ศรีสะเกษ - ลูกศิษย์ "หลวงปู่เณรคำ" เสื่อมศรัทธา หลังเห็นคลิปฉาวพระดังนั่งเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวและภาพนอนอยู่กับสีกา จี้สำนักพุทธฯและหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องตรวจสอบเงินทำบุญ-ทอดกฐินนับพันล้านและทองคำบริจาคหลายร้อยกิโลฯเพื่อสร้างพระแก้วมรกตองค์ใหญ่สุดในโลกหายไปไหน ขณะการก่อสร้างวัดและพระแก้วมรกตไม่คืบหน้า ด้านเจ้าคณะอำเภอเมืองศรีสะเกษ ฝ่ายธรรมยุติ ชี้ภาพหลวงปู่เณรคำนอนอยู่กับสีกายังไม่ชัดเจนเป็นตัวจริงหรือไม่ ต้องรอพระเถระชั้นผู้ใหญ่แต่งตั้งพระอธิกรณ์สอบสวนข้อเท็จจริงก่อน
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีข่าวเกี่ยวกับคลิป พระวิรพล ฉัตติโก หรือหลวงปู่เณรคำ ประธานสงฆ์วัดป่าขันติธรรม บ้านยาง ต.ยาง อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ นั่งเครื่องบินเจ็ทส่วนตัวใช้ของหรูราคาแพง และมีการเผยแพร่ภาพที่ไม่เหมาะสมกับสมณเพศ ลงในโซเชียลเน็ตเวิร์กเป็นจำนวนมากโดยเฉพาะภาพคนหน้าตาคล้ายหลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก นอนอยู่กับสีกา
ต่อมานายวิรอด ไชยพรรณนา ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดศรีสะเกษได้นำคณะเข้าตรวจสอบข้อเท็จจริงที่วัดป่าขันติธรรม ตามข่าวที่ได้เสนอไปแล้ว
เมื่อเวลา 10.00 น.วานนี้ (18 มิ.ย.) ที่บริเวณชุมชนทุ่งนาดี ต.เมืองเหนือ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ ชาวบ้านได้พากันจับกลุ่มคุยกันเกี่ยวกับภาพที่ไม่เหมาะสมของหลวงปู่เณรคำ และได้มีการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง
นายบุญมี แก้วสาย อายุ 50 ปี บ้านเลขที่ 1329/27 ถ.ราชการรถไฟ 1 ต.เมืองเหนือ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า ได้ดูภาพที่เผยแพร่ทางอินเตอร์เน็ตและทางสื่อแล้ว มีความไม่สบายใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากพวกเราเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่เณรคำ มานานหลายปี ไม่คาดคิดว่าหลวงปู่เณรคำจะมีพฤติกรรมเช่นนี้ และคิดไม่ถึงว่าจะนำเอาเงินที่พุทธศาสนิกชนจำนวนมากมาทำบุญไปใช้จ่ายในแนวทางที่ไม่ถูกต้อง แม้จะมีการยืนยันว่า การนั่งเครื่องบินเจ็ตส่วนตัว รวมทั้งเฮลิคอปเตอร์ จะมีลูกศิษย์จัดหานำถวาย แต่ตามความเป็นจริง พระสงฆ์ไม่น่าที่จะมีกิจเร่งด่วนถึงขนาดต้องนั่งเครื่องบินเจ็ตส่วนตัว
"อยากให้มีการตรวจสอบว่าเงินที่ได้จากการทอดกฐินหลายครั้ง รวมแล้วเป็นเงินหลายร้อยล้านบาท รวมทั้งทองคำหลายร้อยกิโลกรัมที่ได้รับบริจาคมา นำไปเก็บไว้ที่ใด เพราะเหตุใดจึงไม่นำเงินและทองคำที่ได้รับบริจาคมาใช้ในการก่อสร้างพระแก้วมรกตจำลององค์ใหญ่ที่สุดในโลก ให้มีความคืบหน้าไปเรื่อยๆ"
นางรัชดา โคตรวงษ์ อายุ 23 ปี บ้านเลขที่ 1329/28 ถ.ราชการรถไฟ 1 ต.เมืองเหนือ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า การก่อสร้างวัดป่าขันติธรรมน่าจะมีความเจริญรุ่งเรืองไปมากยิ่งกว่านี้ เนื่องจากมีเงินที่ได้รับบริจาคเข้ามาจากทั้งในประเทศและต่างประเทศจำนวนหลายร้อยหลายพันล้านบาท รวมทั้งทองคำรูปพรรณที่มีคนนำมาถวายหลวงปู่เณรคำอย่างต่อเนื่อง ทำให้พวกตนซึ่งเป็นลูกศิษย์ชาวศรีสะเกษพากันคลางแคลงใจสงสัยว่า เงินจำนวนนับพันล้านบาท และทองคำรูปพรรณที่ได้มา หลวงปู่เณรคำ นำเอาไปไว้ที่ใด เพราะเหตุใดจึงไม่นำเอามาสร้างวัดโดยเป็นเช่นนี้มานานหลายปีแล้ว
"อยากให้ฝ่ายเกี่ยวข้องลงมาตรวจสอบในเรื่องนี้ว่า เป็นการฉ้อโกงประชาชนหรือไม่"
คุณยายแดง จันทร์คุปต์ อายุ 68 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1329/29 ถ.ราชการรถไฟ 1 ต.เมืองเหนือ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า ชาว จ.ศรีสะเกษ ขณะนี้พากันเสื่อมศรัทธาหลวงปู่เณรคำหมดสิ้นแล้ว นับตั้งแต่เห็นภาพนอนกับผู้หญิง และนั่งเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวโก้หรู พวกเราไม่ได้มีฐานะร่ำรวยแต่นำเอาเงินที่เก็บหอมรอมริบ 20 บาท 30 บาทไปถวายหลวงปู่เณรคำ เพื่อจะได้นำเอาสร้างพระแก้วมรกตจำลององค์ใหญ่ที่สุดในโลก แต่ปรากฏว่าหลวงปู่เณรคำ นำเอาไปใช้ในการที่ไม่เหมาะสม อีกทั้งทราบว่า หลวงปู่เณรคำ มีบ้านหลังใหญ่โตราวกับคฤหาสน์อยู่ที่บ้านทรายมูล อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี รวมทั้งยังมีการก่อสร้างอาคารขนาดใหญ่ขนาด 5 ชั้นเหมือนกับสร้างเป็นโรงแรม ซึ่งพวกเราไม่ทราบว่าหลวงปู่เณรคำเอาเงินมาจากไหนถึงได้มาสร้างบ้านหลังใหญ่โต มีกำแพงสูง 4-5 เมตร ล้อมรอบบ้านยิ่งกว่าพระราชวัง
นายกุ้ง (ชื่อเล่น) ลูกศิษย์วัดป่าขันติธรรม สาขาวัดดอนธาตุ บ้านยาง ต.ยาง อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ ที่เฝ้าร้านมินิมาร์ทอยู่ เปิดเผยว่า นับตั้งแต่ตนมาอยู่ที่วัดนี้ในระยะ 3 ปีก็พบเห็นหลวงปู่เณรคำ เดินทางไปมาด้วยเครื่องบินอยู่บ่อยๆ ทั้งเครื่องบินเล็กแบบเฮลิคอปเตอร์ และเครื่องบินเจ็ตดังกล่าว
ด้านพระครูสุจิณวรธรรม เจ้าคณะอำเภอเมืองศรีสะเกษ ฝ่ายธรรมยุติ เปิดเผยถึงกรณีที่มีภาพบุคคลหน้าตาคล้ายหลวงปู่เณรคำ นอนอยู่กับสีกาและมีการเผยแพร่อยู่ในโลกโซเชียลเน็ตเวิร์กขณะนี้ว่า ยังไม่เห็นภาพดังกล่าวว่าพระที่อยู่ในภาพเป็นผู้ใดกันแน่ ซึ่งในการดำเนินการทางคณะสงฆ์นั้นหากมีเรื่องเช่นนี้ พระเถระชั้นผู้ใหญ่จะต้องแต่งตั้งพระอธิกรณ์ขึ้นมาสอบสวนข้อเท็จจริงว่าความจริงเป็นอย่างไร
พระครูสุจิณวรธรรม กล่าวว่า หากพระไปถูกต้องเนื้อตัวผู้หญิงจริงก็ไม่ใช่ว่า จะต้องขาดจากความเป็นพระเพราะไม่ใช่การเสพเมถุน จะต้องดูว่าการถูกเนื้อต้องตัวเป็นไปด้วยความกำหนัดหรือไม่ หากเป็นเพราะความกำหนัด ผิดพระวินัยอย่างชัดเจน คือ อาบัติ สังฆาฑิเสส มีโทษคือต้องแสดงและอยู่ปริวาสกรรม โดยจะต้องยอมรับผิดในข้อใดข้อหนึ่งใน 13 ข้อ ซึ่งพระที่อยู่ปริวาสกรรมไม่ใช่ว่าจะต้องอาบัติทุกรูป อาจมีเหตุเกิดจากบอกกล่าวสอนยาก หรือว่าสร้างที่พักภายในวัดใหญ่โตเกินเหตุ เป็นต้น
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีข่าวเกี่ยวกับคลิป พระวิรพล ฉัตติโก หรือหลวงปู่เณรคำ ประธานสงฆ์วัดป่าขันติธรรม บ้านยาง ต.ยาง อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ นั่งเครื่องบินเจ็ทส่วนตัวใช้ของหรูราคาแพง และมีการเผยแพร่ภาพที่ไม่เหมาะสมกับสมณเพศ ลงในโซเชียลเน็ตเวิร์กเป็นจำนวนมากโดยเฉพาะภาพคนหน้าตาคล้ายหลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก นอนอยู่กับสีกา
ต่อมานายวิรอด ไชยพรรณนา ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดศรีสะเกษได้นำคณะเข้าตรวจสอบข้อเท็จจริงที่วัดป่าขันติธรรม ตามข่าวที่ได้เสนอไปแล้ว
เมื่อเวลา 10.00 น.วานนี้ (18 มิ.ย.) ที่บริเวณชุมชนทุ่งนาดี ต.เมืองเหนือ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ ชาวบ้านได้พากันจับกลุ่มคุยกันเกี่ยวกับภาพที่ไม่เหมาะสมของหลวงปู่เณรคำ และได้มีการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง
นายบุญมี แก้วสาย อายุ 50 ปี บ้านเลขที่ 1329/27 ถ.ราชการรถไฟ 1 ต.เมืองเหนือ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า ได้ดูภาพที่เผยแพร่ทางอินเตอร์เน็ตและทางสื่อแล้ว มีความไม่สบายใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากพวกเราเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่เณรคำ มานานหลายปี ไม่คาดคิดว่าหลวงปู่เณรคำจะมีพฤติกรรมเช่นนี้ และคิดไม่ถึงว่าจะนำเอาเงินที่พุทธศาสนิกชนจำนวนมากมาทำบุญไปใช้จ่ายในแนวทางที่ไม่ถูกต้อง แม้จะมีการยืนยันว่า การนั่งเครื่องบินเจ็ตส่วนตัว รวมทั้งเฮลิคอปเตอร์ จะมีลูกศิษย์จัดหานำถวาย แต่ตามความเป็นจริง พระสงฆ์ไม่น่าที่จะมีกิจเร่งด่วนถึงขนาดต้องนั่งเครื่องบินเจ็ตส่วนตัว
"อยากให้มีการตรวจสอบว่าเงินที่ได้จากการทอดกฐินหลายครั้ง รวมแล้วเป็นเงินหลายร้อยล้านบาท รวมทั้งทองคำหลายร้อยกิโลกรัมที่ได้รับบริจาคมา นำไปเก็บไว้ที่ใด เพราะเหตุใดจึงไม่นำเงินและทองคำที่ได้รับบริจาคมาใช้ในการก่อสร้างพระแก้วมรกตจำลององค์ใหญ่ที่สุดในโลก ให้มีความคืบหน้าไปเรื่อยๆ"
นางรัชดา โคตรวงษ์ อายุ 23 ปี บ้านเลขที่ 1329/28 ถ.ราชการรถไฟ 1 ต.เมืองเหนือ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า การก่อสร้างวัดป่าขันติธรรมน่าจะมีความเจริญรุ่งเรืองไปมากยิ่งกว่านี้ เนื่องจากมีเงินที่ได้รับบริจาคเข้ามาจากทั้งในประเทศและต่างประเทศจำนวนหลายร้อยหลายพันล้านบาท รวมทั้งทองคำรูปพรรณที่มีคนนำมาถวายหลวงปู่เณรคำอย่างต่อเนื่อง ทำให้พวกตนซึ่งเป็นลูกศิษย์ชาวศรีสะเกษพากันคลางแคลงใจสงสัยว่า เงินจำนวนนับพันล้านบาท และทองคำรูปพรรณที่ได้มา หลวงปู่เณรคำ นำเอาไปไว้ที่ใด เพราะเหตุใดจึงไม่นำเอามาสร้างวัดโดยเป็นเช่นนี้มานานหลายปีแล้ว
"อยากให้ฝ่ายเกี่ยวข้องลงมาตรวจสอบในเรื่องนี้ว่า เป็นการฉ้อโกงประชาชนหรือไม่"
คุณยายแดง จันทร์คุปต์ อายุ 68 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1329/29 ถ.ราชการรถไฟ 1 ต.เมืองเหนือ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า ชาว จ.ศรีสะเกษ ขณะนี้พากันเสื่อมศรัทธาหลวงปู่เณรคำหมดสิ้นแล้ว นับตั้งแต่เห็นภาพนอนกับผู้หญิง และนั่งเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวโก้หรู พวกเราไม่ได้มีฐานะร่ำรวยแต่นำเอาเงินที่เก็บหอมรอมริบ 20 บาท 30 บาทไปถวายหลวงปู่เณรคำ เพื่อจะได้นำเอาสร้างพระแก้วมรกตจำลององค์ใหญ่ที่สุดในโลก แต่ปรากฏว่าหลวงปู่เณรคำ นำเอาไปใช้ในการที่ไม่เหมาะสม อีกทั้งทราบว่า หลวงปู่เณรคำ มีบ้านหลังใหญ่โตราวกับคฤหาสน์อยู่ที่บ้านทรายมูล อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี รวมทั้งยังมีการก่อสร้างอาคารขนาดใหญ่ขนาด 5 ชั้นเหมือนกับสร้างเป็นโรงแรม ซึ่งพวกเราไม่ทราบว่าหลวงปู่เณรคำเอาเงินมาจากไหนถึงได้มาสร้างบ้านหลังใหญ่โต มีกำแพงสูง 4-5 เมตร ล้อมรอบบ้านยิ่งกว่าพระราชวัง
นายกุ้ง (ชื่อเล่น) ลูกศิษย์วัดป่าขันติธรรม สาขาวัดดอนธาตุ บ้านยาง ต.ยาง อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ ที่เฝ้าร้านมินิมาร์ทอยู่ เปิดเผยว่า นับตั้งแต่ตนมาอยู่ที่วัดนี้ในระยะ 3 ปีก็พบเห็นหลวงปู่เณรคำ เดินทางไปมาด้วยเครื่องบินอยู่บ่อยๆ ทั้งเครื่องบินเล็กแบบเฮลิคอปเตอร์ และเครื่องบินเจ็ตดังกล่าว
ด้านพระครูสุจิณวรธรรม เจ้าคณะอำเภอเมืองศรีสะเกษ ฝ่ายธรรมยุติ เปิดเผยถึงกรณีที่มีภาพบุคคลหน้าตาคล้ายหลวงปู่เณรคำ นอนอยู่กับสีกาและมีการเผยแพร่อยู่ในโลกโซเชียลเน็ตเวิร์กขณะนี้ว่า ยังไม่เห็นภาพดังกล่าวว่าพระที่อยู่ในภาพเป็นผู้ใดกันแน่ ซึ่งในการดำเนินการทางคณะสงฆ์นั้นหากมีเรื่องเช่นนี้ พระเถระชั้นผู้ใหญ่จะต้องแต่งตั้งพระอธิกรณ์ขึ้นมาสอบสวนข้อเท็จจริงว่าความจริงเป็นอย่างไร
พระครูสุจิณวรธรรม กล่าวว่า หากพระไปถูกต้องเนื้อตัวผู้หญิงจริงก็ไม่ใช่ว่า จะต้องขาดจากความเป็นพระเพราะไม่ใช่การเสพเมถุน จะต้องดูว่าการถูกเนื้อต้องตัวเป็นไปด้วยความกำหนัดหรือไม่ หากเป็นเพราะความกำหนัด ผิดพระวินัยอย่างชัดเจน คือ อาบัติ สังฆาฑิเสส มีโทษคือต้องแสดงและอยู่ปริวาสกรรม โดยจะต้องยอมรับผิดในข้อใดข้อหนึ่งใน 13 ข้อ ซึ่งพระที่อยู่ปริวาสกรรมไม่ใช่ว่าจะต้องอาบัติทุกรูป อาจมีเหตุเกิดจากบอกกล่าวสอนยาก หรือว่าสร้างที่พักภายในวัดใหญ่โตเกินเหตุ เป็นต้น