ASTV ผู้จัดการรายวัน-ศาลอาญาเรียก 5 ส.ส.เพื่อไทย “ณัฐวุฒิ-เหวง-ก่อแก้ว-เก่ง-วิภูแถลง” จำเลยคดีก่อการร้าย สอบถามทำผิดเงื่อนไขปล่อยชั่วคราวหรือไม่วันนี้ คาดสั่งคดีได้ทันในวันเดียวกัน “นิพิฏฐ์” มั่นใจ “ก่อแก้ว” ไม่รอด ส่วนทนายความจำเลยไม่ประมาทเตรียมหลักทรัพย์รอประกันตัว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (29 พ.ย.) เวลา 09.00 น. ที่ห้องพิจารณาคดี 704 ศาลอาญาได้นัดสอบถามนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) จำเลยที่ 3 นพ.เหวง โตจิราการ จำเลยที่ 4, นายก่อแก้ว พิกุลทอง จำเลยที่ 5, นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไทย จำเลยที่ 10 ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย และนายการุณ โหสกุล ส.ส.เขตดอนเมือง พรรคเพื่อไทย จำเลยที่ 9 ในคดีร่วมกันก่อการร้าย กระทำผิดเงื่อนไขการปล่อยชั่วคราว ตามที่นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ ยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการปล่อยชั่วคราวนายก่อแก้ว กรณีแถลงข่าวที่รัฐสภาว่าหากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2550 เป็นการล้มล้างการปกครอง จะทำการจับกุมตัวตุลาการรัฐธรรมนูญ และให้คนเสื้อแดงร่ำลาครอบครัวต่อสู้ถึงขั้นแตกหัก
นายทวี ประจวบลาภ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา กล่าวว่า ตามขั้นตอนองค์คณะผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนจะสอบถามนายนิพิฎฐ์ อินทรสมบัติ ในฐานะผู้ร้องที่ได้ยื่นคำร้องขอถอนประกันนายก่อแก้ว จำเลยที่ 5 จากนั้นก็จะสอบข้อเท็จจริงจากพวกจำเลยว่าได้กระทำผิดเงื่อนไขปล่อยชั่วคราวของศาลหรือไม่ อย่างไร ส่วนจำเลยอีก 4 คน ศาลเรียกมาสอบถามเอง เนื่องจากมีหลักฐานอยู่จำนวนหนึ่ง เมื่อสอบถามเสร็จแล้วคาดว่าศาลจะมีคำสั่งว่าจะเพิกถอนประกันพวกจำเลยหรือไม่ในวันเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม จำเลยทั้ง 24 คนต้องเดินทางมาศาล เนื่องจากในวันดังกล่าว นอกจากศาลจะสอบถามจำเลยที่ 3-5 และ 9-10 แล้ว ศาลยังได้นัดสืบพยานโจทก์ในคดีก่อการร้าย ที่พนักงานอัยการได้ยื่นฟ้องพวกจำเลยด้วย ซึ่งหากพนักงานอัยการนำพยานมาแล้วมีเวลาพอที่จะทำการสืบพยาน ศาลก็จะทำการสืบพยานทันที เนื่องจากคดีก่อการร้ายอัยการยื่นฟ้องมาตั้งแต่ปี 2553 แล้ว แต่ยังไม่สามารถเริ่มกระบวนการสืบพยานได้ เพราะอยู่ระหว่างเปิดสมัยประชุมสภา จึงต้องอาศัยช่วงปิดประชุมสภาเร่งสืบพยานให้ได้มากที่สุด
***"นิพิฏฐ์"มั่นใจ"ก่อแก้ว"ไม่รอด
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนจะเดินทางไปที่ศาลอาญา เพื่อฟังการซักถาม โดยส่วนตัวแล้วเชื่อว่าศาลจะมีคำสั่งถอนประกันนายก่อแก้ว เหมือนที่เคยถอนนายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก จำเลยที่ 7 มาแล้ว เพราะมั่นใจในหลักฐานที่ตัวเองได้ยื่นต่อศาล ทั้งนี้ จะชี้ให้เห็นว่านายก่อแก้ว จำเลยที่ 5 มีพฤติกรรมที่ก้าวร้าวรุนแรงกว่านายยศวริศ ส่วนจำเลยคนอื่นอีก 4 คนคิดว่าคงไม่ถูกศาลถอนประกัน เพราะว่าคงให้การปฏิเสธในชั้นศาล และหลักฐานยังไม่แน่ชัด
"หากศาลมีคำสั่งถอนประกันตัวนายก่อแก้วจริง และถูกคุมขังแม้เพียงวันเดียว ในแง่ของข้อกฎหมาย ตนมองว่านายก่อแก้วจะหลุดพ้นจากการเป็น ส.ส.ในทันที และต่อให้มีการเปิดสมัยประชุมสภาในช่วงปลายเดือนธ.ค.นี้ ก็จะไม่มีเอกสิทธิ์ ส.ส.อีกต่อไป ความจริงกฎข้อบังคับพรรคการเมืองก็ระบุไว้ว่า หากถูกควบคุมด้วยคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายก็จะสิ้นสมาชิกภาพของพรรค และเมื่อสิ้นสมาชิกภาพของพรรคก็ต้องหมดสภาพจากการเป็นนักการเมืองด้วย"
***ทนายนปช.รับ"ก่อแก้ว"หนักสุด
นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความกลุ่ม นปช. กล่าวว่า จำเลยทั้ง 5 คนจะเดินทางมาศาลตามที่ศาลนัดทุกคน และได้เตรียมเอกสารและข้อมูลไว้พร้อมแล้วสำหรับที่จะให้ศาลทำการสอบถาม โดยส่วนตัวเชื่อว่าจำเลยทั้ง 5 คนจะสามารถชี้แจงต่อศาลได้ไม่น่ามีปัญหาอะไร แต่คนที่ต้องทำการชี้แจงต่อศาลหนักกว่าคนอื่น ก็คือ นายก่อแก้ว พิกุลทอง ส.ส.เพื่อไทย และแกนนำ นปช. เพราะโจทก์ที่ยื่นฟ้องนั้น เหมือนมุ่งมาที่นายก่อแก้ว และหากศาลมีคำสั่งถอนประกัน ทางทนายความยังไม่ได้มีการพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวกับจำเลยทั้ง 5 คนว่าจะดำเนินการอย่างไร แต่คงจะต้องนำหลักทรัพย์ทำเรื่องยื่นขอประกันตัวจำเลยในทันที
นายธนาวุฒิ วิชัยดิษฐ โฆษกนปช. กล่าวว่า ในวันนี้ คาดว่าแกนนำที่เป็น ส.ส. จะเดินทางไปศาลครบทุกคน ขณะเดียวกันเชื่อว่าจะมีมวลชนไปให้กำลังใจหน้าศาลจำนวนหนึ่ง แต่ยืนยันว่าไม่ใช่มติของ นปช. อย่างไรก็ตาม ตนจะไปดูแลให้มวลชนอยู่ในความเรียบร้อย ซึ่งคาดว่าจะไม่มีอะไรรุนแรง
ส่วนนายก่อแก้ว กล่าวว่า ไม่มีอะไรน่าหนักใจ ขณะเป็นส.ส.ฝ่ายรัฐบาล ก็ไม่ได้มีเจตนาที่จะสร้างความวุ่นวาย แต่ไม่รู้ว่าศาลจะมองเจตนาอย่างไร ตนจะไปชี้แจงและแถลงให้ศาลทราบ พร้อมทั้งนำคำถอดเทปในวันที่แถลงแล้วเป็นประเด็นไปยื่นและชี้แจงต่อศาลด้วย ซึ่งยืนยันว่าไม่มีเนื้อหาอะไรที่น่ากลัวตามที่สื่อบางฉบับนำไปตัดต่อ สรุปรวบยอดทำให้มันน่ากลัว
***เปิดชื่อ24จำเลยคดีก่อการร้าย
สำหรับจำเลยคดีก่อการร้ายทั้งหมด 24 คน ประกอบด้วย นายวีระ มุสิกพงศ์, นายจตุพร พรหมพันธุ์, นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ, นพ.เหวง โตจิราการ, นายก่อแก้ว พิกุลทอง, นายขวัญชัย สาราคำ หรือขวัญชัย ไพรพนา, นายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก, นายนิสิต สินธุไพร, นายการุณ หรือเก่ง โหสกุล, นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท ภูมิกิติ หรือพิเชษฐ์ สุขจินดาทอง, นายสุขเสก หรือสุข พลตื้อ, นายจรัญ หรือยักษ์ ลอยพูล, นายอำนาจ อินทโชติ, นายชยุต ใหลเจริญ, นายสมบัติ หรือแดง หรือผู้กองแดง มากทอง, นายสุรชัย หรือหรั่ง เทวรัตน์, นายรชต หรือกบ วงค์ยอด และนายยงยุทธ ท้วมมี จำเลยที่ 1-19 คดีหมายเลขดำที่ อ.2542/2553, นายอร่าม แสงอรุณ หัวหน้าการ์ด นปช. จำเลยคดี อ.4339/2553, นายเจ็มส์ สิงห์สิทธิ์, นายสมพงษ์ บางชม และนายมานพ ชาญช่างทอง กลุ่มการ์ด นปช. จำเลยคดีหมายเลขดำที่ อ.757/2554และ นายอริสมันต์ หรือกี้ร์ พงษ์เรืองรอง จำเลยในคดีหมายเลขดำที่ อ.4958/2554
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในวันที่ 29 พ.ย. เวลา 10.00 น.ที่ห้องพิจารณา 803 ศาลยังได้นัดอ่านคำพิพากษาคดีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และอดีตนายกรัฐมนตรี เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายอริสมันต์เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา กรณีปราศรัยบนเวทีอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และถ่ายทอดโทรทัศน์ผ่านช่องพีเพิลแชนแนล ทำนองว่ารัฐบาลอภิสิทธิ์ โจทก์ กู้เงินมาโกง และหมิ่นประมาทซ้ำกล่าวหาว่าโจทก์เป็นผู้หน่วงเหนี่ยวคำร้องฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จนเกิดความล่าช้าด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (29 พ.ย.) เวลา 09.00 น. ที่ห้องพิจารณาคดี 704 ศาลอาญาได้นัดสอบถามนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) จำเลยที่ 3 นพ.เหวง โตจิราการ จำเลยที่ 4, นายก่อแก้ว พิกุลทอง จำเลยที่ 5, นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไทย จำเลยที่ 10 ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย และนายการุณ โหสกุล ส.ส.เขตดอนเมือง พรรคเพื่อไทย จำเลยที่ 9 ในคดีร่วมกันก่อการร้าย กระทำผิดเงื่อนไขการปล่อยชั่วคราว ตามที่นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ ยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการปล่อยชั่วคราวนายก่อแก้ว กรณีแถลงข่าวที่รัฐสภาว่าหากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2550 เป็นการล้มล้างการปกครอง จะทำการจับกุมตัวตุลาการรัฐธรรมนูญ และให้คนเสื้อแดงร่ำลาครอบครัวต่อสู้ถึงขั้นแตกหัก
นายทวี ประจวบลาภ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา กล่าวว่า ตามขั้นตอนองค์คณะผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนจะสอบถามนายนิพิฎฐ์ อินทรสมบัติ ในฐานะผู้ร้องที่ได้ยื่นคำร้องขอถอนประกันนายก่อแก้ว จำเลยที่ 5 จากนั้นก็จะสอบข้อเท็จจริงจากพวกจำเลยว่าได้กระทำผิดเงื่อนไขปล่อยชั่วคราวของศาลหรือไม่ อย่างไร ส่วนจำเลยอีก 4 คน ศาลเรียกมาสอบถามเอง เนื่องจากมีหลักฐานอยู่จำนวนหนึ่ง เมื่อสอบถามเสร็จแล้วคาดว่าศาลจะมีคำสั่งว่าจะเพิกถอนประกันพวกจำเลยหรือไม่ในวันเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม จำเลยทั้ง 24 คนต้องเดินทางมาศาล เนื่องจากในวันดังกล่าว นอกจากศาลจะสอบถามจำเลยที่ 3-5 และ 9-10 แล้ว ศาลยังได้นัดสืบพยานโจทก์ในคดีก่อการร้าย ที่พนักงานอัยการได้ยื่นฟ้องพวกจำเลยด้วย ซึ่งหากพนักงานอัยการนำพยานมาแล้วมีเวลาพอที่จะทำการสืบพยาน ศาลก็จะทำการสืบพยานทันที เนื่องจากคดีก่อการร้ายอัยการยื่นฟ้องมาตั้งแต่ปี 2553 แล้ว แต่ยังไม่สามารถเริ่มกระบวนการสืบพยานได้ เพราะอยู่ระหว่างเปิดสมัยประชุมสภา จึงต้องอาศัยช่วงปิดประชุมสภาเร่งสืบพยานให้ได้มากที่สุด
***"นิพิฏฐ์"มั่นใจ"ก่อแก้ว"ไม่รอด
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนจะเดินทางไปที่ศาลอาญา เพื่อฟังการซักถาม โดยส่วนตัวแล้วเชื่อว่าศาลจะมีคำสั่งถอนประกันนายก่อแก้ว เหมือนที่เคยถอนนายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก จำเลยที่ 7 มาแล้ว เพราะมั่นใจในหลักฐานที่ตัวเองได้ยื่นต่อศาล ทั้งนี้ จะชี้ให้เห็นว่านายก่อแก้ว จำเลยที่ 5 มีพฤติกรรมที่ก้าวร้าวรุนแรงกว่านายยศวริศ ส่วนจำเลยคนอื่นอีก 4 คนคิดว่าคงไม่ถูกศาลถอนประกัน เพราะว่าคงให้การปฏิเสธในชั้นศาล และหลักฐานยังไม่แน่ชัด
"หากศาลมีคำสั่งถอนประกันตัวนายก่อแก้วจริง และถูกคุมขังแม้เพียงวันเดียว ในแง่ของข้อกฎหมาย ตนมองว่านายก่อแก้วจะหลุดพ้นจากการเป็น ส.ส.ในทันที และต่อให้มีการเปิดสมัยประชุมสภาในช่วงปลายเดือนธ.ค.นี้ ก็จะไม่มีเอกสิทธิ์ ส.ส.อีกต่อไป ความจริงกฎข้อบังคับพรรคการเมืองก็ระบุไว้ว่า หากถูกควบคุมด้วยคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายก็จะสิ้นสมาชิกภาพของพรรค และเมื่อสิ้นสมาชิกภาพของพรรคก็ต้องหมดสภาพจากการเป็นนักการเมืองด้วย"
***ทนายนปช.รับ"ก่อแก้ว"หนักสุด
นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความกลุ่ม นปช. กล่าวว่า จำเลยทั้ง 5 คนจะเดินทางมาศาลตามที่ศาลนัดทุกคน และได้เตรียมเอกสารและข้อมูลไว้พร้อมแล้วสำหรับที่จะให้ศาลทำการสอบถาม โดยส่วนตัวเชื่อว่าจำเลยทั้ง 5 คนจะสามารถชี้แจงต่อศาลได้ไม่น่ามีปัญหาอะไร แต่คนที่ต้องทำการชี้แจงต่อศาลหนักกว่าคนอื่น ก็คือ นายก่อแก้ว พิกุลทอง ส.ส.เพื่อไทย และแกนนำ นปช. เพราะโจทก์ที่ยื่นฟ้องนั้น เหมือนมุ่งมาที่นายก่อแก้ว และหากศาลมีคำสั่งถอนประกัน ทางทนายความยังไม่ได้มีการพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวกับจำเลยทั้ง 5 คนว่าจะดำเนินการอย่างไร แต่คงจะต้องนำหลักทรัพย์ทำเรื่องยื่นขอประกันตัวจำเลยในทันที
นายธนาวุฒิ วิชัยดิษฐ โฆษกนปช. กล่าวว่า ในวันนี้ คาดว่าแกนนำที่เป็น ส.ส. จะเดินทางไปศาลครบทุกคน ขณะเดียวกันเชื่อว่าจะมีมวลชนไปให้กำลังใจหน้าศาลจำนวนหนึ่ง แต่ยืนยันว่าไม่ใช่มติของ นปช. อย่างไรก็ตาม ตนจะไปดูแลให้มวลชนอยู่ในความเรียบร้อย ซึ่งคาดว่าจะไม่มีอะไรรุนแรง
ส่วนนายก่อแก้ว กล่าวว่า ไม่มีอะไรน่าหนักใจ ขณะเป็นส.ส.ฝ่ายรัฐบาล ก็ไม่ได้มีเจตนาที่จะสร้างความวุ่นวาย แต่ไม่รู้ว่าศาลจะมองเจตนาอย่างไร ตนจะไปชี้แจงและแถลงให้ศาลทราบ พร้อมทั้งนำคำถอดเทปในวันที่แถลงแล้วเป็นประเด็นไปยื่นและชี้แจงต่อศาลด้วย ซึ่งยืนยันว่าไม่มีเนื้อหาอะไรที่น่ากลัวตามที่สื่อบางฉบับนำไปตัดต่อ สรุปรวบยอดทำให้มันน่ากลัว
***เปิดชื่อ24จำเลยคดีก่อการร้าย
สำหรับจำเลยคดีก่อการร้ายทั้งหมด 24 คน ประกอบด้วย นายวีระ มุสิกพงศ์, นายจตุพร พรหมพันธุ์, นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ, นพ.เหวง โตจิราการ, นายก่อแก้ว พิกุลทอง, นายขวัญชัย สาราคำ หรือขวัญชัย ไพรพนา, นายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก, นายนิสิต สินธุไพร, นายการุณ หรือเก่ง โหสกุล, นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท ภูมิกิติ หรือพิเชษฐ์ สุขจินดาทอง, นายสุขเสก หรือสุข พลตื้อ, นายจรัญ หรือยักษ์ ลอยพูล, นายอำนาจ อินทโชติ, นายชยุต ใหลเจริญ, นายสมบัติ หรือแดง หรือผู้กองแดง มากทอง, นายสุรชัย หรือหรั่ง เทวรัตน์, นายรชต หรือกบ วงค์ยอด และนายยงยุทธ ท้วมมี จำเลยที่ 1-19 คดีหมายเลขดำที่ อ.2542/2553, นายอร่าม แสงอรุณ หัวหน้าการ์ด นปช. จำเลยคดี อ.4339/2553, นายเจ็มส์ สิงห์สิทธิ์, นายสมพงษ์ บางชม และนายมานพ ชาญช่างทอง กลุ่มการ์ด นปช. จำเลยคดีหมายเลขดำที่ อ.757/2554และ นายอริสมันต์ หรือกี้ร์ พงษ์เรืองรอง จำเลยในคดีหมายเลขดำที่ อ.4958/2554
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในวันที่ 29 พ.ย. เวลา 10.00 น.ที่ห้องพิจารณา 803 ศาลยังได้นัดอ่านคำพิพากษาคดีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และอดีตนายกรัฐมนตรี เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายอริสมันต์เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา กรณีปราศรัยบนเวทีอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และถ่ายทอดโทรทัศน์ผ่านช่องพีเพิลแชนแนล ทำนองว่ารัฐบาลอภิสิทธิ์ โจทก์ กู้เงินมาโกง และหมิ่นประมาทซ้ำกล่าวหาว่าโจทก์เป็นผู้หน่วงเหนี่ยวคำร้องฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จนเกิดความล่าช้าด้วย