ASTVผู้จัดการรายวัน - เศรษฐกิจทรุด ค่าครองชีพพุ่งแบงก์หวั่น NPLเข้มปล่อยกู้บ้าน ส่งผลยอดปฏิเสธเงินกู้พุ่ง ด้านบิ๊กพฤกษาฯ โต้สวนทางตลาดยอดปฏิเสธลดเหลือ 23% เหตุผู้ซื้อมีวินัยทางการเงินมากขึ้น เผยยอดขายทะลุ 2.3 หมื่นล้าน เล็งปรับเป้ายอดขายเพิ่มขึ้น พร้อมแนะจัดสรรรายย่อยจับกลุ่มเรียลดีมานด์ “อิสระ บุญยัง”อดีตนายกส.ธุรกิจบ้านจัดสรรชี้ หนีครัวเรือน-แบงก์เข้มสินเชื่อไม่กระทบลูกค้า-อสังหาฯ เหตุลูกค้าประมาณกำลังซื้อความสามารถก่อหนี้ ไม่ก่อหนี้ก่อนซื้อที่อยู่อาศัย
ภาคอสังหาฯยิ้มรับแนวโน้มดอกเบี้ยลดยังไม่ทันไร ต้องชะงักกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว หนี้ครัวเรือนพุ่งสูง อาจเนื่องมาจากหลายสาเหตุ ค่าครองชีพสูงขึ้น แม้รายได้จะเพิ่มขึ้นตามนโยบายของรัฐบาล แต่ก็ไม่ทันกับราคาสินค้าที่แพงขึ้นแซงหน้ารายได้ ทั้งยังมีนโยบายรถคันแรกยังทำให้ภาระหนี้ของประชาชนเพิ่มขึ้น ทำให้ธนาคารพาณิชย์มีความกังวลใจต่อภาวะดังกล่าว ด้วยการเพิ่มความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ ส่งผลให้ยอดปฏิเสธสินเชื่อเพิ่มขึ้นตาม
ที่ผ่านมาธนาคารกรุงไทยได้ออกมายอมรับว่ามีความกังวลกับลูกหนี้กลุ่มเดิมที่ผ่อนบ้านไปได้ประมาณ 2-3 ปี เริ่มมีสัญญาณที่น่าเป็นห่วง โดยเฉพาะลูกหนี้ที่เพิ่งครบกำหนดช่วงปรับโครงสร้างหนี้ จากความเสียหายในเหตุการณ์น้ำท่วมไม่นาน ซึ่งลูกค้ากลุ่มนี้อาจมีปัญหาการเงินติดขัดเล็กน้อย ประกอบกับลูกค้าบางส่วน ที่เข้าโครงการรถคันแรกทำให้ภาระหนี้เพิ่มขึ้น จึงเป็นไปได้ว่าอาจเห็นสัญญาณเอ็นพีแอลปรับเพิ่มขึ้น ซึ่งธนาคารจะต้องเฝ้าระวังและติดตามใกล้ชิด ส่วนยอดปฏิเสธสินเชื่อของธนาคารกรุงไทยยังทรงตัวอยู่ที่ระดับ 30% เนื่องจากในปีที่ผ่านมาธนาคารมีการปรับเกณฑ์การกลั่นกรองสินเชื่อและหันมามุ่งเน้นลูกค้าที่ซื้อบ้านในโครงการของผู้ประกอบการรายใหญ่เป็นหลัก
ด้านธนาคารกสิกรไทยระบุว่ายอดการปฏิเสธสินเชื่อในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาพบว่ามีเพิ่มขึ้น 2-3% มาอยู่ที่ระดับ 30-35% ซึ่งมาจากกลุ่มผู้มีรายได้ 30,000 บาท/เดือน ที่มาขอสินเชื่อจากธนาคารมีภาระหนี้เพิ่มสูงขึ้นเกินระดับ 40% ของรายได้ เมื่อมาขอสินเชื่อจึงถูกปฏิเสธ บางรายเป็นหนี้เสียหรือมีอายุงานไม่ถึงเกณฑ์ที่ธนาคารกำหนด ล่าสุดไทยได้ออกมาตรการไม่ปล่อยกู้ให้แก่ลูกค้าที่ต้องการกู้เพื่อซื้อบ้านหลังที่ 4 ขึ้นไป ส่วนบ้านหลังที่ 3 เพิ่มความเข้มงวดมากขึ้น โดย
ปัจจุบันลูกค้าที่กู้ซื้อบ้านหลังที่ 3 มีสัดส่วน 3-4% ของพอร์ตสินเชื่อบ้านของธนาคาร โดยธนาคารจะลดวงเงินสินเชื่อต่อหลักประกัน (Loan to Value) ลง 15% จากปกติที่สัดส่วนสินเชื่อต่อหลักประกัน 90-95% สำหรับบ้านในโครงการของผู้ประกอบการรายใหญ่ แต่หากเป็นโครงการทั่วไปจะอยู่ที่ 80% ซึ่งลูกค้าต้องเตรียมเงินดาวน์มากขึ้น
บิ๊กพฤกษาแจงยอดรีเจ็กลดเหลือ23%
นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท พฤกษาเรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แม้ว่าจะมีกระข่าวยอดปฏิเสธสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพิ่มมากขึ้น แต่สำหรับลูกค้าของพฤกษาฯ กลับพบว่าในปีนี้ตัวเลขลูกค้าที่ถูกปฏิเสธสินเชื่อกลับลดลงจาก 26% ในปี 2555 เหลือ 23% ในปีนี้ ซึ่งเชื่อว่าสาเหตุจากปัจจุบันผู้บริโภคที่มีความตั้งใจซื้อบ้านจะมีวินัยทางการเงินมากขึ้น รู้ว่าต้องรักษาเครดิตทางการเงิน ไม่สร้างหนี้หรือสินเชื่อบุคคล เก็บออมเงินก่อนซื้อบ้าน นอกจากนี้บริษัทยังคัดกรองลูกค้าที่เข้ามาซื้อบ้านมากขึ้น ทำให้ยอดปฏิเสธสินเชื่อลดลงดังกล่าว
ขณะที่กลุ่มคนที่ตั้งใจซื้อรถก่อนซื้อบ้านจะมีวินัยทางการเงินต่างออกไป ซึ่งกลุ่มนี้มักมีหนี้สินอื่นที่นอกเหนือจากค่างวดรถเช่นบัตรเครดิต สินเชื่อบุคคล กรอปกับค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้นทำให้มีภาระค่าใช้จ่ายเพิ่ม เมื่อขอสินเชื่อจึงถูกปฏิเสธดังกล่าว
อย่างไรก็ตามยอมรับว่าธนาคารเข้มงวดลูกค้าที่ขอสินเชื่อซื้อบ้านหลังที่สองเพิ่มมากขึ้น แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันจะได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบทั้งภายในและภายนอกประเทศ รวมไปถึงค่าครองชีพของประชาชนที่เพิ่ม แต่ยังเชื่อว่าภาคอสังหาฯ จะยังสารมารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่องคาดว่าจะมีมูลค่าขายประมาณ 3.5-3.7 แสนล้านบาท โต 5-7% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาที่มีมูลค่าขาย 3.11 แสนล้านบาท
สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วงครึ่งปีแรกนับว่าประสบความสำเร็จเกินคาด โดย 6 เดือนมียอดขาย 23,000 ล้านบาท โตขึ้นเกือบ 100% เมื่อเทียบกับ 6 เดือนแรกของปีที่ผ่านมาที่มียอดขาย 12,700 ล้านบาท ซึ่งบริษัทมีแผนจะปรับเป้ายอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 38,000-40,000 ล้านบาท จากเดิมที่ตั้งไว้ 35,000 ล้านบาท
จัดสรรรายย่อยกระอักแบงก์เข้มปล่อยกู้
นายประเสริฐกล่าวต่อว่า ตลาดในครึ่งปีหลังยังเป็นของผู้ประกอบการรายใหญ่ ที่มีความแข็งแกร่งทั้งเงินทุนและแบรนด์สินค้า ขณะที่รายย่อยเสียเปรียบในหลายด้านโดยเฉพาะเงินทุน ที่ธนาคารพาณิชย์จะเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น โดยลดวงเงินให้กู้ลง ต้องมีประวัติในการขอสินเชื่อ ต้องมียอดจองสูงกว่า 50% ดังนั้นการลงทุนของผู้ประกอบการรายย่อยจะต้องมีความระมัดระวัง เน้นพัฒนาสินค้าเพื่อจับกลุ่มลูกค้าเรียลดีมานด์
ด้านนายอิสระ บุญยัง อดีตนายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าวว่า ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มขึ้น ยังไม่ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อและการตัดสินใจซื้อของลูกค้า รวมถึงยังไม่มีผลต่อผู้ประกอบการอสังหาฯในขณะนี้ เนื่องจากที่ผ่านมาลูกค้ามีการคัดกลองและคำณวนกำลังซื้อและความสามารถในการก่อหนี้ของตนเองว่าอยู่ในระดีบใดอยู่แล้ว ในส่วนของผู้ประกอบการเองก็มีการติดตามตลาดและสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา เนื่องจากเมื่อหนี้ครัวเรือนเพิ่มสูงมากๆ แน่นอนว่าจะกระทบต่อการตัดสินใจและกำซื้อของลูกค้าในการตัดสินใจซื้อสินค้าชิ้งใหญ่ๆ เช่น รถยนต์ และที่อยู่อาศัยอยู่แล้ว ทำให้ที่ผ่านมาลูกค้าที่จะซื้อบ้านมีการเตรียมความพร้อมไม่มีการก่อหนี้ก้อนใหญ่ก่อนจะซื้อที่อยู่อาศัยอยู่แล้ว
ส่วนยอดปฎิเสธสินเชื่อนั้นขณะนี้ยังถือว่าปกติ โดยเฉพาะลูกค้าบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮ้าส์ ซึ่งในส่วนของ กานดาฯ มียอดปฏิเสธิสินเชื่อเพียง 5% เท่านั้น เพราะมีการพรีแอพพรูฟ ก่อนให้ลูกค้าจองซื้อ ส่วนผู้ประกอบการรายอื่น ก็เชื่อว่าน่าจะดำเนินการในรูปแบบเดียวกันเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากทุกรายมีความระมัดระวังอยู่ก่อนแล้ว
ศูนย์ข้อมูลฯชี้เศรษฐกิจฉุดอสังหาฯโตช้า
ด้านนายสัมมา คีตสิน ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ กล่าวแสดงความเห็นว่า ตลาดที่อยู่อาศัยน่าจะได้รับผลกระทบบ้างจากภาวะเศรษฐกิจโลก ทำให้การเปิดโครงการใหม่ชะลอตัวลง โดยเฉพาะในจังหวัดภูมิภาคหลัก ผู้ประกอบการจะแสวงหาโอกาสใหม่ๆในจังหวัดรองใหม่ๆของส่วนภูมิภาค ส่วนบริเวณรอบกรุงเทพฯ จะมีการเปิดโครงการใหม่ในพื้นที่จังหวัดปริมณฑลมากกว่าในกรุงเทพฯ โดยเฉพาะย่านบางนา-ตราด พระราม 2 ฝั่งธน และนนทบุรี ในขณะที่กำลังซื้ออาจลดลงบ้าง แต่ไม่สำคัญเท่าการที่ทั้งผู้ประกอบการและผู้ซื้อจะมีความระมัดระวังมากขึ้น การตัดสินใจช้าลง ทำให้ตลาดอสังหาฯ ช่วงที่เหลือของปี 56 โตแต่ชะลอตัวลง ไม่ร้อนแรงเท่าปี 55 หรือต้นปี 56
ภาคอสังหาฯยิ้มรับแนวโน้มดอกเบี้ยลดยังไม่ทันไร ต้องชะงักกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว หนี้ครัวเรือนพุ่งสูง อาจเนื่องมาจากหลายสาเหตุ ค่าครองชีพสูงขึ้น แม้รายได้จะเพิ่มขึ้นตามนโยบายของรัฐบาล แต่ก็ไม่ทันกับราคาสินค้าที่แพงขึ้นแซงหน้ารายได้ ทั้งยังมีนโยบายรถคันแรกยังทำให้ภาระหนี้ของประชาชนเพิ่มขึ้น ทำให้ธนาคารพาณิชย์มีความกังวลใจต่อภาวะดังกล่าว ด้วยการเพิ่มความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ ส่งผลให้ยอดปฏิเสธสินเชื่อเพิ่มขึ้นตาม
ที่ผ่านมาธนาคารกรุงไทยได้ออกมายอมรับว่ามีความกังวลกับลูกหนี้กลุ่มเดิมที่ผ่อนบ้านไปได้ประมาณ 2-3 ปี เริ่มมีสัญญาณที่น่าเป็นห่วง โดยเฉพาะลูกหนี้ที่เพิ่งครบกำหนดช่วงปรับโครงสร้างหนี้ จากความเสียหายในเหตุการณ์น้ำท่วมไม่นาน ซึ่งลูกค้ากลุ่มนี้อาจมีปัญหาการเงินติดขัดเล็กน้อย ประกอบกับลูกค้าบางส่วน ที่เข้าโครงการรถคันแรกทำให้ภาระหนี้เพิ่มขึ้น จึงเป็นไปได้ว่าอาจเห็นสัญญาณเอ็นพีแอลปรับเพิ่มขึ้น ซึ่งธนาคารจะต้องเฝ้าระวังและติดตามใกล้ชิด ส่วนยอดปฏิเสธสินเชื่อของธนาคารกรุงไทยยังทรงตัวอยู่ที่ระดับ 30% เนื่องจากในปีที่ผ่านมาธนาคารมีการปรับเกณฑ์การกลั่นกรองสินเชื่อและหันมามุ่งเน้นลูกค้าที่ซื้อบ้านในโครงการของผู้ประกอบการรายใหญ่เป็นหลัก
ด้านธนาคารกสิกรไทยระบุว่ายอดการปฏิเสธสินเชื่อในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาพบว่ามีเพิ่มขึ้น 2-3% มาอยู่ที่ระดับ 30-35% ซึ่งมาจากกลุ่มผู้มีรายได้ 30,000 บาท/เดือน ที่มาขอสินเชื่อจากธนาคารมีภาระหนี้เพิ่มสูงขึ้นเกินระดับ 40% ของรายได้ เมื่อมาขอสินเชื่อจึงถูกปฏิเสธ บางรายเป็นหนี้เสียหรือมีอายุงานไม่ถึงเกณฑ์ที่ธนาคารกำหนด ล่าสุดไทยได้ออกมาตรการไม่ปล่อยกู้ให้แก่ลูกค้าที่ต้องการกู้เพื่อซื้อบ้านหลังที่ 4 ขึ้นไป ส่วนบ้านหลังที่ 3 เพิ่มความเข้มงวดมากขึ้น โดย
ปัจจุบันลูกค้าที่กู้ซื้อบ้านหลังที่ 3 มีสัดส่วน 3-4% ของพอร์ตสินเชื่อบ้านของธนาคาร โดยธนาคารจะลดวงเงินสินเชื่อต่อหลักประกัน (Loan to Value) ลง 15% จากปกติที่สัดส่วนสินเชื่อต่อหลักประกัน 90-95% สำหรับบ้านในโครงการของผู้ประกอบการรายใหญ่ แต่หากเป็นโครงการทั่วไปจะอยู่ที่ 80% ซึ่งลูกค้าต้องเตรียมเงินดาวน์มากขึ้น
บิ๊กพฤกษาแจงยอดรีเจ็กลดเหลือ23%
นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท พฤกษาเรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แม้ว่าจะมีกระข่าวยอดปฏิเสธสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพิ่มมากขึ้น แต่สำหรับลูกค้าของพฤกษาฯ กลับพบว่าในปีนี้ตัวเลขลูกค้าที่ถูกปฏิเสธสินเชื่อกลับลดลงจาก 26% ในปี 2555 เหลือ 23% ในปีนี้ ซึ่งเชื่อว่าสาเหตุจากปัจจุบันผู้บริโภคที่มีความตั้งใจซื้อบ้านจะมีวินัยทางการเงินมากขึ้น รู้ว่าต้องรักษาเครดิตทางการเงิน ไม่สร้างหนี้หรือสินเชื่อบุคคล เก็บออมเงินก่อนซื้อบ้าน นอกจากนี้บริษัทยังคัดกรองลูกค้าที่เข้ามาซื้อบ้านมากขึ้น ทำให้ยอดปฏิเสธสินเชื่อลดลงดังกล่าว
ขณะที่กลุ่มคนที่ตั้งใจซื้อรถก่อนซื้อบ้านจะมีวินัยทางการเงินต่างออกไป ซึ่งกลุ่มนี้มักมีหนี้สินอื่นที่นอกเหนือจากค่างวดรถเช่นบัตรเครดิต สินเชื่อบุคคล กรอปกับค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้นทำให้มีภาระค่าใช้จ่ายเพิ่ม เมื่อขอสินเชื่อจึงถูกปฏิเสธดังกล่าว
อย่างไรก็ตามยอมรับว่าธนาคารเข้มงวดลูกค้าที่ขอสินเชื่อซื้อบ้านหลังที่สองเพิ่มมากขึ้น แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันจะได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบทั้งภายในและภายนอกประเทศ รวมไปถึงค่าครองชีพของประชาชนที่เพิ่ม แต่ยังเชื่อว่าภาคอสังหาฯ จะยังสารมารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่องคาดว่าจะมีมูลค่าขายประมาณ 3.5-3.7 แสนล้านบาท โต 5-7% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาที่มีมูลค่าขาย 3.11 แสนล้านบาท
สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วงครึ่งปีแรกนับว่าประสบความสำเร็จเกินคาด โดย 6 เดือนมียอดขาย 23,000 ล้านบาท โตขึ้นเกือบ 100% เมื่อเทียบกับ 6 เดือนแรกของปีที่ผ่านมาที่มียอดขาย 12,700 ล้านบาท ซึ่งบริษัทมีแผนจะปรับเป้ายอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 38,000-40,000 ล้านบาท จากเดิมที่ตั้งไว้ 35,000 ล้านบาท
จัดสรรรายย่อยกระอักแบงก์เข้มปล่อยกู้
นายประเสริฐกล่าวต่อว่า ตลาดในครึ่งปีหลังยังเป็นของผู้ประกอบการรายใหญ่ ที่มีความแข็งแกร่งทั้งเงินทุนและแบรนด์สินค้า ขณะที่รายย่อยเสียเปรียบในหลายด้านโดยเฉพาะเงินทุน ที่ธนาคารพาณิชย์จะเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น โดยลดวงเงินให้กู้ลง ต้องมีประวัติในการขอสินเชื่อ ต้องมียอดจองสูงกว่า 50% ดังนั้นการลงทุนของผู้ประกอบการรายย่อยจะต้องมีความระมัดระวัง เน้นพัฒนาสินค้าเพื่อจับกลุ่มลูกค้าเรียลดีมานด์
ด้านนายอิสระ บุญยัง อดีตนายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าวว่า ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มขึ้น ยังไม่ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อและการตัดสินใจซื้อของลูกค้า รวมถึงยังไม่มีผลต่อผู้ประกอบการอสังหาฯในขณะนี้ เนื่องจากที่ผ่านมาลูกค้ามีการคัดกลองและคำณวนกำลังซื้อและความสามารถในการก่อหนี้ของตนเองว่าอยู่ในระดีบใดอยู่แล้ว ในส่วนของผู้ประกอบการเองก็มีการติดตามตลาดและสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา เนื่องจากเมื่อหนี้ครัวเรือนเพิ่มสูงมากๆ แน่นอนว่าจะกระทบต่อการตัดสินใจและกำซื้อของลูกค้าในการตัดสินใจซื้อสินค้าชิ้งใหญ่ๆ เช่น รถยนต์ และที่อยู่อาศัยอยู่แล้ว ทำให้ที่ผ่านมาลูกค้าที่จะซื้อบ้านมีการเตรียมความพร้อมไม่มีการก่อหนี้ก้อนใหญ่ก่อนจะซื้อที่อยู่อาศัยอยู่แล้ว
ส่วนยอดปฎิเสธสินเชื่อนั้นขณะนี้ยังถือว่าปกติ โดยเฉพาะลูกค้าบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮ้าส์ ซึ่งในส่วนของ กานดาฯ มียอดปฏิเสธิสินเชื่อเพียง 5% เท่านั้น เพราะมีการพรีแอพพรูฟ ก่อนให้ลูกค้าจองซื้อ ส่วนผู้ประกอบการรายอื่น ก็เชื่อว่าน่าจะดำเนินการในรูปแบบเดียวกันเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากทุกรายมีความระมัดระวังอยู่ก่อนแล้ว
ศูนย์ข้อมูลฯชี้เศรษฐกิจฉุดอสังหาฯโตช้า
ด้านนายสัมมา คีตสิน ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ กล่าวแสดงความเห็นว่า ตลาดที่อยู่อาศัยน่าจะได้รับผลกระทบบ้างจากภาวะเศรษฐกิจโลก ทำให้การเปิดโครงการใหม่ชะลอตัวลง โดยเฉพาะในจังหวัดภูมิภาคหลัก ผู้ประกอบการจะแสวงหาโอกาสใหม่ๆในจังหวัดรองใหม่ๆของส่วนภูมิภาค ส่วนบริเวณรอบกรุงเทพฯ จะมีการเปิดโครงการใหม่ในพื้นที่จังหวัดปริมณฑลมากกว่าในกรุงเทพฯ โดยเฉพาะย่านบางนา-ตราด พระราม 2 ฝั่งธน และนนทบุรี ในขณะที่กำลังซื้ออาจลดลงบ้าง แต่ไม่สำคัญเท่าการที่ทั้งผู้ประกอบการและผู้ซื้อจะมีความระมัดระวังมากขึ้น การตัดสินใจช้าลง ทำให้ตลาดอสังหาฯ ช่วงที่เหลือของปี 56 โตแต่ชะลอตัวลง ไม่ร้อนแรงเท่าปี 55 หรือต้นปี 56