xs
xsm
sm
md
lg

ศาลนัดฟังคำสั่งพิจารณาประกันตัว “เจ๋ง ดอกจิก” พรุ่งนี้ 10 โมง

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

เจ๋ง ดอกจิกหรือนายยศวริศ ชูกล่อม ผู้ต้องหาคดีก่อการร้ายที่ศาลสั่งเพิกถอนการประกันตัว ถูกควบคุมตัวไว้ที่เรือนจำพิเศษบางเขน
“เจ๋ง ดอกจิก” จำเลยคดีก่อการร้าย ถูกเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์นำตัวมาขึ้นศาลเพื่อเบิกความ หลังทนายยื่นคำร้องขอประกันตัวอีกรอบด้วยหลักทรัพย์ 6 แสน โดยมี “ประชา-เสริมศักดิ์” เซ็นเอกสารรับรองความประพฤติ ภายหลังเบิกความศาลนัดสั่งคำสั่งพิจารณาการให้ประกันตัว พรุ่งนี้ (5 ก.ย.) เวลา 10.00 น. “นิพิฏฐ์” ส.ส.ประชาธิปัตย์ ในฐานะผู้ร้องยื่นคัดค้านการประกันตัวทันที ชี้เพิ่งติดคุก 2 สัปดาห์ไม่เหมาะสม แฉเอาคาราโอเกะไปร้องในคุกวีไอพี ขณะที่ไร้เงาแดงมาให้กำลังใจ


วันนี้ (4 ก.ย.) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอาญานัดไต่สวนนายยศวริศ ชูกล่อมหรือเจ๋ง ดอกจิก เลขานุการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และจำเลยที่ 7 ในคดีก่อการร้ายที่ถูกศาลสั่งเพิกถอนการปล่อยตัวชั่วคราวไว้ มาสอบถามข้อเท็จจริง ภายหลังนายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความใช้เงินสด 6 แสนบาทยื่นคำร้องขอประกันตัว โดยมี พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม และนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย มาเบิกความรับรองความประพฤติให้จำเลยด้วย

โดยวันนี้ นายยศวริศ จำเลยที่ 7 มาศาล เช่นเดียวกับนางกรุณา มอริส ภรรยานายยศวริศ นางธิดา และนายแพทย์เหวง โตจิราการ แกนนำ นปช. นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย และคนเสื้อแดงประมาณ 10 กว่าคนเดินทางมาเป็นกำลังใจ ขณะที่นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ผู้ร้องก็เดินทางมาศาลด้วย

ต่อมานายยศวริศแถลงต่อศาลว่า ตนรู้สึกสำนึกผิดและตลอดระยะเวลาที่อยู่ในเรือนจำชั่วคราวหลักสี่เป็นเวลา 2 อาทิตย์ ก็นึกทบทวนอยู่ตลอด และถ้าศาลเมตตาอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวอีกครั้งก็จะไม่ละเมิดสัญญาประกันตัว จะระมัดระวังไม่ละเมิดสิทธิเสรีภาพบุคคลอื่น ดูหมิ่นหรือทำผิดกฎหมาย ตอนนี้ตนยังมีตำแหน่งเป็นเลขานุการนายฐานิสร์ เทียนทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งมีภารกิจที่ได้รับมอบหมาย นอกจากนี้ก็มีหน้าที่เลี้ยงดูบุตรซึ่งกำลังศึกษาอยู่ระดับมหาวิทยาลัยซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูงและภรรยาของตนไม่มีรายได้

ส่วนกรณีที่ได้เผยแพร่ข้อมูลส่วนตัวของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญนั้น ตนเคยขึ้นเวทีปราศรัยกล่าวขอโทษไปแล้ว และถ้าได้รับการประกันตัวก็จะทำหนังสือขอโทษไปยังองค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญอย่างเป็นทางการอีกครั้ง และให้คำมั่นสัญญาว่าจะไม่มีการพูดปราศรัยหรือยุ่งเกี่ยวพาดพิงถึงศาลรัฐธรรมนูญอีก

ส่วนการประกันตัวในครั้งนี้ นอกจากเงินประกันตัวจำนวน 6 แสนบาทแล้ว ในการยื่นคำร้องครั้งนี้ตนเพิ่งทราบว่ายังมี พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม และนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช อดีต รมช.มหาดไทย มาเบิกความและลงนามรับรองความประพฤติตนอีกด้วย ทั้งนี้ยังมีนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รมว.มหาดไทย ซึ่งแม้ไม่ได้เดินทางมาเบิกความเนื่องจากติดภารกิจแต่ก็ได้ร่วมลงรายชื่อรับรองความประพฤติให้ตนด้วย

ขณะ ที่นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะผู้ร้อง แถลงคัดค้านการยื่นประกันตัวต่อศาลว่า จำเลยเพิ่งถูควบคุมตัวเป็นระยะเวลาที่สั้นและเห็นว่ายังไม่มีเหตุที่จะเปลี่ยนแปลงคำสั่งศาล และนายยศวริศเองตอนที่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำก็มีความเป็นอยู่ที่ดีกว่าบุคคลทั่วไป อีกทั้งกรมราชฑัณฑ์ยังมีการอนุญาตให้ร้องเพลงคาราโอเกะในเรือนจำอีกด้วย นอกจากนี้ ที่ศาลอาญานัดจำเลยมาสอบถามการผิดเงื่อนไขประกันตัวเมื่อวันที่ 22 ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งก่อนที่ศาลจะมีคำสั่งถอนประกันตัวนายยศวริศ ได้มีการนำนายฐานิสร์ เทียนทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชา และพ.ต.อ.ไกรเลิศ บัวแก้ว รอง ผบก.น.1 ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ดูแลการชุมนุมของกลุ่ม นปช.ที่หน้ารัฐสภามาเบิกความรับรองนั้น ตนเห็นว่าเป็นพยานที่มีน้ำหนักมากกว่า พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่ไม่ใช่ผู้บังคับบัญชาโดยตรง และในเรื่องนี้ควรจะมีข้อวินิจฉัยอยู่ประเด็นเดียว คือ จำเลยผิดผิดเงื่อนไขการปล่อยตัวชั่วคราวหรือไม่

นายนิพิฏฐ์กล่าวต่อว่า ในฐานะที่ตนเป็นผู้ร้องคัดค้านการปล่อยตัวชั่วคราวนายก่อแก้ว พิกุลทอง จำเลยที่ 5 ที่ศาลนัดสอบถามจำเลยในวันที่ 29 พ.ย.นี้ ถ้าหากว่าศาลอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวนายยศวริศในครั้งนี้ ตนจะขอถอนคำร้องการคัดค้านการประกันตัวของนายก่อแก้ว จำเลยที่ 5 เพราะเห็นว่าไม่มีประโยชน์ในการยื่นคำร้องอีกต่อไป เพราะถ้าหากในตอนนั้นศาลมีคำสั่งถอนประกันนายก่อแก้ว จำเลยที่ 5 ก็จะมีฝ่ายการเมือง เช่น พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม มารับรองอีก ศาลก็จะต้องให้ประกันตัว มิฉะนั้นจะเกิดข้อครหาหรือการวิพากษ์วิจารณ์ที่จะส่งผลเสียต่อกระบวนการยุติธรรม

นายนิพิฏฐ์แถลงต่ออีกว่า นอกจากในคดีนี้นายยศวริศยังเป็นจำเลยในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ซึ่งคดีความอยู่ที่ศาลอาญาแห่งนี้ และในคดีดังกล่าวจำเลยได้ขอถอนคำรับสารภาพในวันเดียวกับที่ศาลได้นัดฟังคำพิพากษาด้วย และที่จำเลยแถลงว่าจำเป็นต้องปฏิบัติหน้าที่ทำเพื่อส่วนร่วมแต่ตนกลับเห็นว่าจำเลยมีพฤติกรรมที่จะก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง ซึ่งขัดต่อที่จำเลยแถลง และในคดีนี้ตนไม่ได้ร้องขอให้ศาลคุมขังจำเลยไว้ตลอดเวลาระหว่างการพิจารณาคดี แต่เห็นว่าจำเลยเพิ่งจะอยู่ในเรือนจำเพียง 2 สัปดาห์ ระยะเวลาที่ถูกคุมขังในเรือนจำนั้นสั้นเกินไป การคุมขังควรจะมีระยะเวลาที่เหมาะสมและสามารถจะอธิบายต่อสังคมได้

ด้าน นายวิญญัติ ทนายความจำเลยแถลงว่า ที่นายนิพิฏฐ์ยื่นคำร้องคัดค้านการประกันตัวนายยศวริศต่อศาลนั้น เห็นว่าเป็นการใช้สิทธิโดยไม่มีกฎหมายรับรองหรือให้อำนาจไว้ เพราะหากจะมีการคัดค้านการประกันตัวต้องดำเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 108/2 และเห็นว่าการจะให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยหรือไม่นั้น เป็นอำนาจและดุลพินิจของศาลที่จะต้องให้ความคุ้มครองสิทธิของจำเลย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาและตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 40 ส่วนการนำตัวนายฐานิสร์ เทียนทอง รมช.มหาดไทย ในฐานะผู้บังคับบัญชามาเป็นพยานรับรองความประพฤติให้จำเลยเมื่อวันที่ 22 ส.ค.นั้นถูกต้องแล้ว แต่การนำ พ.ต.อ.ไกรเลิศ บัวแก้ว รอง ผบก.น.1 มานั้นเพื่อให้ข้อเท็จจริงต่อศาลในฐานะเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ดูแลการชุมนุมของกลุ่ม นปช.หน้ารัฐสภาเท่านั้น แต่ไม่ได้มาเป็นพยานเพื่อรับรองความประพฤติให้จำเลย

นายวิญญัติกล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่นายนิพิฏฐ์แถลงว่ากรณีที่ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม และนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย มาเป็นพยานและรับรองความประพฤติให้กับจำเลยนั้นไม่มีน้ำหนักเพียงพอหรือมีน้ำหนักน้อยกว่านายฐานิสร์ เทียนทอง ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาจำเลยโดยตรงนั้น เห็นว่า พล.ต.อ.ประชา เป็นบุคคลที่มีความน่าเชื่อถือและมีความสำคัญกับฝ่ายบริหาร เช่นเดียวกับนายเสริมศักดิ์ แต่ทั้งสองมาเบิกความในฐานะส่วนตัวที่เคยรู้จักและร่วมงานกับนายยศวริศ จำเลยมานานหลายปี และกรณีที่นายนิพิฏฐ์แถลงต่อศาลว่าจำเลยถูกดำเนินคดีในความผิดฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ มาตรา 112 อีกคดี ว่าคดีดังกล่าวตนเป็นทนายความให้จำเลยด้วย ที่จำเลยแถลงขอถอนคำรับสารภาพในภายหลังนั้น เพราะจำเลยมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนและเป็นการใช้สิทธิของจำเลย และที่นายนิพิฏฐ์แถลงว่าหากศาลให้ประกันตัวนายยศวริศก็จะถอนคำร้องขอให้ศาลพิจารณาเพิกถอนประกันนายก่อแก้ว จำเลยที่ 5 เนื่องจากไม่มีประโยชน์นั้น เห็นว่าผู้ร้องใช้ยศวริศเป็นตัวเป็นประกัน เป็นการใช้สิทธิโดยมิชอบ นอกจากนี้ ที่นายนิพิฏฐ์ระบุว่า จำเลยถูกควบคุมตัวอยู่ที่เรือนจำชั่วหลักสี่ โดยระยะเวลาอันสั้นนั้นถือเป็นดุลพินิจของศาล และการนำคาราโอเกะไปร้องให้จำเลยฟังภายในเรือนจำนั้นถือเป็นอำนาจหน้าที่และการใช้ดุลพินิจของกรมราชทัณฑ์ ซึ่งได้ดำเนินการมาก่อนที่นายยศวริศจะถูกเพิกถอนประกันตัวและย้ายไปอยู่เรือนจำชั่วคราวหลักสี่ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ไม่มีเหตุการณ์ดังกล่าวแล้ว

ทั้งนี้ ภายหลังไต่สวนนายยศวริศ จำเลยที่ 7 คดีก่อการร้ายเสร็จแล้ว ศาลจึงนัดฟังคำสั่งให้ประกันตัวหรือไม่ ในวันพรุ่งนี้ เวลา 10.00 น.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวิญญัติ ชาญมนตรี ทนายความของนายยศวริศ ชูกล่อม หรือ เจ๋ง ดอกจิก ผู้ช่วยเลขานุการ รมช.มหาดไทย ได้เปิดเผยก่อนการเบิกความขอยื่นประกันตัวนายยศวริศว่า ยังคาดหวังว่ามีโอกาสที่สามารถยื่นขอประกันตัวนายยศวริศได้ ซึ่งการเข้าไปอยู่เรือนจำของนายยศวริศต้องยอมรับว่าเป็นการสมควร เพราะพฤติกรรมที่ขาดความยับยั้งชั่งใจ ถือเป็นบทเรียนให้นายยศวริศรู้จักระมัดระวังคำพูด และนายยศวริศจะต้องยอมรับข้อผิดพลาดนี้ต่อศาล ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 3 ก.ย.ที่ผ่านมาศาลได้ไต่สวนพยาน 2 ปาก ประกอบด้วย พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม และนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช อดีต รมช.มหาดไทย ซึ่งเคยเป็นข้าราชการระดับสูงและนักการเมืองที่มีความน่าเชื่อถือไปแล้ว เหลือเพียงไต่สวนนายยศวริศปากเดียวเท่านั้น เชื่อว่าวันนี้ศาลน่าจะมีคำสั่งอย่างใดอย่างหนึ่งได้ ส่วนหลักทรัพย์ที่ยื่นไว้ 6แสนบาท หากไม่เพียงพอก็พร้อมยื่นหลักทรัพย์เพิ่มเติมได้ ซึ่งขึ้นอยู่กับศาลว่าเห็นควรอย่างไร

ด้าน นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เท่าที่ได้รับฟังจากผู้ใหญ่พอทราบว่าครั้งนี้นายยศวริศน่าจะอยู่เรือนจำไม่นาน แต่ก็ยังมีตัวแปรอื่นอยู่ เพราะนายยศวริศเป็นเหยื่อของสถานการณ์ ซึ่งการเข้าไปอยู่เรือนจำของนายยศวริศก็อธิบายได้หลายเรื่อง ศาลต้องการให้นายยศวริศระวังคำพูด มีสติยั้งคิดเมื่อต้องพูดในที่สาธารณะ ทำให้พวกตนและแกนนำ นปช.คนอื่นต้องระมัดระวังการปฏิบัติตัวให้มาก โดยใช้เรื่องของนายยศวริศเป็นสติเตือนใจไปด้วย


กำลังโหลดความคิดเห็น