xs
xsm
sm
md
lg

หน้ากากขาว VS กากแดง+กากเหลี่ยม

เผยแพร่:   โดย: โสภณ องค์การณ์

สมุน บริวาร ขี้ข้าระบอบเหลี่ยมเริ่มแสดงออกอาการหวั่นไหว หลังจากประเมินผิดพลาด คาดว่าหน้ากากขาวเป็นเพียงปรากฏการณ์ชั่วคราว ไร้พลังของพวกโซเชียลมีเดีย ซึ่งมีความคิดใช้สื่อทันสมัยในการรณรงค์วาระสาธารณะสำคัญ

โดยเฉพาะเรื่องความเป็นความตาย ความอยู่รอดของชาติบ้านเมือง ซึ่งยังอยู่ภายใต้อิทธิพลของกลุ่มนักการเมืองอาชญากรกังฉินขายชาติ บงการโดยบักเหลี่ยมร้าย ซึ่งใช้เล่ห์กลสารพัดในการปั่นหัวชาวบ้าน กุมอำนาจรัฐเพื่อโกง

ขบวนการหน้ากากขาว เริ่มต้นโดยคนไม่กี่ร้อยชุมนุมที่สี่แยกราชประสงค์ ย้อนรอยพวกเสื้อแดง มวลชนถ่อย! วันอาทิตย์ที่ผ่านมาเป็นครั้งที่ 4 ชาวบ้านได้เห็นจำนวนคนเข้าร่วมเพิ่มทุกครั้ง ทั้งยังกระจายไปทั่วประเทศ

เป็นไฟลามทุ่งสะท้อนแนวคิดของกลุ่มประชาชนซึ่งปฏิเสธการเมืองกังฉิน ทุนนิยมสามานย์ มือใครยาวสาวได้สาวเอา ชาวนา ผู้คนด้อยโอกาสในสังคมถูกเอารัดเอาเปรียบโดยแกนอักษะแห่งความชั่วร้ายครอบงำประเทศ

นั่นคือนักการเมือง ข้าราชการ พ่อค้า และสื่อมวลชนขายตัว!

แม่นางโพยปูโพรกเน่าใน พยายามเก็บอาการ ส่งเสียงเจื้อยแจ้วว่าการชุมนุมของหน้ากากขาวเป็นสิทธิที่ทำได้ตามหลักประชาธิปไตย แต่ต้องไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน! ว่าไปตามบทจัดสรรโดยขบวนการเชลียร์ต้นตอทำให้นายเจ๊ง

นางไม่รู้ หรือแสร้งทำเป็นไม่รู้ว่าเมื่อหน้ากากขาวชุมนุมที่ใด พวกเสื้อแดงยังทำตัวเป็นมวลชนถ่อยเถื่อนอย่างเสมอต้นเสมอปลาย รวมตัวไปรังควาญ ด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคาย ทำร้ายร่างกาย ทำลายทรัพย์สิน

เจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สน.ไร่แตงโม สวนมะเขือเทศ ยืนมองเป็นพยาน ให้มั่นใจว่ากลุ่มหน้ากากขาวไม่มีโอกาสได้ตอบโต้ หรือทำร้ายพวกเสื้อแดงได้! ช่วงที่เสื้อแดงถ่อยรุกไล่ทำร้ายหน้ากากขาว ตำรวจจะมองไม่เห็น หรือห้ามพอเป็นพิธี แต่พฤติกรรมฟ้องให้เห็นว่า ตำรวจ เสื้อแดงถ่อยเป็นพวกเดียวกัน

นายตำรวจในลำปางขู่หน้ากากขาวจากเชียงใหม่ว่าให้ระวังจะโดนยัดยาบ้า! รอง ผบ.ชน.นายหนึ่งบอกว่าอาจต้องประกาศใช้กฎหมายความมั่นคง! คงเร่งแสดงออกเอาใจบักเหลี่ยมคนหนีคุกซึ่งมาคุมเกมปรับ ครม. ที่ฮ่องกง

สภาวะ “ขาลง” ทำให้ขบวนการบักเหลี่ยม และเสนาบดีในรัฐบาลแม่นางโพยอยู่ในอาการหวาดผวายิ่งกว่าวัวสันหลังหวะ เป็นอีกาโฉบผ่านมาก็ตกใจ สงสัยว่าจะอยู่รอดได้นานแค่ไหนเมื่อนโยบายจำนำข้าวทำให้โกดังเก็บข้าวเน่าเป็นเหมือนโรงเก็บศพนักการเมืองตายทั้งเป็น แต่ดิ้นรนหวังเอาตัวรอด

มาถึงจุดนี้ กระแสหน้ากากขาวจุดติดสมบูรณ์ ส่งสัญญาณชัดว่าการนัดชุมนุมแต่ละครั้งจะมีคนเข้าร่วมเพิ่มกว่าเดิม เป็นพลังขับเคลื่อนต่อเนื่อง จนถึงระดับที่เหมาะสม ก็จะเป็นวาระของการชุมนุมครั้งใหญ่เพื่อขับไล่รัฐบาล

ไม่เกรงกลัวคำขู่จากมวลชนถ่อยเสื้อแดง การปาระเบิด หรือเหตุร้ายอื่นๆ โดยมือที่ 3 หรือตีนที่ 4 เพราะหน้ากากขาวมาด้วยจิตสำนึกของความรัก ห่วงใยบ้านเมือง ไม่ยอมให้ล่มสลายเพราะน้ำมือของนักการเมืองชั่วร้ายกังฉิน

ไม่จำเป็นต้องมีแกนนำ เมื่อทุกคนใช้ “ใจ” เป็นแกนร่วม! ไม่รู้จักกัน ไม่เห็นหน้ากันทุกนาที แต่มีจิตวิญญาณร่วมกัน! ไม่ต้องปักหลักพักค้างให้ยืดเยื้อเหนื่อยล้า สิ้นเปลืองทรัพยากร ยากต่อการดูแล ควบคุม! เป็นความแปลกใหม่

ขบวนการขี้ข้าบักเหลี่ยม นักการเมืองจากชนบทนาดอนภูธรไม่มีแนวคิดทันสมัย ข้าราชการแนวคิดระบบเก่า ตกรุ่น ไม่รู้จักการสื่อสารโดยระบบดิจิตอล จึงได้แสดงความคิดเห็นแบบเสร่อ น่าหัวเราะ! เดาสุ่มว่าต้องมีนายทุนหนุนหลัง

บักเฉ-ลิม พูดจาเลอะเทอะ อ้างว่าพ่อค้าฆ่าหมู ฆ่าไก่ พ่อค้านักต้มเหล้า และอดีตธุรกิจสื่อสารอยู่เบื้องหลัง ให้ทุนการชุมนุม! ปัดโธ่! นายทุนใหญ่พวกนี้มีแต่จะจ่ายให้พรรคการเมือง หวังสานผลประโยชน์ ไม่มีพ่อค้าร่ำรวยเงินแสนๆ ล้านบาทยอมควักกระเป๋าให้มวลชนคนธรรมดาให้ล้มรัฐบาลหรอก

พ่อค้า นักธุรกิจรายใหญ่รู้ดีว่า ใครจะไป ใครจะมา ย่อมพ่ายแพ้ต่อพลังสินบน! พิสูจน์ได้ง่ายว่า ตราบใดสุนัขยังกินอึ นักการเมือง ข้าราชการ ย่อมต้องกินสินบน มันเป็นเรื่องธรรมชาติของผลประโยชน์ต่างตอบแทนธรรมดา

มีแต่ชาวนา ประชาชนคนด้อยสิทธิ ไร้โอกาสเท่านั้น ต้องทนทุกข์รับสภาพของความไม่สมดุลของระบบการเมืองกังฉินผสมทุนนิยมสามานย์! วิธีป้ายสีความชั่วร้าย กล่าวหาว่าหน้ากากขาวล้มเจ้านั้นไร้ผล เมื่อการเดินขบวนขับไล่รัฐบาลในตุรกีและบราซิล ก็มีคนสวมหน้ากากขาวเป็นสัญลักษณ์ด้วย

ยิ่งตำรวจ ขบวนการเชลียร์ อ้างว่าตัวเลขคนหน้ากากขาวชุมนุมในกรุงเทพฯ มีเพียง 3 พันคน ไร้ความหมาย จะทำให้ผู้นำรัฐบาลบ้องตื้นประเมินสถานการณ์ผิด ตัดสินใจพลาด นำไปสู่หายนะเหมือนรัฐบาลทรราชยุคก่อน

จากนี้ไปคนหน้ากากขาวมีแต่จะเพิ่ม ความไม่พอใจกระจายทั่วแผ่นดิน ถ้ารัฐบาลแม่นางโพยเลือกใช้มวลชนเสื้อแดงถ่อยเป็นตัวป่วน จะเป็นตัวเร่งให้เกิดการเผชิญหน้า ชิงความได้เปรียบในการเคลื่อนไหว คนดีจะลุกฮือต่อสู้เพื่อ ปฏิรูปโครงสร้างประเทศ กุมอำนาจรัฐ กำจัดคนชั่วกังฉินให้พ้นจากแผ่นดินไทย
อาญารัก ตอนที่ 15
อาญารัก ตอนที่ 15
เวลาต่อมา แช่มยืนเกาะลูกกรงห้องขังบนโรงพักร้องไห้โฮๆ โดยมีช้อยนั่งร้องไห้ระงมอยู่ด้านนอก “แม่จ๋า ชั้นไม่อยากติดคุก แม่ช่วยชั้นด้วย ช่วยชั้นนะแม่” “แม่ก็อยากจะช่วยแก แต่แม่จนปัญญาแล้วลูก” “ไปหาคุณนายสนสิ ขอคุณนายสนช่วยชั้นนะแม่ ขอให้เขาบอกหมวดเทิดศักดิ์ปล่อยชั้น” คำพูดลูกชายกระแทกเข้าที่หน้าช้อยเหมือนเรียกสติได้คิดขึ้นมา “จริงสิ คุณสน คุณสน สัญญาว่าจะช่วยนี่นา” ช้อยรีบลุกพรวดทันที แช่มงง “แม่จะไปไหน” “ไปหาทางช่วยแก” ช้อยเดินออกจากหน้าห้องขังไป สวนกับหมวดเทิดศักดิ์ที่เดินเข้ามา “จะกลับแล้วหรือยัยช้อย” “เจ้าค่ะ”
กำลังโหลดความคิดเห็น