อาญารัก ตอนที่ 15
เวลาต่อมา แช่มยืนเกาะลูกกรงห้องขังบนโรงพักร้องไห้โฮๆ โดยมีช้อยนั่งร้องไห้ระงมอยู่ด้านนอก
“แม่จ๋า ชั้นไม่อยากติดคุก แม่ช่วยชั้นด้วย ช่วยชั้นนะแม่”
“แม่ก็อยากจะช่วยแก แต่แม่จนปัญญาแล้วลูก”
“ไปหาคุณนายสนสิ ขอคุณนายสนช่วยชั้นนะแม่ ขอให้เขาบอกหมวดเทิดศักดิ์ปล่อยชั้น”
คำพูดลูกชายกระแทกเข้าที่หน้าช้อยเหมือนเรียกสติได้คิดขึ้นมา
“จริงสิ คุณสน คุณสน สัญญาว่าจะช่วยนี่นา”
ช้อยรีบลุกพรวดทันที แช่มงง
“แม่จะไปไหน”
“ไปหาทางช่วยแก”
ช้อยเดินออกจากหน้าห้องขังไป สวนกับหมวดเทิดศักดิ์ที่เดินตรงเข้ามาหา
“จะกลับแล้วหรือยัยช้อย”
“เจ้าค่ะ”
“ยังกลับไม่ได้ ชั้นมีอะไรจะถามหลายเรื่อง”
“เอ้อ...”
“ไปที่ห้องสอบสวนยัยช้อย”
“เจ้าค่ะ ไปเจ้าค่ะ”
ช้อยเดินตามเทิดไป แช่มมองตามตาละห้อย พยายามยื่นมือออกมานอกลูกกรง
“แม่...”
สองคนอยู่ในห้องสอบสวนบนโรงพัก เทิดศักดิ์สอบถามช้อยทุกเรื่องทั้งหมดทั้งปวงที่สงสัย
“ขอบใจที่ตอบข้อสงสัยชั้น หวังว่าที่พูดมานั่นคือความจริงทั้งหมด”
“ความจริงแน่นอนเจ้าค่ะ”
“ถ้าเช่นนั้น ตอบมาว่าปืนที่นายแช่ม ยิงสู้กับชั้นหายไปไหน
ช้อยสะดุ้งนิดหนึ่ง แล้วรีบส่ายหน้า
“ช้อยไม่เห็นจริงๆ เจ้าค่ะ เห็นมันวิ่งมาตัวเปล่าเล่าเปลือยนะเจ้าคะ”
“แต่เขายิงปืนใส่ชั้น รู้ไหมนี่คือข้อหาพยายามทำร้ายพนักงาน ขณะปฏิบัติหน้าที่”
“เอ้อ แต่ถ้ามันไม่มีปืนจริงๆ มันจะรอดพ้นคดีใช่ไหมเจ้าคะ”
“อย่าทำหัวหมอใส่ชั้น กลับไปได้แล้ว”
“เอ่อ เจ้าค่ะ”
ช้อยรีบไหว้แล้วออกไปทันที เทิดมองตาม
“ทุกเรื่องที่ยัยช้อยตอบ มีแม่สนมาเกี่ยวข้องไปซะทุกเรื่อง แม่ช่างน่าเป็นห่วงเหลือเกิน”
เทิดศักดิ์หนักใจเรื่องสนมากมาย
วันต่อมา สนพยายามฉอเลาะประจบขุนภักดีที่แวะมาหา แต่นั่งมองหน้าสนนิ่งและนาน
“วันนี้พี่ขุนมาหาสนเป็นพิเศษ ทั้งที่ไม่ใช่วันของสน สนดีใจเหลือเกินค่ะ เอนหลังสักนิดนะคะ สนจะไปหาน้ำท่าขนมมาให้รับประทาน”
“ขอบใจมากสน พี่ไม่เอนหลังดอก พี่ไม่อยากกินอะไรทั้งนั้น”
“อุ๊ยตาย นี่พี่ขุนอย่าบอกนะ ว่าจะมาคุยกระจู๋กระจี๋กับสนตามลำพังยามบ่าย”
“ไม่ใช่ดอก วันก่อนพี่ จับคนต้มเหล้าเถื่อนแถวบ้านเรานี่เอง” ขุนภุกดีว่า
“คนต้มเหล้าเถื่อน” สนชักเอะใจ
“มันว่ามันรู้จักสน”
“ต๊าย”
“สนรู้จักมันรึ”
“สนไม่เคยไปรู้จักมักจี่อะไรกับไอ้คนต้มเหล้าเถื่อนที่ไหนคะพี่ขุน”
“นั่นน่ะสิ พี่ก็นึกแล้วว่ามันตีขลุมว่าสนิทกับสน หวังจะให้พี่ปล่อยมัน”
“ตอนนี้มันอยู่ที่ไหนคะ”
“ตะรางน่ะสิ”
“มันจะถูกขังนานไหมคะ”
“ก็ตามที่กฎหมายกำหนดไว้นั่นแหละ”
“มันใส่ร้ายอะไรสนบ้างหรือเปล่าคะ” สนลองหยั่งเชิง
ขุนภักดีนิ่งงันไป เสียงคนต้มเหล้าเถื่อนต่อว่าท่านขุนเรื่องดีแต่จับเหล้าเถื่อนไม่ไปจับคนในบ้านดังก้องในหู
“เปล่า” ขุนภักดีบอก
สนแอบถอนหายใจโล่งอก ท่านขุนลุก สนบ่นตัดพ้ออย่างน้อยใจ
“เพิ่งมานั่ง จะไปแล้วหรือคะ พี่ขุน
“ไปแวะเรือนคุณแม่น่ะ”
ขุนภักดีเดินลงเรือนไป สนมองตามเริ่มไม่สบายใจ
“นี่มันอะไรกันหว่า ศุกร์เข้าพระเสาร์แทรก ความวัวเรื่องไอ้หนัก ไอ้แช่ม ยังไม่ทันหาย ความควายไอ้คนต้มเหล้าเถื่อนเข้ามาแทรก ปล่อยไว้นานไป มันอาจบอกพี่ขุนเรื่องเราไปเช่าเรือมัน”
สนหงุดหงิดงุ่นง่านไปหมด ก่อนจะตะโกนเรียกสาวใช้
“อีเล็กๆ หายไปไหน ใครก็ได้ไปตามไอ้สายมาสิ”
เวลาต่อมาไอ้สายยิ้มแป้น แบเงินในมือห้าตำลึงออกมามองท่าทางดีใจมาก
“ตั้งห้าตำลึง ค่าไปสอดแนมไอ้คนต้มเหล้าเถื่อนว่ามันพูดถึงคุณนายสนว่าอย่างไร”
สายมองซ้ายแลขวา จะย่องออกไปทางหลังบ้าน เอกปราดมาขวาง
“จะไปไหนไอ้สาย”
สายตกใจ ชะงัก “ไปเอ้อ ไปข้างนอกจ้ะ พี่เอก”
“รู้แล้วเพราะเท้าเอ็งก้าวไปนอกบ้าน ข้าหมายความว่า เอ็งจะไปทำ อะไรที่ไหน”
“ไปเยี่ยมแม่จ้ะ แม่ป่วย”
“พวกเอ็งเหมือนกันทั้งนั้น เวลาจะหนีเที่ยวเอ็งแช่งพ่อแช่งแม่ว่าป่วยทุกคนเกิดแกตายไปจริงๆ ละมึงเอ๊ย นรกกินกบาล” เอกพูดเหน็บ อย่างรู้ทัน
“ไม่ได้โกหก แกป่วยจริงๆ จ้ะ”
เอกส่ายหัวคร้านจะสอบถาม แม้นมั่นใจว่าสายโกหก
ฟากเนียนนั่งครุ่นคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยเงียบๆ ตามลำพัง สีหน้าเนียนดูเศร้าสร้อยนัก
“แม้นว่าความจริงไม่ได้ถูกเปิดเผย แต่ทั้งแดงน้อย หนูติ๋วหนูอี๊ดก็ได้ดีมีสุขมีอนาคตกันหมดทุกคน แค่นี้แม่ก็ไม่ต้องการสิ่งใดอีกแล้วลูกเอ๊ย”
เนียนคิดแล้วยิ้มออกมาได้
ฝ่ายขุนภักดีอยู่ระหว่างเดินจากเรือนสนจะมาเรือนตนเอง มองไปเห็นเนียนพอดี
“เนียน”
ขุนภักดีหยุดชะงัก คิดไปคิดมา
“ทำไมสนต้องไปเช่าเรือให้เด็กสองคนนั่นพายเล่น มีเจตนาร้าย อย่างที่ไอ้คนต้มเหล้าเถื่อนมันพูดหรือเปล่า สนเช่าเองแล้วทำไม กล่าวหาว่าเด็กติ๋วชวนหนูอี๊ดไป”
ภาพตอนที่ตนฉุดกระชากลากเนื้อทองมาเฆี่ยนตีผุดขึ้นมาหลอกหลอนอีกครา
“เราบุ่มบ่ามไม่ดูเหตุดูผล ทุบตีคนโดยไม่ฟังความสองฝ่าย”
ขุนภักดีมองไปที่เนียนอีก ขยับเดินเข้าไปใกล้อีก
“ถ้ายัยติ๋วเป็นลูกเรา” ท่านขุนมองดูสองมือของตัวเองแล้วสะท้อนใจ “แล้วเราโบยตีลูกขนาดนั้น เราก็พ่ออำมหิตแท้ๆ หัวอกแม่อย่างเนียนคงปวดร้าวเป็นที่สุด โธ่เอ๊ย..เนียน”
ขุนภักดีเขยิบเข้าไปฟังใกล้อีก
เนียนนั่งเศร้าสร้อยอยู่ที่เดิม ขณะที่ขุนภักดีอยู่อีกทางกำลังจะขยับปากเอ่ยเรียก
“นะ...”
เป็นจังหวะที่แดงน้อยเข้ามาอีกทางมาถึงตัวเนียนก่อน
“สวัสดีครับ น้าเนียน”
ท่านขุนชะงักถอยฉากหลบมอง เห็นเนียนดีใจมือไม้สั่น ยิ้มกว้างมีความสุขชนิดที่ขุนภักดีไม่เคยเห็นมาก่อน
“นายอำเภอแดงน้อย”
เนียนรับไหว้แล้วทำท่าราวกับจะโอบกอดแดงน้อย
“นี่มันอะไรกัน ทำไมเนียนดีใจและดูมีความสุขอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนขนาดนี้ แดงน้อยสำคัญกับเนียนมากนักรึ แปลกแท้ๆ อีกแล้ว”
ท่านขุนฉงน ไม่ยอมไปไหนต่อ กลัวสองคนเห็น จึงฉวยโอกาสแอบฟังไปด้วย
เนียนยิ้มแย้มสีหน้าระรื่นเปี่ยมสุข แดงน้อยพูดคุยกับเนียนต่ออย่างสุภาพ แววตาเปล่งประกาย สุขใจอย่างประหลาด
“ผมคิดถึงน้าเนียนมากครับ อยากมากราบเยี่ยม แต่งานรัดตัวเหลือเกิน”
“ขอบคุณมากค่ะ ที่เมตตาคนแก่ รู้ว่าคนแก่มีความสุขที่ได้พบนายอำเภอ”
“พุทโธ่ น้าเนียนครับ เรียกผมแดงน้อยสั้นๆก็พอ ไม่ต้องเรียกนายอำเภอ”
“คำว่านายอำเภอ มันช่างน่าภาคภูมิใจ ขอให้น้าเรียกคำนี้ต่อไปเถิด นะคะ”
“ถ้าเป็นเช่นนั้นผมก็ไม่ขัดข้องดอกครับ”
“มาจากที่ทำงานมาเหนื่อยๆ รอสักครู่ น้าจะไปหาอะไรมาให้รับประทาน”
“รบกวนมากเกินไปแล้วครับ”
“ไม่รบกวนดอกค่ะ น้าเต็มใจอยากทำอะไรให้นายอำเภอมากเท่าที่จะทำได้ค่ะ”
เนียนจับมือจูงแขนแดงน้อยให้มาลงนั่ง เอามือลูบหัวแดงน้อย อย่างชื่นชมสุขใจ ก่อนเดินจากไป แดงน้อยมองตามเนียนพึมพำ
“เราจำแม่ไม่ได้ นึกวาดภาพออกมาทีไร ใกล้เคียงกับน้าเนียนทุกที”
ส่วนขุนภักดี มึนไปหมดกับภาพที่เห็น
“สองคนนี่ถ้าดูดีๆ ก็ราวกับแม่ลูกรักกัน แต่ถ้าดูร้ายๆ ก็คล้ายจะเล่นชู้กันนี่กระมังที่มักเป็นเหตุให้ใครเข้าใจเพราะคำยุยงของคนเลวทรามเช่นนางช้อย”
ขุนภักดีเกิดนึกถึงภาพเสือหนักกับเนียนพูดจาพลางโอบกอดกันเมื่อ 20 ปีก่อนขึ้นมา
“ผู้ชายคนนั้นเมื่อยี่สิบปีที่แล้วนั่นเป็นใครกัน ทำไมเนียนถึงมีผู้ชายให้แสดงความรักใคร่หลายคนนัก”
ขุนภักดีมึนตึ๊บ สับสนไปหมด
เวลาเดียวกันในห้องขังบนโรงพัก มีชายคนต้มเหล้าเถื่อนกับแช่มยืนปะปนอยู่ด้วยกัน
ไอ้สายมาถึงหน้าห้องขังบนโรงพัก แล้วมายืนแอบฟังพอดี ไม่ได้ทำท่าว่าจะมาเยี่ยมใครทำเหมือนมาเยี่ยมคนอื่น เพราะสนส่งมาดูลาดเลา ว่าชายคนต้มเหล้าเถื่อนว่าพูดอะไรไปบ้าง
โดยคนต้มเหล้า มายืนเกาะลูกกรง โม้ไม่เลิกอวดอ้างกับแช่ม แต่ถูกแช่มเกทับ
“ชั้นนี่แหละสนิทกับคุณนายสน”
“แม่ชั้นตะหากเป็นคนสนิทของคุณนายสน”
“แต่ผัวคุณนายจับข้ามาใส่ตะราง”
“ลูกคุณนายจับชั้นมาใส่ตะราง”
สายได้ยินหูผึ่งถามคนต้มเหล้า
“น้าชายติดคดีอะไรรึ”
“เล็กน้อย ต้มเหล้าเถื่อน เอ็งมาเยี่ยมใครรึ”
“มาเยี่ยมหลานน่ะ แต่หาไม่เห็นแล้ว โดนพาไปศาลแล้วกระมังแล้วไอ้น้องเล่า คดีอะไร”
“เขาหาว่าชั้นปล้น” แช่มบอก
“อ้อ...น่าเห็นใจนะ อยากจะฝากอะไรไปบอกญาติไหม จะเอาไปบอกให้”
คนต้มเหล้าสนใจ “จริงหรือ”
“จริงสิ ชั้นน่ะเห็นใจคนตกทุกข์ได้ยาก อยากให้พ้นตะราง” สายว่า
“ชั้นคงพ้นได้ไม่ยากถ้าหากคุณนายสนช่วย”
“ฮ้า..คุณนายสนจะช่วยน้าได้อย่างไร”
“เอาอย่างนี้ เอ็งช่วยนำข่าวไปบอกคุณนายด้วยว่า ยังจำไอ้คนที่คุณนายมาเช่าเรือ เมื่อหลายปีก่อนได้ไหม ถ้ายังจำได้ ก็ช่วยให้ข้าออกไปจากตะรางด้วย ไม่อย่างนั้น ข้าอาจจะบอกอะไรบางอย่างที่คุณนายไม่อยากให้ใครรู้” คนต้มเหล้าบอก
“ได้สิ จะรีบไปบอกคุณนายให้ ได้ความอย่างไรจะกลับมาบอกไปละ”
สายหันตัวกลับ แต่แช่มเรียกไว้
“เดี๋ยวสิพี่ชาย ชั้นก็มีเรื่องที่คุณนายสนไม่อยากให้ใครรู้เหมือนกัน”
“อ้อ...มีทีเด็ดกันทั้งนั้น” สายบ่นงึมงำ
“ปากชั้นมันก็เบา บางทีอาจเผลอพูดอะไรไปโดยไม่ได้ตั้งใจชั้นอึดอัดมาก ก็อาจอยากพูดอะไรที่คุณนายให้เหยียบไว้”
“อืม...น่าเห็นใจทั้งสองคน ชั้นจะหาทางบอกให้” สายบอก
“เอ็งชื่อไรน่ะ” คนต้มเหล้าถาม
“สอนจ้ะ” สายปด
“บ้านอยู่ไหนล่ะ” แช่มถาม
“บ้านท่านขุนภักดีจ้ะ” สายบอก
สองคนตกใจมาก แต่สายก็ออกไปแล้ว
ด้านเนียนนั่งมองแดงน้อยกินขนม แล้วดื่มน้ำฝนลอยดอกมะลิอย่างอิ่มเอมใจมาก โดยไม่รู้ว่าขุนภักดีแอบมองอยู่
“อร่อยเหลือเกินครับ ฝีมือน้าเนียนทำเองหรือครับ”
“ค่ะ น้าทำไว้ทุกวัน รอเผื่อว่าวันไหนนายอำเภอมาชิม ในที่สุดนายอำเภอก็มา”
“โถ ไม่ต้องทำขนาดนั้นดอกครับ ผมมาวันไหนน้าเนียนมีอะไรผมก็กินได้ทุกอย่าง” แดงน้อยยกน้ำดื่ม “ แหม..น้ำนี่ช่างหอมชวนดื่มมากครับ”
“น้ำฝนลอยดอกมะลิค่ะ ทั้งขนมหม้อแกง ทั้งน้ำเอากลับไปทานที่บ้านได้นะคะ” เนียนยิ้มบอก
“ขอบคุณครับ แต่ผมว่ามาทานที่นี่ ทั้งมีความสุข ทั้งอร่อยกว่าทานไปคุยกับน้าเนียนไป ทั้งสบายใจ ทั้งมีความสุข”
สีหน้าแววตาทั้งเนียนและแดงน้อยมีความสุขกันจริงๆ
ขุนภักดี งุนงงประหลาดใจมากขึ้นไปเรื่อยๆ
“มันยังไงกันเหวย ช่างรักใคร่ดีงามต่อกันเกินคนรู้จักธรรมดา นี่ถ้าไม่ได้เรียมเตือนสติเอาไว้ก่อนหน้านี้ คงออกไปยิงมันตาย คาบ้านกันทั้งคู่”
ขุนภักดีอดทนฟังต่อไป
ขณะเดียวกัน เทิดศักดิ์กำลังบีบนวดทองจันทร์ไปมาด้วยใบหน้ายิ้มย่อง ทองตบเข่าฉาดใหญ่
“ผู้หมวดเจ้าเล่ห์ แกมาประจบย่า จะให้หาเมียให้รึ”
“แหม...คุณย่ารู้ทันผมอีกแล้ว”
“ย่ะ...เห็นมาตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอย แกอ้าปากย่าก็เห็นลิ้นไก่ ไรฟันแกหมดเรื่องแบบนี้ ต้องอย่าผลีผลามใจร้อน”
“ผมไม่ใจร้อนดอกครับ เพียงแค่ร้อนใจ อยากขอหมั้นเขาเอาไว้เท่านั้นเองครับคุณย่าครับ ผมกลัวคนอื่นมาตัดหน้าน่ะครับ”
“คนที่สามารถมาตัดหน้าแกได้ ก็มีแต่พ่อแดงน้อยคนเดียวเท่านั้น ทั้งหล่อทั้งโก้ ทั้งสมาร์ท ทั้งเก่ง”
“คนอย่างแดงน้อย คงไม่เผาเรือนเพื่อนดอกครับ เราตกลงกันแล้ว”
“ไฮ้...นี่ไปแอบตกลงกันไว้ตั้งกะเมื่อไหร่”
“สมัยที่เรายังเรียนกันอยู่ครับ คุณย่าครับ ผมอยากทราบว่าคุณย่าขอเขาให้ผม วันนี้วันพรุ่งเลยได้ไหมครับ”
“ไอ้หมอนี่คาดคั้นจัง เอาเป็นว่าย่า จะเอ่ยปากบอกเนียนเขาไว้ก่อน”
“ผมจะไปขอให้คุณนายแม่เรียม ช่วยสนับสนุนอีกแรงนะครับ”
“ย่ะ สองแรงแข็งขัน” ทองจันทร์ค้อนวงใหญ่
เทิดศักดิ์ก้มลงกราบบนตักของทองจันทร์ ที่ยามนี้ทั้งเอ็นดูปนหมั่นไส้เทิดศักดิ์
“เอ๊ะ..ย่า เห็นพ่อแกกลับมาแต่หัววัน แล้วหายแว่บไปทางไหนหรือว่า ไปแอบมองเนียนมันอีกแล้ว”
“แอบมองน้าเนียนหรือครับ” เทิดศักดิ์ฉงน
“ย่ะ...พ่อเรามันประหลาดคน รักแรงเกลียดแรง แต่ตัดไม่ขาดนี่แหละเรื่องของสายสวาทมันเวียนหัวย่ะ”
ทองจันทร์ส่ายหน้า
ด้านแดงน้อยได้โอกาสสอบถามเนียน
“น้าเนียนคงทราบแล้วว่า ลุงโพล้งกับแม่แพร ย้ายกลับมาบ้านแพน”
“ทราบจากหนูติ๋วแล้วค่ะ ขอบคุณมากค่ะ ที่พาสองคนนั้นย้ายกลับบ้านเก่า”
“ไม่ต้องขอบคุณผมหรอกครับ ผมมีหน้าที่ต้องตอบแทนพระคุณแม่แพรกับลุงโพล้ง แกสองคนดูแลผมมานานมากแล้ว สมควรพักผ่อนสักที”
“ใช่ค่ะ..พวกเขาสองคนสมควรพักผ่อนได้แล้วค่ะ”
“ยังมีอีกคนที่สมควรพักผ่อนและสมควรให้ผมได้ดูแล ตอบแทนพระคุณที่ท่านส่งเสียผมเรียนจนจบมหาวิทยาลัย แต่ท่านปฏิเสธ คุณลุงน่ะครับ”
“คุณลุงนายอำเภอหรือคะ” เนียนเริ่มตื่นเต้น
“ครับ..คุณลุงสิน ท่านเป็นพี่ชายแท้ๆ ของแม่ผม”
“พี่ชายแท้ๆ ของแม่นายอำเภอ โธ่” เนียนสะเทือนใจทำท่าจะร้องไห้ “โถ..แล้วตอนนี้แกไปอยู่ที่ไหนคะ”
“นี่แหละครับที่ผมเสียใจ ผมเลยไม่ทราบเลยว่าตลอดเวลาลุงอยู่ที่ไหน ผมกับลุงพบกันเฉพาะเวลาที่ลุงต้องการพบผมเท่านั้น”
“โธ่...แกคงมีเหตุผลของแกน่ะค่ะ นายอำเภออย่าน้อยใจแกเลยนะคะ” เนียนเข้าใจพี่ชายดี
“ครับ...เหตุผลของลุงคือท่านอยากไปสงบจิตใจครับ”
“เป็นเหตุผลที่ดีออกค่ะ”
“ลุงสินยังเกี่ยวดองเป็นญาติกับคุณแม่สน คุณแม่ของเทิดศักดิ์ด้วย” แดงน้อยบอก
เนียนตกใจมาก “อะไรกันนี่ จริงหรือคะ”
“จริงสิครับ เทิดศักดิ์ยังเคยพบลุงสินที่บ้านคุณแม่สนด้วย”
“ตายจริง”
เนียนตื่นตระหนกจนขันน้ำหล่นจากมือ
ขุนภักดีแปลกใจมาก
“สนมีญาติชื่อสินมาหารึ ทำไมสนไม่เคยเอ่ยปากบอก ทั้งที่สนเป็นคนช่างบอกช่างเล่า”
ท่านขุนยิ่งงุนงงเพิ่มไปเรื่อยๆ
“เทิดศักดิ์เคยพบนายสินคนนี้ด้วย นายสินเป็นลุงแดงน้อย ทำไมมันอีรุงตุงนังอย่างนี้”
ขุนภักดีคาใจมาก ตั้งใจจะไปถามเอาความจริงจากเทิดศักดิ์
สองคนพูดคุยกันต่อ
“แม่แพรกับลุงโพล้งกับน้าเนียนคงอยากพบกันมาก ผมอาสาพาไปพบกันได้นะครับ”
เนียนน้ำตาไหลพรากอาบสองแก้ม ส่ายหน้าไปมา
“น้าอยากพบพวกเขามาก แต่น้า..คงไปไม่ได้ดอกค่ะ”
“มีปัญหาอะไรหรือครับน้าเนียน”
“ไม่มีดอกค่ะ แต่น้ารับปากใครบางคนเอาไว้ ว่าจะไม่ไปไหนทั้งนั้น ถ้าเขาไม่ได้อนุญาต”
แดงน้อยแปลกใจ เนียนสีหน้ามุ่งมั่นในคำสั่งของขุนภักดี
พอได้ฟังท่านขุนเผลอยิ้มออกมานิดหนึ่ง
“ใครบางคนคือเรา นี่เนียนเชื่อฟังคำสั่งเราเคร่งครัดปานนี้เชียวหรือ”
ขุนภักดีมีสีหน้าสดชื่นขึ้นมาทันที
เนียนกับแดงน้อยพูดคุยกันต่อ
“น้าเนียนรู้จักลุงสินไหมครับ”
เนียนสะดุ้ง “ไม่รู้จักดอกค่ะ ไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อนเพิ่งเคยได้ยินจากนายอำเภอนี่แหละค่ะ”
“นั่นสิครับ ลุงสินเป็นคนสวนแตง น้าเนียนเป็นเพื่อนกับแม่แพร น้าเนียนรู้จักแม่ผมไหมครับ”
จากนั้นเนียนสะอื้นฮักๆๆ จนแดงน้อยตกใจ
ขุนภักดีเห็นเนียนร้องไห้พลอยตกใจไปด้วย
“ทำไมเนียนถึงร้องไห้มากมายขนาดนั้น เพียงแค่แดงน้อยถามว่ารู้จักแม่ไหมเท่านั้น”
แดงน้อยตกใจมากเช่นเดียวกับท่านขุน
“น้าเนียนครับ ผม...ผมขอโทษ ผมพูดอะไรให้น้าเนียนไม่สบายใจใช่ไหมครับ”
“นายอำเภอไม่ได้พูดอะไรให้น้าเสียใจ แต่น้าเสียใจ น้าสงสารนายอำเภอเหลือเกินค่ะ คือ น้า น้าคิดถึงหัวอกตัวเองที่พลัดพรากจากลูกน่ะคะ”
“ครับ เราหัวอกอันเดียวกัน เพราะผมกำพร้าแม่ น้าเนียนพลัดพรากจากลูก”
แดงน้อยพลอยซึมไปด้วย
ส่วนท่านขุนได้ยินเนียนพูดถึงลูกก็เอะใจ
“เนียนเอ่ยถึงลูกที่พลัดพราก ลูกคนไหนรึ ใช่แล้ว ลูกกับผู้ชายที่เนียน ให้สร้อยให้แหวนของเราไปนั่นเอง ถ้ามันเป็นเสือหนักมันจะมาเอาของจากเนียนไปทำไม ในเมื่อมันปล้นเขากินได้อยู่แล้ว นังช้อยใส่ร้ายเนียนเรื่องเสือหนักจริงๆด้วย ความยากจนทำให้เนียนต้องทิ้งลูกผัว มาขัดดอกให้พ่อ นี่เราเองที่แย่งเมียชาวบ้าน พรากลูกพรากแม่คนอื่นรึ”
ขุนภักดีใคร่ครวญครุ่นคิดด้วยสติ เริ่มเข้าใจเนียน
ฟากแดงน้อยกับเนียนยังพูดคุยกันต่อ
“ผมแค่อยากให้มีใครสักคนที่จำแม่ผมได้ แล้วบรรยายภาพของแม่ให้ผมฟัง ผมจะได้วาดภาพของแม่ออก เพื่อจดจำภาพแม่เอาไว้ในจิตใจของผม”
เนียนดึงแดงน้อยมากอดไว้ แดงน้อยยอมให้เนียนกอด รู้สึกอบอุ่นใจมาก เนียนลูบหลังแดงน้อยอย่างรักใคร่
“นายอำเภอคนดีของน้า โถ..เอ้อ แม่แพรของนายอำเภอไม่เคย บรรยายภาพแม่ให้ฟังบ้างหรือคะ”
“ตอนเล็กๆ ผมถามแม่แพรไม่ยอมบอก แต่ตอนโตมานี่ แม่แพรบอกผมว่าให้ดูน้าเนียนเป็นแบบอย่างแม่ผมก็ได้ครับ ผมจึงมาถามเผื่อว่าน้าจะเคยเจอแม่ผม”
จังหวะนี้ ทานตะวันปราดมาจากไหนไม่รู้ เข้ามากระชากเนียนออกโดยแรง
“ตำหูตำตา ดูดู๋ นางไก่แก่แม่ปลาช่อน คิดจะรวบหัวรวบหางพี่แดงน้อย
“คุณหนูอี๊ด” / “น้องอี๊ด” สองคนตกใจ
“พี่แดงน้อยกำลังถูกมันหลอก ให้หลงกล”
“น้องอี๊ดอย่าลบหลู่น้าเนียนสิครับ” แดงน้อยไม่พอใจ
“มันสมควรยิ่งกว่าต้องลบหลู่อีกค่ะ แก่คราวแม่พี่แดงน้อย แต่พยายามจะกินหญ้าอ่อนจะไปฟ้องคุณพ่อให้เฉดหัวไปจากบ้าน เดี๋ยวนี้”
ขุนภักดีแสดงตัว เดินออกมาจากที่กำบัง
“หยุดเถิดหนูอี๊ด”
“คุณพ่อ” แดงน้อยตกใจ
“ท่านขุน” เนียนเองก็ตกใจ
ทานตะวันผวาไปหา ชี้หน้าเนียน
“คุณพ่อขา มันกำลังโอ้โลมพี่แดงน้อย”
“ผมมีวุฒิภาวะพอที่จะไม่โดนใครโอ้โลมดอกครับ การแสดงความรักมีหลายแบบ ใช่มีเพียงความรักแบบชู้สาวเท่านั้น ผมรักเคารพน้าเนียนแบบแม่ น้าเนียนรักเมตตาผมเหมือนลูก” แดงน้อยอธิบาย
“พี่แดงน้อยแก้ตัวให้มัน ไล่มันไปสิคะ” ทานตะวันโวยลั่น
“ไม่มีการไล่ใครไปไหนอีกหนูอี๊ด พ่อเชื่อคำพูดของแดงน้อย” ขุนภักดีบอก
“คุณพ่อจะไปรู้เห็นอะไรคะ ในเมื่อคุณพ่อเพิ่งมา” ทานตะวันโมโห
“พ่อมานานแล้ว นานก่อนที่แดงน้อยจะมา” ขุนภักดีสารภาพ
“นี่...นี่คุณพ่อมาแอบดูยัยเนียน คุณพ่อยังรักมัน ลืมมันไม่ลง” ทานตะวันโวยวายไม่หยุด
“อย่าดูแคลนพ่อนะ” ขุนภักดีขึ้นเสียง
“คุณพ่อ...”
“ที่ผ่านมา พ่อฟังความข้างเดียวมาตลอด วันนี้พี่เห็นและรับรู้ความสองข้างด้วยหูตาของตัวเอง เรื่องนี้ พ่อตัดสินใจเองโดยไม่ต้องฟังคนอื่น จำไว้ว่าอย่าล่วงเกินเขาอีก”
พูดจบขุนภักดีปรายตามองมายังเนียน แล้วเดินจากไป
“คุณพ่อ” ทานตะวันฮึดฮัด
“น้าเนียนครับ ผมขอตัวก่อน ขอโทษด้วยที่ทำให้เกิดเรื่องวุ่นวาย น้องอี๊ดครับ แม่แพรผมน้าเนียนเป็นเพื่อนกัน ถ้าน้าเนียนจะรักใคร่เอ็นดูผมเหมือนลูกสักคน และถ้าผมอยากมีแม่อย่างน้าเนียนสักคนผิดมากนักหรือครับ มีคนรักดีกว่ามีแต่คนชังนะครับ”
“แก...ทำให้คุณพ่อกับพี่แดงน้อยด่าชั้น” ทานตะวันหันมาเอาเรื่องเนียน
“ชั้นขอโทษค่ะ คุณหนู ชั้น...ชั้น...”
“ชั้นเกลียดแก”
ทานตะวันจ้องหน้าเนียนราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ แล้วกระแทกเท้าเดินหนีไป
มืดค่ำลงแล้ว ข้างเรือนเล็กของสน สองคนหลบมุมคุยกันอยู่ สนตกใจมากพอได้ฟังที่สายมารายงาน
“มันว่าอย่างนี้จริงนะขอรับ กระผมฟังแล้วสะดุ้งกลัวใครได้ยิน” สายบอก
“ไอ้คนเลวมันบังอาจใส่ร้ายชั้น ว่ามันกำความลับชั้น” สนแค้นมาก
“ไอ้คนต้มเหล้าเถื่อนคนเดียวยังไม่พอครับ ยังมีไอ้คนชื่อแช่มลูกยัยช้อยอวดอ้างทำนองเดียวกับไอ้คนต้มเหล้าเถื่อนด้วย พวกมันว่า…”
“พวกมันว่ากระไร”
“พวกมันต้องการให้คุณนายสนช่วยให้มันหลุดพ้น จากตะราง หาไม่มันจะปากเปราะ ปากเบา เล่าเรื่องมิบังควรของคุณนายสนขอรับ”
สนตาขุ่นเขียวโกรธจนตัวสั่น หวาดกลัวผสมปนด้วย สนคำราม
“มึงท้าทายกู ไอ้สายพรุ่งนี้เช้า ตีห้าแกไปรอชั้นที่ริมน้ำ ด้านจะไปทางวัด”
“ไปรอทำไมขอรับ”
“รอเอาอาหารเอาของกินจากชั้น เอาข้อความจากชั้นไปบอกไอ้สองคนนั่น”
“คุณนายสน จะช่วยพวกมันหรือครับ” สายแปลกใจ
“ช่วยพวกมัน และช่วยแกด้วยจะให้เงินแกไปตั้งตัวสักห้าชั่ง”
“ห้าชั่ง” สายตาเหลือก
“แกรีบไปซะ ทำตัวปกติ อย่าให้ใครรู้ว่าแกกำลังจะร่ำรวย”
“ครับ”
สายดีใจรีบหลบหายตัวไป มีเสียงเรียกสนดังเข้ามา
“สน...สน...สน” เป็นขุนภักดีนั่นเอง
“พี่ขุนมาทำไมอีก ปัดโธ่โว๊ยกู”
สนหงุดหงิด แต่รีบออกไปรับหน้าท่านขุน
ขุนภักดี ยืนรอมองสนที่กระหืดกระหอบออกมาสีหน้าไม่ดี
“พี่ขุน”
“กระหืดกระหอบลอบไปพบใครมารึสน”
สนสะดุ้ง “เปล่าค่ะ สน สน ไปเดินดูต้นไม้ นังช้อยมันไปแล้ว ไม่มีใครดูแลสนต้องไปดูแลเอง เอ้อ...พี่ขุน เอ้อ...”
“ไม่ได้จะมากินข้าวดอกนะ แต่จะมาถามว่า สนมีญาติชื่อสินใช่ไหม”
สนใจหายวับ
“สน เอ้อ... สน”
“นายสินคนนี้เป็นลุงของแดงน้อยด้วย”
“เออ..สนสับสน สนญาติแยะ สนขอนึกก่อนค่ะ พี่ขุน”
“เอาเถิดสน ช่วยนึกให้ออกด้วย พี่มาถามแค่นี้”
สนใจคอไม่ดี ขุนภักดีหันตัวกลับเดินหน้าตายออกไป สนเอามือทาบอก
“ลางร้าย หรือว่าอย่างไร นี่มันอะไรกัน เรื่องของไอ้หนักใกล้ตัวเข้ามาทุกทีแล้ว”
จังหวะเดียวกันนั้น ก็มีเสียงกระซิบเรียกสนเบาๆ
“คุณสนขา คุณสนขา”
สนตกใจร้องลั่น “ว๊าย”
สนตกใจมาก ก่อนจะเพ่งมองไปด้านหลัง เห็นหน้าช้อยโผล่ออกมาจากที่ซ่อน
“ช้อยเองค่ะ”
อ่านต่อหน้า 2
อาญารัก ตอนที่ 15 (ต่อ)
ฟากเทิดศักดิ์เดินยิ้มย่องขึ้นเรือนใหญ่ มาพบขุนภักดี
“คุณพ่อเรียกผมมาหา จะให้ผมทำอะไรหรือครับ”
“พ่ออยากถามอะไรบางอย่าง”
“ครับ เชิญครับ”
“แม่แกมีญาติชื่อสินด้วยเหรอ”
“ครับ คุณแม่บอกอย่างนั้น”
“แกเคยเจอญาติคนนั้นที่บ้านไหม”
“ครั้งเดียวเท่านั้นครับ แต่นอกนั้นเจอที่อื่นกับที่บ้านของแดงน้อยก็น้อยครั้งเหมือนกันครับ ลุงสินเก็บตัวมากครับ”
“เขาเป็นคนที่ไหน”
“สวนแตงครับแต่ผมไปตรวจสอบแล้วไม่มีครับ คุณพ่อสงสัยอะไรลุงสินหรือครับ”
ขุนภักดีส่ายหน้า
“ไปเถิดลูก”
เทิดศักดิ์ไม่ยอมไป แต่กลับมานั่งนวดแขนท่านขุนอย่างเอาใจ
“คุณพ่อครับ ผมอยากแต่งงานแล้ว”
“ไฮ้...แกจะแต่งกับใคร”
“ผมรักน้องติ๋ว” เทิดศักดิ์บอกเสียงหนักแน่น
“นี่ นี่” ขุนภักดีตกใจ
“คุณพ่อรังเกียจน้องติ๋วไหมครับ”
“เมื่อก่อนอาจใช่ แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว”
“คุณพ่อไม่ขัดข้อง”
ท่านขุนพยักหน้า เทิดศักดิ์ดีใจมากยกมือไหว้พ่อ
เวลาเดียวกันสนด่าช้อย โทษฐานมาเงียบๆ
“อีบ้า มาเงียบๆ ทำชั้นตกใจหมด เพิ่งจะไปกลับมาทำไม”
“กลับมาตามที่คุณสนเคยให้สัญญาไว้เจ้าค่ะ”
“รีบบอกมาแล้วรีบกลับไป อย่าให้ใครเห็นแกนะ”
ช้อยเริ่มคุกคามนิดๆ “ช้อยไม่อยากให้ใครเห็นดอกเจ้าค่ะ ช้อยแค่มาทวงสัญญา”
“เอ๊ะ อีช้อยอย่ามาข่มชั้นนะ”
สนโมโห มองไปที่หน้าบ้านมองไปมองมา กลัวใครเห็น รีบลากช้อยผลุบหายไปทางหลังบ้าน
วงอาหารเย็นบนเรือนทองจันทร์วันนี้วงใหญ่ ทองจันทร์มองหน้าเทิดศักดิ์ เทิดศักดิ์มองตอบ สองคนพากันมองหน้าเนื้อทอง สลับกับมองหน้าเนียน จนในที่สุดเทิดศักดิ์กระแอมขึ้น
“อะไรติดคอรึ ตาเทิด” ทองจันทร์สัพยอก
“สัญญาครับ สัญญา ว่าจะทำให้ ติดคอผม”
กบกะแมวหัวเราะกันคิกคัก ทองจันทร์หันไปมอง ทำตาเขียวใส่
“แกสองคนไปห่างๆ นางช่างสอดรู้”
“ห่างสักแค่ไหนเจ้าคะ” กบถาม
“สามวาพอไหมเจ้าคะ” แมวว่า
“โน่น สามโยชน์โคนต้นมะขามใหญ่โน่น”
“แหม...” สองคนครวญ
“ไปนะ”
สองคนถอยไปกระซิบกระซาบ เทิดศักดิ์ยิ้มหน้าบานมองหน้าทองจันทร์อย่างรู้กัน
“เอ้อ รอให้กินข้าวเสร็จก่อนก็ได้ครับคุณย่า ผมกลัวว่าคุณย่าจะสำลักไปพูดไป”
“ทะเล้นนัก ประเดี๋ยวเถิด จะหยิกตำรวจให้เนื้อเขียว”
เทิดศักดิ์หัวเราะร่าเริง เนียนกับเนื้อทองพลอยอมยิ้มตามไปด้วย
ขณะเดียวกันขุนภักดี เรียม และทานตะวันนั่งกินอาหารอยู่ ทานตะวันหน้าหงิกงอ สาวใช้นั่งห่างคอยดูแล
“หนูอี๊ดจ๊ะ ร้านของหนูกิจการดีมากใช่ไหม ใครๆ ก็อยากไปทำผมร้านหนู”
“ค่ะ ใครๆ ก็อยากไป ยกเว้นแต่คุณแม่นี่แหละค่ะ ที่ไม่ยอมเปลี่ยนแปลง”
“แม่แก่แล้ว พอใจที่เป็นอยู่ คุ้นกับทรงผมของแม่แล้ว เปลี่ยนไปกลัวเดี๋ยวจำหน้าตัวเองไม่ได้” เรียมบอก
“ทีแม่สนเขายังยอมเปลี่ยนทรงผมใหม่จนสวยเช้งกระเด๊ะ”
“แม่สนเขาสาวกว่าแม่นี่จ๊ะ”
“หรืออาจมีใครมันคงอยากไป แต่หนูไม่มีวันยอมให้มันเข้าไปเหยียบร้านหนูหรอกค่ะ”
“พูดถึงใครกันจ๊ะ” เรียมย้อนถาม
“นังติ๋วค่ะ”
“ไม่เอาน่า เราได้ดีของเราแล้วก็พอ”
“พอได้ยังไงในเมื่อมันได้ดีกว่าหนู”
“ฟังลูกสาวเราสิคะพี่เทพ ขี้อิจฉาตั้งแต่เล็กจนโต”
ทานตะวันทำหมางเมินใส่ท่านขุนจนเรียมสังเกตเห็น ขุนภักดีก็ตีหน้าขรึมผิดปกติ
“สองคนพ่อลูกวันนี้มาแปลก ไม่คุยกันสักคำ หนูอี๊ดงอนอะไรคุณพ่อรึ”
“หนูไม่กล้าไปเผยอหน้างอนอะไรกับคุณพ่อท่านดอกค่ะ คุณพ่อท่านไม่เห็นหนูเป็นลูกเท่ายัยติ๋วของคุณแม่ ของคุณย่าดอกค่ะ” ทานตะวันประชด
“เอาอะไรมาพูด เหลวไหลจริง เป็นลูกอะไรมาประชดคุณพ่อ”
ขุนภักดีกระแทกช้อนปัง อิ่มอาหาร
“นั่นไงคะ คุณพ่ออิ่มข้าวประชดหนู เคืองหนู ที่หนูหวังดีกับคุณพ่อเรื่องยัยเนียนพยายามเล่นชู้กับพี่แดงน้อย หนูผิดมากนักหรือคะ”
“หนูอี๊ด” เรียมตกใจ
“เด็กคนนี้ต้องโดนสั่งสอนบ้างแล้ว”
ขุนภักดีเงื้อมือจะตบหน้าทานตะวัน เรียมดึงไว้ ห้ามเสียงหลง
“อย่านะคะพี่เทพ”
“ตบเลยค่ะ” ทานตะวันท้า
“เรียม ลูกเราขาดการอบรม ได้รับการตามใจจนนิสัยเสีย เห็นทีต่อไปนี้ต้องตีกรอบระเบียบให้เดินกันเสียที”
ทานตะวันลุกพรวด
“ไอ้ที่วันก่อนที่หนูบอกว่าจะไปเป็นลูกแม่สนนั่นหนูประชด แต่วันนี้ หนูพูดจริงทำจริง ไปจริงค่ะ”
ทานตะวันจองหอง กระแทกส้นจะออกไป
“อย่าไปนะลูก กลับมาขอโทษคุณพ่อเดี๋ยวนี้”
“ไปแล้วก็ไปเลย อย่ากลับมาบ้านนี้อีก เคยได้ยินมานักต่อนักเรื่องเด็กเหลือขอ ก็เพิ่งจะประจักษ์วันนี้ว่าที่แท้ชั้นเองก็มีลูกเหลือขอ” ขุนภักดีไล่ส่ง
“หนูอี๊ด แม่บอกให้กลับมากราบขอโทษคุณพ่อ”
เรียมลุกไปดึงแขนลูกฉุดรั้งไว้ ทานตะวันสะบัดผลักไส
“อย่ามายุ่งกับหนู”
เรียมโดนสะบัดผลักไส จนล้มลง
“ว๊าย”
ทานตะวันไม่หันกลับมามอง ขุนภักดีปราดไปกระชากทานตะวันแล้วตบหน้าสุดแรงเกิด
“แกมันลูกอกตัญญู ไม่รู้คุณพ่อแม่”
ทานตะวันเสียใจร้องไห้โฮๆๆๆ ท่านขุนปราดไปหาเรียมประคองไว้ เรียมก็ร้องไห้เช่นกัน
“เรียมผิดเอง เรียมผิดทั้งนั้น”
“เรียมไม่ผิดดอก พี่นี่แหละที่ผิดมหันต์ สอนให้ลูกเสียคน”
สองคนผัวเมียกลุ้มใจกันทั้งคู่
ด้านทองจันทร์โพล่งขึ้นมากลางวง เนียนกับเนื้อทองกำลังทำท่าจะเก็บสำรับ
“เอาละมาเริ่มกันได้ ยัยติ๋ว เนียน ไม่ต้องเก็บอาหาร แล้วเขยิบไปตั้งวงกันตรงนั้น”
“คุณท่านจะตั้งวงไพ่รึเจ้าคะ” เนียนแปลกใจ
“วุ๊ย...แกจะซื่อมากไปถึงไหนยัยเนียน ชั้นจะตั้งวงสู่ขอลูกสาวเราแหละ”
เนียนตกตะลึง ขณะที่เนื้อทองอึ้งไป
“คุณท่าน” / “คุณย่า”
เนื้อทองหันมามองเทิดศักดิ์ อีกฝ่ายพยักหน้า
“เนียน แกอย่ามาปฎิเสธทีเดียวนะ ตาเทิดของชั้นกับยัยติ๋วของแก เป็นคู่ที่เหมาะสมกันที่สุดของเมืองนี้ แกอย่ามามัวตกอกตกใจอยู่ ยิ้มยินดีสิ”
“เอ้อ…”
“รึแกว่าตาเทิดของชั้นไม่ดี”
“เอ้อ ดีเจ้าค่ะ ดีที่สุดเจ้าคะ”
“แล้วทำไมแก ทำหน้าเหมือนโดนผีหลอกตกใจมากมาย” ทองจันทร์แปลกใจ
“มิได้เจ้าค่ะ แต่เนียนเกรงว่า หนูติ๋วจะไม่เหมาะกับคุณเทิดศักดิ์เนียนเป็นแค่...”
“น้าเนียนอย่าพูดต่อนะครับ น้าเนียนคือคนที่ผมเคารพรักเหมือนน้าของผม หรือว่าน้าเนียนรังเกียจผม”
“ไม่ดอกค่ะ ไม่มีวันเป็นเช่นนั้นค่ะ”
“ถามแม่แกแล้ว ทีนี้มาถามแกบ้าง ยัยติ๋ว แกว่ายังไง” ทองจันทร์หันมาทางเนื้อทอง
เนื้อทองมองหน้าแม่ “เอ้อหนู หนู..แล้วแต่แม่ค่ะ”
“นั่นปะไร ไม่มีปัญหา เป็นว่า เรียบร้อย ย่าจะบอกพ่อเทพเขา แม่เรียมไม่มีปัญหา ว่าแต่แม่เราเถิดพ่อเทพ ดูท่าว่าน่าจะมีปัญหานะ”
“ผมบอกคุณแม่แล้วครับ ว่าชีวิตผม ผมจัดการเอง”
“เก่งมาก เด็ดขาดดีมาก ย่าดีใจ ชั้นดีใจนะเนียน ที่เด็กๆ ของเราที่นี่ลงเอยกันด้วยดี”
สองคนทองจันทร์กับเทิดศักดิ์มัวดีใจ จนไม่ทันสังเกตหน้าอันขาวซีดของเนียน และท่าทางเกรงๆ แม่ของเนื้อทอง
ส่วนสนกับช้อยโต้กันอย่างดุเดือด
“ลูกแกมันเลว มันชั่วเอง ใช่ว่าชั้นไม่เคยช่วยมัน ช่วยมันจนมันมาก่อเหตุร้ายในบ้าน ลูกแกเป็นโจร ลูกชั้นเป็นตำรวจ ขืนให้ปล่อยลูกแกไปลูกชั้นก็ทำผิดกฎหมายสิยะ”
ช้อยร้องไห้ไปด้วย “ช้อยขอแค่อนุญาตให้ประกันตัว ปล่อยตัวชั่วคราวไปสู้คดี”
“ลูกแกก็หนีสิ แกมีปัญญาก็ไปจัดการเองสิ” สนไม่แยแส
“คุณสนสัญญากับช้อยไว้แล้วนะเจ้าคะ จะคืนคำง่ายๆ หรือเจ้าคะ” ช้อยเสียงชักเข้มใส่
“แกอย่าทำเสียงแข็งใส่ชั้นอีช้อย เวรกรรมของลูกแกเอง ชั้นไม่เกี่ยว”
“แต่เวรกรรมของช้อยที่มากมายจนต้องระเห็จไปจากที่นี่ ล้วนมีคุณสนเกี่ยวเป็นตัวตั้งตัวตีทั้งสิ้น” ช้อยบอก
“อีช้อย มึงลำเลิกกูเรอะ”
“ช้อยพูดความจริงเจ้าค่ะ ไอ้แช่มเองก็เคยรับใช้คุณสน ถ้ามันกลัวมากๆ มันอาจ...”
“อาจอะไร...”
“ช้อยไม่ได้อยากให้มันอาจหรอกนะเจ้าคะ ช้อยกลับก่อน แล้วช้อยจะมาเอาคำตอบเจ้าค่ะ”
ช้อยหันกลับไม่ไหว้ลา สนมองตามไม่พอใจ คำรามในคอ
“อีช้อยมึงวอนเองนะ”
จังหวะนี้เสียงร้องไห้ของอี๊ดดังระงม มาที่หน้าเรือน
“แม่สนจ๋า แม่สนขา ช่วยหนูด้วย ฮือๆๆๆ”
สนจะบ้าตาย
“อีเด็กบ้าเวรตะไลนี่มีเรื่องมาอีกแล้ว วันนั้นทำไมมันไม่โดนไอ้แช่มเอาเป็นเมียซะ จะได้หยุดวางอำนาจ”
“แม่สน แม่สนๆๆๆ อยู่ที่ไหน ทำไมไม่ออกมาหาหนู ฮือๆๆๆ”
สนเดินลงเรือนไปหา ทานตะวันผวามากอดสนร้องไห้โฮๆ
“หนูโดนคุณพ่อตบหน้ามาค่ะ”
สนแอบทำหน้าหัวเราะเยาะลับหลัง พูดไม่มีเสียง “สาแก่ใจ” แต่พูดออกไปอีกคำ “ไหนคะขอดูหน้าหน่อยค่ะ โดนสั่งสอนไปกี่ทีคะนี่ ต๊ายบวมเป็นกะโล่แล้ว นี่ไม่ใช่ตบสั่งสอนหรอกค่ะ แต่ตบตัดขาดพ่อลูกเลยนะคะ พี่ขุนนี่มือหนักไม่น้อย นี่ลูกแท้ๆ ช่างทำได้”
สนแอบยิ้ม ทานตะวันยังร้องครวญคร่ำเสียงโหยหวนต่อ
ฝ่ายขุนภักดียังคงขุ่นเคืองแต่ก็ไม่สบายใจที่ตบหน้าอี๊ดไป เรียมเองก็เครียดมาก
“พี่ขุนไม่ควรไปตบหน้าลูกนะคะ”
“ใครจะไปทนได้ เด็กอะไรหยาบคายกล้าว่าพ่อว่าแม่ ไม่เคารพยำเกรงมันผลักเรียมจนล้ม มันทำได้อย่างไร ขืนปล่อยนานไปจะเอาไม่อยู่ ไม้แก่เกินดัดซะแล้ว”
“ไม้อ่อนดัดง่ายไม้แก่ดัดยาก แต่เราต้องค่อยตะล่อมเอาแกให้อยู่ให้ได้ ชั่วดีถี่ห่างก็ลูกของเรานะคะ”
“ลูกของเรา ตระกูลสูงส่ง มีทุกอย่างพร้อม เสียอย่างเดียวนิสัยเสียแต่ดูลูกน..เอ้อ ลูกคนอื่นเขาสิ อ่อนน้อมถ่อมตนขยันขันแข็งทำงานทำการ ทำไมมันแตกต่างกันอย่างนี้ หน้าตาเหมือนกันแต่นิสัยต่างกันราวฟ้ากับดิน ลูกคนใช้นิสัยเหมือนนางฟ้าลูกเทวดา นิสัยเหมือนกุ๊ย”
เรียมดึงมือขุนภักดีมาจับไว้ เป็นเชิงปลอบใจ แต่เรียมเองก็น้ำตาไหลไปด้วย รู้อยู่แก่ใจ
ขณะที่เทิดศักดิ์เดินผิวปากใบหน้ายิ้มระรื่นขึ้นเรือนมา เจอสนกับอี๊ดตรงนอกชานนั่งวางสีหน้าไม่สบายใจกันทั้งคู่ เทิดศักดิ์เลยชะงัก
“น้องอี๊ด มานั่งอยู่ที่นี่ทำไมมืดค่ำแล้ว ฝนฟ้าทำท่าจะตก บ้านช่องตัวเองมีไม่ไปอยู่”
“หนูโดนคุณพ่อไล่ออกจากบ้าน ห้ามกลับไปเหยียบฮือๆๆ”
“ไม่ใช่แค่นั้นนะเทิดศักดิ์ หนูอี๊ดโดนคุณพ่อตบหน้ามาด้วย” สนว่า
“อะไรกัน”
“เพราะหนูบังอาจไปบอกคุณพ่อ เรื่องชู้สาวของยัยเนียนกับพี่แดงน้อยค่ะ”
“นั่นปะไร รู้ทั้งรู้ว่ามันไม่จริง แล้วไปพูดให้ร้ายป้ายสีเขา ดีนะที่ตอนนี้คุณพ่อท่าน ไม่หุนหันพลันแล่นเชื่อ เรื่องเหลวไหลพวกนี้ น้องอี๊ดพี่ขอเตือนกลับบ้านไปขอโทษคุณพ่อเดี๋ยวนี้”
“ไม่ หนูไม่ผิด ยัยเนียนต่างหากที่ผิด”
“อย่างนี้ไง ถึงได้โดนคุณพ่อท่านหมดความอดทน ตามใจนะ น้องอี๊ดไม่ฟังใครบ้างอีกหน่อยจะเสียใจ เพราะมันสายเกินแก้ อย่ามานอนที่นี่เลย กลับไปนอนที่บ้านนะ” เทิดศักดิ์ต่อว่า
“ใช่ค่ะ กลับไปนอนที่บ้านนะคะ”
“นี่ทุกคนไล่หนู ดี หนูไม่ง้อใครทั้งนั้น”
ทานตะวันวึดวือ กระแทกเท้าน้ำตาไหลลงเรือนสนไป สนมองตามส่ายหน้า ไม่มีอารมณ์ปลอบโยน
“แม่เหนื่อยกับหนูอี๊ดจริงๆ นะลูก แม่อดทนมากเวลาที่แกมาโวยวายด่าทอคนอื่น”
“อดทนด้วยการช่วยด่าคนอื่นกระหน่ำไปเลยน่ะสิครับ วันนี้เป็นวันแรกที่ผมเห็นคุณแม่ไม่ได้ให้ท้ายน้องอี๊ด ดีแล้วครับ ขอบคุณ คุณแม่มาก”
สนส่ายหน้าวันนี้เจอมาหลายเรื่อง
“อ้อ มีอีกเรื่องครับ ถ้ายัยช้อยมาขอให้คุณแม่ช่วยเรื่องนายแช่ม ปฎิเสธไปนะครับ”
“จ้ะ”
“เอ๊ะ หรือว่ามันมาแล้ว”
เทิดศักดิ์ดักคอ สนรีบส่ายหน้า
ฝ่ายทองจันทร์กับเนื้อทองกำลังจะเตรียมตัวเข้านอน
“ยัยติ๋ว ย่าอยากนอนแล้ว ย่าจะไปนอนฝันถึงงานหมั้นของหนู”
กบแมวหัวเราะคิกคัก
“หัวร่ออะไรนังคนไม่มีปัญญาหาผัว นังสาวเทื้อ นังคนขึ้นคาน นังสาวทึนทึก กลับไปเรือนแกซะ”
กบกับแมวก็ยังขำกันต่อ
ทานตะวันเดินขึ้นเรือนทองจันทร์มา และได้ยินประโยคนี้พอดี
“เมื่อกี้คุณย่าพูดเรื่องงานหมั้นนังติ๋ว นี่นี่”
ทานตะวันมองไปด้วยแววตาอิจฉา ระคนเจ็บใจและน้อยใจมาก
“คุณย่า จะจัดงานหมั้นให้มัน คุณย่ารักมันมากกว่าเรา เกลียดมันจริงๆ”
ทานตะวันใจคอห่อเหี่ยว เพิ่มความเกลียดในตัวเนื้อทองเข้าไปอีก
ทานตะวันเห็นเนื้อทองเดินประคองทองจันทร์กำลังจะเข้าห้อง แล้วหายไปในห้องด้วยกัน ก็รู้สึกเสียใจว้าเหว่มาก
“คุณย่าสนิทสนมกับมัน มากกว่าเรา บ้านนี้ไม่มีใครยินดียินร้ายกับเรา ทุกคนแลกความรักกันและกัน แล้วเราเล่า”
กบกะแมวหัวเราะคิกคักลงมา เจอเอากับทานตะวัน ก็ตกใจ
“ว๊าย”
“สอพลอพอกัน นกสองหัว นกมีหูหนูมีปีก ชั้นเกลียดแกสองคนนัก”
สองคนค่อยๆ เดินตัวลีบ ก้มหน้าผ่านด้านข้างของทานตะวันลงเรือนไป
“เดี๋ยว”
“คะ” สองหันหงุดกึก
“คุณย่าพูดเรื่องหมั้นของนังติ๋ว มันจะหมั้นกับใคร”
กบกะแมวสบตากันเอง “คุณเทิดศักดิ์ค่ะ”
“นังลูกชู้” ทานตะวันรู้ทันที
สองคนรีบเผ่นหนี
ทานตะวันยืนนิ่งน้ำตาคลอ
“บ้านกว้างใหญ่ไพศาล แต่ไม่มีตรงไหนต้อนรับเรา ไม่มีที่ให้เรานอนทุกคนช่างใจร้ายกับเราเหลือเกิน”
ทานตะวันห่อไหล่หลังงอเดินคอตกกลับลงมาจากบันไดเรือนทองจันทร์ ทานตะวันน้อยใจน้ำตาไหลนองสองแก้ม ท่าทีสลดหดหู่จริงๆ
ขุนภักดียังคงโกรธขึ้งทานตะวันไม่เลิก เรียมเริ่มใจอ่อนห่วงลูกประสาแม่ ท่านขุนแม้จะโกรธแต่ก็ยังแอบห่วงบ้าง แต่มีทิฐิ
“พี่เทพขา เรียมว่าจะไปตามหนูอี๊ดกลับมานอนที่บ้านนะคะ”
“ไม่ต้องไป บ้านมีตั้งหลายหลัง นึกไม่พอใจคนหลังนี้ ก็หนีไปนอนหลังโน้น ขืนไปตาม เดี๋ยวจะเหลิงกันไปใหญ่”
“แต่เรียมก็ห่วงแกนะคะ”
“ใครว่าพี่ไม่ห่วงลูก หนูอี๊ดเป็นลูกสาวคนเดียว เป็นดวงตาดวงใจของพี่ พี่เสียใจมากนะที่ตบหน้าแกไป แต่ไม่มีใครหยุดหนูอี๊ดได้ ดังนั้นมันต้องมีใครสักคนที่แกเกรงกลัว นอนเถิดเรียม ลูกไม่นอนบ้านสนก็ไปนอนบ้านคุณแม่”
เรียมจำนน พยักหน้ารับ
ทานตะวันนั่งหงอยอยู่ตรงโคนต้นมะขามน้ำตาไหลพราก แค้นใจ น้อยใจที่กลายเป็นหมาหัวเน่า นึกถึงเหตุการณ์ในวันนี้ ตั้งแต่ตอนเห็นแดงน้อยกอดกับเนียน มาถูกขุนภักดีผู้เป็นพ่อตบหน้า แถมเทิดศักดิ์กับสนไล่ให้กลับมานอนบ้าน กระทั่งมาเห็นทองจันทร์เดินเข้าห้องนอนมีเนื้อทองประคอง
ทานตะวันน้ำตาไหลพราก
“สุดแค้นจริง อยากรู้นักว่าเราตายไปจะมีใครเสียใจสักคนบ้างไหม”
เสียงฟ้าฝนทำท่าจะตกลงมา อี๊ดเงยหน้ามอง
“ไอ้ฝนบ้าเจตนาจะลงโทษชั้นเหมือนคนในบ้านนี้ใช่ไหม”
แล้วฝนก็สาดเทลงมา ทานตะวันขยับจะกลับบ้านแล้วฮึด
“จะมีใครสักคนคิดออกมาตามหาเราบ้างไหม หรือจะปล่อยให้เราตากฝนตะพ้านกินตายตรงนี้”
ทานตะวันร้องไห้สะอึกสะอื้น พร้อมกับทรุดตัวลงนั่งใหม่ หนาวสั่นสะท้านไปหมดทั้งกาย
“ถ้าเราตาย จะมีใครสักคน ร้องไห้ให้เราไหม”
แล้วทานตะวันก็นั่งร้องไห้ฟูมฟาย อยู่ท่ามกลางสายฝนที่เทกระหน่ำลงมานั้นเอง
ฟากเนียนนอนไม่หลับ วิตกกังวลว่าจะทำยังไงกับเรื่องการหมั้นของเนื้อทองกับเทิดศักดิ์
“ไม่ได้ หนูติ๋วกับคุณเทิดศักดิ์จะหมั้นกันไม่ได้ แล้วเราจะทำเช่นไร ความจริงก็เอ่ยไม่ได้ จะคัดค้านทัดทานก็ไม่มีเหตุอันใดมาหักล้างบุญคุณท่าน”
เนียนเครียดจัด เดินเหมือนเป็นหนูติดจั่น ท่ามกลางเสียงฟ้าฝนที่ตกลงมา เนียนนึกขึ้นมาได้
“คุณเรียม”
เนียนดีใจนัก เสียงฝนเทกระหน่ำ ลมพัดแรงอื้ออึงมาหน้าต่างห้องเปิดปิดดังปังๆ จนสายฝนสาดเข้ามา ในห้อง เนียนรีบรุดไปที่หน้าต่าง เพื่อจะปิดลง แต่หันไปมองเห็นบางอย่าง
“เอ๊ะ”
ทานตะวันหนาวสั่นพับๆ อยู่ที่โคนต้นมะขาม ตะโกนท้าฟ้าฝน
“เอาสิ เทลงมา สาดลงมา สาดมาใส่ให้ชั้นหนาวตาย แล้วดูสิว่าใครจะทำยังไงพรุ่งนี้เช้า จะหัวเราะเยาะ สมน้ำหน้า หรือว่าจะร้องไห้ใจจะขาด ที่เราตาย”
ทานตะวันร้องไห้ตัวสั่นพับๆๆ
เนียนถือร่ม ถือผ้าเช็ดตัวเดินลงบันไดมาปากก็บ่นไปด้วย
“ใครน่ะมานั่งตัวสั่นให้ตะพ้านกินอยู่ที่โคนต้มมะขาม แปลกแท้ๆ”
เนียนรีบร้อนลงเรือนไป
ขณะเดียวกันทานตะวันยังคงนั่งเอาชนะต่อไป แต่แย่มากแล้ว ทานตะวันนั่งเอาหน้าซุกเข่ากอดอกตัวเองไว้หนาวมาก
“เราต้องชนะ เราต้องอดทน เราต้องไม่แพ้”
ทานตะวันกำลังหนาวสั่นตะพ้านเริ่มกินจริงๆ เนียนถือร่ม ถือผ้าขนหนูมาที่โคนมะขาม
“ผู้หญิง ใครกันนะ”
เนียนรีบเข้าไปหาทันที แตะแขนถาม
“นี่...นี่ ทำไมมานั่งตากฝนอยู่ตรงนี้ นี่ นี่”
ทานตะวันขยับตัวเริ่มสติเลอะเลือน แต่ก็ผงกหัวดูว่าใครมา ดีใจนึกว่าเรียม
“คุณแม่” ทานตะวันคราง
เนียนตกใจเพราะกลายเป็นทานตะวัน
“คุณหนูอี๊ด”
ทานตะวันโกรธที่ไม่ใช่เรียม “ยัยเนียน ยัยบ้า อย่ามาถูกตัวชั้นนะ”
“คุณหนูมาตากฝน ทำไมคะ ตะพ้านจะกินเอานะคะ”
“เรื่องของชั้น ไปให้พ้นนะ”
เนียนบอกด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด “ไม่ไปค่ะ จนกว่าจะพาคุณหนูไปให้พ้นไอ้ฝนบ้านี่”
“อย่ามายุ่งกับชั้น”
“เป็นตายยังไงชั้นก็ต้องยุ่งให้ได้ค่ะ ไปเถิดค่ะ”
เนียนเริ่มฉุดทานตะวันที่ฝืนรั้งแถมทุบตีเนียน แต่เนียนไม่ย่อท้อ
ฝ่ายเรียมทนไม่ได้ ลุกเดินจะไปนอกห้อง
“เรียมจะไปไหน” ขุนภักดีเองก็ลุก
“พี่ขุนเล่าคะจะไปไหน”
ทั้งสองมองหน้ากันแล้วประสานเสียงออกมา
“จะไปดูลูก”
สองคนพากันออกไปจากห้องนอน
ทางด้านเนียนพยายามออกแรงลากฉุดทานตะวันออกมาจากโคนมะขามมาได้พอสมควร ทานตะวันยังคงอาละวาดทุบตีดึงทึ้งเนียนไม่หยุด
“เอามือสกปรกของแกออกไปจากตัวชั้น”
“มือสกปรกสองมือนี้แหละค่ะ ที่ต้องปกป้องคุณหนูให้รอดพ้นจากฝนนี่ให้ได้”
“แกไม่ใช่แม่ชั้น อย่ามาปกป้องชั้น ไป ไปไสหัวไป แกก็แค่คนใช้ คนมีชู้ แก...”
“ด่าเถิดค่ะ ด่าว่าทุบตีชั้นแต่ได้โปรดกลับเรือนนะคะ”
“ไม่ๆๆๆๆไม่ไป ชั้นจะตายมันกลางสายฝนนี่แหละ อยากให้ฟ้าผ่าด้วยซ้ำ”
“อย่าค่ะ อย่าพูด”
เนียนออกแรงลาก ทานตะวันรั้งไว้ไม่ยอมไป สองคนถูลู่ถูกังกันไปมาท่ามกลางสายฝน ต่างร้องไห้ระงมทั้งคู่
อาญารัก ตอนที่ 15 (ต่อ)
สนกับเทิดศักดิ์ออกมารับหน้าเรียมกับขุนภักดีที่มาตามหาทานตะวันถึงเรือน
“ตายจริง” สนแสร้งตกใจ “หนูอี๊ดแกไม่ได้มานอนกับสนค่ะ ตายจริงโธ่”
เทิดศักดิ์บอกอีกคน
“หรือน้องอี๊ดจะงอนผมกับคุณแม่ หนีไปนอนเรือนคุณย่าครับ”
“ลูกคนนี้ช่างก่อเรื่องได้สารพัด พ่อเคืองมากแล้วนะ”
“เรื่องเคืองเอาไว้ก่อนค่ะ รีบไปตามหาลูก ฝนตกหนักอย่างนี้ น่าเป็นห่วง”
“ไปดูน้องที่เรือนคุณย่ากันเถิดครับ คุณพ่อ คุณแม่”
ทุกคนพากันออกไปตามหาต่อ ยกเว้นสน ที่มองตามตาวาววับ
“เจ้าประคู้น ขอให้มันไม่ได้ไปเรือนไหน ขอให้ฟ้าผ่ามันตายสมบัติจะได้เป็นของเทิดศักดิ์คนเดียว”
ฟากเนียนยังฉุดดึงลูกสาวต่อไป แต่ทานตะวันขัดขืนไม่เลิกรา ท่ามกลางฝนฟ้าคะนอง
“คุณหนู หยุดอาละวาดนะคะ ดูสิคะฟ้าฝนคะนองร้องดังมากขึ้นทุกที”
“ชั้นไม่สนใจ ชั้นขยะแขยงแก ไม่ต้องการให้แกมาถูกตัวชั้น แกไม่ใช่แม่ชั้น แกเป็นคนใช้ ชั้นต้องการคุณแม่เท่านั้น ปล่อยนะ ไม่ปล่อยใช่ไหม”
เนียนส่ายหน้า ทานตะวันก้มลงกัดแขนเนียนจนเลือดซึมออกมา แต่เนียนก็ไม่ปล่อยยังคงลากทานตะวันไปต่อ ที่สุดเนียนทนไม่ไหว ตบหน้าลูกสาวคนโตฉาดใหญ่ ตบสุดแรงเกิด
“ไม่มีทางเลือกแล้วค่ะ”
ทานตะวันตกใจปล่อยมือจากเนียน แล้วเปลี่ยนเป็นโกรธแค้นขึ้นมาอีก
“แกตบชั้น”
จังหวะนั้นเสียงฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมา ประกายแสงวาบ เนียนกระชากร่างทานตะวันเข้าที่พุ่มไม้ แล้วเอาตัวเองทับคร่อมร่างลูกสาวไว้
ทานตะวันตกใจกลัวฟ้าผ่ากรี๊ดลั่นหมดสติไป “อ๊าย...ชั้นกลัว ชั้นกลัว”
“ลูกแม่”
เนียนกอดทานตะวันไว้แน่นโดยไม่คิดถึงชีวิตตัวเอง เสียงต้นไม้หัก เนียนแหงนหน้าไปมองเห็นต้นไม้โดนฟ้าผ่าหักโค่นลงมาตรงที่เนียนกับลูกฉุดรั้งกัน
ฝ่ายทองจันทร์กับเนื้อทองก็ตกใจมาก เมื่อถูกท่านขุนกับเรียมมาถามถึงเรือน สองคนผัวเมียตกใจในคำตอบของทองจันทร์
“ยัยอี๊ดไม่ได้มาเรือนแม่ดอกนะ”
“โธ่ หนูอี๊ดลูกแม่” เรียมใจจะขาดรอนๆ
“เกิดเหตุอะไรขึ้นรึ” ทองจันทร์ฉงน
“หนูอี๊ดอาละวาดใส่ผมแล้วผลักเรียมล้ม โดนผมตบหน้า แกเลยหนีออกไปว่าจะไปนอนเรือนสน”
“น้องอี๊ดไปจริงครับคุณย่า แต่ผมกับคุณแม่บอกให้กลับไปขอโทษคุณพ่อ” เทิดศักด์บอก
“ปลุกคนในบ้านลุกขึ้นมาให้หมด ออกตามหาลูกสาวข้า ค้นให้ทั่วบ้าน เดี๋ยวนี้” ขุนภักดีประกาศลั่น
“ค่ะ”
เนื้อทองรับคำ แล้ววิ่งออกไปเจอฝนสาดแต่ก็ไม่เกรงกลัว
“หนูติ๋ว เอาร่มก่อน” เรียมตะโกนบอก
“เทิดรีบตามไปสิ” ขุนภักดีบอก
เทิดศักดิ์ได้สติรีบตามเนื้อทองไปทันที
“น้องติ๋วพี่ไปด้วย”
“เรียมจะออกไปตามหาลูก”
“เรียมอยู่กับคุณแม่ พี่จะออกไปดูลูกเอง”
ภักดีขุนพูดจบก็วิ่งออกไปอีกคน เหลือเพียงทองจันทร์กับเรียมอยู่ด้วยกันสองคน
“เฮ้อ เพิ่งมีเรื่องอิ่มอกอิ่มใจไปตอนหัวค่ำ ไม่ทันข้ามคืน มีเรื่องร้อนใจเสียแล้ว”
“คุณแม่อิ่มใจเรื่องอะไรคะ” เรียมฉงน
“เอาไว้ก่อน ห่วงหนูอี๊ด กลัวจะเป็นอะไรไป” ทองจันทร์ไม่วายชะเง้อออกไปนอกเรือน
“เข้าไปด้านในเถิดค่ะ คุณแม่ เดี๋ยวละอองฝนสาดจะเป็นไข้หวัดค่ะ”
เรียมประคองหญิงชราเข้าไปด้านใน
ส่วนเนียนหายตกใจแล้ว กำลังพยายามจะอุ้มทานตะวันไป ใจจะขาดรอนๆ จนร้องไห้ออกมา
“อย่าเป็นอะไรนะ อย่าเป็นอะไรนะทูนหัว”
ทานตะวันปรือตามอง ในอาการเบลอๆ แต่ยังมีฤทธิ์เดช
“เรียกใครทูนหัว ชั้นไม่ใช่ทูนหัวของแก”
“เอ้อ ขอประทานโทษค่ะ ชั้นเผลอไปน่ะค่ะ”
“อย่าเผลออีก ชั้นไม่ต้องการความรักจากแกจำไว้”
“ค่ะ”
“โชคดีแท้ๆ ที่ชั้นไม่ได้ถูกฟ้าผ่าตาย”
“ค่ะ คุณหนูมีบุญมากค่ะ รอดเฉียดฉิวไปนิดเดียว ต้นไม้นั่นโค่นลงมาตรงที่คุณหนูยืนอยู่เมื่อสักครู่”
“เฉียดฉิวไปนิดเดียว แกกระชากชั้นหนีมาตรงนี้ ใช่ไหม นี่แกช่วยชีวิตชั้น”
“ช่างเถิดค่ะ รีบไปค่ะ ไปให้พ้นจากตรงนี้ เกิดมันผ่าลงมาอีกจะหลบไม่ทันค่ะ”
“น่ากลัวจริงๆ ชั้นกลัว ชั้นกลัว รีบพาชั้นไปจากตรงนี้เร็วที่สุด” ทานตะวันผวา
“ค่ะ”
“ชั้นเดินไม่ไหว ชั้นหนาว ชั้นเหนื่อย ชั้น...ชั้น...”
ทานตะวันทำท่าจะหมดสติอีกครั้ง เนียนเอามือลูกพาดบ่า พยุงตัวขึ้นมาแล้วใช้แรงสุดกำลัง พยายามพาทานตะวันเดินฝ่าฝนไปยังเรือนทองจันทร์
“ไปเรือนคุณท่านนะคะ ใกล้ที่สุด ทนเอาหน่อยนะคะ ทูนหัว”
“เรียกชั้นทูนหัวอีกแล้ว” ทานตะวันไม่โกรธเท่าครั้งแรกแล้ว
“ชั้นขอโทษค่ะ คือชั้นเทิดทูนคุณหนูมากน่ะค่ะ”
“ทั้งที่ชั้นบอกเกลียดแกเสมอมารึ แกนี่ประหลาด ทำไมไม่โกรธไม่เกลียดตอบชั้น”
“ชั้นไม่มีวันเกลียดคุณหนูค่ะ”
“แกไม่กลัวฟ้าผ่าตายหรือ”
“ชั้นไม่กลัวดอกค่ะ ตายก็ช่าง ขอเพียงให้คุณหนูปลอดภัย”
“ชั้นปลอดภัยแล้วใช่ไหม”
“ปลอดภัยจากฟ้าผ่า แต่ยังไม่ปลอดภัยจากปวดบวม คุณหนูหนาวสั่นฟันกระทบกันไปหมดแล้วค่ะ”
ทานตะวันหนาวสะท้านไปทั้งร่าง ฟันกระทบกันดังกึกๆๆ
“ชั้น ชั้นจะตายไหม ชั้นไม่อยากตาย”
เนียนส่ายหน้า ทานตะวันสั่นจนเบียดแทรกตัวเข้ามาที่ตัวเนียนโดยไม่รู้ตัว เนียนโอบกอดลูกสาวคนโตเอาไว้แน่น กลัวทานตะวันหนาว
“ไม่ ไม่ค่ะ อย่าพูดเรื่องตายค่ะ ให้ชั้นกอดคุณหนูนะคะ คุณหนูจะได้หนาวน้อยลงนะคะ”
“กอดชั้น กอดชั้นแน่นๆ แน่นให้มากที่สุดนะเนียน อย่าทิ้งชั้นนะ”
“ไม่ทิ้งดอกค่ะ”
เนียนน้ำตานองหน้า ฝนซาเม็ดลงแล้ว เนียนกอดทานตะวันไว้ ทานตะวันก็กอดเนียนแน่น น้ำตาเนียนไหลเป็นทางที่ได้กอดลูกสาวเต็มๆ เป็นครั้งแรก
“ทูนหัวคนดี ไม่ต้องกลัวนะคะ ไม่ต้องกลัว เนียนจะปกป้องทูนหัวนะคะ”
ทานตะวันไม่ติดใจต่อว่าเนียนเรื่องเรียกทูนหัวอีกแล้ว
ฝนค่อยๆ ซา และหยุดเม็ดแล้ว ในขณะที่เทิดศักดิ์กับเนื้อทองติ๋วตามหาทานตะวันมาถึงอีกมุมในบริเวณบ้านภักดีภูบาล
“น้องอี๊ด น้องอี๊ด”
“คุณหนู คุณหนู อุ๊ย”
เนื้อทองรีบร้อนจนหกล้ม เทิดศักดิ์ประคองไว้ทัน เนื้อทองเซมาปะทะอกเทิดศักดิ์จังๆ เทิดศักดิ์มองหน้าเนื้อทองอย่างหลงใหล ขณะที่เนื้อทองรีบก้มหน้า
เทิดศักดิ์จับคางเนื้อทองให้เงยหน้าขึ้นมามองสบตา
“น้องติ๋ว”
เนื้อทองเบี่ยงตัวออกมา “รีบตามหาคุณหนูกันต่อเถอะนะคะ”
“เอ้อ ครับ เอ้อ พี่ขอโทษ ที่พี่เผลอตัว พี่จะไม่เป็นเช่นนี้อีก”
เนื้อทองไม่ตอบรีบสาวเท้าเรียกหาเนื้อทองต่อไป เทิดศักดิ์รีบตามไปจับมือเนื้อทองไว้
ฟากกบกะแมว สองคนออกตามหาอีกมุมหนึ่ง
“คุณหนู อี๊ดขา”
“คุณหนูอี๊ดแขน”
กบหันมาหยิกแมว
“นังบ้า นี่กำลังหน้าสิ่วหน้าขวานนะยะ เอ็งอย่ามาทำทะลึ่ง”
“ก็แหม คนมันอยากแก้เครียดนี่นา เอ็งว่าไหม คุณหนูอี๊ดคงโกรธ จนไม่กลัวตายเห็นสายฟ้าผ่าเป็นสายฟ้าแลบ ออกไปซ่อนตัวท่ามกลางพายุฝน เพื่อทรมานคุณพ่อคุณแม่ให้ใจขาด” แมวบอก
“ทรมานข้า เอ็ง คุณเทิดศักดิ์ คุณเรียม คุณท่าน ยกเว้นคุณสน”
“อ้าว นังกบปากพาโดนฆ่าแกงเสียแล้วไหมล่ะ”
“เอ็งคิดว่าที่คุณสนทำตามใจคุณหนูอี๊ดจนเสียคนนี่เพราะรักหรือว่าเพราะชัง”
“อืม ก็น่าคิดเนาะ เฮ้อ คุณหนูอี๊ดนี่เกิดเป็นลูกข้าหน่อยไม่ได้ จะตีเช้าทุบเย็นให้น่วมจนนิ่ม”
กบกะแมวร้องเรียก “คุณหนูๆๆๆๆ”
ขุนภักดีกับเอกออกตามหาอีกมุม พลางตะโกนเรียก
“หนูอี๊ด ออกมาหาพ่อนะ”
“คุณหนูขอรับ อยู่ไหนขอรับ แถวนี้ผีดุนะขอรับ”
“อุบ๊ะ ไอ้เอกอย่านอกเรื่อง หรือว่าลูกสาวข้า หนีออกไปนอกบ้าน”
“นั่นสิขอรับ คุณหนูเธอใจเด็ดออกขอรับ ถ้าลองโกรธขึ้นมา ไม่ดูหน้าอินทร์หน้าพรหมยมบาล”
สองคนเริ่มกังวล
“ไปเอากุญแจรถมา ข้าจะออกไปตามหาหนูอี๊ดนอกบ้าน”
“ได้ขอรับ”
เอกวิ่งไปทานเรือน ขุนภักดีสอดตามองไปรอบๆ
สองคนนั่งหลบอยู่ด้านในเรือนชาน ชะเง้อคอมองอย่างกังวล
“นังหลานคนนี้ มันน่าตีให้ก้นลาย วันๆ มีแต่ก่อเหตุ”
“ค่ะ เรียมผิดเอง เรียมสอนลูกไม่ดี เลี้ยงไม่เป็นเหมือนเนียนเขา”
“เอ๊ะ นี่มีใครไปปลุกเนียนมัน เรื่องยัยอี๊ดหายไปหรือเปล่า” ทองจันทร์นึกได้
“จริงสิ มัวแต่ตกใจ จนลืมบอกเนียนคะ เรียมไปเองค่ะ”
เรียมรีบลุก ทองจันทร์โบกมือห้าม
“ไม่ต้องดอก ยัยอี๊ดไม่ใช่ลูกมัน แถมเกลียดมัน ขืนให้ไปตาม เดี๋ยวยัยอี๊ดเลยเตลิดหนีแทนที่จะเจอ”
“ไม่ได้ค่ะ หนูอี๊ดเกลียดเนียน แต่เนียนรักหนูอี๊ดมากค่ะ ยังไงๆ เรียมก็ต้องบอกให้เนียนรู้ค่ะ”
เรียมรีบเดินไปที่ห้องเนียนทันควัน
“เนียนนี่มันช่างมีอะไรแปลกประหลาดจริง รู้ทั้งรู้ว่าเขาเกลียด ก็พยายามจะไปรักเขา”
ทองจันทร์ชะเง้อมองต่อไป
ฟากขุนภักดียืนรอกุญแจรถ พลางส่ายตาหา
“หนูอี๊ด พ่อขอโทษ พ่อทำรุนแรงมากไป ต่อไปนี้ แม้ว่าลูกจะเกรี้ยวกราด พ่อจะไม่ใช้ความรุนแรงโต้ตอบ พ่อจะพยายามใช้เหตุใช้ผลพูดกับลูก”
ขุนภักดีสะท้อนใจ ยืนรอท่าทีกระสับกระส่าย
เรียมไม่พบเนียนในห้องก็แปลกใจมาก
“เนียนไม่อยู่ในห้อง แปลกแท้ๆ ฝนตกหนักอย่างนี้ เนียนออกไปไหน”
หน้าต่างโดนลมพัดเปิดอ้าออกไป เรียมมองตามหน้าต่างที่ลมพัด แล้วเดินไปเพื่อจะปิด แต่เห็นบางอย่าง
“เอ๊ะ”
ท่านขุนพึมพำ
“บอกทุกคนให้ช่วยตามหาหนูอี๊ด แต่ไม่มีใครบอกเนียน”
ขุนภักดีเขม้นมองไป เห็นบางอย่าง
“เอ๊ะ”
สองคนพากันรีบร้อนมา
“เราลืมบอกแม่เนียนเรื่องคุณหนูอี๊ด แม่ทราบต้องตกใจมาก แม่เนียนรักคุณหนูมากน่ะคะ”
“รักจนไม่ถือสาหาความเวลาโดนด่าว่าเจ็บๆ แสบๆ พี่ไม่ชอบใจเลย”
สองคนมองไปเห็น
“นั่น นั่น”
ฟากกบกับแมวเดินกลับมาทางเรือนทองจันทร์
“เนียนจะรู้หรือเปล่า”
“น่าจะรู้ คงกำลังตามหาเหมือนเรานี่แหละ” แมวว่า
“ขานั้นเขารักของเขา รักไม่ดูดำดูดี รักไม่ห่วงตัวเองเจ็บช้ำน้ำใจ” กบบอก
สองคนชะงัก ชี้ไม้ชี้มือออกไปเบื้องหน้า
“นั่น นั่น”
ที่ทุกคนเห็นคือเนียนกำลังโอบประคองกอดทานตะวันไว้แน่นเดินมา ทานตะวันก็กอดเนียนแน่นเช่นกัน
“ชั้นปลอดภัยแล้วแน่นะเนียน”
“ค่ะ ปลอดภัยแล้ว คุณหนูรีบเข้าบ้านเปลี่ยนเสื้อผ้ารีบไปหาหมอนะคะ”
“แล้วเนียนเล่า เนียนก็หนาว แถมเนียนโดนชั้นกัดจมมิดเขี้ยว เนียนไม่ไปหาหมอรึ”
“เอ้อ เนียน จะไปเฝ้าพยาบาลคุณหนูจนกว่าคุณหนูจะไม่ต้องการค่ะ แข็งใจอีกนิดนะคะ”
ทานตะวันสะท้อนใจ ถามขึ้น “เนียนเคยเกลียด เคยโกรธใครบ้างไหม”
“เอ้อ...เนียนก็เหมือนทุกคน แค่เนียนชอบเก็บเอาไว้ในใจ มากกว่าแสดงออกมาค่ะ”
ขณะที่ทองจันทร์ยืนชะเง้อคอ เรียมวิ่งออกมาจากห้องเนียน ท่าทางตื่นเต้นมาก
“แม่เรียม ตื่นเต้นอะไร”
“เจอแล้วค่ะ เจอหนูอี๊ดแล้วค่ะ”
“เจอที่ไหนก็เพิ่งออกมาจากห้องเนียนมันแท้ๆ”
เรียมชี้บอก “นั่นค่ะ คุณแม่ หนูอี๊ดอยู่กับเนียนค่ะ”
ทองจันทร์เพ่งมองตามไป ตื่นเต้นตบอกผาง
“มิน่าฟ้าผ่ากลางบ้าน ยัยอี๊ดกอดเนียนแน่นเป็นไปได้อย่างไร”
“เป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์และดีงามค่ะ เรียมดีใจ เรียมมีความสุขมากค่ะ”
“นี่กระมังเป็นเหตุที่ฟ้าผ่าลงมากลางบ้านเรา”
เรียมตื้นตันนัก จูงมือทองจันทร์รีบพากันลงเรือนไปรับสองคน
ทุกคนเห็นเนียนกับทานตะวันแล้ว ท่านขุนวิ่งเข้าไปหาสองคนมีเอกวิ่งตาม
“หนูอี๊ดของพ่อ”
“เนียน”
เทิดศักดิ์กับเนื้อทองวิ่งมาหา เห็นแล้วเช่นกัน
“น้องอี๊ด น้าเนียน”
“คุณหนู แม่เนียน”
กบกะแมว วิ่งเข้ามา
“เนียน คุณหนู”
เรียมกับทองจันทร์มาถึงเป็นคู่สุดท้าย
“หนูอี๊ดของแม่” / “ยัยหนูของย่า”
ทุกคนมารุมล้อมที่ทั้งสองคน เนียนหยุดหอบ ทานตะวันกำลังจะหมดแรง
“ไปให้พ้นไม่มีใครต้องการหนู มีแต่เนียนที่ช่วยหนู”
ขาดคำเนื้อทองก็หมดสติ ขุนภักดีรีบวิ่งไปรับร่างลูกสาวไว้ได้ทัน
“หนูอี๊ด” / “คุณหนูอี๊ด” ทุกคนร้องพร้อมกันๆ
พอท่านขุนรับทานตะวันไป เนียนก็หมดแรงทรุดลงไปเช่นกัน
“เนียน” ทุกคนตกใจร้องกันระงม
“แม่เนียน” / “น้าเนียน”
เทิดศักดิ์กับเนื้อทองปราดไปที่เนียนทันควัน
รุ่งสางก่อนตี 5 เห็นจะได้ แลเห็นสนซึ่งสวมใส่ชุดดำ เอาผ้าโพกหัวพันหน้า ย่องลงเรือนมา ในมือหิ้วห่อข้าวมาสามห่อ ดวงตาอันเหี้ยมโหดของสนเปล่งประกายวาววับโผล่พ้นออกมาจากผ้าโพกหัวนั้น
ขณะเดียวกันที่โรงพยาบาล ประจำจังหวัด เนียนยังนอนหมดสติอยู่ที่เตียงยังไม่ฟื้น ทานตะวันก็นอนหมดสติอยู่อีกเตียงหนึ่ง ขุนภักดีกับเรียมลูบไล้ใบหน้าลูกสาว
“พ่อเป็นพ่อที่ไม่มีความอดทน พ่อเสียใจ”
“แม่เสียใจแม่ดูแลลูกไม่ดี”
เนื้อทองจับมือเนียนน้ำตาไหลพราก
“แม่เนียนขา แม่เนียนอย่าเป็นอะไรมากนะคะ”
เทิดศักดิ์มองทั้งสองเตียงสลับกัน พลอยซึมไปด้วย
“น้าเนียนน่าจะเป็นมากกว่าน้องอี๊ด แผลนั่นฟันน้องอี๊ดทั้งนั้น พี่จะไม่ยอมให้น้องอี๊ดทำตัวเหลวไหลอีกต่อไป”
หมอเจ้าของไข้เดินเข้ามา รายงานผลตรวจต่อท่านขุน
“เป็นปอดบวมทั้งสองคนขอรับ ท่านข้าหลวง”
“หนักมากไหมคะ” เรียมถาม
“หนักเอาการขอรับคุณนาย หมอเข้าใจว่าน่าจะเพราะไปตากฝนมาเป็นเวลานานมาก ไปไหนกันมาหรือขอรับ”
“เอ้อ..ไปติดฝนในบ้านนั่นแหละหมอ แต่พื้นที่ในบ้านมันกว้างสักหน่อย ก็เลยติดฝนเสียนานกว่าจะมีใครพบเข้า” ขุนภักดีว่า
“ต้องพักที่โรงพยาบาลนานแค่ไหนครับ คุณหมอ”
“น่าจะเกินเจ็ดวัน ทุเลาลงเมื่อไหร่ หมอจะให้กลับบ้านขอรับท่านไม่ต้องห่วงขอรับ ยาสมัยนี้ดีมากขอรับ”
“แต่ยังไงก็ยังห่วง” ขุนภักดีถอนใจ “ห่วงจนไม่อยากไปไหน” ว่าพลางปรายตาดูเนียนด้วย
“แต่พี่เทพต้องกลับไปทำงานนะคะ ทางนี้เรียมเฝ้าเองค่ะ”
ท่านขุนเอาแต่มองเนียน “แล้วนั่น เอ้อ ฝากเรียมดูแลด้วยนะ”
“ค่ะ” เรียมรับปาก
“น้องติ๋ว ครับ เอ้อ...จะให้พี่ไปลาที่โรงเรียนให้ไหมครับ”
“ขอบคุณมากค่ะ พี่เทิดศักดิ์”
“กลางวันจะแวะมาดู” ขุนภักดีบอกเรียม
“ผมจะมากับคุณพ่อครับ
ท่านขุนเดินมาหยุดที่ข้างเตียงเนียนมองหน้าเงียบๆ ขอบคุณเนียนอยู่ในใจ
“ขอบใจมากเนียน ที่ช่วยหนูอี๊ด” แล้วบอกกำชับเนื้อทอง “ดูแลกันให้ดีๆ นะ”
“ค่ะ ขอบพระคุณมากค่ะ”
เนื้อทองลุกเดินไปส่งท่านขุนกับเทิดศักดิ์แล้วไหว้สองคน
ขุนภักดีกับเทิดศักดิ์พากันออกไปแล้ว เรียมผวามาที่ข้างตัวเนียนน้ำตาไหล จับมือเนียนอีกข้าง
“เนียนจ๋า... เนียนทำหน้าที่ของเนียนดีจนไม่มีที่ติ ชั้นเสียอีกที่ทำไม่ได้ดีเท่าเนียน ชั้นขอโทษนะเนียน ไม่มีเนียน ป่านนี้หนูอี๊ดจะเป็นเช่นใด พวกเราคงใจขาดรอนๆ กันทั่วหน้า”
เรียมน้ำตาไหลพราก เนื้อทองมองแล้วแปลกใจต่ออาการของเรียมที่ดีกับเนียนมากเกินปกติ
เช้ามืดสายมารอสนตามนัด ออกอาการชะเง้อคอมอง
“ทำไมคุณนายสนยังไม่มาสักที”
ที่สุดสนมาถึงในสภาพคลุมหน้าพรางตัวดัดเสียงทัก
“ชื่อสายหรือเปล่า”
“ใช่ เอ้อ...”
“คุณนายสนใช้ให้ชั้นมา หาคนชื่อสาย”
“อ้าว ไหนคุณนายว่าจะมาเอง เอาเงินห้าตำลึงมาให้ด้วย”
สนยกถุงโชว์ให้ดู
“นี่เงิน แล้วนี่ห่อข้าวของเอ็ง”
“ไหนห่อข้าวของไอ้สองคนที่ตะราง”
“คุณนายสนเปลี่ยนใจ ไม่อยากให้เอ็งลำบากลำบนยุ่งยากคุณนายฝากบอกชั้นมาว่าให้เอ็งกินข้าวที่ให้มา แล้วรีบหอบเงินไปให้ไวๆ”
“ขอบคุณคุณนายสนท่านจริงๆ ช่างเมตตา” สายสูดกลิ่นอาหาร “หอมน่ากินจัง”
“ข้าวเหนียวกับหมูทอด อย่างดีจากครัวท่านข้าหลวงเชียวนะ” สนยั่วน้ำลาย
ไม่พูดเปล่า สนแกะห่อข้าวออกมาให้ดูล่อน้ำลาย สายเลียลิ้นแผล็บๆ
“รับไปสิ โชคดีนะ ชั้นไปก่อน”
สายรีบรับทั้งเงินและอาหาร สนยิ้มเดินจากไป แล้วหยุดเหลียวมามองสาย
“กินสิ ไม่กินจะเอากลับคืนไปให้หมากินนะ”
“กินจ้ะ กินสิจ้ะ เอ้อ อยากดูหน้าจังว่านั่นพี่สาวหรือน้องสาวกันแน่”
สนเดินยิ้มไป ดึงผ้าโพกหน้าออกยิ้มดุดัน
ด้านหลังสน เห็นสายหยิบข้าวเหนียวมากัด หยิบหมูทอดมายัดใส่ปากอย่างเอร็ดอร่อย
“อร่อย”
สนหันไปให้สายเห็นหน้า สายผงะ
“คุณนายสน”
สนเดินยิ้มอำมหิตเข้าไปหาสาย ที่เอามือกุมคอตาเหลือก
“เอ็งอยากเห็นหน้าข้าไม่ใช่รึ”
“ทำไม ทำมะ...”
“กินเข้าไปอีกสิให้คนโลภมาก แถมทำท่าจะปากเสีย”
สายลิ้นแข็งพูดไม่ได้แล้ว ได้แต่ยกมือชี้
“อยากถามว่าทำไมละสิ เพราะเอ็งมันรู้มากไปแล้ว ไอ้สองคนนั่นก็เช่นกัน มันจะได้กินอาหารอร่อยจากข้าเหมือนกับเอ็งนั่นแหละ”
สนหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ขณะที่สายทรุดลงไปกองชักตาตั้ง พยายามตะกายมาทางบ้านท่านขุน
ฝ่ายท่านขุนกับเทิดศักดิ์กลับมาถึงบ้าน เห็นแมว และ กบ กำลังซุบซิบกัน สีหน้าตระหนกตกใจอยู่
“พวกเอ็งมาสุมหัวกันทำไมตรงนี้”
“มีอะไรรึ”
“ไอ้สายมันหายไปตั้งแต่วันก่อนขอรับ แล้วไม่มีใครเห็นหน้ามันอีกเลย” บ่าวชายบอก
“กระผมเห็นมันก่อนไปขอรับ มันบอกว่าไปเยี่ยมแม่ป่วยขอรับเดี๋ยวมันคงกลับ” เอกบอก
กบกะแมว “บอกมันไม่กลับมาดอก”
“มัน มัน มัน...” กบละล่ำละลัก
“ตายแล้วเจ้าค่ะ”
ท่านขุน เทิดศักดิ์ และเอก สามคนตกตะลึง
“ตายแล้ว”
ส่วนสนส่งเงินให้เด็กหน้าโรงพัก
“นี่ข้าวสองห่อ เอาไปให้ไอ้คนที่บอกชื่อไว้ จำได้นะ”
“จำได้”
“นี่เงินหนึ่งตำลึง ให้เอ็งไอ้หนู บอกพวกมันว่าคนชื่อสอนฝากมาให้ เดี๋ยวตัวเขาจะตามเอาข่าวดีมาบอก”
เด็กดีใจรีบรับเงินถือข้าวห่อเดินขึ้นโรงพักไป สนมองตามเด็กด้วยสายตาโหดเหี้ยมดุร้าย
“กูช่วยอะไรพวกมึงไม่ได้แล้ว พวกมึงกำแหงกับกูเอง”
สนเดินออกไปจากที่นั่น เทิดศักดิ์ขับรถมาจอดหน้าโรงพัก สนสะดุ้งสุดตัวพึมพำ
“เทิดศักดิ์”
สนรีบก้มหน้าเดินหนีไปอย่างรวดเร็ว
เทิดศักดิ์ลงมาจากรถเห็นผู้หญิงชุดดำปิดหน้าปิดตาเดินไป แต่ไม่ติดใจ รีบเดินขึ้นไปบนโรงพัก เพราะมีคดีเรื่องสายตายรออยู่
อาญารัก ตอนที่ 15 (ต่อ)
ตำรวจเวรส่งข้าวห่อให้แช่มกับคนต้มเหล้าเถื่อน เด็กที่สนจ้างเดินออกมาจากที่นั่นแล้ว
“ญาติแก ที่ชื่อสอนเขาฝากมาให้แก” ตำรวจบอก
“ฝากมาให้ชั้นด้วยรึเปล่า” แช่มถามงงๆ
“ของแกนั่น เด็กมันบอกว่าแม่แกฝากมาให้”
“แล้วแม่ชั้นจะไม่มานี่รึ” แช่มสงสัย
“ไม่รู้ แต่เด็กมันฝากมาบอกว่า เดี๋ยวนายสอนจะมาหาแกสองคนพร้อมด้วยข่าวดี”
สองคนสีหน้าแช่มชื่น พึมพำอย่างดีใจพร้อมกัน
“ข่าวดี”
ตำรวจพยักหน้า ถอยมานั่ง คนต้มเหล้าหยิบข้าวมาแกะออก แช่มหยิบข้าวมาแกะออก
“น่ากินแท้ๆ” คนต้มเหล้าว่า
แช่มพึมพำ “ขอบคุณ คุณนายสนที่ส่งคนมาช่วยตามสัญญา”
“แสดงว่าที่ชั้นขู่ไปนั่นได้ผล” คนต้มเหล้าคุย
“ทีนี้แหละชั้นจะได้ประกันตัว รีบกินให้อิ่มก่อนออกจากตะราง”
“คุณนายแกมีน้ำใจอุตส่าห์ให้ข้าวกินก่อนช่วยเหลือ ไม่เสียแรงเอ่ยปาก”
คนต้มเหล้ากินข้าวทันที แช่มทำท่าจะหยิบกิน ช้อยเดินเข้ามาพร้อมด้วยข้าวห่อ
“ไอ้แช่ม”
“แม่” แช่มแปลกใจ
“นั่นเอ็งเอาข้าวที่ไหนมากิน”
“อ้าว ก็หมู่เขาบอกว่าแม่ฝากเด็กมาให้ชั้น”
ช้อยตระหนกตกใจมาก รีบบอก
“มึงโยนข้าวนั่นทิ้งลงไปเดี๋ยวนี้ไอ้แช่ม”
“ทำไม”
“กูบอกให้โยนทิ้ง กูไม่ได้ฝากข้าวมาให้มึงกิน”
คนต้มเหล้าตาเหลือกยกมือกุมคอ
“กูโดนวางยาพิษ มัน มันหลอกฆ่ากู”
แช่มตกใจโยนข้าวห่อทิ้ง ตำรวจเวรตกใจ คนต้มเหล้าดิ้นชักกระแด่ว
“แม่ แม่ มันจะฆ่าชั้น”
ช้อยคำรามออกมาตาวาววับ “อีสน”
เสียงเอะอะโวยวายดังไปหมด แช่มเขย่ากรงร้องลั่น
“ช่วยด้วย ช่วยด้วย มันจะฆ่าชั้น”
เทิดศักดิ์พรวดเข้ามา
“มีคนวางยาพิษไอ้คนต้มเหล้าเถื่อนครับหมวด”
เทิดศักดิ์เครียดมาก มองมาเห็นช้อย
ช้อยส่ายหน้า “ช้อยไม่เกี่ยวนะคะ ไอ้แช่มก็โดน ดีแต่ว่าช้อยมาทัน ห้ามมันไว้ได้”
เทิดศักดิ์เครียดมากขึ้นไปอีก
สามคนเข้ามาคุยกันในห้องทำงานขุนภักดี ท่านขุนกับแดงน้อยตกใจมาก พอรู้เรื่องจากเทิดศักดิ์
“ไอ้คนต้มเหล้าเถื่อนนั่น โดนวางยาพิษตายเหมือนกันหรือ” ขุนภักดีถาม
“โชคดีที่ยัยช้อยมาทันห้ามนายแช่มเอาไว้ มันเลยไม่ทันกินข้าวห่อนั่น”
“ใครเอาข้าวมาให้พวกนั้น” แดงน้อยนึกสงสัย
“ตำรวจที่เฝ้าหน้าห้องขังบอกว่า มีเด็กเอามาบอกว่ามีคนฝากให้อีกที”
“ส่งคนตามหาเด็กนั่นให้พบ แล้วคาดคั้นถามมันว่าใครให้มันมาส่ง” ขุนภักดีบอก
“ยัยช้อยโวยวายอะไรบ้างไหม เรื่องลูกชายเกือบตายไปด้วย” แดงน้อยถาม
“มันมาแปลก มันเงียบมาก ถามอะไรมันก็ไม่รู้ทั้งนั้น ผิดวิสัยยัยช้อย”
สามคนเห็นด้วยว่าผิดวิสัยของช้อย
ด้านช้อยนั่งซึมมองหน้าลูกชายที่โวยวายร้องไห้ไม่หยุด
ช้อยพึมพำอย่างโกรธแค้น “อีสน มึงจะฆ่าลูกกู อีสนมึงเห็นแก่ตัว มึงอำมหิตนัก”
“แม่พูดอะไรออกมาสักคำได้ไหม อย่าเอาแต่นั่งซึมพึมพำ ชั้นกลัว ชั้นกลัวตาย”
“เงียบนะไอ้แช่ม มึงมันไอ้หน้าไม่อาย มึงทำเรื่องเดือดร้อนเอง มึงอย่าโวยวาย”
“นี่แม่ด่าชั้นกี่รอบแล้ว ดีละ ชั้นพินาศคนอื่นก็ต้องพินาศ ชั้นจะบอกตำรวจให้หมดเรื่อง…”
ช้อยตวาดแว้ด “กูบอกให้เงียบ ปล่อยให้กูจัดการ ขืนมึงปากโป้ง มึงจะโดนโป้งไม่รู้ตัว ไม่กลัวเร๊อะ แบบเมื่อเช้าถ้ากูมาไม่ทันป่านนี้มึงคงไปอยู่กับไอ้คนต้มเหล้าเถื่อนเมื่อเช้าในนรกแล้ว”
แช่มสงบลง ช้อยลุก
“แล้วแม่จะกลับมาหามึง มึงไม่ต้องไปกินของที่ใครเอามาให้ นอกจากข้าวแดง ของตำรวจ
“จ้ะแม่”
แช่มมองตามแม่จนสุดสายตา
ส่วนที่โรงพยาบาลเนียนฟื้นก่อนทานตะวัน พึมพำเรียกอย่างลืมตัว
“ทูนหัวของแม่”
ติ๋วนั่งมองเนียนอยู่ เข้าใจว่าเนียนเรียกตัวเอง
“หนูอยู่นี่ค่ะแม่”
เนียนได้สติเต็มที่จนมองเห็นเป็นหนูเนื้อทอง
“หนูติ๋ว นี่เอง”
“เมื่อกี้แม่เพิ่งเรียกหนูว่าทูนหัว”
“แม่ แม่ ตาลายสับสนพูดจาเลอะเทอะจ้ะ นี่แม่อยู่ที่ไหน”
เนียนพยายามจะลุกแต่ไม่ไหว เรียมเดินมาหาเนียนมานั่งข้างๆ
“แม่เนียนอยู่โรงพยาบาลค่ะ”
“แล้วคุณหนู คุณหนูเป็นอย่างไร คุณหนูปลอดภัยไหม คุณหนูอยู่ที่ไหน”
เนียนนึกได้ ตกใจมากกลัวลูกสาวคนโตตาย
“หนูอี๊ดปลอดภัย เพราะเนียนช่วยชีวิตหนูอี๊ดเอาไว้จ้ะ แต่แกเป็นปวดบวม
“คุณหนู คุณหนู โธ่....” เนียนยิ้มทั้งน้ำตา
“ยังหลับอยู่นั่นไงจ้ะเนียน”
“เนียนขอโทษค่ะ คุณเรียม เนียนพยายามจะพาคุณหนูกลับเรือนคุณท่านแต่...”
เรียมจับที่แขนเนียน
“หนูอี๊ดอาละวาดกัดเนียน หมอฉีดยากันบาดทะยักให้แล้ว ชั้นต่างหากที่ต้องขอโทษเนียน ชั้นเลี้ยงลูกไม่เป็น เลี้ยงลูกไม่เก่งเหมือนเนียน”
“อย่าพูดอย่างนั้นสิคะ เนียนไม่ถือสา เธอดอกค่ะ” เนียนว่า
“แต่มาถึงตอนนี้ ชั้นกับพี่เทพเห็นจะต้องถือสักทีแล้ว ปล่อยต่อไปไม่ได้ดอก หนูติ๋ว ขอโทษด้วยนะ ที่หนูอี๊ด ทำแม่เนียนของหนูป่วยแถมโดนกัด”
“หนูไม่ถือสา คุณหนูเธอดอกค่ะ”
เนื้อทองบอก
เสียงทานตะวันครางขึ้นมา อย่างคนเสียขวัญ
“ชั้นกลัวชั้นกลัวฟ้าผ่า อย่าทิ้งชั้นนะ อย่าทิ้งชั้น เนียนอย่าทิ้งชั้น”
“คุณหนู”
“ลูกอี๊ด”
เรียมผวาตัวไปหาทานตะวัน เนียนพยายามจะลุก เนื้อทองประคองไว้ให้เนียนมองเห็น เรียมไปหาอี๊ด
“หนูอี๊ด”
“ไม่มีใครรักชั้น ไม่มีใครรักชั้น มีแต่คนรักนังติ๋ว” ทานตะวันร้องละเมอ
เรียมพูดไม่ออก ที่ทานตะวันเพ้อ ได้แต่หันมามองทางสองคน
“คุณหนูเธอเพ้อค่ะ เธอตกใจฟ้าผ่า ฟ้าผ่าต้นไม้ล้มลงมาตรงที่เราสองคนอยู่พอดี โชคดีที่พ้นมาได้”
“ทำไมทุกคนต้องรักมัน นังลูกชู้” ทานตะวันเพ้อต่อ
เนียนกับเนื้อทองนิ่งเงียบ เรียมน้ำตาคลอ สบตาเนียนกับเนื้อทองเป็นเชิงขอโทษ เสียงเคาะห้องดังขึ้น
“เชิญ” เรียมหันไป
เป็นแดงน้อยเดินเข้ามาในห้อง พร้อมด้วยขนมและผลไม้
“สวัสดีครับ คุณนายแม่ น้าเนียน เทิดศักดิ์บอกผมครับ”
“นายอำเภอมา นายอำเภออุตส่าห์มา” เนียนดีใจมาก
“น้าเนียนเป็นอย่างไรบ้างครับ”
“น้าแข็งแรงค่ะ แต่คุณหนูยังแย่มากค่ะ ยังเพ้ออยู่”
แดงน้อยหันไปมอง ทานตะวันเพ้ออีก
“พี่แดงน้อยก็หลงรักนังติ๋ว”
ทุกคนหน้าเสีย
เรียมตัดบท “เทิดศักดิ์กับคุณพ่อบอกว่าจะมา”
“เอ้อ..มาไม่ได้แล้วครับ มีคดีเกิดขึ้นติดกันสามคดี และน่าจะโยงมาเป็นคดีเดียวกันได้ครับ นายสาย นายคนต้มเหล้าเถื่อน นายแช่ม ถูกวางยาพิษจากคนๆ เดียวกัน”
ทุกคนตกใจมาก ขณะที่ทานตะวันยังคงละเมออยู่นั่น
“พี่แดงน้อยกับพี่เทิดศักดิ์แย่งกันรักนังติ๋ว”
ฟากสนอยู่ที่เรือนของตน กำลังยัดชุดสีดำและผ้าโพกหัวปิดหน้าซ่อนไว้ในหีบ เทิดศักดิ์เปิดประตูเข้ามา
สนสะดุ้ง “เทิดศักดิ์ ทำไมลูกกลับบ้านมาตอนกลางวัน”
“เพราะ บ้านเรามีเรื่องมาตั้งแต่กลางคืนนี่ครับ หาน้องอี๊ดพบพาไปโรงพยาบาล กลับมาบ้านมีเรื่องนายสายคนรับใช้แม่สนถูกวางยาพิษตาย”
สนทำเป็นตกใจมาก
“ตายจริง เวรกรรม โธ่เอ๊ย แม่จะทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้มัน”
“คนร้ายอำมหิตมาก มันไม่ใช่แค่วางยาพิษนายสาย มันยังใช้เด็กส่งข้าวใส่ยาพิษไปให้ไอ้คนต้มเหล้าเถื่อนที่คุณพ่อไปบุกจับวันก่อนตายไปด้วย”
สนเบือนหน้าหันไปยิ้ม แล้วหันมา
“ช่างน่าสมเพชพวกมัน มันคงไปมีเรื่องกับใครเขาเอาไว้”
“ไอ้คนต้มเหล้าเถื่อนนั่นพอเข้าใจได้ครับ เพราะบ้านมันอยู่ละแวกนี้ แต่ไอ้แช่มลูกยัยช้อยนี่สิครับ แถวนี้มีคู่กรณีก็แต่ที่บ้านเรา แต่มันดันโดนวางยาไปด้วย แสดงว่าคนวางยาคือคนเดียวกัน”
ในใจสนดีใจมาก เผลอไผลพูดออกมา
“นี่มันตายกันทั้งสามคนเลยรึ”
“สองเท่านั้นครับ” เทิดศักดิ์บอก
สนทำของในมือหล่น
“ว่ากระไรนะ”
“ไอ้แช่มมันไม่ตายดอกครับ ยัยช้อยมันมาห้ามไว้ทัน ดูท่าว่ายัยช้อยจะรู้ว่าใครทำ”
“ตายจริง แล้วนังช้อยมันให้การว่าอย่างไรบ้าง”
“มันไม่ให้การครับ มันนิ่ง แต่สีหน้ามันเหมือนจงใจจะไม่บอก ทั้งที่รู้มันปิดบังอะไรไว้แน่นอนครับ เอ้อ มันอาจแวะมาหาคุณแม่ ถ้ามันมาหาคุณแม่ คุณแม่พยายามหลอกล่อถามมันนะครับ ให้มันพูดออกมาว่าใครเป็นตัวการ”
“จ้ะ จ้ะ แม่จะถาม”
“เอ้อ คุณแม่จะไปเยี่ยมน้องอี๊ดกับน้าเนียนไหมครับ”
สนส่ายหน้า
“แม่ เอ้อ ปวดหัวมาก แม่ฝากเยี่ยมด้วยนะลูก”
“ครับ ผมแค่แวะมาเล่าเรื่องราวน่าสยดสยองให้คุณแม่ทราบ จะได้ระวังตัวเพราะ คุณแม่เองก็มีคนคอยจ้องทำร้ายอยู่ นะครับ”
“ขอบใจที่ห่วงแม่ แม่ดีใจนะที่รักแม่ ดื่มน้ำตาลสด สักแก้วไหมลูก”
“ขอบคุณมากครับ แต่ผมร้อนใจ อยากทราบว่าคนที่คุณพ่อกับแดงน้อยส่งไปตามจับตัวเด็กส่งข้าว ว่ามันรับข้าวมาจากใคร ไม่รู้ทราบข่าวหรือยัง”
สนสะดุ้งอีกรอบ เทิดศักดิ์เดินออกไป สนเข่าอ่อนนั่งโดยไม่ต้องออกแรงแปะลงไปกับพื้น
“นี่มันอะไรกัน นรกเริ่มมากินกูแล้วหรือนี่ อีช้อยมึงอย่ามาหากูนะอีช้อย อย่ามาทีเดียว กูเหนื่อยฆ่าคนเต็มทีแล้ว กูไม่อยากจนตรอกมากกว่านี้”
ขณะเดียวกันช้อยนั่งอยู่ริมคลองทำตัวเป็นคนตกปลา มีผ้าขาวม้าคลุมหน้ากันแดด นั่งตกปลาเงียบๆ ใจลอย
คิดเรื่องช่วยลูก
“อีสน กูไม่มีทางเลือก เป็นไงเป็นกัน ถ้ามึงไม่ช่วยลูกกู กูก็ไม่เว้นมึง พินาศวอดวายไปด้วยกัน กูไม่สนใจ ให้ลูกกูรอดเท่านั้นกูถึงพอ กูจะพูดกับมึงเป็นครั้งสุดท้าย”
ท่านขุนกับแดงน้อยอยู่ด้วยกัน เทิดศักดิ์เดินเข้ามาในห้อง
“ได้ตัวเด็กนั่นแล้วรึ ลูกเทิดศักดิ์”
“เด็กบอกว่ามีผู้หญิงชุดดำ มีผ้าข้าวม้าตารางสีดำปิดหน้ามาจ้างให้เอาไปให้แล้วสั่งให้พูดตามที่บอก”
เทิดศักดิ์นึกถึงภาพหญิงชุดดำที่ตนเห็นหน้าโรงพัก
“ผมเห็นผู้หญิงชุดดำหน้าโรงพัก แต่ไม่ได้ติดใจ”
เทิดศักดิ์ ไม่สบายใจอย่างหนัก
สนใจคอไม่ดี เดินมาปิดหน้าต่าง ปิดประตูบ้านกลัวไม่น้อย เสียงนกแสกบินผ่านแล้วร้องดังขึ้นมา
ในความมืด แส๊กกๆ
“ว๊าย ไอ้นกบ้า ดันมาแหกปากร้องทำไมตอนนี้ ข้ายิ่งใจคอไม่ดี รึนี่คือลางร้าย”
จู่ๆ มีก้อนหินเล็กๆ ถูกผูกกับข้าวห่อโยนเข้ามาในหน้าต่าง ผ่านสนตกลงไปที่พื้นห้อง
“ว้าย”
สนร้องลั่น หันไปมอง ยิ่งตกใจมาก เพราะนั่นคือข้าวห่อที่สนได้ส่งให้แช่มกับทุกคนกินนั่นเอง
“ข้าวห่อนั่น โอ๊ย นี่มันบ้าอะไรกันขึ้นมา”
ยินเสียงช้อยดังมาจากใต้หน้าต่าง
“ข้าวห่อที่คุณสนฝากไปให้ไอ้แช่มมันกินไงเจ้าคะ”
สนมองลงไปเจอช้อย ยืนเงยหน้ามองขึ้นมามองจากใต้หน้าต่าง
“อีช้อย มึงกลับมาอีกแล้ว”
“เจ้าค่ะ กลับมาตามสัญญาที่คุณสนให้ไว้กับช้อย และฝากให้ไว้กับไอ้สาย จะรออยู่บนเรือน ให้ช้อยขึ้นไปหา หรือว่า จะลงมาคุยกับช้อยดีๆ เจ้าคะ”
“อีช้อย มึงกำแหงใหญ่แล้วใช่ไหม”
สนตาลุกแค้นมาก ช้อยจ้องตาวาววับสู้ ไม่กลัวเช่นกัน
ช้อยเริ่มแผนการข่มขู่สนกลับบ้าง
“ช้อยไม่ได้ข่มขู่คุณสนดอกเจ้าค่ะ ช้อยกับคุณสนก็ตกที่นั่งเดียวกันคือรักลูก จึงสามารถทำการอันใดก็ได้ เพื่อให้ลูกปลอดภัย คุณสนทำเพื่อคุณเทิดศักดิ์มามากมาย ช้อยขอทำเพื่อลูกช้อยสักครั้ง เถิดเจ้าค่ะ ขอเพียงมันได้ประกันตัวเท่านั้น คุณสนเป็นภรรยาท่านขุน เป็นแม่ของคุณเทิดศักดิ์ มีอำนาจที่จะช่วยกันได้”
สนมองหน้าช้อยนิ่ง เริ่มระวังตัว ไม่วี้ดว้ายใส่ช้อย
“ถ้าได้ประกันตัวแล้วเกิดไอ้แช่มมันหนี พี่ขุน ลูกเทิดศักดิ์ข้ามิป่นปี้หมดสิ”
“ช้อยสาบานเจ้าคะ ว่าจะไม่ให้มันหนี คุณสนคิดดูนะเจ้าคะ ไอ้แช่มมันอมพะนำไว้ไม่เอ่ยปาก เพราะช้อยห้ามไว้ ว่าใครกันที่ฝากข้าวห่อนี่มาให้มันกิน เพราะมันมีความหวังนะเจ้าคะ หวังว่าคุณสนจะเมตตามัน แล้วเรื่องทั้งหลายทั้งปวง ที่ผ่านมาตั้งแต่คุณสนกับไอ้เหิม คุณสนกับไอ้เสือหนัก ไอ้หมอเสน่ห์ ความตายของไอ้เหิม ไอ้หวาน ไอ้เมื่อวานอีกสองราย ถ้ามีใครเป็นพยานสักคนสองคน อะไรจะเกิดขึ้นเจ้าคะ”
สนนิ่งคิดสักครู่ แล้วพยักหน้า
“ตกลง ข้าจะเจรจาให้เอ็ง แต่ตอนนี้ที่นี่มันมีเรื่องวุ่นวายขายปลาช่อนหลายเรื่อง รอให้อีเนียนกับอีเด็กอี๊ดออกมาจากโรงพยาบาลก่อนเถิด”
“แน่นะเจ้าคะ”
“แน่สิ ตอนนี้ขืนข้าพูดไปก็หามีใครสนใจฟังข้าไม่”
“ตกลงเจ้าคะ ช้อยจะหลบๆ ซ่อนๆ อยู่แถวนี้ วนเวียนอยู่ที่นี่ตลอดเวลา ถ้าสองคนนั่นมันมาเมื่อไหร่ ช้อยจะมาพบคุณสนอีกครั้ง”
“ย่ะ แม่คนเก่ง แม่คนฉลาด ช่างคิดหาวิธีให้ข้ายอมจำนนจนได้”
“ช้อยไม่ฉลาดดอกเจ้าคะ นี่คือความเมตตาการุณย์ของคุณสนต่างหาก ช้อยกราบลาเจ้าคะ”
ช้อยไหว้ นึกกระหยิ่มว่าตัวเองสมหวังที่เล่นงานสนได้
สนมองตามช้อยยิ้มดุดัน “มึงฝันหวานไปเถิดอีช้อย กูไม่เคยปล่อยให้คนที่กำความลับของกูลอยนวล ไม่ว่ามันจะซื่อสัตย์หรือคิดทรยศกับกู”
วันเวลาผ่านไปอีก 7 วัน
ทองจันทร์ดีอกดีใจที่หลานสาวกลับมาอย่างบ้านปลอดภัย ทานตะวันมากราบย่า หญิงชรากอดหลานอย่างรักใคร่ ท่าทางทานตะวันดูนิ่ง และสงบลงไปมาก
“ขวัญเอ๊ยขวัญมา หลานย่า อยู่เย็นเป็นสุขนะหลานนะ”
“ค่ะ คุณย่า ขอบคุณมากค่ะ”
“ยังอ่อนเพลียอยู่ค่ะ คุณแม่ คงต้องพักที่บ้านอีกสองสามวัน ถึงจะออกไปดูร้านได้”
“แต่หนูอยากออกไปดูร้านพรุ่งนี้เลยค่ะ หนูอยากทำงาน ไม่อยากปล่อยเวลาให้ผ่านไปวันๆ
คำพูดนี้ ทำให้ท่านขุน ทองจันทร์ และเรียมมองหน้ากัน
“ดีมากลูกสาวพ่อ มันต้องอย่างนี้สิลูก”
“แต่แม่กลัวว่า หนูจะไปเป็นลมเป็นแล้ง”
“ลูกสาวเราโตแล้ว รู้ตัวแล้วว่า กำลังทำอะไรอยู่ ใช่ไหมลูก” เรียมว่า
“ใช่ค่ะ คุณแม่ขา คุณพ่อขา วันนั้นหนูทำตัวไม่ดีเลย หนูขอโทษค่ะ”
ทุกคนตกใจอีกครั้ง พากันประสานเสียง
“หนูอี๊ด”
“คุณแม่ขา หนูขอโทษ ที่ทำร้ายคุณแม่ แม้ไม่ได้ตั้งใจก็ตาม ที่ผ่านมา หนูไม่ดีเลยใช่ไหมคะ”
เรียมดึงทานตะวันเข้ามากอด
“หนูรู้ดี รู้ไม่ดีเสมอ เพียงแต่หนูไม่แสดงออกมาเท่านั้น แต่วันนี้หนูประจักษ์ให้พ่อแม่และคุณย่าเห็นแล้วจ้ะ เอาละกลับไปเรือนเรานะลูกไปพักผ่อน นะลูก”
“ค่ะ เอ้อ แล้ว แล้ว...” ทานตะวันส่ายตามองหาเนียนแต่ยังไว้ตัว “เอ้อ...”
“เอ้อ อะไร หาใครหรือยัยหลาน” ทองจันทร์ฉงน
อี๊ดใจแข็ง “เปล่าค่ะ”
ทองจันทร์จึงแกล้งถามแทน “เนียนมันได้กลับมาวันนี้หรือเปล่า แม่เรียม”
“มาค่ะ คุณแม่ แต่คงตามมาหลังเรียมกับหนูอี๊ด”
“เขาคงมากับว่าที่ลูกเขยเขา เทิดศักดิ์นั่นแหละ” ทองจันทร์ยิ้มกริ่ม
เรียมสะดุ้ง ใจหล่นวูบ
“เรียมว่าเรื่องนี้เราไม่ควรรีบร้อนนะคะ คุณแม่ พี่เทพ”
“ใครว่าแม่รีบร้อน แม่แค่จะหมั้นกันผู้ชายอื่นเอาไว้ก่อน เท่านั้นเอง” ทองจันทร์บอก
ทานตะวันเริ่มไม่ชอบใจ แต่ไม่โวยวายเหมือนก่อน
“หนูอยากกลับเรือน แล้วค่ะ”
ขุนภักดีและเรียมพยักหน้าให้กัน
สนแอบมองการกลับมาของทุกคน หลังจากหายป่วย สนใจหายใจคอไม่ดีเพราะนั่นเท่ากับถึงเวลาที่
รับปากกับช้อยเอาไว้แล้ว
“มันกลับมากันแล้ว เดี๋ยวอีช้อยก็กลับมาทวงสัญญาเราอีก เวรแท้ๆ อยากจะมือสะอาดบ้างสักครั้ง นี่มันลำบากเหลือเกิน อีสนเอ๊ย”
สนไม่สบายใจแต่ยังแอบมองต่อไป
สนเดินมาตามทางเดินไปยังครัว
เนียนท่าทางยังอ่อนเพลีย ได้เนื้อทองคอยประคองมา แดงน้อยพยุงขนาบอีกข้าง และเทิดศักดิ์เดินตามมาติดๆ หิ้วถุงเสื้อผ้าของเนียน พวกกบ แมว และบ่าว มารอรับด้วยความดีใจและยินดี
“แม่เดินเองได้จ้ะ หนูติ๋ว นายอำเภอขา น้าเกรงใจมากนะคะ”
“ผมอยากดูแลน้าเนียนครับ น้าเนียนยังดูอ่อนเพลียมากนะครับ”
“เอ้อ ตายจริง นั่นคุณเทิดศักดิ์เอาของ ของน้าไปหิ้วทำไมกันค่ะหนูติ๋วเอาคืนมาจ้ะ”
“ของเบาแค่นี้ จะเป็นไรไปครับ ถือของให้ญาติผู้ใหญ่ดีออกจะตายไปครับ”
“แผลที่โดนกัดนั่น หายดีแล้วรึ เนียน” เอกถาม
“จ้ะ พี่เอก”
กบ แมวและคนอื่นพากันเข้ามารุมล้อมเนียน
“ดีใจจริง ทีนี้แหละพวกข้าไม่โดนคุณท่านเอ็ดตะโร เรื่องสลักผักจิ้มน้ำพริกแล้ว” กบบอก
“ข้าไม่โดนเอ็ดเรื่องร้อยพวงมาลัย จัดดอกไม้ถวายพระแล้ว” แมวว่า
“เอ็งสองคนนี่ประหลาด คนเพิ่งหายป่วยกลับมา ตั้งหน้าตั้งตา จะให้ทำงานเสียแล้ว” เอกด่าสองสาว
“เนียนทำได้จ้ะ เนียนตั้งใจว่า เย็นนี้จะทำอาหารให้คุณท่านรับประทานเลยจ้ะ”
“ไปเรือนคุณย่าก่อนเถิดครับ น้าเนียน คุณย่าอยากเจอน้าเนียนแย่แล้วครับ”
“เอ้อ รอสักครู่ก็ได้ค่ะ ให้คุณท่านพบกันกับคุณหนูก่อนเถิดค่ะ”
“โรคเกรงใจกำเริบอีกแล้วน้าเนียน ไปเถิดครับ ไม่เป็นไรดอกครับ ถามจริงๆ น้องติ๋ว น้าเนียนป่วยอยู่ห้องเดียวกันกับน้องอี๊ด น้องอี๊ดมีคำขอบคุณสักคำ สำหรับการช่วยชีวิตครั้งนี้ไหม”
เนื้อทองไม่ตอบเนียนแก้แทน
“แหม จะไปถือว่าเป็นการช่วยชีวิตไม่ได้ดอกค่ะ เป็นการทดแทนพระคุณที่นี่เถิดค่ะ ทดแทนเท่าไหร่ก็ไม่มีวันหมด”
“ผมว่าน้าเนียนทดแทนพระคุณที่นี่หมดไปนานแล้ว เรื่องทดแทนพระเดชนี่สิครับรับแล้วรับอีก ไม่เลิกราสักที”
เนียนก้มหน้าไม่โต้ตอบเทิดศักดิ์
สนแอบมองอยู่ไม่พอใจอย่างมาก ในใจให้นึกอิจฉาเนียน
“แหมทำยังกับคุณนายกลับบ้านอย่างนั้น เห่อเฮละโลสาระแนพากันมาต้อนรับกันยกใหญ่ สาระแนทั้งนั้นไอ้ลูกเรานี่ก็อีกคนแหม คุณแม่ยายในอนาคตรึ ไม่รอให้มีวันนั้นดอกเทิดศักดิ์เอ๊ย”
สนโกรธแค้นเนียนมาก
ขุนภักดีกับเรียมพาทานตะวันลงเรือนทองจันทร์มาแล้ว จะไปเรือนใหญ่ เจอกันกับพวกเนียนตรงหน้าเรือนพอดี เนียนรีบหยุดเปิดทางให้ ย่อตัวลงนั่งสองคนกับเนื้อทอง
“ไม่ต้องนั่งดอกเนียน หนูติ๋ว ลุกเถิด”
เนียนแอบมองทานตะวันอีกแล้ว
“ได้ยินที่พูดแล้วไม่ใช่รึ ว่าไม่ต้องนั่งลงไปที่พื้น รึจะให้คนเขานินทาว่า ข้ากดขี่คนในบ้านเยี่ยงทาส” ขุนภักดีหมั่นไส้
“ลุกเถิดครับ น้าเนียน น้องติ๋ว”
“หนูอี๊ดขา” เรียมกระซิบ “เคยเอ่ยปากขอบใจน้าเนียนเขาสักคำหรือยังลูก”
ทานตะวันปรายตามองเนียน เนียนแอบมองอยู่
“ว่ากระไรคะลูก”
“เอาไว้วันหลังเถิดค่ะ วันนี้ หนูไม่สะดวก”
แล้วทานตะวันก็รีบเดินลิ่วออกไปจากที่นั่น เรียมส่ายหน้าระอา ท่านขุนมองมาที่เนียน ทำท่าเหมือนจะเอ่ยปากถาม แต่ยั้งไว้ด้วยรู้สึกขัดเขินจึงพูดกลางๆ
“อย่ามัวมายืนกันอยู่สิน่า ขึ้นเรือนไปสิ คุณแม่ท่านเหงาปากมาหลายวันแล้ว”
พูดจบสบตามาที่เนียน เหมือนอยากจะพูด แต่เนียนก้มหน้างุด
เทิดศักดิ์กับแดงน้อยพอเข้าใจอาการท่านขุน สองหนุ่มยิ้มให้กัน ส่วนเนื้อทองดีใจที่ท่านขุนดูไม่เข้มใส่แม่อีก
สามคนพ่อแม่ลูกนั่งพูดคุยเปิดอกกันบนเรือนใหญ่ ทานตะวันยามนี้ดูสงบลงมาก
“คุณพ่อคุณแม่ขา ต่อไปนี้หนูจะไม่วู่วามโวยวาย อีกแล้วค่ะ”
“ดีแล้วจ้ะ การที่หนูทำอะไรดีๆ มันก็ดีกับตัวหนู ไม่ใช่ดีกับคนอื่นหรอกนะลูก”
“พ่อเองก็เหมือนกัน พ่อต้องเลิกใจร้อนสักที ความใจร้อนของพ่อทำให้หนูเกือบตาย ถ้าหนูเป็นอะไรไป พ่อแม่คงใจสลายตายไปทั้งที่มีลมหายใจ”
“หนูเสียใจมากที่ทำให้คุณพ่อคุณแม่ ตกใจ เสียใจ หนูขอบคุณที่ให้อภัยหนูค่ะ”
“ใช่แต่ขอบคุณพ่อกับแม่เท่านั้น คนที่ช่วยชีวิตหนูจริงๆ อีกคนที่หนูต้องไปขอบคุณเขา แม้หนูจะเกลียดจะไม่ชอบจะรำคาญเขาเพียงใดก็ตาม” เรียมหมายถึงเนียน
ทานตะวันอึกอักรู้สึกประดักประเดิด “หนู เอ้อ...”
“ละอายแก่ใจ ไม่อยากให้ใครรู้ว่า ต้องไปขอโทษคนต่ำต้อยกว่ารึ”
“เอ้อ ก็คล้ายๆ อย่างนั้นค่ะ คุณพ่อ คุณแม่ขา ขอหนูใช้เวลาข่มใจอีกสักพักนะคะ แล้วหนูจะเอ้อ จะไป...”
“สัญญาว่าจะทำ ยังดีกว่าปฏิเสธ แม่ยินดีด้วย”
“ลดทิฐิลง ในสิ่งที่ไม่ดีงาม เพื่อมาทำสิ่งที่ถูกต้องเหมาะสม ไม่ใช่เรื่องน่าอับอาย”
เรียมหันมายิ้มให้ท่านขุน “ดูคุณพ่อเป็นตัวอย่างสิคะหนูอี๊ด”
สามคนพ่อแม่ลูกเข้าใจกันเป็นอันดี
เนียนพยายามไม่อยู่นิ่ง เสียบมะลิร้อยมาลัยถวายพระ แดงน้อยเขยิบมาใกล้เนียน ส่วนทองจันทร์นั่งกินหมากไป ยิ้มเบิกบานมองคนโน้นที คนนี้ที กบกะแมวหัวเราะคิกคักนวดให้
“น้าเนียนครับ ผมจะไปเยี่ยมแม่แพรกับลุงโพล้ง น้าเนียนมีอะไรจะฝากไปถึงไหมครับ” แดงน้อยเอ่ยขึ้น
“น้าจะฝากจดหมายไปถึงพี่แพรกับพี่โพล้ง ฉบับหนึ่งค่ะ”
“ครับ ผมดีใจที่น้าเนียนหายดีแล้ว ดูแลตัวเองให้ดีๆ นะครับ”
“ค่ะ ขอบคุณนายอำเภอมากค่ะ ฝากความรักความคิดถึงไปให้พี่สองคนนั่นด้วยนะคะ”
“ครับ เอ้อ...ผมจะไปช่วยติดต่อเรื่องที่ยายอ่อนคนนั้นแกจะมาซื้อที่นาของน้าเนียนให้ด้วยนะครับ”
เนียนหน้าจ๋อย อึกอัก
“เอ้อ...เอ้อ...ไม่เป็นไรค่ะ น้าเขียนฝากให้พี่แพรกับพี่โพล้งแกจัดการให้แล้วค่ะ”
เนียนเสียบมะลิร้อยลงเข็มไปตาไพล่ไปมองเนื้อทองกับเทิดศักดิ์ไม่สบายใจทุกครั้งไป
เทิดศักดิ์หน้าบานมีความสุขล้น ขณะที่เนื้อทองอึดอัดต้องเก็บความรู้สึก แอบมองไปที่แดงน้อยบ่อยครั้งเพราะชอบแดงน้อย
“น้องติ๋ว จะเริ่มรับสมัครนักเรียนใหม่ปีการศึกษาหน้าเมื่อไหร่ครับ”
“เอ้อ ใกล้แล้วค่ะ คุณย่ากับคุณนายแม่ แนะนำว่าให้เริ่มรับสมัครวันเปิดโรงเรียนอย่างเป็นทางการค่ะ เพราะถือเป็นฤกษ์ดี”
“พี่จะไปช่วยงานวันนั้น เต็มที่เลยครับ”
“ขอบคุณมากค่ะ เอ้อ พี่เทิดศักดิ์ไม่รีบกลับไปดูแลคุณนายสนหรือคะ เหตุร้ายเกิดทางด้านเรือนคุณนายสนกับพี่เทิดศักดิ์นะคะ เธออาจจะกลัวนะคะ” เนื้อทองบอก
“แหม ไล่พี่ทางอ้อม จริงสินะ ขอบใจที่เตือนพี่ พี่จะกลับไปดูแลคุณแม่แล้ว”
เทิดศักดิ์เดินตรงไปหาทองจันทร์
แดงน้อยกับเทิดศักดิ์มาลาทองจันทร์ที่บ่นอุบอิบ
“ขาไพ่หนีกลับหมดแล้ว ยังไม่ทันได้เริ่มต้นเล่น โฮ้ย แย่ แย่ กะจะกินเงินตำรวจกับนายอำเภอสักหน่อย ส่วนพวกเบี้ยน้อยหอยน้อยนั่น นั่งเล่นด้วยไม่สนุก มีแต่แกล้งทิ้งไพ่ให้กิน”
ทองจันทร์มองเนียน เนื้อทอง กบ และแมว แล้วค้อนวงใหญ่ ทุกคนจึงยิ้มๆ ไม่เถียง เทิดศักดิ์ แดงกำลังถอยจะออก ทองจันทร์เรียกไว้
“เดี๋ยว แดงน้อย รู้ข่าวดีประจำปีของที่นี่หรือยัง”
“ยังครับ คุณย่า ข่าวดีอะไรหรือครับ คุณย่า”
“ให้ตาเทิดเขาบอกสิ หรือแกล้งปิดเพื่อนสนิทเอาไว้ให้อิจฉาเล่น”
เนียนหน้าซีด กบกะแมวแอบหัวเราะ เนื้อทองก้มหน้างุด
“คุณย่ากับคุณนายแม่ สู่ขอน้องติ๋วให้กันแล้ว”
แดงน้อยหน้าซีดพอๆ กับเนียน แล้วรีบฝืนยิ้ม
“ยินดีด้วย เทิดศักดิ์ ยินดีด้วยครับ น้องติ๋ว”
ทองจันทร์ยิ้มอิ่มเอมอย่างพอใจ ไม่ทันรู้ว่าอีกสามคนหม่นหมองในอุรา
สนนั่งเครียดไม่สบายใจ กำลังจะขึ้นเรือน ช้อยโผล่มาด้านหลังพุ่มไม้
“จะรีบขึ้นเรือนแล้วหรือเจ้าคะ คุณสน”
สนดุเสียงขุ่น “นังช้อย เอ็งมาอีกแล้ว เดี๋ยวเถิดใครมาเห็นเข้า”
“เกิดใครมาเห็น ก็ให้มันเห็นดำเห็นแดงกันเสียทีเถิดเจ้าค่ะ ช้อยบอกแล้วไงเจ้าคะ ว่าจะวนเวียนอยู่แถวนี้ เลยได้ข่าวล่าสุดมาว่านังเนียน กับหนูอี๊ดกลับมาบ้านแล้ว ช้อยมาทวงสัญญาเจ้าค่ะ”
“พวกมันเพิ่งมาถึง พื้นเรือนยังไม่ทันแห้ง เอ็งจะร้อนรนอะไรปานนี้ รอก่อนสิ”
“เกรงว่าจะไม่ไหว ยังไงคืนนี้คุณสนรีบเอ่ยปากให้ไวไวนะเจ้าคะ”
เสียงเทิดศักดิ์เรียกดังขึ้น “คุณแม่ครับ”
ช้อยสะดุ้ง สนตกใจแถมโกรธ รีบถีบช้อยหงายหลังตกไปในพงพุ่มไม้
“ว้าย”
เทิดศักดิ์โผล่มา
“คุณแม่ร้องว้าย เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”
สนรีบไปดึงแขนลูกชายขึ้นเรือน
“แม่ลื่นจะล้มแต่พยุงตัวเอาไว้ทัน ขึ้นเรือน เถิดลูก”
ยินเสียงสวบสาบที่พุ่มไม้ เทิดศักดิ์หันไปจะกระโดดใส่
“ใครน่ะ”
สนดึงรั้งไว้
“อย่าไปลูก”
“ผมต้องการรู้ว่าใคร”
“อย่ารู้เลย นั่นมันตัวเงินตัวทอง มันแอบโผล่หน้ามา แม่เอาไม้ไล่มันไปถึงได้ลื่นร้องว้ายไงล่ะลูก ไปไป ตัวซวยมาเหยียบบ้านแท้ๆ”
สนดึงเทิดศักดิ์ที่พยายามชะเง้อมองพุ่มไม้ให้ออกไปจนได้
เนียนมายืนเศร้าที่หน้าต่าง กลุ้มใจมาก
“จะทำอย่างไรดีเรื่อง คุณเทิดศักดิ์กับหนูติ๋ว เรื่องนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้ ต้องรีบไปขอความช่วยเหลือจากคุณเรียมให้เร็วที่สุด”
ขณะเดียวกัน สองคนยังไม่นอน เรียมรอจังหวะ จนเห็นสบโอกาสแล้ว
“พี่เทพคะ เรียมมีอะไรจะปรึกษา”
“เรื่องอะไรรึ”
“คุณนายแม่ บอกสู่ขอเทิดศักดิ์ให้หนูติ๋วกับเนียนแล้วค่ะ”
“มันคงดีใจยกใหญ่สินะ”
“พี่เทพกำลังวู่วามอีกแล้วนะคะ”
“เอ้อ ขอโทษจ้ะ เรียมจะปรึกษาเรื่องจัดงานหมั้นหรือจ๊ะ”
“เรียมจะบอกว่าเรื่องนี้ไม่ควรรีบเร่งคะ รอเอาไว้ก่อนก็ได้”
“อ๋อ เรียมกลัวพี่ไม่พอใจ กลัวสนรังเกียจ กลัวหนูอี๊ดโกรธเอารึ”
“เอ้อ เรียมไม่ทราบว่าใครคิดอย่างไร แต่เรียมคิดว่ารอเวลาอันสมควรก่อน อย่าด่วนหมั้นเลยนะคะ”
“แหม...นึกว่าเรียมจะเนื้อเต้นรีบเป็นปี่เป็นขลุ่ยกับคุณแม่ แปลกแฮะ เรียมพยายามชะลอ”
“คือ...คือ...เรียมไม่แน่ใจว่าหนูติ๋ว แกรักชอบพอเทิดศักดิ์มากแค่ไหน จะกลายเป็นการบังคับ ข่มเขาโคขืนให้กินหญ้านะคะ นะคะ พี่เทพ”
ขุนภักดีพยักหน้าเดินไปที่หน้าต่างทอดสายตามองออกไป
“เนียน ขอบใจมาก ที่ช่วยลูกสาวชั้น”
ท่านขุนยิ้มนิดๆ ขอบคุณเนียนอยู่ในใจ
ติดตาม "อาญารัก" ตอนที่ 16