ศรีสะเกษ -ผอ.พุทธศาสนาศรีสะเกษ เผยจากคลิปวิดีโอหลวงปู่เณรคำอ้างว่า ได้เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า เป็นการอวดอุตริชัดเจน ขณะที่ศิษย์เผยหลวงพ่อปานขาว ร่วมกับกลุ่มลูกศิษย์หลวงปู่เณรคำ เตรียมจัดตั้งกองทุนกอบกู้ชื่อเสียงหลวงปู่เณรคำ มีโทรศัพท์สั่งการจากพระผู้ใหญ่ห้ามสอบสวนเอาผิดหลวงปู่เณรคำ
วันนี้ (29 มิ.ย. ) นายสุขุม วงประสิทธิ์ ประธานองค์กรเครือข่ายบ้านวิมุตติธรรม ลูกศิษย์ของหลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก กล่าวว่า หลวงพ่อปานขาว เจ้าอาวาสวัดโพธิญาณราม เมืองตวกหน่ง ประเทศฝรั่งเศส ได้มีดำริที่จะจัดตั้งโครงการกองทุนเพื่อที่จะกอบกู้ชื่อเสียงของหลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก ขึ้น โดยสืบเนื่องมาจาก หลวงพ่อปานขาว ท่านเห็นว่า กระแสสังคมในขณะนี้เกิดความเข้าใจในตัวหลวงปู่เณรคำ ค่อนข้างสับสน ทำให้ชาวพุทธที่ปฏิบัติธรรมรู้สึกผิดหวัง จึงได้จัดตั้งกองทุนกอบกู้ชื่อเสียงหลวงปู่เณรคำขึ้น ซึ่งในกองทุนนี้จะมีหลวงพ่อปานขาว เป็นประธานในคณะดำเนินงาน นอกจากนี้ ยังมีทั้งฝ่ายการเงิน และฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
นายสุขุม กล่าวต่อไปว่า ซึ่งกองทุนนี้นอกจากจะทำหน้าที่เพื่อรักษาชื่อเสียงให้หลวงปู่เณรคำแล้ว ยังจะมีการสร้างสื่อธรรมะ การสร้างสถานีโทรทัศน์ สถานีวิทยุ ตลอดจนหนังสือพิมพ์ โดยจะมีการดูแลทุกชิ้นงานสื่อที่จะออกไป เพื่อที่จะสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องให้แก่พุทธศาสนิกชนเกี่ยวกับการเผยแพร่ธรรมะของหลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก ด้วย
หลังจากเสร็จสิ้นงานมหาพิธีห่มผ้าฤดูฝนพระแก้วมรกตจำลององค์ใหญ่ที่สุดในโลกในครั้งนี้ ทางลูกศิษย์หลวงปู่เณรคำ จะได้มีการประสานงานกับนักกฎหมายที่มีชื่อเสียงที่สุด ที่อยู่ในประเทศไทย และมีชื่อเสียงระดับโลก เพื่อมาทำหน้าที่ในด้านกฎหมายในการปกป้อง และกอบกู้ชื่อเสียงของหลวงปู่เณรคำ อีกด้วย ทั้งนี้ ในช่วงของการจัดงานมหาพิธีห่มผ้าฤดูฝนพระแก้วมรกตจำลององค์ใหญ่ที่สุดในโลก ได้มีการเริ่มขอสมทบทุนในการตั้งกองทุนกอบกู้ชื่อเสียงหลวงปู่เณรคำ จากพุทธศาสนิกชนที่มาร่วมงาน โดยนายสุขุม ได้เริ่มต้นสมทบทุนคนแรก เป็นจำนวนเงิน 2,000 บาท
ทางด้าน นายวิรอด ไชยพรรณนา ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนา จ.ศรีสะเกษ (พศ.) กล่าวว่า ขณะนี้การดำเนินการสอบสวนหลวงปู่เณรคำ ในด้านต่างๆ มีความคืบหน้าไปมาก โดยกำลังรวบรวมพยานหลักฐานให้คณะสงฆ์ที่เจ้าคณะ จ.ศรีสะเกษ ได้ตั้งเป็นคณะกรรมการพระอธิกรณ์สอบหลวงปู่เณรคำ ส่วนที่มีข่าวว่า จะนำเรื่องนี้ไปให้ทาง จ.อุบลราชธานี ในฐานะที่เป็นวัดต้นสังกัดของหลวงปู่เณรคำ ได้ดำเนินการสอบสวนด้วยนั้น ก็อาจจะดำเนินการได้ในส่วนที่เกี่ยวข้อง ในส่วนของ จ.ศรีสะเกษ ก็จะดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องที่ดิน เรื่องเงิน และด้านการประพฤติผิดพระธรรมวินัย
นายวิรอด กล่าวต่อไปว่า ในส่วนของคลิปวิดีโอที่มีการนำเอามาเผยแพร่ทางสื่อมวลชนว่า โดยหลวงปู่เณรคำอ้างว่า ได้เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า และเข้าเฝ้าพระอินทร์นั้น หากว่าหลวงปู่เณรคำเล่าให้ผู้ที่ไม่ใช่พระฟัง แม้ว่าจะเป็นความจริง หรือว่าไม่จริง ก็ถือว่าเป็นการอวดอุตริอย่างชัดเจนแล้ว เป็นการผิดพระธรรมวินัยอย่างชัดแจ้ง
สำหรับการขอตั้งวัดของที่พักสงฆ์ขันติธรรมนั้น หากว่าใบอนุญาตเดิมหมดอายุ ในกฎหมายไม่มีข้อยุติสามารถที่จะขอต่ออายุได้ หากคนที่เคยได้รับอนุญาตให้สร้างวัดได้ยังมีชีวิตอยู่ ก็จะสามารถให้สร้างวัดต่อไปได้ หากไม่มีชีวิตอยู่จะต้องเปลี่ยนแปลง โดยการไปขอยื่นหลักฐานขอสร้างวัดใหม่ โดยเอกสารหลักฐานจะต้องเป็นไปตามระเบียบที่กำหนดไว้
นายวิรอด กล่าวด้วยว่า การตรวจสอบสถานะเส้นทางการเงินของหลวงปู่เณรคำนั้น จะต้องอาศัยอำนาจของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งเป็นพนักงานสอบสวน ในการที่จะเข้าไปตรวจสอบเอกสารหลักฐานการเงินทั้งหมดของหลวงปู่เณรคำ ซึ่งมีการเปิดบัญชีเงินฝากไว้กับธนาคารหลายสิบบัญชี จะต้องดำเนินการตรวจสอบทั้งหมดว่ามีการยักย้ายถ่ายเทไปยังที่ใดบ้าง และขณะนี้ได้มีการประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว
แหล่งข่าวทางคณะสงฆ์ศรีสะเกษ ฝ่ายธรรมยุติ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 28 มิ.ย.56 ได้มีโทรศัพท์มาจากพระชั้นผู้ใหญ่องค์หนึ่งในเขตภาคอีสานที่เคยได้รับการถวายสิ่งของล้ำค่าจากหลวงปู่เณรคำ แจ้งมาว่า ให้คณะสงฆ์ศรีสะเกษ ดำเนินการสอบสวนหลวงปู่เณรคำแบบบัวไม่ให้ช้ำน้ำไม่ให้ขุ่น ไม่ให้ผู้ใดเสียหาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งห้ามไม่ให้มีการสึกหลวงปู่เณรคำอย่างเด็ดขาด หากทำไม่ได้ จะโอนเรื่องนี้ไปให้ทาง จ.อุบลราชธานี ดำเนินการสอบสวนเอง ซึ่งสร้างความไม่สบายใจให้แก่คณะสงฆ์ศรีสะเกษ ฝ่ายธรรมยุต เป็นอย่างมาก เนื่องจากว่าเป็นการโอบอุ้มหลวงปู่เณรคำที่ชัดเจนมาก
ทั้งที่ในการสอบสวนเบื้องต้นพบว่า หลวงปู่เณรคำ กระทำผิดพระธรรมวินัยมากมายหลายข้อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการอวดอุตริ และการหลอกลวงประชาชน มีความผิดถึงขั้นปาราชิก แต่ว่ามีโทรศัพท์สั่งการให้สอบสวนไม่ให้หลวงปู่เณรคำมีความผิด ซึ่งเรื่องนี้ทางคณะสงฆ์ศรีสะเกษ จะได้รายงานพฤติกรรมของพระผู้ใหญ่รูปนี้ไปให้พระผู้ใหญ่ที่ส่วนกลางได้รับทราบ เพื่อโปรดพิจารณาสั่งการต่อไปแล้ว