ศาลอาญาสอบถาม 5 ส.ส.เพื่อไทยและ นปช.ก่อการร้าย กระทำผิดเงื่อนไขประกันตัวไม่เสร็จสิ้น พร้อมนัด “ก่อแก้ว พิกุลทอง” สอบถามต่อในวันพรุ่งนี้ ส่วนการสืบพยานโจทก์เลื่อนไป 13 ธ.ค.นี้
ที่ห้องพิจารณา 704 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เมื่อเวลา 10.30 น.วันนี้ (29 พ.ย.) ศาลนัดสอบถามการเพิกถอนคำสั่งปล่อยตัวชั่วคราวกลุ่ม ส.ส.พรรคเพื่อไทย แกนนำ นปช.จำเลยคดีก่อการร้ายรวม 6 คน ประกอบด้วย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ จำเลยที่ 3 นพ.เหวง โตจิราการ จำเลยที่ 4, นายก่อแก้ว พิกุลทอง จำเลยที่ 5, นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไทย จำเลยที่ 10 ซึ่งเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย, นายการุณ โหสกุล ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย จำเลยที่ 9 และนายพิเชษฐ์ สุขจินดาทอง จำเลยที่ 11
โดยเมื่อช่วงเช้า นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปปัตย์ ผู้ที่ยื่นคำร้องขอให้ศาลพิจารณาเพิกถอนการปล่อยชั่วคราวนายก่อแก้ว ได้เดินทางมาร่วมฟังการสอบถามด้วย ซึ่งนายนิพิฏฐ์กล่าวว่า ตนมั่นใจในพยานหลักฐานว่านายก่อแก้วมีพฤติการณ์เข้าข่ายผิดเงื่อนไขการประกันตัว เนื่องจากพูดจาข่มขู่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งค่อนข้างชัดเจนกว่ากรณีของนายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก แกนนำ นปช. ที่ศาลเคยมีคำสั่งเพิกถอนประกันไปก่อนหน้านี้ ทั้งตนไม่รู้สึกกังวลหากศาลถอนประกันตัวแกนนำ นปช.คนใดคนหนึ่งแล้วมวลชนจะแสดงความไม่พอใจ เพราะต้องถือว่าต่างคนต่างทำหน้าที่ของตนเอง ก็อยากให้มวลชนเข้าใจด้วย
ขณะที่ในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้น พ.ต.อ.เจริญ ศรีศศลักษณ์ รอง ผบก.น.2 ได้เดินทางมาตรวจความเรียบร้อยที่บริเวณศาลอาญาด้วย โดย พ.ต.อ.เจริญ รอง ผบก.น.2 กล่าวว่า วันนี้ได้เตรียมกำลังเจ้าหน้าที่จาก บก.น.2 และ บก.น.3 และกองบังคับการอารักขา ฯหรือ อคฝ. และ เจ้าหน้าที่ตำรวจคอมมานโด อย่างละ 1 กองร้อย รวมทั้งกำลังพล จาก สน.พหลโยธินเจ้าของพื้นที่ด้วย อีก 60 นาย รวมถึงฝ่ายสืบสวนนอกเครื่องแบบด้วย แต่จากการข่าวคาดว่าวันนี้จะมีมวลชนมาให้กำลังใจ แกนนำเพียงเล็กน้อย แต่มีความกังวลเรื่องมือที่ 3 อยู่บ้างที่อาจเข้ามาก่อความวุ่นวาย แต่ก็ได้กำชับเจ้าหน้าที่ดูแลอย่างเข้มงวดแล้ว ขณะที่การจราจรถนนรัชดาภิเษกด้านหน้าศาลอาญาจะมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรกลางอีก 15 นายที่จะมาอำนวยสะดวกให้ประชาชนที่สัญจรไปมาด้วย
ต่อมาเมื่อเวลา 10.20 น. ศาลได้ออกนั่งบัลลังก์เพื่อสอบถามคำร้องขอเพิกถอนปล่อยชั่วคราว และสืบพยานโจทก์คดีก่อการร้าย ซึ่งปรากฏว่านายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง จำเลยที่ 24 ไม่ได้เดินทางมาศาล โดยทนายความแถลงต่อศาลว่า นายอริสมันต์จำเลยที่ 24 มีอาการป่วย และอ่อนเพลียจากอาหารเป็นพิษ รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลพระราม 9 จึงไม่อาจมาศาลได้
ศาลพิเคราะห์แล้วให้เริ่มการสอบถามการเพิกถอนการปล่อยชั่วคราวจำเลย 6 รายก่อนให้เสร็จสิ้นภายในวันนี้ ส่วนกรณีที่นายอริสมันต์ จำเลยที่ 24 มีอาการป่วย กรณีมีเหตุสมควรให้เลื่อนการสืบพยานโจทก์คดีก่อการร้ายครั้งแรกไปเป็นวันที่ 13 ธ.ค.นี้ เวลา 09.00 น.
จากนั้นศาลจึงเริ่มสอบถามนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ จำเลยที่ 3 ซึ่งนายณัฐวุฒิชี้แจงว่า ตลอดเวลาที่ได้รับการประกันตัว จำเลยได้เคลื่อนไหวทางการเมืองเฉพาะบนเวทีตามระบอบประชาธิปไตย ซึ่งการชุมนุมของ นปช.กระทำโดยสันติ ปราศจากอาวุธ และตนไม่ได้ขึ้นเวทีทุกครั้ง เพราะติดภารกิจ และยังทำหน้าที่ ส.ส.และรัฐมนตรี โดยมั่นใจว่าการดำเนินของจำเลยทั้งในและนอกระบบสภา ไม่ขัดต่อกฎหมาย
ต่อมานายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ ผู้ร้องได้แถลงว่า นายก่อแก้ว จำเลยที่ 5 ได้แถลงข่าวว่า หากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยระงับการแก้รัฐธรรมนูญ เท่ากับเป็นการล้มล้างการปกครอง ขอให้คนเสื้อแดงกล่าวคำลากับทางบ้านได้เลย เพราะครั้งนี้เป็นการต่อสู้แบบแตกหัก เพราะคนเสื้อแดงจะไม่ยอมรับคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ และหากกลุ่มอำมาตย์จะจัดคนมาต่อสู้เพื่อปกป้องศาลรัฐธรรมนูญแล้วทหารจะออกมายึดอำนาจ ขอให้ประชาชนต่อสู้แบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน ซึ่งไม่ใช่การข่มขู่ศาล แต่เพราะมีเสื้อแดงออกมาจำนวนมากและการต่อสู้ของเสื้อนานเกินไปกว่าจะได้ชัยชนะ ซึ่งคำพูดของจำเลยที่ 5 ปรากฏในหนังสือพิมพ์ และเว็บไซต์สื่อต่างๆ
โดยผู้ร้องเห็นว่า การกระทำของจำเลยที่ 5 ผิดเงื่อนไขการประกัน เพราะเป็นคำข่มขู่ ก่อให้เกิดความหวาดกลัว แตกแยกในหมู่ประชาชน และจะนำไปสู่ความไม่สงบเรียบร้อย เพราะไม่เป็นการวิจารณ์อย่างสุจริต เป็นการข่มขู่ศาลว่าจะเกิดการปะทะกันเป็นสงครามกลางเมืองอย่างแน่นอน ซึ่งหากข่มขู่ศาลได้ ก็จะเกิดความไม่เรียบร้อย รวมทั้งเลียนแบบพฤติกรรม จะทำให้กระบวนการยุติธรรมอ่อนแอ สองมาตรฐาน ซึ่งไม่ใช่เป็นการคาดการณ์ แต่แสดงให้เห็นกลุ่มของจำเลยที่ 5 จะทำอะไรให้เกิดขึ้นบ้าง
นายการุณ หรือเก่ง โหสกุล อดีต ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย จำเลยที่ 9 ได้แถลงต่อศาลเป็นลำดับต่อมาเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่มีบันทึกภาพและเสียงลงแผ่นวีซีดีที่ปรากฏภาพนายการุณอยู่กับมวลชนเสื้อแดงในการรื้อบิ๊กแบ็กที่ป้องกันน้ำท่วมเขตดอนเมืองเมื่อปี 2554 ซึ่งอัยการโจทก์ได้ส่งเป็นหลักฐานต่อศาล และปฏิเสธการกระทำผิดเงื่อนไข
ด้าน นพ.เหวง โตจิราการ จำเลยที่ 4 แถลงกรณีเหตุการณ์หน้ารัฐสภา กับนายจตุพร พรหมพันธุ์ จำเลยที่ 2 ว่า จำเลยที่ 4 ไม่ได้อยู่ร่วมกับนายยศวริศ หรือเจ๋ง อกจิก จำเลยที่ 7 ขณะกล่าวถึงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และการขึ้นปราศรัยไม่มีการแจ้งเนื้อหาให้ทราบก่อน จำเลยที่ 4 ยืนยันว่าจำเลยไม่เคยทำผิดเงื่อนไขศาล
นายก่อแก้ว พิกุลทอง จำเลยที่ 5 ได้แถลงต่อศาลเป็นคนสุดท้าย ระบุว่า การให้สัมภาษณ์ในฐานะ ส.ส. และเป็นกรรมาธิการ ซึ่งได้รับมอบหมายให้กล่าวถึงการวินิจฉัยแก้รัฐธรรมนูญของศาลรัฐธรรมนูญตามมาตรา 68 โดยการพูดของจำเลยหากไม่ถูกต้องตามกฎหมายก็พร้อมรับผิดชอบ แต่จำเลยไม่ใช่คนหัวรุนแรง ไม่ก้าวร้าว โดยหลังจากจำเลยแถลงข่าวก็ไม่มีตุลาการศาลรัฐธรรมนูญคนใดติดใจเรื่องดังกล่าว
ขณะที่ผู้พิพากษาได้แจ้งกับนายก่อแก้วว่า ศาลรัฐธรรมนูญได้ยื่นคำร้องพร้อมวีซีดียืนยันว่าจำเลยที่ 5 มีพฤติการณ์ข่มขู่
โดยนายก่อแก้วยืนยันว่า เป็นคนพูดตรงไปตรงมา ไม่ใช่คนหัวรุนแรง ซึ่งการประกันตัวเมื่อปี 2553 ดีเอสไอยังเคยระบุว่า เฉพาะโจทก์ และ นพ.เหวง ไม่ใช่แกนนำหัวรุนแรง ส่วนการแถลงข่าวที่รัฐสภานั้นช่วงแรกมีการกล่าวถึงความเป็นได้แนวโน้มคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญว่าคงไม่เลวร้ายเกินไป หรือถ้าเลวร้ายสุด ผลกระทบที่ตามมาจะเป็นอย่างไร ซึ่งยืนยันด้วยว่าการแถลงข่าวนั้นยังตั้งใจห้ามปรามคนเสื้อแดงไม่ให้ไปกดดันศาลรัฐธรรมนูญ แล้วจึงแถลงข่าวเกี่ยวกับการคาดการณ์โดยจำเลยยืนยันว่าการวิเคราะห์ของจำเลยได้ข้อมูลรอบด้านจาก ส.ส. ส.ว. และ ประชาชน คล้ายพยากรณ์อากาศว่าหากฝนตกหนักจะเป็นอย่างไร แต่ไม่ได้ยืนยันว่าจะมีการทำแบบนั้น และไม่มีเจตนาข่มขู่ตุลาการ เพียงแต่ระบุว่าหากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยที่เลวร้ายสุดฝ่ายนิติบัญญัติจะไม่ยอมรับ แลจะเป็นการล้มล้างระบบการปกครองเสียเอง ซึ่งหากตำรวจไม่ทำการจับกุมตุลาการ ประชาชนก็จะจับกุมเอง ซึ่งเป็นการพูดเชิงวิเคราะห์ความเป็นไปได้ และการวิเคราะห์ไม่ใช่จำเลยคนเดียว แต่อาจารย์จุฬาฯ ก็ได้วิเคราะห์ว่าห่วงศาลรัฐธรรมนูญลงดาบแก้รัฐธรรมนูญจนเกิดสงครามการเมืองจุดชนวนการปฏิวัติ
ภายหลังนายก่อแก้วชี้แจงเสร็จแล้ว ศาลนัดสอบถามพยานฝ่ายนายก่อแก้วต่อในวันที่ 30 พฤศจิกายนนี้ เวลา 09.00 น.
ต่อมานายก่อแก้วได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า ในวันนี้ตนได้ชี้แจงข้อเท็จจริงต่อศาลเรียบร้อยแล้ว ซึ่งในวันพรุ่งนี้ (30 พ.ย.) เวลา 09.30 น. ศาลได้นัดสอบถามต่อในส่วนเฉพาะของตนเอง ทั้งนี้ ศาลยังไม่ได้ถามทุกประเด็น ซึ่งตนจะถอดเทปฉบับเต็มมายื่นต่อศาลในวันพรุ่งนี้ด้วย และศาลก็ยังไม่มีคำสั่ง คาดว่าพรุ่งนี้ในการสอบถามน่าจะจบในช่วงเช้า เพราะมีพยานไม่กี่ปาก และน่าจะมีคำสั่งของศาลออกมาพรุ่งนี้
นางธิดา ถาวรเศรษฐ์ ประธาน นปช.กล่าวว่า ในวันนี้ทางฝั่งโจทก์ได้มีการยื่นหลักฐานเพิ่มเติมและภายหลังที่นายก่อแก้วได้เข้าชี้แจงต่อศาล ทำให้ตนเชื่อว่านายก่อแก้วจะไม่เข้าจองจำด้วยประการเหตุผลที่ว่านายก่อแก้วไม่ได้ทำให้บ้านเมืองวุ่นวาย
ด้าน นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ได้เปิดเผยภายหลังฟังกระบวนพิจารณาสอบถามการเพิกถอนประกัน 5 ส.ส.เพื่อนไทยว่า ศาลได้นัดทำการสอบถาม นายก่อแก้ว พิกุลทอง ส.ส.พรรคเพื่อไทย และแกนนำ นปช.อีกครั้งในวันที่ 30 พ.ย. 2555 เวลา 09.00 น. โดยนายก่อแก้วเตรียมนำพยานมาเบิกความยืนยันความประพฤติจำนวน 2 ปาก คือ นางธิดา ถาวรเศรษฐ์ ประธาน นปช. และนายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ แกนนำ นปช. ต่อจากนั้นในเวลา 15.30 น. ศาลจะนัดฟังคำสั่งการเพิกถอนสัญญาประกัน ของทั้ง 5 ส.ส.ด้วย ซึ่งจำเลยทั้ง 5 ก็ต้องเดินทางมายังศาลอาญา เพื่อฟังคำด้วยตนเอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลัง ส.ส.พรรคเพื่อไทย ทั้ง 5 ราย และแกนนำ นปช. เข้าชี้แจงต่อศาลเสร็จ แกนนำ นปช. อาทิ นางธิดา นายก่อแก้ว นายจตุพร นพ.เหวง โตจิราการ นายการุณ โหสกุล ส.ส.เขตดอนเมือง พรรคเพื่อไทย นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไทย ได้เดินไปพูดคุยทักทาย พร้อมจับมือกับกลุ่มมวลชน นปช.ที่เดินทางมาให้กำลังใจแกนนำ นปช.อยู่บริเวณรั้วด้านนอกศาลอาญา โดยกลุ่มมวลชนได้ส่งเสียงปรบมือโห่ร้องดีใจ เรียกแกนนำให้เดินมาหา จากนั้นแกนนำได้เดินไปทักทายกลุ่มมวลชน เสร็จเรียบร้อยแล้วจึงพากันเดินทางกลับทันที