แบงก์ออมสิน เตรียมขยับปล่อยสินเชื่อซื้อบ้านหรู เล็งจับตลาดบ้านราคา 5-10 ล้าน เน้นบริษัทในตลาดหุ้น “วรวิทย์” ยันไม่ได้แข่งขันกับแบงก์เอกชน
นายวรวิทย์ ชัยลิมปมนตรี ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ธนาคารได้ปรับนโยบายการปล่อยสินเชื่อเคหะใหม่ โดยจะเน้นเจาะกลุ่มผู้มีรายได้ปานกลาง คนประกอบอาชีพอิสระ ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีขนาดกลาง ที่มีรายได้สามารถซื้อบ้านราคาตั้งแต่ 5-10 ล้านบาท โดยเฉพาะบ้านที่อยู่ในโครงการใหญ่ของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ (ตลท.)
“ธนาคารเตรียมนำระบบเครดิตสกอริ่งมาใช้วิเคราะห์สินเชื่อเพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้า จะสามารถพิจารณาสินเชื่อได้รวดเร็ว และแม่นยำมากขึ้น” นายวรวิทย์ กล่าว
ธนาคารออมสิน พยายามจะเจาะลูกค้าคนละกลุ่มกับธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ที่เน้นปล่อยกู้ให้กลุ่มผู้มีรายได้น้อยมีบ้านเป็นของตัวเอง และเชื่อว่าจะไม่เป็นการแข่งขันปล่อยสินเชื่อบ้านแข่งกับธนาคารพาณิชย์ เพราะธนาคารพาณิชย์จะเจาะกลุ่มลูกค้าตลาดบนที่กู้ซื้อบ้านราคาหลังละ 10-30 ล้านบาทมากกว่า การออกผลิตภัณฑ์นี้ธนาคารต้องการเพิ่มทางเลือกให้ประชาชนในการกู้เงินซื้อบ้านมากขึ้น ไม่ได้คิดว่าจะนำมาแข่งขันกับธนาคารพาณิชย์
“ออมสินขยับมาเจาะลูกค้ากลุ่มบน เช่น พวกที่มีรายได้แต่ไม่ได้ทำงานประจำกลุ่มอาชีพอิสระ พวกเถ้าแก่น้อยที่ต้องการซื้อบ้านราคา 5-10 ล้านบาท ซึ่งเดิมกลุ่มนี้ก็เป็นลูกค้าธนาคารที่กู้เงินไปทำธุรกิจอยู่แล้ว จึงเห็นว่าน่าจะปล่อยกู้ซื้อบ้านพ่วงไปด้วยเลย เพราะกลุ่มนี้ถือว่าไม่เสี่ยง” นายวรวิทย์ กล่าว
สำหรับยอดปล่อยกู้สินเชื่อเคหะไตรมาสแรกปล่อยกู้ได้ 1.4 หมื่นล้านบาท ซึ่งทั้งปี 2556 ตั้งเป้าปล่อยกู้ 5-6 หมื่นล้านบาท ลดลงจากปีก่อนที่ปล่อยสินเชื่อได้ 7.4 หมื่นล้านบาท
นายวรวิทย์ กล่าวถึงผลดำเนินงานธนาคารออมสินว่า ยอดเงินฝากไตรมาสแรกเพิ่มขึ้น 3 หมื่นล้านบาท โดยตั้งเป้าไตรมาส 2 เงินฝากเพิ่มขึ้นอีก 7 หมื่นล้านบาท แต่เนื่องจากธนาคารจัดโปรโมชันงานครบรอบ 100 ปี เมื่อวันที่1 เม.ย.ที่ผ่านมา ทำให้เงินฝากไหลเข้าเฉพาะเดือน เม.ย. เพียงเดือนเดียวกว่า 1.1 แสนล้านบาท
ในจำนวนนี้แบ่งเป็นเงินฝากเผื่อเรียก 101 วัน มียอดรับฝากกว่า 7 หมื่นล้านบาทสลากออมสินครบรอบ 100 ปี มียอดซื้อกว่า 2.2 หมื่นล้านบาท และเงินเผื่อเรียกพิเศษ 10 เดือน มียอดฝากกว่า 2 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ เงินฝากที่เพิ่มขึ้นก็สอดรับกับความต้องการใช้เงินในช่วงเดือน เม.ย.-มิ.ย.ซึ่งธนาคารต้องปล่อยกู้ตามนโยบายของรัฐบาล โดยธนาคารเข้าประมูลเงินกู้ พ.ร.ก.น้ำได้ 1.2 แสนล้านบาท จากวงเงินที่เปิดประมูลทั้งหมด 3.4 แสนล้านบาท ซึ่งคาดว่าน่าจะทยอยเบิกปีละ 3-4 หมื่นล้านบาท โดยจะเบิกงวดสุดท้ายในปี 2559
สำหรับกำไร 4 เดือนแรก ทำได้กว่า 5,000 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมาย ซึ่งปีนี้คาดว่าจะพยายามรักษาอัตราการทำกำไรไว้ไม่ให้ต่ำกว่าปี 2555 ที่มีกำไร 2.1 หมื่นล้านบาท