xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

“ก่อแก้ว พิกุลทอง”หวิดกลับคุกเพราะปาก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายก่อแก้ว พิกุลทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย เพิ่งออกจากคุกเมื่อวันที่ 10 พ.ค.ที่ผ่านมา และหวุดหวิดต้องกลับเข้าไปอีกรอบ เมื่อยุให้ชาวนาไปประท้วงพรรคประชาธิปัตย์
ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-หวิดกลับเข้าคุกอีกรอบ สำหรับบริวารใกล้ชิด นช.ทักษิณ ชินวัตร อีกคนที่ได้ดิบได้ดีเพราะมีความเชี่ยวชาญในการใช้ปากอย่างนายก่อแก้ว พิกุลทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย

หลังจากที่ได้ยุยงให้ชาวนาที่จะมาเรียกร้องให้รัฐบาลคงราคาจำนำข้าวไว้ที่ราคาตันละ 15,000 บาท ไปชุมนุมที่พรรคประชาธิปัตย์แทนที่จะไปทำเนียบรัฐบาล ทั้งที่ตนเองยังอยู่ระหว่างการประกันตัวในคดีก่อการร้าย ซึ่งศาลได้วางเงื่อนไขไว้ว่าห้ามยุยงปลุกปั่น ก่อความวุ่นวายในบ้านเมืองอีก

นายก่อแก้วเคยถูกศาลสั่งให้กลับเข้าคุกเนื่องจากทำผิดเงื่อนไขการประกันตัวมาแล้ว และต้องขอยื่นประกันตัวใหม่ถึง 3 ครั้ง จึงได้กลับออกมาอยู่นอกคุกจนทุกวันนี้

หลังจากร่วมเป็นแกนนำการชุมนุมซึ่งจบลงด้วยการเผาบ้านเผาเมืองในปี 2553 นายก่อแก้วตกเป็นจำเลยในคดีก่อกการร้าย เช่นเดียวกับแกนนำคนอื่นๆ อาทิ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นพ.เหวง โตจิราการ นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไทย รวมทั้งนายการุณ โหสกุล อดีต ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย แต่ก็ได้รับการประกันตัวออกมาตามนโยบายสมานฉันท์ของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แล้วลงสมัครเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทยจนได้รับเลือกตั้ง

แต่ด้วยสัญชาตญาณการรับใช้นายใหญ่ เมื่อคณะตุการศาลรัฐธรรมนูญกำลังจะมีคำวินิจฉัยกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 ว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญและเป็นการล้มล้างการปกครองหรือไม่ นายก่อแก้วได้เปิดแถลงข่าวที่รัฐสภา เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2555 ในทำนองว่า หากศาลมีคำวินิจฉัยออกมาเลวร้ายที่สุดว่าเป็นการล้มล้างการปกครอง ตนก็ได้มีการเตรียมตัวโดยให้คนรู้จักเบิกเงินสด ตุนน้ำ ตุนยา หยุดการลงทุน หยุดงาน บอกครอบครัว เพื่อรองรับสถานการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ถ้าคำวินิจฉัยออกมาเลวร้ายที่สุดก็ต้องสู้แตกหักอย่างเดียว

และยังกล่าวอีกว่า หากศาลมีคำวินิจฉัยว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นการดำเนินการเพื่อล้มล้างการปกครอง ประชาชนที่ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยและสนับสนุนรัฐบาลก็จะไม่ยอมรับคำสั่งศาลและจะมีการตอบโต้อย่างรุนแรง คือแจ้งความดำเนินคดีต่อตุลาการศาลรัฐธรรมนูญข้อหากบฏ และขอให้ตำรวจจับกุม ถ้าไม่จับกุมประชาชนจะจับเอง ซึ่งฝ่ายอำมาตย์ก็จะจัดมวลชนมาปกป้องทำให้ประชาชนปะทะกันเมื่อตำรวจเอาไม่อยู่ ทหารก็จะออกมาควบคุมด้วยการยึดอำนาจ คนเสื้อแดงจะต่อสู้กับทหารอย่างตาต่อตาฟันต่อฟัน สุดท้ายความสูญเสียจะเกิดขึ้นอย่างมากมาย

คำแถลงดังกล่าวทำให้มีคนไปยื่นต่อศาลขอให้ถอนประกันตัวนายก่อแก้ว และศาลได้มีคำวินิจฉัยเมื่อวันที่ 30 พ.ย.2555 ว่า คำกล่าวของนายก่อแก้วเป็นถ้อยคำที่มุ่งเน้นไปยังผลร้ายที่จะเกิดขึ้นต่อตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ หากตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยไปในทางที่ตนเองไม่เห็นชอบด้วย เป็นการแสดงให้เห็นถึงเจตนาของจำเลย ได้อย่างชัดเจนที่ต้องการข่มขู่คุกคามและกดดันการปฏิบัติหน้าที่ของคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ

นอกจากนี้ยังแสดงให้เห็นถึงเจตนาของจำเลยที่จะยุยง ปลุกปั่น ปลุกระดม เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดต่อกฎหมายแผ่นดิน ให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยในบ้านเมือง เพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง ไม่นำพาต่อเงื่อนไขที่ศาลมีคำสั่งไว้ ทั้งไม่เคารพต่อสิทธิเสรีภาพของผู้อื่นในการปฏิบัติหน้าที่ภายใต้บทบัญญัติของกฎหมาย และยังเป็นการคุกคามต่อความเป็นอิสระในการปฏิบัติหน้าที่ของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ

ลักษณะถ้อยคำที่จำเลยแถลงออกมาไม่เพียงแต่เป็นการยั่วยุ ปลุกระดม กลุ่มคนเสื้อแดงเท่านั้น แต่ยังทำให้ผู้คนทั่วไปในสังคม เกิดความรู้สึกหวาดกลัวจนอาจลุกขึ้นมากระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อต่อต้านการกระทำของกลุ่มคนเสื้อแดงตามที่จำเลย กล่าวไว้ ก่อให้เกิดเหตุไม่สงบวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง

คำกล่าวของจำเลยเป็นการกล่าวข้อความยั่วยุ ปลุกปั่น ปลุกระดม ทั้งต่อมวลชนฝ่ายตนเองและฝ่ายตรงข้ามให้เกิดความปั่นป่วน กระด้างกระเดื่อง ถึงขนาดที่จะทำให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยในราชอาณาจักร หรือให้ประชาชนละเมิดต่อกฎหมายแผ่นดิน อันเป็นการกระทำที่ผิดเงื่อนไขที่ศาลมีคำสั่งไว้

นายก่อแก้วจึงถูกศาลสั่งเพิกถอนการประกันตัวและต้องกลับเข้าคุกอีกครั้ง

แทนที่จะเข็ดหลาบ นายก่อแก้วยังคงปากดี เมื่อผู้สื่อข่าวเข้าไปสังเกตการณ์ในเรือนจำหลักสี่ เมื่อวันที่ 1 ธ.ค.2555 นายก่อแก้วได้ยืนยันกับผู้สื่อข่าวว่าจะไม่ขอโทษตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเด็ดขาด เพราะไม่มีความจำเป็น โดยอ้างว่าตนเองบริสุทธิ์

โชคยังดีสำหรับนายก่อแก้วที่มีตำแหน่ง ส.ส.คุ้มกะลาหัว เมื่อถึงวันเปิดสมัยประชุมสภา วันที่ 21 ธ.ค.2555 นายก่อแก้วก็ถูกปล่อยตัว ตามเอกสิทธิ์ที่ได้รับในฐานะ ส.ส.

แต่เมื่อสิ้นสุดสมัยประชุมสภาในวันที่ 20 เม.ย.2556 ถึงกำหนดที่จะต้องกลับเข้าคุก นายก่อแก้วได้ยื่นขอประกันตัวอีกครั้ง ซึ่งศาลได้มีคำวินิจฉัยเมื่อวันที่ 22 เม.ย.ว่า ยังไม่ปรากฏว่าจำเลยได้กระทำการใดๆ ที่แสดงให้ศาลเห็นและรับฟังได้ว่า จำเลยรู้สำนึกในการกระทำที่ผิดเงื่อนไขของศาล หรือได้มีการบรรเทาผลร้ายจากการกระทำของจำเลย ในทางตรงกันข้ามกลับได้ความว่าจำเลยยังคงยืนยันว่าการกระทำของจำเลยนั้นไม่เป็นการผิดเงื่อนไขของศาล จึงยังไม่มีเหตุเพียงพอที่จะปล่อยชั่วคราวจำเลยอีกครั้งหนึ่ง ให้ยกคำร้อง นายก่อแก้วจึงต้องกลับเข้าไปกินข้าวแดงในคุกอีกรอบ

หลังจากนั้น ทนายความได้ยื่นขอประกันตัวนายก่อแก้วอีกแต่ศาลได้ยกคำร้อง จึงได้ยื่นใหม่ในวันที่ 3 พ.ค. และต่อมา วันที่ 10 พ.ค.2555 ศาลจึงอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวนายก่อแก้วได้ หลังจากเห็นว่า จำเลยรู้สำนึกในการกระทำผิดเงื่อนไขต่อศาล และยอมรับปฏิบัติเงื่อนไขต่างๆ ของศาล โดยตีราคาประกัน 6 แสนบาท พร้อมกำหนดเงื่อนไขห้ามนายก่อแก้วกระทำการใดๆ ลักษณะดูหมิ่นผู้อื่น ยั่วยุ ปลุกปั่น ปลุกระดม เพื่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง ห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล และให้ถือเอาคำเบิกความของนายก่อแก้วในชั้นไต่สวน ที่ยินยอมสละสิทธิส่วนตัว “จะไม่ขึ้นเวทีปราศรัย ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนพาดพิงทำให้บุคคล หรือองค์กรอื่นได้รับความเสียหาย” โดยให้นายก่อแก้วปฏิบัติตามเงื่อนไขอย่างเคร่งครัดด้วย

อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 25 มิ.ย.ที่ผ่านมา หลังจากรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ประกาศลดราคารับจำนำข้าวเปลือกลงจากตันละ 15,000 บาท เหลือตันละ 12,000 บาท เพื่อรักษาวินัยการคลัง อันเนื่องมาจากโครงการนี้ประสบกับการขาดทุนอย่างหนัก ซึ่งทำให้รัฐบาลเสียหน้าอย่างแรง และแน่นอนย่อมเสียไปถึงนายใหญ่ ในฐานะเป็นคนต้นคิดนโยบายนี้

เมื่อชาวนานัดชุมนุมกดดันรัฐบาลให้คงราคารับจำนำข้าวเปลือกไว้ 15,000 บาทตามเดิม นายก่อแก้วจึงต้องออกมาทำหน้าที่ บอกชาวนาว่า อย่ามาที่ทำเนียบรัฐบาล ให้ไปที่พรรคประชาธิปัตย์ เพื่อถามว่าเหตุใดจึงจงใจล้มโครงการจำนำข้าวอย่างจริงจังและปั่นตัวเลขแบบผิดๆ สร้างแรงกดดันให้พรรคเพื่อไทย

แม้นายก่อแก้วจะออกมาแก้ตัวในภายหลังว่า คำพูดของตนไม่ได้เป็นการยุยงให้ชาวนาไปประท้วงพรรคประชาธิปัตย์ ตนแค่บอกให้ไปถามเท่านั้น

แต่นัยคำพูดก็เป็นการโยนความผิดไปให้พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเท่ากับเป็นการชี้นำกลุ่มชาวนาว่า ถ้าจะก่อม็อบ ก็ไปม็อบที่พรรคประชาธิปัตย์ที่กดดันให้รัฐบาลลดราคารับจำนำข้าว

ด้วยเหตุนี้ ในระหว่างที่นายก่อแก้วไปให้การในคดีก่อการร้าย เมื่อวันที่ 27 มิ.ย. จึงถูกศาลเตือนให้ระวังในคำพูด เพราะอาจจะผิดเงื่อนไขการประกันตัวได้

สำหรับนายก่อแก้ว แม้จะถูกมองว่าเป็นแกนนำเสื้อแดงที่จัดให้อยู่ใน“สายพิราบ”ไม่นิยมความรุนแรง ด้วยลีลาการพูดที่นุ่มนวล หน้าตาที่เกลี้ยงเกลา แต่นายก่อแก้วก็มีจุดร่วมกับแกนนำเสื้อแดงคนอื่นๆ คือ มีความเก่งกาจในการใช้วาจาเชือดเฉือนทำลายฝ่ายตรงข้าม โดยไม่สนใจความถูกผิด ขอเพียงแต่ให้ได้ปกป้องนายใหญ่อย่าง นช.ทักษิณ ชินวัตรเท่านั้น


กำลังโหลดความคิดเห็น