์เคลื่อนไหวอะไร ทางกฎหมายก็ว่ากันไป (อ่านเพิ่มเติมที่ www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9560000079463)
***สกอ.ซัดศิษย์เอกเป็น ดร.ปลอม
รศ.นพ.กำจร ตติยกวี รองเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบมหาวิทยาลัยสันติภาพโลก ภายหลังนายสุขุม วงศ์ประสิทธิ ศิษย์เอกหลวงปู่เณรคำ ประกาศเป็นด็อกเตอร์จากมหาวิทยาลัยดังกล่าว ว่า ที่ผ่านมาสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.)ได้ดำเนินการตรวจสอบมหาวิทยาลัยดังกล่าวตามข้อมูลในเว็บไซต์ ซึ่งมีการระบุชื่อสถานที่ตั้ง วิธีการจัดการเรียนการสอนว่าเป็นอย่างไร แต่เมื่อตรวจสอบกลับไม่พบว่ามหาวิทยาลัยแห่งนี้ตั้งอยู่ที่ใด ขณะเดียวกันรายชื่อบุคคลที่มีชื่อเสียงว่าได้รับปริญญาจากมหาวิทยาลัยแห่งนี้ สกอ.ก็ไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าได้รับปริญญาจริงหริอไม่ ดังนั้น หากผู้ที่มีชื่อปรากฎแต่ไม่ได้รับปริญญา สามารถแจ้งความดำเนินคดีได้ เพราะถือว่าทำให้เสียชื่อเสียง ส่วนผู้ที่รับปริญญาจากมหาวิทยาลัยแห่งนี้จริง ถือเป็นปริญญาปลอม ไม่สามารถนำไปใช้ได้ เช่นสมัครเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัย หรือสอบรับราขการ ซึ่งหากต้นสังกัดตรวจสอบพบก็สามารถแจ้งความดำเนินคดีได้เช่นกัน.
เมื่อเวลา 09.30 น. วานนี้( 30 มิ.ย.) ที่พักสงฆ์ขันติธรรม บ้านยาง ต.ยาง อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ มีการประกอบพิธีบวงสรวงเทพเทวดา และห่มผ้าฤดูฝน พระแก้วมรกตจำลององค์ใหญ่ที่สุดในโลก มีผู้เดินทางมาร่วมพิธีประมาณ 500 คน ซึ่งต่างจากการจัดงานที่ผ่านมาที่มีประชาชนจากทั่วสารทิศ เดินทางมาร่วมงานนับหมื่นคน อีกทั้งส่วนใหญ่ที่มาร่วมงานครั้งนี้มาจากต่างจังหวัด โดยเฉพาะจ.อุบลราชธานี
เวลา 13.30 น. หลังจากเสร็จสิ้นพิธี ประชาชนที่มาร่วมงานก็เริ่มทยอยเดินทางกลับภูมิลำเนาด้วยความผิดหวัง เนื่องจากไม่ได้ฟังโฟนอิน อย่างไรก็ตาม นายชัย ประเสริฐสังข์ ชาวจ.ร้อยเอ็ด ลูกศิษย์ของหลวงปู่เณรคำ ซึ่งประกอบอาชีพเลี่ยมพระ บูชาพระ และขายวัตถุมงคลตามงานที่หลวงปู่เณรคำเดินทางไปแสดงธรรม อ้างว่า หลวงปู่เณรคำโฟนอินเข้ามาเวลาประมาณ 23.00 น. วันที่ 29 มิ.ย. โดยเทศนากับลูกศิษย์ว่าไม่ต้องไปโกรธใคร ไม่ต้องไปว่าใคร ใครจะว่าอย่างไรช่างเขา เราทำตัวเราให้ดีที่สุด ขณะนี้หลวงปู่เดินทางไปเรื่อยๆ ตามประเทศสหรัฐอเมริกา ประเทศอังกฤษ โดยยังไม่มีกำหนดเดินทางกลับประเทศไทย
นายสุขุม วงประสิทธิ ประธานองค์กรเครือข่ายบ้านวิมุตติธรรม ศิษย์หลวงปู่เณรคำ กล่าวว่า เมื่อเย็นวันที่ 29 มิถุนายน พระครูวิสุทธิญาณ เจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ ฝ่ายธรรมยุต ได้ให้พระครูวัชรสิทธิคุณ เลขานุการเจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ ฝ่ายธรรมยุต มาปรึกษาหารือกับหลวงพ่อปานขาว ซึ่งกษาการประธานที่พักสงฆ์ขันติธรรม ซึ่งพระครูวัชรสิทธิคุณรับข้อเสนอของหลวงพ่อปานขาว และให้ตนนำข้อเสนอไปยังมหาเถรสมาคม ซึ่งมีอยู่ 3 ข้อหลัก และ 6 ข้อย่อย
สำหรับรายละเอียดมีดังนี้ 1.ตลอดระยะเวลาที่เกิดข่าว และเหตุการณ์ต่างๆ ไม่ปรากฏข้อใดที่หลวงปู่เณรคำขัดต่อพระธรรมวินัย ซึ่งก็ขอให้ทางมหาเถรสมาคมได้ออกมาแถลงการณ์ชี้แจงว่าหลวงปู่เณรคำผิดพระธรรมวินัยข้อใด 2.ตนจะรับหน้าที่หาความจริงเรื่องที่มีภาพหลวงปู่เณรคำ ซึ่งถูกตัดต่อนอนอยู่กับผู้หญิง เพื่อจะนำมาชี้แจงต่อประชาชน ซึ่งจริงๆเรื่องนี้มีการยืนยันจากฝ่ายเทคนิคแล้วว่า เป็นภาพตัดต่อจริง
3.เรื่องจัดตั้งวัด ทางคณะกรรมการหมู่บ้านจะรีบรวบรวมข้อมูล และประสานงานขอจัดตั้งที่แห่งนี้ให้เป็นวัดอย่างเป็นทางการ 3.1.เรื่องทรัพย์สินของวัด จะมีการรวบรวมเพื่อทำบัญชี ทั้งบัญชีรับเก่า ทั้งบัญชีรับใหม่ หนี้สินที่เกิดขึ้น 3.2. เราจะดำเนินการกับผู้ที่ปล่อยภาพอันไม่เหมาะสมตามกฎหมาย โดยจะเชิญนักกฎหมายระดับโลกและมีจรรยาบรรณ มากอบกู้ชื่อเสียงของหลวงปู่เณรคำ 3.3.จะนำมูลนิธรรม มาดำเนินการให้ถูกต้อง เพื่อรองรับทรัพย์สินของวัดที่เกิดขึ้น และเพื่อให้ตกเป็นทรัพย์สินของแผ่นดินอย่างแท้จริง 3.4.จะจัดตั้งกองทุนทำสื่อธรรมะ หรือกองทุนกอบกู้ชื่อเสียงหลวงปู่เณรคำ ในรูปแบบบ้านวิมุตติธรรม เพื่อให้ธรรมะของหลวงปู่เผยแพร่ไปสู่ทุกหลังคาเรือน และต่างประเทศ 3.5. ถ้าวันที่ 5 ธันวาคมนี้ มีการก่อตั้งวัด และมูลนิธิเสร็จสมบูรณ์ และไม่มีเรื่องมลทินแล้ว จะกราบบังคมทูลขอพระบรมราชานุญาต จัดงานวันที่ 5 ธันวาคม และฉลององค์พระแก้วมรกตจำลองที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วย และ 3.6. หากว่าหลวงปู่เณรคำ และทางวัดไม่ได้รับความเป็นธรรม หรือทำลายกันอย่างต่อเนื่อง จะมีการทำหนังสือถวายฎีกา เพื่อขอให้ทรงปกป้องคุ้มครองพระพุทธศาสนา และหลวงปู่เณรคำต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีหลวงปู่เณรคำไม่กลับมาตามคำสั่งของเจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ นายสุขุม กล่าวว่า เบื้องต้นได้ปรึกษาหารือกับรองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด ซึ่งไม่ได้ผิดต่อพ.ร.บ.ใด ขึ้นอยู่กับภารกิจของหลวงปู่เณรคำที่นั้นด้วย วันนี้ต้องบอกได้ว่าท่านยังบริสุทธิ์ ทั้งหมดยังเป็นเพียงข้อกล่าวหา อีกทั้งการที่หลวงปู่เณรคำยังไม่กลับมา เนื่องจากเรื่องที่เกิดขึ้นต้องได้รับการคลี่คลายก่อน เพราะท่านเป็นพระที่มีประชาชน ญาติโยมเคารพศรัทธาเป็นจำนวนมาก ต้องกลับมาอย่างสง่างาม นอกจากนี้ที่ยังกลับมาไม่ได้เพราะกำลังปฏิบัติภารกิจที่สำคัญ คือ การรวบรวมนิพุทธศาสนาทุกนิกายที่อยู่ในประเทศยุโรป ให้รวมเป็นหนึ่งเดียว ส่วนตัวท่านจะกลับมาตอนไหนต้องรอต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่โฟนอินมาได้ชี้แจงเรื่องต่างๆหรือไม่ นายสุขุม กล่าวว่า ท่านพูดว่าท่านจะไม่มีแถลงการณ์ ไม่ชี้แจง เนื่องจากไม่ได้ผิดอะไร และถ้าท่านจะแถลงหรือจะแสดงธรรมนั้น จะแสดงกับคนที่มีคุณธรรมเท่านั้น ซึ่งวันนี้ต้องกลับมาถามสังคมไทยว่า เรากำลังจะสึกพระที่ไม่มีความผิด โดยเชื่อตามกระแสข่าวเท่านั้นหรือ
วันเดียวกัน หลวงปู่พุทธอิสระ แห่งวัดอ้อน้อย (ธรรมอิสระ) ต.ห้วงขวาง อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ออกแถลงการณ์ การผิดวินัยสงฆ์ของหลวงปู่เณรคำ โดยระบุว่าหลวงปู่เณรคำต้องอาบัติปาราชิก เพราะอวดอุตริมน์สสธรรมที่ไม่มีในตัวตน ปาจิตตีย์เพราะโกหก ปาฏิเทสนียะเพราะรับและยินดีในเงินทอง ทุกกฎ เพราะไม่มีสมณะสารูป และโลกะวัชทำชาวโลกติเตียน
หลวงปู่พุทธอิสระกล่าวว่า ตอนนี้ได้มีทนายอาสาจะดำเนินการให้ในเรื่องการฟ้องไปยังศาลปกครองเพื่อฟ้องร้องต่อเจ้าคณะปกครอง ฐานละเลยและเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และจะฟ้องทางอาญาด้วย ด้วย ดร.สนอง วรอุไร จัดว่าเป้นพวกซ่องโจร รวมตัวกันเพื่อปันอรหันต์ และทราบว่าตอนนี้ ทางนั้นหลวงปู่เณรคำ มีลูกศิษย์ ได้รวมเงินกันเพื่อจะจ้างทนายระดับประเทศจะมาฟ้องร้องซึ่งตอนนี้ก็รับทราบและเตรียมตัวรอแล้ว และมีทนายอาสาจะเข้ามาช่วย ตอนนี้ก็เตรียมขายพริกในวัดมาใช้จ้างทนาย
และเรื่องนี้ต้องฝากสื่อมวลชนต้องช่วยกันติดตามเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด และที่มีลูกศิษย์เป็นห่วงจะจัดกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ มาดูแล ยืนยันว่าฉันมาคนเดียวอย่าให้ใครต้องเดือดร้อน ฉันตั้งใจคิดคนเดียว ทำคนเดียว ที่เหลือก็ขอให้เป็นกำลังใจให้กันไม่อยากให้ลูกศิษย์เคลื่อนไหวอะไร ทางกฎหมายก็ว่ากันไป (อ่านเพิ่มเติมที่ www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9560000079463)
***สกอ.ซัดศิษย์เอกเป็น ดร.ปลอม
รศ.นพ.กำจร ตติยกวี รองเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบมหาวิทยาลัยสันติภาพโลก ภายหลังนายสุขุม วงศ์ประสิทธิ ศิษย์เอกหลวงปู่เณรคำ ประกาศเป็นด็อกเตอร์จากมหาวิทยาลัยดังกล่าว ว่า ที่ผ่านมาสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.)ได้ดำเนินการตรวจสอบมหาวิทยาลัยดังกล่าวตามข้อมูลในเว็บไซต์ ซึ่งมีการระบุชื่อสถานที่ตั้ง วิธีการจัดการเรียนการสอนว่าเป็นอย่างไร แต่เมื่อตรวจสอบกลับไม่พบว่ามหาวิทยาลัยแห่งนี้ตั้งอยู่ที่ใด ขณะเดียวกันรายชื่อบุคคลที่มีชื่อเสียงว่าได้รับปริญญาจากมหาวิทยาลัยแห่งนี้ สกอ.ก็ไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าได้รับปริญญาจริงหริอไม่ ดังนั้น หากผู้ที่มีชื่อปรากฎแต่ไม่ได้รับปริญญา สามารถแจ้งความดำเนินคดีได้ เพราะถือว่าทำให้เสียชื่อเสียง ส่วนผู้ที่รับปริญญาจากมหาวิทยาลัยแห่งนี้จริง ถือเป็นปริญญาปลอม ไม่สามารถนำไปใช้ได้ เช่นสมัครเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัย หรือสอบรับราขการ ซึ่งหากต้นสังกัดตรวจสอบพบก็สามารถแจ้งความดำเนินคดีได้เช่นกัน.
