วันเวลาเวียนมาบรรจบครบรอบเหตุการณ์ที่คนไทยทั้งประเทศไม่อยากจดจำและพูดถึง นั่นคือในช่วงสุดสัปดาห์นี้ 19 พ.ค. 56 เป็นวันครบรอบ 3 ปี เหตุการณ์สลายการชุมนุมคนเสื้อแดงปี 53 หรือเหตุการณ์เผาบ้านเผาเมืองที่ประเทศชาติบอบช้ำที่สุด
โหมสร้างกระแสล่วงหน้านานร่วมสัปดาห์จากแกนนำ นปช.ส่วนกลางและต่างจังหวัด ว่างานป่วนเมืองคนเสื้อแดงที่จะกลับมาสร้างความรำคาญใจให้คนกรุงเทพฯ อีกครั้งในวันอาทิตย์ที่ 19 พ.ค.นี้ ซึ่งจะมีการขอปิดสี่แยกราชประสงค์เพื่อจัดงานดังกล่าว ตั้งแต่ช่วงสายไปจนถึงค่ำ
แกนนำ นปช.คุยว่าจะมีคนมาร่วมงานหลายหมื่นคน เพราะแกนนำ นปช.หลายจังหวัดก็ประกาศแล้วว่าจะขนคนมาร่วมชุมกันให้เต็มพื้นที่สี่แยกราชประสงค์
ส่วนไฮไลต์สำคัญคงไม่พ้นการสไกป์มาจากแดนไกลของทักษิณ ชินวัตร แดงตัวพ่อ ที่ก็น่าจับตาดูกันว่าครบรอบสามปีแดงเผาเมือง ทักษิณจะเอาอะไรมาโฆษณาชวนเชื่อหลอกขายคนเสื้อแดงอีก ก็คงไม่พ้นมุกเก่าๆ ประเภท
บ้านเมืองยังไม่เป็นประชาธิปไตย
ความยุติธรรมยังไม่เกิดเต็มร้อย
คิดถึงพี่น้องคนเสือแดงอยากกลับบ้านใจจะขาดอยู่แล้ว แต่หากกลับแล้วมีปัญหา พี่น้องก็ไม่ต้องห่วงผม อยู่ต่างประเทศก็สบายดี
การช่วยเหลือคนเสื้อแดงให้ได้รับความยุติธรรมโดยเฉพาะพี่น้องเสื้อแดงที่ถูกคุมขังอยู่ ฝ่ายรัฐบาลและเพื่อไทยยังคงทำให้อยู่ ไม่ต้องห่วงพวกเราไม่ทอดทิ้งกัน
เชื่อขนมกินได้ ทักษิณ ยังคงหลอกขายมุกเก่าๆ กับเสื้อแดงแบบนี้ ต่อไปเรื่อยๆ อีกนาน ตราบใดที่ตัวเองยังกลับประเทศไทยไม่ได้ ไร้วี่แววจะได้เงินคืน 4.6 หมื่นล้านบาท
เช่นเดียวกับแกนนำ นปช.ที่ยังคงมีชนักติดหลังจากคดีความก่อการร้ายในชั้นศาลอยู่ แม้การตัดสินคดีกว่าจะออกมาก็คงกินเวลาอีกหลายปี แต่ก็ทำให้แกนนำเสื้อแดงหลายคนขยับอะไรได้ไม่คล่องตัว โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวการเมืองแบบเต็มสูบหากจำต้องออกรบ ยิ่งในช่วงการผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญและการออกกฎหมายนิรโทษกรรม เพราะแกนนำ นปช.เกรงจะโดนยื่นถอนประกันตัวแบบก่อแก้ว พิกุลทอง หากซ่ามาก
ขณะเดียวกัน มวลชนเสื้อแดง-สมาชิกพรรคเพื่อไทยที่เป็นฐานเสียงของตัวเอง ก็ยังคงเฝ้าติดตามทวงถาม สิ่งที่เคยให้สัญญากันไว้ในช่วงการชุมนุมเสื้อแดงปี 53 และตอนเลือกตั้งใหญ่ปี 54 เช่น การแก้ไขรัฐธรรมนูญ-การโค่นล้มอำมาตย์-การช่วยเหลือคนเสื้อแดงที่ติดคุกและโดนดำเนินคดีจากผลพวงการเข้าร่วมชุมนุมเสื้อแดงปี 53
รวมถึงการให้คำมั่นสัญญาว่าจะเดินหน้าเอาผิดกับผู้สั่งสลายการชุมนุมเสื้อแดงด้วยการเอาผิดจนถึงที่สุด ทั้งนักการเมืองและทหาร เอาตัวมาดำเนินคดี ขึ้นศาล เอาเข้าคุกกันให้ได้
ส่งผลให้แม้วันนี้ เพื่อไทยจะเป็นรัฐบาล แกนนำ นปช.จะได้ดิบได้ดี ได้รับรางวัลสัมมนาคุณจากทักษิณ จนได้เป็นเสนาบดี-ส.ส.-ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมากมายกันถ้วนหน้า แต่เมื่อทักษิณยังไม่ได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ แกนนำ นปช.ยังต้องการปลดแอกตัวเองจากโซ่ตรวนคดีความที่มัดไว้ รวมถึงต้องการทำให้มวลชนฝั่งตัวเองไม่ผิดหวังที่สัญญาหลายเรื่องที่เคยให้กันไว้ สำเร็จลุล่วง
ไม่เช่นนั้นจะถูกจับได้ว่า หลอกเสื้อแดง
“ทีมข่าวการเมือง” จึงมองว่าด้วยเหตุนี้ ภารกิจสำคัญที่ ทักษิณ-รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร –พรรคเพื่อไทย-แกนนำ นปช.ยังคงต้องเดินหน้าทำต่อไป คงไม่พ้น ภารกิจสำคัญต่อไปนี้
-เดินหน้าหาทุกช่องทางพาทักษิณกลับไทยแบบปลดล็อกทุกคดีความ
ที่ก็ต้องรอดูกันหลังเปิดสภาฯ 1 สิงหาคมน่าจะมีความชัดเจนมากขึ้น โดยเฉพาะกับการผลักดันร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง 6 มาตรา ของเฉลิม อยู่บำรุง ที่มีเนื้อหาบางมาตราถอดความออกมาแล้ว ช่วยทักษิณ ชินวัตรเต็มๆ
เพราะหากร่างกฎหมายดังกล่าวมีผลบังคับใช้ จะทำให้คดีความที่เกิดขึ้นจากคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นโดยคำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.)ก่อนที่จะมาเป็นคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ(คมช.) ที่ก็คือคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ(คตส.) แม้ศาลจะตัดสินพิพากษาไปแล้วก็ตาม ก็ให้การกล่าวหาการกระทำความผิดนั้นเป็นอันระงับไป โดยให้ถือว่าผู้นั้นมิได้เป็นผู้กระทำความผิด
ล่าสุดในการประชุม ส.ส.พรรคเพื่อไทยเมื่อ 14 พ.ค.56 พบว่าร่างดังกล่าวมีส.ส.เพื่อไทยร่วมลงชื่อเอาด้วยกับการเอาใจนายใหญ่ทักษิณ ชินวัตรปาเข้าไป 149 คนแล้ว
จนเฉลิมได้ใจบอกจะเอาร่างไปยื่นต่อสภาผู้แทนราษฎรวันที่ 23 พ.ค.นี้เพื่อให้บรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมของสภาฯ ต่อไป หากนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ลงนามเห็นชอบด้วยเพราะเนื้อหาของร่างกฎหมายดังกล่าวเข้าข่ายกฎหมายการเงินจึงต้องให้นายกรัฐมนตรีลงนามก่อน ซึ่งหากทุกอย่างฉลุยก็จะเสนอต่อสภาฯให้พิจารณาหลังสภาฯ เปิด 1 ส.ค.โดยจะไม่เอาเข้าในการเปิดสภาฯ สมัยวิสามัญ 29-31 พ.ค.นี้ที่จะพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 57 แน่นอน
ที่น่าสนใจก็คือช่วงปิดสภาฯ ที่กว่าสภาฯจะเปิดก็ปาเข้าไปสิงหาคม ระยะเวลา 2 เดือนกว่าต่อจากนี้ ทางเฉลิมก็จับมือกับ ส.ส.อีสานหลายจังหวัดรวมถึงขวัญชัย ไพรพนา แกนนำชมรมคนรักอุดรธฯ ที่แยกตัวมาจาก นปช.ส่วนกลาง เปิดเวทีเดินสายชี้แจงข้อดีของร่าง พ.ร.บ.ปรองดองฉบับนี้ เพื่อสร้างกระแสเอาด้วยกับการออกกฎหมายปรองดองฯ ดังกล่าวโดยขายพ่วงไปกับการนิรโทษกรรมให้กับคนเสื้อแดงที่โดนคดีการชุมนุมการเมืองปี 53 ทั้งหมดทั้งแกนนำและคนเสื้อแดงธรรมดา
โดยประเดิมเวทีแรกคือ 24 พ.ค.นี้ที่หน้าศาลากลางจังหวัดอุดรธานี หนึ่งวันคล้อยหลังจากยื่นร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวต่อสภาฯ
ดูแล้ว ส่งสัญญาณว่าเอาจริงแน่นอน ก็ต้องดูว่า หากยิ่งลักษณ์เอาด้วย ลงชื่อรับรองกฎหมายดังกล่าวและส่งร่างไปสภาฯ แล้ว เฉลิมและ 149 ส.ส.เพื่อไทยที่ร่วมกันหนุนร่างกฎหมายฉบับนี้จะเดินหน้าทำเรื่องนี้อย่างไร และจะนำไปสู่การเผชิญหน้ากันของคนในสังคมอย่างไร
-ลุยออกพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมให้กับผู้ชุมนุมทางการเมืองฯ
เรื่องนี้ทำกันไปแล้วแต่ไม่รู้ว่าจะสำเร็จแบบสะดวกโยธินหรือไม่ หลังมีการใช้เสียงข้างมากในสภาฯ ดันร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ ของ 42 ส.ส.เพื่อไทยนำโดย วรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ เข้าไปบรรจุค้างไว้อยู่ในระเบียบวาระเรื่องแรกของการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ของสภาผู้แทนราษฎร
เชื่อว่า ด้วยจำนวนเสียงข้างมากในสภาฯ ของเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาล ผนวกกับเนื้อหาในร่างกฎหมายฉบับนี้มีไม่กี่มาตรา ผสมกับการรอคอยของคนเสื้อแดงทั่วประเทศต่อร่างกฎหมายฉบับนี้ ทำให้การผลักดันร่างกฎหมายนิรโทษกรรมฯ ฉบับนี้ หากเอาจริง ก็ใช้เวลาไม่นานก็เสร็จ ดูแล้วน่าจะผ่านสภาฯ ทั้ง 3 วาระในการประชุมสภาฯ สมัยหน้านี้ด้วยซ้ำ หากว่าเพื่อไทยเลือกที่จะดันร่างฉบับนี้ที่แรงต้านน่าจะน้อยกว่าของเฉลิมให้ผ่านไปก่อน แล้วร่างฉบับของเฉลิมค่อยว่ากันทีหลัง
แต่หากเลือกที่จะให้เดินไปด้วยกัน เพราะเห็นว่าเนื้อหาบางส่วนใกล้เคียงกัน ก็อาจทำให้แรงต้านร่างกฎหมายเฉลิมกระทบชิ่งมาถึงร่างกฎหมายดังกล่าวของ 42 ส.ส.เพื่อไทยไปด้วย
-ไม่ใส่เกียร์ถอยแก้รัฐธรรมนูญ ลุยแม้เจอศาลรัฐธรรมนูญติดเบรก
เพราะด้วยจากการที่เสื้อแดง-เพื่อไทยได้ย้ำมาตลอดตั้งแต่การชุมนุมปี 53 ว่า รธน.ปี 50 ไม่เป็นประชาธิปไตย จนมาถึงเลือกตั้งใหญ่ปี 54 ก็ชูนโยบายแก้รัฐธรรมนูญด้วยการยกร่าง รธน.ฉบับใหม่หมด
ดังนั้น วาระการแก้รัฐธรรมนูญ ฝั่งทักษิณ-เพื่อไทย-เสื้อแดง ก็ยังคงเดินหน้าต่อไป แม้ต่อให้จะถูกศาล รธน.ตั้งท่าติดเบรกเอาไว้ ฝั่งพวกนี้ก็คงไม่ยอมอีกต่อไปแล้ว
-การไล่ล่าเช็กบิลกับคนที่เกี่ยวข้องกับการสลายการชุมนุมปี 53 มาดำเนินคดีเพื่อเอาใจคนเสื้อแดง
ที่ก็มีความคืบหน้าเป็นลำดับ หลายคดีในชั้นดีเอสไอที่สอบสวนขยายผลจากคำสั่งของศาลยุติธรรมในคดีชันสูตรพลิกศพผู้เสียชีวิตจากเหตุชุมนุมปี 53 หรือคดี 98 ศพ
ตอนนี้ก็มีคดีไล่หลังอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และสุเทพ เทือกสุบรรณมาเป็นระลอก ต่อจากคดีแรกที่ดีเอสไอเอาผิดทั้งสองคนกรณีการเสียชีวิตของนายพัน คำกอง
ซึ่งล่าสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ดีเอสไอก็ได้แจ้งข้อกล่าวหากับอภิสิทธิ์-สุเทพเพิ่มเติมในคดีการเสียชีวิตของ ด.ช.คุณากร ศรีสุวรรณ หรือน้องอีซา ในข้อหาร่วมกันก่อให้ผู้อื่นฆ่าคนตายโดยเจตนาเล็งเห็นผล และกรณีการบาดเจ็บสาหัสของ นายสมร ไหมทอง ในข้อหาร่วมกันก่อให้ผู้อื่นพยายามฆ่าคนตายโดยเจตนาเล็งเห็นผล
ดีเอสไอย้ำอีกว่าจะส่งสำนวนฟ้องอภิสิทธิ์-สุเทพต่ออัยการประเดิมคดีแรก98 ศพได้ภายในไม่เกิน มิ.ย.นี้
ภารกิจเร่งเคลียร์งานคั่งค้างของทักษิณ-รัฐบาลยิ่งลักษณ์-พรรคเพื่อไทย-เสื้อแดงที่ยกมาข้างต้น หลังการจัดงานครบรอบสามปี 19 พ.ค.เหตุการณ์เผาเมืองผ่านพ้นไป
จ๊อบไหนจะสำเร็จก่อนกัน หรือต้องเลิกราเพราะเดินหน้าต่อไม่ไหว ฝืนกระแสสังคมไม่ได้ ให้ครบรอบ 4 ปี เผาเมือง ในปี 57 จะมาตรวจการบ้านให้ดูกันอีกรอบ
