ศรีสะเกษ - นายก อบต.โนนสัง ศรีสะเกษ เผยสาวสวยเอี่ยวพระดังมีฐานะร่ำรวยเร็วแบบติดจรวด ซื้อสดที่ดิน 7 ไร่ใกล้สำนักสงฆ์ขันติธรรม และมีบ้านหรู 15 ล้านในกรุง พร้อมได้ลูกชายปริศนา 1 คน ทั้งที่ยังไม่แต่งงาน "กรมศิลป์" ส่งหนังสือจี้วัดป่าขันติธรรมขออนุญาตสร้าง "พระแก้วมรกต" สั่งสำนักศิลปากร 15 แห่งทั่วประเทศ สำรวจการจำลองพระพุทธรูปสำคัญที่ไม่ขออนุญาต "ผอ.ศิลปากร 11 อุบลราชธานี" ปัดไม่รู้วัดป่าฯไม่ได้ขออนุญาต ด้านยายเจ้าของที่ดินลั่นไม่ยอมรับเงินกลุ่มลูกศิษย์"ปู่เณรคำ" ชี้หากจะให้เงินต้อง 2,500 ล้านเพื่อนำไปสร้างพระแก้วมรกตจำลองให้เสร็จ และตั้งวัดป่าขันติธรรมให้สมบูรณ์ถูกต้องตาม กม.
วานนี้ (24 มิ.ย.) นายทองวรรณ จิตโชติ นายก อบต.โนนสัง อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า ได้ไปให้กำลังใจนางลอน มนัส อายุ 68 ปี เจ้าของที่ดินจัดตั้งวัดป่าขันติธรรม ที่มีพระวิรพล สุขผล หรือหลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก เป็นประธานสงฆ์ หลังจากเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.กันทรารมย์ เนื่องจากถูกโทรศัพท์ข่มขู่อุ้มฆ่าโดยตนได้แจ้งกับนางลอนว่า ชาว อ.กันทรารมย์ และผู้นำ อปท.ทุกคนพร้อมให้การสนับสนุนและช่วยเหลือเต็มที่ หากไม่ได้รับความเป็นธรรมและถูกข่มเหงรังแกจากกลุ่มลูกศิษย์พระดังรูปหนึ่งของ จ.ศรีสะเกษ
นายทองวรรณ กล่าวต่อว่า กรณีสำนักสงฆ์ขันติธรรมนั้นชาวบ้านในเขต อ.กันทรารมย์ รับไม่ได้ เนื่องจากปกติในการจัดงานต่างๆ ของวัดทุกแห่งจะมีการปักธงชาติและธงธรรมจักร แต่วัดแห่งนี้ปักธงที่มีตราสัญลักษณ์ของตัวเอง ซึ่งตนไม่ค่อยเห็นชาวบ้านในเขต อ.กันทรารมย์เข้าไปทำบุญที่สำนักสงฆ์ขันติธรรม ไม่ว่าจะเป็นนายอำเภอ หรือข้าราชการทุกส่วน ก็ไม่มีใครเข้าไปร่วมกิจกรรมหรือทำบุญที่สำนักสงฆ์แห่งนี้ พูดได้ว่ามีชาว อ.กันทรารมย์ น้อยมากที่เข้าไปทำบุญที่สำนักสงฆ์แห่งนี้
"เมื่อประมาณปี 2551 ป้าของผมได้เข้าไปถวายสำรับพระรูปหนึ่งที่สำนักสงฆ์แห่งนี้ ปรากฏว่า ได้เจอสาวสวยคนหนึ่งแต่งชุดนอนเดินออกมาจากห้องของพระชื่อดังรูปหนึ่ง ซึ่งป้าของผมรู้จักผู้หญิงคนดังกล่าวดีว่า ชื่ออักษรย่อ "ม" เป็นสาวสวยที่มีบ้านอยู่ไม่ไกลจากสำนักสงฆ์ขันติธรรม และเรื่องนี้เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในกลุ่มชาวบ้านใกล้สำนักสงฆ์แห่งนี้อย่างกว้างขวาง ขณะนี้สาวสวยคนนั้นยังไม่ได้แต่งงาน แต่มีลูกชาย 1 คน ปัจจุบันเรียนอยู่ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 (ป.2) โรงเรียนระดับประถมศึกษาแห่งหนึ่ง และสาวสวยคนนี้มีฐานะดีขึ้นอย่างรวดเร็วมากทั้งที่ไม่ได้มีอาชีพการงานอะไรแต่มีเงินสดซื้อที่ดิน 7 ไร่ ใกล้กับสำนักสงฆ์ และมีบ้านขนาดใหญ่มูลค่าประมาณ 15 ล้านบาท ในหมู่บ้านจัดสรรแห่งหนึ่งที่กรุงเทพฯ"
นายทองวรรณ กล่าวต่อว่า ทุกครั้งที่สำนักสงฆ์ขันติธรรมจัดงานทอดกฐินจะมีการจัดทำต้นกฐิน 9 ต้นสูงต้นละ 9 เมตร ต้นหนึ่งๆ ไม่รู้ว่าได้เงินกี่ล้านบาท และปีล่าสุดจัดทำต้นกฐินกว่า 36 ต้นได้เงินจำนวนมาก แต่ไม่ทราบว่า เงินทอดกฐินและเงินบริจาคเก็บรักษาอย่างไรนำเอาไปใช้อะไรบ้าง ซึ่งตนเห็นว่าการจัดงานทุกอย่างของสำนักสงฆ์แห่งนี้เป็นธุรกิจไปหมด แม้แต่พวกเราเข้าไปปักป้ายจัดงาน รวมทั้งทำงานต่างๆ ภายในสำนักสงฆ์ก็ต้องจ่ายค่าจ้างเป็นรายวันและรายเดือน อีกทั้งไม่เคยเห็นพระสำนักสงฆ์แห่งนี้ออกบิณฑบาต แต่จะจ้างแม่ครัวมาทำอาหารถวายพระสงฆ์โดยตรง
**เจ้าของที่ดินลั่นไม่รับเงินศิษย์ปู่เณร
ส่วนบรรยากาศที่บ้านของนางลอน ตั้งอยู่กลางทุ่งนาบ้านหนองถ่ม ต.ดู่ อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ เจ้าของที่ดินจัดตั้งวัดป่าขันติธรรม ยังคงมีตำรวจจาก สภ.กันทรารมย์ มาเฝ้ารักษาความปลอดภัยให้แก่นางลอน และครอบครัว หลังจากที่นางลอน ประกาศจะนำที่ดินมาสร้างวัดป่าขันติธรรมให้ถูกต้องตามกฎหมาย โดยไม่ให้หลวงปู่เณรคำ และคณะสงฆ์บางรูปเข้ามาบริหารวัด
นางลอน กล่าวถึงกรณีมีบุคคลอ้างว่าเป็นโฆษกประจำตัวหลวงปู่เณรคำ นำภายถ่ายนางทองมี วุฒิยาสาร ซึ่งเสียชีวิตไปแล้วออกมาบอกว่าคือคนที่เป็นเจ้าของที่ดินและเป็นผู้มอบที่ดินให้ทางวัดป่าขันติธรรมเอง ไม่ใช่ที่ดินของนางลอน พร้อมยืนยันว่ามีหลักฐานเป็นหนังสือประวัติของวัดที่ระบุว่าที่ดินดังกล่าวเป็นของนางทองมี บริจาคให้และการครอบครองที่ดินสามารถตรวจสอบได้ที่สำนักงานที่ดินว่าใครเป็นเจ้าของที่ดินตัวจริง และกลุ่มลูกศิษย์หลวงปู่เณรคำ จะรวบรวมเงินซื้อที่ดินต่อจากนางลอน เพื่อเป็นค่าดูแล ไม่ใช่ในฐานะเป็นเจ้าของที่ดินว่า ตนขอบอกว่าจะไม่เอาเงินที่จะนำมาให้เพราะตนต้องการที่จะสร้างวัดเท่านั้น อยากเซ็นยกที่ดินให้วัดอย่างเดียวไม่เอาเงินใครทั้งนั้น อย่าคิดว่าตนอยากจะได้เงินจากคนที่จะเอามาให้ ตนจะทำหน้าที่แทนนางทองมีที่ฝากเอาไว้ให้มอบเป็นที่ดินวัด จึงอยากมีวัดให้เป็นวัดที่สมบูรณ์แบบ ไม่อยากให้เป็นวัดเถื่อน และไม่อยากได้เงินด้วย จะเอาเงินมาให้เท่าไหร่ก็ไม่เอา
"หากจะเอาเงินมาให้ก็ต้องให้จำนวน 2,500 ล้านบาทเพื่อจะนำไปสร้างพระแก้วมรกตจำลององค์ใหญ่ที่สุดในโลกให้แล้วเสร็จ และสร้างวัดป่าขันติธรรมให้เสร็จสมบูรณ์ โดยจะใช้เงินบำรุงวัดทุกบาททุกสตางค์"
ด้านนายถวิล มนัส อายุ 72 ปี สามีของนางลอน กล่าวว่า เห็นว่าพวกเรายากจนแล้วจะเอาเงินมาฟาดหัว อย่าคิดว่าพวกเราจะเอาเงินของพวกกลุ่มลูกศิษย์หลวงปู่เณรคำ หากจะให้เงินต้องให้ 2,500 ล้านบาทจะได้นำไปสร้างพระแก้วมรกตจำลอง และสร้างวัดให้เสร็จสมบูรณ์ ไม่ใช่ปล่อยให้เวลาผ่านไปนานร่วม 10 ปีแล้วยังไม่จัดตั้งวัดป่าขันติธรรมให้เป็นวัดที่ถูกต้องตามกฎหมาย ขณะที่เงินและทองคำที่ได้มาจากการบริจาคของประชาชน และการจัดทอดกฐิน ทอดผ้าป่าเป็นจำนวนมากหลายร้อยล้านบาทไม่รู้ว่าเงินและทองคำอยู่กับใคร เพราะทุกอย่างอยู่กับคนคนเดียวหมด จึงทำให้ไม่โปร่งใส ซึ่งเป็นที่น่าเสียดายเงินบริจาคทำบุญคนละ 10-20 บาทของชาวบ้าน แต่กลับนำไปใช้ผิดประเภทแบบนี้
**ผลสอบกรณี "ปู่เณรคำ" ยังไม่คืบ
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ตามที่พระครูวัชรสิทธิคุณ เลขานุการเจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ ฝ่ายธรรมยุต ได้ออกมากล่าวถึงการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีหลวงปู่เณรคำว่าที่ตั้งขึ้นทำได้แค่รวบรวมข้อมูลต่างๆ ที่เกิดขึ้นโดยรายงานไปยังพระธรรมฐิติญาณ เจ้าคณะภาค 10 ฝ่ายธรรมยุต และสมเด็จพระวันรัต รักษาการเจ้าคณะใหญ่คณะธรรมยุตแล้วนั้น
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปสอบถามความคืบหน้าการสอบข้อเท็จจริงกรณีหลวงปู่เณรคำ ที่วัดบวรนิเวศวิหารต่อสมเด็จพระวันรัต รักษาการเจ้าคณะใหญ่คณะธรรมยุต โดยสมเด็จพระวันรัต ได้ตอบเพียงสั้นๆว่า มาสนใจอะไรกับเรื่องนี้ เขากำลังจัดการกันอยู่ นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวได้สอบถามต่อสมเด็จพระวันรัต ในกรณีหลวงปู่เณรคำ ในเรื่องอื่นๆ สมเด็จพระวันรัต ก็ยังคงไม่มีการตอบคำถามแต่อย่างใด
จากนั้นผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังพระครูวัชรสิทธิคุณ เลขานุการเจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ ฝ่ายธรรมยุต เกี่ยวกับกระแสข่าวลือว่าหลวงปู่เณรคำ เคยสึกและกลับมาบวชใหม่ว่าเคยได้รับทราบเรื่องนี้หรือไม่ พระครูวัชรสิทธิคุณ กล่าวว่า ไม่ทราบเรื่องนี้และขอยืนยันว่า การสอบข้อเท็จจริงต่างๆ คงต้องรอหลวงปู่เณรคำ กลับมาก่อน
**"กรมศิลป์"สั่งสำรวจวัดทั่วปท.
นายสหวัฒน์ แน่นหนา อธิบดีกรมศิลปากร เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบบัญชีขออนุญาตจำลองพระพุทธรูปสำคัญของสำนักช่างสิบหมู่ พบว่าการก่อสร้างพระพุทธมณีมหารัตนปฏิมากร หรือพระแก้วมรกตของวัดป่าขันติธรรม ต.ยาง อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ ดำเนินการไม่ถูกต้องตามระเบียบ เนื่องจากไม่ได้ขออนุญาตก่อนจัดสร้าง เพราะตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการก่อสร้างอนุสาวรีย์แห่งชาติและการจำลองพระพุทธรูปสำคัญ พ.ศ.2520 กำหนดไว้ว่าการจำลองพระพุทธรูปสำคัญ 60 รายการ ต้องขออนุญาตมายังกรมศิลปากร เพื่อกราบบังคมทูลขอพระบรมราชานุญาต และจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักพระราชวัง ขณะนี้ตนได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เร่งทำหนังสือแจ้งให้วัดป่าขันติธรรมรับทราบแล้วว่า การดำเนินการไม่ถูกต้องตามขั้นตอน สมควรดำเนินการให้ถูกต้องตามระเบียบที่กำหนดไว้
นายสหวัฒน์ กล่าวต่อว่า ตนได้มอบให้สำนักศิลปากรที่ 11 อุบลราชธานี ซึ่งกำกับดูแลพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ จ.อำนาจเจริญ จ.มุกดาหาร และ จ.ยโสธร นำหนังสือฉบับดังกล่าวแจ้งให้กับวัดป่าขันติธรรม ภายในวันที่ 26 มิ.ย.นี้ ส่วนจะสั่งให้ชะลอหรือว่าหยุดการก่อสร้างพระแก้วมรกต กรมศิลปากรไม่มีอำนาจ เพราะไม่ได้กำหนดบทลงโทษผู้ที่ฝ่าฝืนทำได้แค่ขอให้วัดเร่งดำเนินการขออนุญาตให้ถูกต้องตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม ตนจะแจ้งให้สำนักศิลปากร 15 แห่งทั่วประเทศ ไปตรวจสอบด้วยว่าในพื้นที่แต่ละจังหวัด ตอนนี้มีที่ไหนบ้างก่อสร้างหรือว่าจำลองพระพุทธรูปสำคัญๆ โดยไม่ขออนุญาตบ้าง เพราะจากรายงานเบื้องต้นทราบว่าตอนนี้มีจำนวนมากที่จำลองพระพุทธรูปสำคัญแต่ไม่ยอมขออนุญาต
"สำหรับพระพุทธรูปสำคัญที่ต้องได้รับอนุญาตก่อนการจำลองนั้นมีทั้งหมด 60 รายการ เช่น พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร (แก้วมรกต) พระพุทธไตรรัตนนายก (วัดพนัญเชิง) และพระพุทธชินราช เป็นต้น"
ด้านนายขจร มุกมีค่า ผอ.สำนักศิลปากรที่ 11 อุบลราชธานี ซึ่งดูแลพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ จ.อำนาจเจริญ จ.มุกดาหาร และ จ.ยโสธร กล่าวว่า การดำเนินการก่อสร้างพระแก้วมรกตจำลองของวัดป่าขันติธรรมนั้น สำนักศิลปากรที่ 11 อุบลราชธานี ไม่ทราบเรื่องดังกล่าวและไม่ได้มาขออนุญาตหรือว่าปรึกษาเรื่องการก่อสร้าง พึ่งมาทราบเรื่องตอนเป็นข่าวนี้เอง ทั้งนี้ ให้เจ้าหน้าที่เร่งรวบรวมข้อมูล อยากให้ไปสอบถามเรื่องนี้จากอธิบดีกรมศิลปากรเอง อย่างไรก็ตาม การดำเนินการหลังจากนี้ต้องรออธิบดีกรมศิลปากร สั่งการมาว่าจะให้สำนักศิลปากรที่ 11 อุบลราชธานีทำอย่างไรต่อไป
วานนี้ (24 มิ.ย.) นายทองวรรณ จิตโชติ นายก อบต.โนนสัง อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า ได้ไปให้กำลังใจนางลอน มนัส อายุ 68 ปี เจ้าของที่ดินจัดตั้งวัดป่าขันติธรรม ที่มีพระวิรพล สุขผล หรือหลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก เป็นประธานสงฆ์ หลังจากเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.กันทรารมย์ เนื่องจากถูกโทรศัพท์ข่มขู่อุ้มฆ่าโดยตนได้แจ้งกับนางลอนว่า ชาว อ.กันทรารมย์ และผู้นำ อปท.ทุกคนพร้อมให้การสนับสนุนและช่วยเหลือเต็มที่ หากไม่ได้รับความเป็นธรรมและถูกข่มเหงรังแกจากกลุ่มลูกศิษย์พระดังรูปหนึ่งของ จ.ศรีสะเกษ
นายทองวรรณ กล่าวต่อว่า กรณีสำนักสงฆ์ขันติธรรมนั้นชาวบ้านในเขต อ.กันทรารมย์ รับไม่ได้ เนื่องจากปกติในการจัดงานต่างๆ ของวัดทุกแห่งจะมีการปักธงชาติและธงธรรมจักร แต่วัดแห่งนี้ปักธงที่มีตราสัญลักษณ์ของตัวเอง ซึ่งตนไม่ค่อยเห็นชาวบ้านในเขต อ.กันทรารมย์เข้าไปทำบุญที่สำนักสงฆ์ขันติธรรม ไม่ว่าจะเป็นนายอำเภอ หรือข้าราชการทุกส่วน ก็ไม่มีใครเข้าไปร่วมกิจกรรมหรือทำบุญที่สำนักสงฆ์แห่งนี้ พูดได้ว่ามีชาว อ.กันทรารมย์ น้อยมากที่เข้าไปทำบุญที่สำนักสงฆ์แห่งนี้
"เมื่อประมาณปี 2551 ป้าของผมได้เข้าไปถวายสำรับพระรูปหนึ่งที่สำนักสงฆ์แห่งนี้ ปรากฏว่า ได้เจอสาวสวยคนหนึ่งแต่งชุดนอนเดินออกมาจากห้องของพระชื่อดังรูปหนึ่ง ซึ่งป้าของผมรู้จักผู้หญิงคนดังกล่าวดีว่า ชื่ออักษรย่อ "ม" เป็นสาวสวยที่มีบ้านอยู่ไม่ไกลจากสำนักสงฆ์ขันติธรรม และเรื่องนี้เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในกลุ่มชาวบ้านใกล้สำนักสงฆ์แห่งนี้อย่างกว้างขวาง ขณะนี้สาวสวยคนนั้นยังไม่ได้แต่งงาน แต่มีลูกชาย 1 คน ปัจจุบันเรียนอยู่ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 (ป.2) โรงเรียนระดับประถมศึกษาแห่งหนึ่ง และสาวสวยคนนี้มีฐานะดีขึ้นอย่างรวดเร็วมากทั้งที่ไม่ได้มีอาชีพการงานอะไรแต่มีเงินสดซื้อที่ดิน 7 ไร่ ใกล้กับสำนักสงฆ์ และมีบ้านขนาดใหญ่มูลค่าประมาณ 15 ล้านบาท ในหมู่บ้านจัดสรรแห่งหนึ่งที่กรุงเทพฯ"
นายทองวรรณ กล่าวต่อว่า ทุกครั้งที่สำนักสงฆ์ขันติธรรมจัดงานทอดกฐินจะมีการจัดทำต้นกฐิน 9 ต้นสูงต้นละ 9 เมตร ต้นหนึ่งๆ ไม่รู้ว่าได้เงินกี่ล้านบาท และปีล่าสุดจัดทำต้นกฐินกว่า 36 ต้นได้เงินจำนวนมาก แต่ไม่ทราบว่า เงินทอดกฐินและเงินบริจาคเก็บรักษาอย่างไรนำเอาไปใช้อะไรบ้าง ซึ่งตนเห็นว่าการจัดงานทุกอย่างของสำนักสงฆ์แห่งนี้เป็นธุรกิจไปหมด แม้แต่พวกเราเข้าไปปักป้ายจัดงาน รวมทั้งทำงานต่างๆ ภายในสำนักสงฆ์ก็ต้องจ่ายค่าจ้างเป็นรายวันและรายเดือน อีกทั้งไม่เคยเห็นพระสำนักสงฆ์แห่งนี้ออกบิณฑบาต แต่จะจ้างแม่ครัวมาทำอาหารถวายพระสงฆ์โดยตรง
**เจ้าของที่ดินลั่นไม่รับเงินศิษย์ปู่เณร
ส่วนบรรยากาศที่บ้านของนางลอน ตั้งอยู่กลางทุ่งนาบ้านหนองถ่ม ต.ดู่ อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ เจ้าของที่ดินจัดตั้งวัดป่าขันติธรรม ยังคงมีตำรวจจาก สภ.กันทรารมย์ มาเฝ้ารักษาความปลอดภัยให้แก่นางลอน และครอบครัว หลังจากที่นางลอน ประกาศจะนำที่ดินมาสร้างวัดป่าขันติธรรมให้ถูกต้องตามกฎหมาย โดยไม่ให้หลวงปู่เณรคำ และคณะสงฆ์บางรูปเข้ามาบริหารวัด
นางลอน กล่าวถึงกรณีมีบุคคลอ้างว่าเป็นโฆษกประจำตัวหลวงปู่เณรคำ นำภายถ่ายนางทองมี วุฒิยาสาร ซึ่งเสียชีวิตไปแล้วออกมาบอกว่าคือคนที่เป็นเจ้าของที่ดินและเป็นผู้มอบที่ดินให้ทางวัดป่าขันติธรรมเอง ไม่ใช่ที่ดินของนางลอน พร้อมยืนยันว่ามีหลักฐานเป็นหนังสือประวัติของวัดที่ระบุว่าที่ดินดังกล่าวเป็นของนางทองมี บริจาคให้และการครอบครองที่ดินสามารถตรวจสอบได้ที่สำนักงานที่ดินว่าใครเป็นเจ้าของที่ดินตัวจริง และกลุ่มลูกศิษย์หลวงปู่เณรคำ จะรวบรวมเงินซื้อที่ดินต่อจากนางลอน เพื่อเป็นค่าดูแล ไม่ใช่ในฐานะเป็นเจ้าของที่ดินว่า ตนขอบอกว่าจะไม่เอาเงินที่จะนำมาให้เพราะตนต้องการที่จะสร้างวัดเท่านั้น อยากเซ็นยกที่ดินให้วัดอย่างเดียวไม่เอาเงินใครทั้งนั้น อย่าคิดว่าตนอยากจะได้เงินจากคนที่จะเอามาให้ ตนจะทำหน้าที่แทนนางทองมีที่ฝากเอาไว้ให้มอบเป็นที่ดินวัด จึงอยากมีวัดให้เป็นวัดที่สมบูรณ์แบบ ไม่อยากให้เป็นวัดเถื่อน และไม่อยากได้เงินด้วย จะเอาเงินมาให้เท่าไหร่ก็ไม่เอา
"หากจะเอาเงินมาให้ก็ต้องให้จำนวน 2,500 ล้านบาทเพื่อจะนำไปสร้างพระแก้วมรกตจำลององค์ใหญ่ที่สุดในโลกให้แล้วเสร็จ และสร้างวัดป่าขันติธรรมให้เสร็จสมบูรณ์ โดยจะใช้เงินบำรุงวัดทุกบาททุกสตางค์"
ด้านนายถวิล มนัส อายุ 72 ปี สามีของนางลอน กล่าวว่า เห็นว่าพวกเรายากจนแล้วจะเอาเงินมาฟาดหัว อย่าคิดว่าพวกเราจะเอาเงินของพวกกลุ่มลูกศิษย์หลวงปู่เณรคำ หากจะให้เงินต้องให้ 2,500 ล้านบาทจะได้นำไปสร้างพระแก้วมรกตจำลอง และสร้างวัดให้เสร็จสมบูรณ์ ไม่ใช่ปล่อยให้เวลาผ่านไปนานร่วม 10 ปีแล้วยังไม่จัดตั้งวัดป่าขันติธรรมให้เป็นวัดที่ถูกต้องตามกฎหมาย ขณะที่เงินและทองคำที่ได้มาจากการบริจาคของประชาชน และการจัดทอดกฐิน ทอดผ้าป่าเป็นจำนวนมากหลายร้อยล้านบาทไม่รู้ว่าเงินและทองคำอยู่กับใคร เพราะทุกอย่างอยู่กับคนคนเดียวหมด จึงทำให้ไม่โปร่งใส ซึ่งเป็นที่น่าเสียดายเงินบริจาคทำบุญคนละ 10-20 บาทของชาวบ้าน แต่กลับนำไปใช้ผิดประเภทแบบนี้
**ผลสอบกรณี "ปู่เณรคำ" ยังไม่คืบ
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ตามที่พระครูวัชรสิทธิคุณ เลขานุการเจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ ฝ่ายธรรมยุต ได้ออกมากล่าวถึงการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีหลวงปู่เณรคำว่าที่ตั้งขึ้นทำได้แค่รวบรวมข้อมูลต่างๆ ที่เกิดขึ้นโดยรายงานไปยังพระธรรมฐิติญาณ เจ้าคณะภาค 10 ฝ่ายธรรมยุต และสมเด็จพระวันรัต รักษาการเจ้าคณะใหญ่คณะธรรมยุตแล้วนั้น
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปสอบถามความคืบหน้าการสอบข้อเท็จจริงกรณีหลวงปู่เณรคำ ที่วัดบวรนิเวศวิหารต่อสมเด็จพระวันรัต รักษาการเจ้าคณะใหญ่คณะธรรมยุต โดยสมเด็จพระวันรัต ได้ตอบเพียงสั้นๆว่า มาสนใจอะไรกับเรื่องนี้ เขากำลังจัดการกันอยู่ นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวได้สอบถามต่อสมเด็จพระวันรัต ในกรณีหลวงปู่เณรคำ ในเรื่องอื่นๆ สมเด็จพระวันรัต ก็ยังคงไม่มีการตอบคำถามแต่อย่างใด
จากนั้นผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังพระครูวัชรสิทธิคุณ เลขานุการเจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ ฝ่ายธรรมยุต เกี่ยวกับกระแสข่าวลือว่าหลวงปู่เณรคำ เคยสึกและกลับมาบวชใหม่ว่าเคยได้รับทราบเรื่องนี้หรือไม่ พระครูวัชรสิทธิคุณ กล่าวว่า ไม่ทราบเรื่องนี้และขอยืนยันว่า การสอบข้อเท็จจริงต่างๆ คงต้องรอหลวงปู่เณรคำ กลับมาก่อน
**"กรมศิลป์"สั่งสำรวจวัดทั่วปท.
นายสหวัฒน์ แน่นหนา อธิบดีกรมศิลปากร เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบบัญชีขออนุญาตจำลองพระพุทธรูปสำคัญของสำนักช่างสิบหมู่ พบว่าการก่อสร้างพระพุทธมณีมหารัตนปฏิมากร หรือพระแก้วมรกตของวัดป่าขันติธรรม ต.ยาง อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ ดำเนินการไม่ถูกต้องตามระเบียบ เนื่องจากไม่ได้ขออนุญาตก่อนจัดสร้าง เพราะตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการก่อสร้างอนุสาวรีย์แห่งชาติและการจำลองพระพุทธรูปสำคัญ พ.ศ.2520 กำหนดไว้ว่าการจำลองพระพุทธรูปสำคัญ 60 รายการ ต้องขออนุญาตมายังกรมศิลปากร เพื่อกราบบังคมทูลขอพระบรมราชานุญาต และจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักพระราชวัง ขณะนี้ตนได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เร่งทำหนังสือแจ้งให้วัดป่าขันติธรรมรับทราบแล้วว่า การดำเนินการไม่ถูกต้องตามขั้นตอน สมควรดำเนินการให้ถูกต้องตามระเบียบที่กำหนดไว้
นายสหวัฒน์ กล่าวต่อว่า ตนได้มอบให้สำนักศิลปากรที่ 11 อุบลราชธานี ซึ่งกำกับดูแลพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ จ.อำนาจเจริญ จ.มุกดาหาร และ จ.ยโสธร นำหนังสือฉบับดังกล่าวแจ้งให้กับวัดป่าขันติธรรม ภายในวันที่ 26 มิ.ย.นี้ ส่วนจะสั่งให้ชะลอหรือว่าหยุดการก่อสร้างพระแก้วมรกต กรมศิลปากรไม่มีอำนาจ เพราะไม่ได้กำหนดบทลงโทษผู้ที่ฝ่าฝืนทำได้แค่ขอให้วัดเร่งดำเนินการขออนุญาตให้ถูกต้องตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม ตนจะแจ้งให้สำนักศิลปากร 15 แห่งทั่วประเทศ ไปตรวจสอบด้วยว่าในพื้นที่แต่ละจังหวัด ตอนนี้มีที่ไหนบ้างก่อสร้างหรือว่าจำลองพระพุทธรูปสำคัญๆ โดยไม่ขออนุญาตบ้าง เพราะจากรายงานเบื้องต้นทราบว่าตอนนี้มีจำนวนมากที่จำลองพระพุทธรูปสำคัญแต่ไม่ยอมขออนุญาต
"สำหรับพระพุทธรูปสำคัญที่ต้องได้รับอนุญาตก่อนการจำลองนั้นมีทั้งหมด 60 รายการ เช่น พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร (แก้วมรกต) พระพุทธไตรรัตนนายก (วัดพนัญเชิง) และพระพุทธชินราช เป็นต้น"
ด้านนายขจร มุกมีค่า ผอ.สำนักศิลปากรที่ 11 อุบลราชธานี ซึ่งดูแลพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ จ.อำนาจเจริญ จ.มุกดาหาร และ จ.ยโสธร กล่าวว่า การดำเนินการก่อสร้างพระแก้วมรกตจำลองของวัดป่าขันติธรรมนั้น สำนักศิลปากรที่ 11 อุบลราชธานี ไม่ทราบเรื่องดังกล่าวและไม่ได้มาขออนุญาตหรือว่าปรึกษาเรื่องการก่อสร้าง พึ่งมาทราบเรื่องตอนเป็นข่าวนี้เอง ทั้งนี้ ให้เจ้าหน้าที่เร่งรวบรวมข้อมูล อยากให้ไปสอบถามเรื่องนี้จากอธิบดีกรมศิลปากรเอง อย่างไรก็ตาม การดำเนินการหลังจากนี้ต้องรออธิบดีกรมศิลปากร สั่งการมาว่าจะให้สำนักศิลปากรที่ 11 อุบลราชธานีทำอย่างไรต่อไป