อาญารัก ตอนที่ 16
เช้าวันใหม่เห็นเนียนมาทำลับๆ ล่อๆ อยู่ห่างจากตัวเรือนของทองจันทร์ค่อนมาทางเรือนใหญ่ และหลบอยู่หลังพุ่มไม้ พอเห็นเรียมเดินออกมา ก็รีบเดินเข้ามาหาทันทีด้วยทีท่าร้อนใจ
“คุณเรียมขา”
“เนียน อยากเจอพอดี” เรียมปราดมาหาเนียน “เนียนมาหาชั้นหรือเปล่า”
“ค่ะ เนียนจะมาเรียนปรึกษาเรื่อง เอ้อ…”
พอดีทานตะวันเดินตามออกมาอีกคน เห็นเนียนชะงัก เนียนแอบมองแล้วยิ้มให้ ทานตะวันเมินแต่ไม่ว่า
“หนูอี๊ด น้าเนียนมาแน่ะ” เรียมบอก
“เอ้อ เห็นแล้วค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ หนูจะรีบไปดูร้าน”
ทานตะวันทำไม่รู้ไม่ชี้ เนียนสลดลงนิดหนึ่ง
“ดีขึ้นมากแล้วนะเนียน ถ้าเมื่อก่อนละก็กรี๊ดใส่เนียนแล้ว คงกระดากน่ะ นิสัยเหมือนคุณพ่อเขา”
ขาดคำท่านขุนออกมาอีกคนเห็นเรียมอยู่กับเนียน นิ่งไปชั่วครู่ เนียนรีบก้มหน้างุด
ขุนภักดีถามขึ้นมาลอยๆ “จะไปไหนกันรึ”
เอกเข้ามา
“เนียน ลูกของอาเนิบ น้องชายอาน้อมพ่อเนียนที่อยู่สามชุก เขาให้คนส่งข่าวมาบอกว่า อาเนิบตายแล้ว”
“เอ้อ จ้ะ เอ้อ”
“เนียนจะต้องไปงานศพเขาสินะ” เรียมถาม
เนียนปรายตามองท่านขุนนิดหนึ่ง ประมาณว่าถ้าไม่อนุญาตเนียนไปไม่ได้
“เอ้อ เนียนไปได้หรือคะ”
“เนียนไปได้หรือคะ” เรียมแกล้งถามต่ออยากดูอาการสามี
ขุนภักดีหงุดหงิด “เอ๊ะ เป็นอะไรกัน เรื่องคนเจ็บคนตาย ใครจะห้ามจะหวงถ่วงเอาไว้มันก็ใจไม้ไส้ระกำเต็มทีสิ”
“ขอบพระคุณมากเจ้าค่ะ”
เนียนถอยออกมา เรียมแอบยิ้ม ท่านขุนตาเขียวใส่เนียน แล้วก็เอ่ยขึ้นมา
“เคยไปหรือนั่น จะไปได้อย่างไรฮึ ไอ้เอก” พาลไปลงที่เอก
“จริงสิ เนียนแทบไม่เคยไปไหน ไปตลาดบ้างก็น้อยครั้ง แค่ทางในตัวเมืองยังรู้จักไม่หมดด้วยซ้ำ พี่เทพขา ให้หาใครไปส่งได้ไหมคะ”
“ตามใจ ไอ้เอกไปกันได้แล้ว จะรีบไปทำงาน ป่านนี้หนูอี๊ดรอที่รถแล้ว”
ขุนภักดีพยายามทำเคร่ง แต่ตวัดตามองมาที่เนียนนิดหนึ่ง
“ดูดู๋ดูพี่เทพสิเนียน สงสัยวัยเลือดจะไปลมจะมา ประดักประเดิดใส่เนียนทำตาเหมือนจะบอก แต่ทำท่าเหมือนไม่สนใจใยดี”
“ขอบพระคุณมากค่ะ เอ้อ...แล้วเรื่อง หนูติ๋วกับคุณเทิดศักดิ์นั่น เนียน เนียนขอร้องเถิดนะคะ”
“เนียนไม่ขอร้องชั้น ชั้นก็ต้องหาทางไม่ให้เกิดขึ้น รีบไปเถิดเนียน”
เวลาต่อมาเนื้อทองบอกเนียนเรื่องรองเท้า
“ได้ยินแม่ว่าแม่ไม่มีรองเท้าสีดำใส่ไปงานศพหรือจ๊ะ”
“มีจ้ะ แต่ว่ามันเก่าเจียนขาดแล้ว คงไม่มีเวลาไปหาซื้อดอกลูก”
“หนูมีให้แม่ใหม่แล้วจ้ะ หนูเพิ่งซื้อมา นี่ไงแม่เอาไปใส่เถิดนะ”
เนื้อทองส่งมาให้แม่ เนียนลองใส่ดูยิ้ม
“พอดีเลยลูก ขอบใจมาก แม่ใส่คู่นี้แหละไปงานศพวันนี้ แม่ไม่อยู่ ดูแลคุณท่านดีๆ นะลูก”
“ไม่ต้องห่วงเลยค่ะแม่”
เนียนจับมือลูกสาวเป็นเชิงบอกลา
ขุนภักดีอยู่ในห้องทำงานแล้ว เอกเอาน้ำเสิร์ฟให้ แล้วทำท่าจะออกไป
“ไอ้เอก เรื่อง เอ้อ...”
เอกรู้ใจ “งานศพหรือขอรับ”
“เอ็งจัดการหรือยัง”
“เรียบร้อยขอรับ”
เอกทำท่าจะออกไปอีก
“ไอ้เอก”
“ขอรับ”
“ถ้าเอ็งทำอะไรผิดหรือผิดใจกับใครสักคน แล้วเอ็งจะเอ่ยปากขอโทษเขาอย่างไร จึงจะไม่เสียหน้า”
“ง่ายมากขอรับ ก็ขอโทษมันไปโต้งๆ นั่นแหละขอรับ แล้วขอร้องให้ใครคนนั้นอย่าบอกใคร ก็ไม่ต้องเสียหน้าให้ใครรู้ขอรับ”
เอกจะออกอีก
“เอ็งแน่ใจรึ”
“ไม่ค่อยแน่ใจเอ๊ย..แน่ใจขอรับ ถ้าใครคนนั้นเป็นคนสงบเสงี่ยมเจียมตัวเชื่อฟังคำสั่งท่านขุนเสมอต้นเสมอปลาย”
เอกแกล้งทำจะออกไป เพราะรู้ว่าท่านขุนหมายถึงเนียน
“แล้วข้าควรขอบใจใครไหม ถ้าเขาทำอะไรดีๆ ให้ลูก...เอ๊ย ให้ครอบครัวข้า”
“เอ๊ย ควรอย่างยิ่งเลยขอรับ ไปได้หรือยังขอรับ”
ขุนภักดีพยักหน้า เอกออกไป ท่านขุนนั่งครุ่นคิด
“เสียดายที่ไอ้คนต้มเหล้าเถื่อน มันดันตายไปก่อน ที่จะถามความจริงเรื่องสนไปเช่าเรือ เผื่อมันจะรู้อะไรมากกว่านั้น”
เวลาเดียวกันเนียนใส่ชุดดำ มากราบลาทองจันทร์
“เนียนขออนุญาตกราบลาไปงานศพญาติที่สามชุกนะเจ้าคะ”
“แม่เรียม กับพ่อเทพเขารู้แล้วรึ”
“ทราบแล้วเจ้าค่ะ”
“ไปเถิด อ้อ...ข้ายังไม่ขอบใจเอ็งเรื่องยัยอี๊ด ขอบใจมากนะเนียน เอ็งช่างน้ำใจประเสริฐเหลือเกิน เอ็งประเสริฐจนข้าจะไม่มีวันเชื่อใครที่มันใส่ร้ายเอ็งเรื่องเลวๆ ทั้งหลายอีกต่อไปแล้ว”
เนียนยิ้มตื้นตันใจ “ขอบพระคุณมากเจ้าค่ะ เนียนจะรีบไปแล้วรีบกลับเจ้าค่ะ”
ทองจันทร์พยักหน้า เนียนถอย ทองจันทร์เรียกอีก
“เนียน เอ็งมาอยู่กับข้ายี่สิบกว่าปี เอ็งทุกข์มากเหลือเกินใช่ไหม”
“หามิได้เจ้าค่ะ เนียนเข้าใจดีว่า ชีวิตย่อมเป็นเช่นนี้ มีทั้งทุกข์และสุขเจ้าค่ะ”
“แต่ข้าว่าเอ็งทุกข์ซะมากกว่าสุขนะ ถ้าเอ็งสุขบ้างทำไมเอ็งยิ้มออกมาได้ไม่ถึงสิบครั้ง ในยี่สิบกว่าปี ลูกชายข้า เมียเขา หลานสาวข้าทำร้ายเอ็งมากมายสินะ แต่เอ็งก็ไม่เคยมีทีท่าว่าโกรธแค้น หรือคิดสู้พวกเขา เกิดมาข้าไม่เคยเห็นใครทนอย่างเอ็ง ขอบใจมาก นี่ถ้าเอ็งฮึดสู้ขึ้นมาอีกคน บ้านข้าคงปั่นป่วนมากกว่านี้ ที่ข้าเอ่ยปากเรื่องนี้วันนี้ เพราะข้าปลงชีวิตข้ามันนับถอยหลัง มีอะไรที่ควรพูดก็ต้องรีบพูดเสียก่อนที่จะไม่ได้พูด เฮ้อ...คนเรากำหนดอะไรก็ได้แต่มิอาจกำหนดวันตายได้”
ทองจันทร์พูดปลงๆ มองเนียนด้วยสีหน้าเปี่ยมเมตตา เอื้อมมือมาลูบหัวเนียนอย่างปราณีรักใคร่
“ข้าเมตตาเอ็นดูเอ็งมากนะเนียน มาถึงยัยติ๋ว ข้ายิ่งรู้สึกว่ายังกะหลานแท้ๆ ของข้าคนหนึ่งทีเดียว”
เนียนน้ำตาร่วงหยดเผาะ ทองจันทร์หยิกเนียนด้วยความหมั่นไส้
“คุณท่าน”
“ร้องไห้อีกแล้วเอ็ง ยิ้มสิ น้ำตานั่นเก็บไว้ร้องงานศพข้าเถิด”
“คุณท่าน”
เนียนตื้นตันนัก พูดออกมาได้เพียงเท่านั้น
สองคนอยู่ใกล้เรือนสนตรงบริเวณที่ลับตาคน ช้อยมาทวงสัญญา แต่ถึงขั้นมีปากเสียงกันรุนแรง
“คุณสนพูดกับคุณเทิดศักดิ์หรือยังเจ้าคะ ไอ้แช่มมันอึดอัดใจมากจนอยากระเบิดเปิดปากพูดแล้วนะเจ้าคะ”
“ถ้ายังไม่ได้พูดแล้วเอ็งจะทำไม”
“ก็จะสาธยายความหลังครั้งก่อนเก่าของคุณสน ที่โดนพ่อกำนันจับใส่ตะกร้าล้างน้ำ ล้างความสกปรกของไอ้เหิม แล้วก็เรื่องราวของไอ้พวกที่ตายอย่างผักปลา เรื่องให้ไอ้เหิมมาฉุดคร่าอีเนียน แต่โดนเสียเองสุดท้าย คุณเทิดศักดิ์ไม่ใช่ลูกท่านขุ..”
ช้อยยังไม่ทันพูดจบ สนตบหน้าช้อยโครมโดยแรง
“อีช้อย มึงลำเลิกกู มึงทรยศหักหลังกู มึงอีงูเห่า”
แต่สนโดนช้อยตบกลับโดยแรงเช่นกัน
“อีสน มึงข่มกูมานานหลายสิบปีตั้งแต่คุ้มน้อยคุ้มใหญ่ มึงบังคับให้กูทำชั่วสารพัดเพื่อประโยชน์ของมึง มึงมันใจแคบ มึงให้ปันกูเหมือนให้หมาข้างถนน ใครทนมึงได้อย่างกูที่ซื่อสัตย์ต่อมึงนานขนาดนี้ไม่มีอีกแล้วอีสน มึงจงจำไว้ ถ้าหากว่า มึงไม่ช่วยลูกกู กูจะเปิดโปง มึงให้หมด มึงติดตะรางแน่อีสน มึงโดนประหารโดยฝีมือลูกมึงผัวมึงเชอะ กูจะรอดูวันที่มึงถึงหลักประหาร กูให้เวลามึง ถึงพรุ่งนี้ กูจะกลับมาใหม่”
ช้อยเดินออกไปไม่ยี่หระ สนยืนตะลึงกุมหน้า วิตกหวาดกลัว และโกรธแค้นแทบจะฉีกช้อยเป็นชิ้นๆ
“พินาศแล้วชีวิตกู หมดสิ้นเพราะอีช้อยเสียกระมัง”
สนมองไป เห็นหลังช้อยไวไว
ช้อยเดินตรงไปในบ้านมุ่งหน้าไปทางเรือนทองจันทร์
“อีช้อยไปไหน”
สนใจหายวับ สาวเท้าแอบตามช้อยไปทันที
ช้อยมาถึงบันไดหน้าเรือนแต่ถูกแมวกับกบไม่ให้ขึ้นเรือน
“มาทำไมยะ” กบไม่ให้ขึ้น ถามเสียงขุ่น
“มาหาคุณท่าน”
แมวไม่ยอม “มีธุระอะไรกับคุณท่านยะ”
“สำคัญที่สุด ที่ท่านสมควรได้รับรู้” ช้อยคุยโว
แมวร้อง “โอ้โฮ”
“ขอทางด้วย”
สองคนช่วยกันกันไว้ “ใหญ่แฮะ”
ทองจันทร์ยินเสียงคนทะเลาะกัน จึงโผล่หน้าออกมาดู
“นางกบ นางแมว อ้าวนางช้อย ไปมุดดินที่ไหนมายะ”
“ช้อยไปทำมาหากินมาเจ้าค่ะ
“แล้วนี่มาทำไมยะ ไม่ไปทำมาหากินหรือยะ”
“ช้อยมีเรื่อง สำคัญมากที่สุดจะมาเรียนให้คุณท่านทราบเจ้าค่ะ”
“หน้าอย่างเอ็งพูดสิบคำ จริงคำเดียว ไปเถิด ไม่อยากฟัง”
ทองจันทร์หันตัวกลับ ไม่สนใจ
“ได้โปรดเจ้าคะ รับรองว่าคุณท่านฟังแล้ว ขี้คร้านจะบังคับให้ช้อยเล่าต่อสามวันยังไม่จบเจ้าค่ะ”
ทองจันทร์เริ่มลังเล
“ถ้าช้อย พูดเรื่องแรกคุณท่านไม่อยากฟัง ไล่ช้อยไปหรือถีบช้อยตกเรือนตายได้เลยเจ้าค่ะ”
ทองจันทร์คิดหนัก
สนแอบมอง เห็นช้อยขึ้นไปบนเรือนทองจันทร์
“อีช้อยมาฟ้องอะไรกับอีแก่ อีช้อยมึงกำลังทำลายเกียรติกูย่อยยับ”
สนหน้าซีดเผือด หวาดกลัวอีกด้วย
“ขอให้อีช้อยมาขอเงินไม่ได้มาเปิดโปงเรา เพราะคนที่มันควรเปิดโปงน่าจะเป็นพี่ขุนมากกว่าอีแก่นี่”
สนวนเวียนคิดไปต่างๆ นาๆ หาทางออก
ช้อยนั่งประจันหน้าทองจันทร์ กบกะแมวมองคุมเชิง
“อีนางสองคนนั่นมิบังควรได้รับรู้ดอกเจ้าค่ะ เรื่องมันน่าอับอายมากเจ้าค่ะ” ช้อยอารัมภบท
“เอ็งต้องการให้ข้าไล่มันไป ถ้าเอ็งฆ่าข้า ใครจะเห็น”
“สาบานเจ้าค่ะ ช้อยมาเพื่อบอกความจริง ครั้งแรกในชีวิต ไม่ได้มาเอาชีวิตใคร ช้อยตะหากที่เสี่ยงชีวิตมาเปิดโปงเอ๊ยมาเปิดเผยความจริง”
“ของใคร” ทองจันทร์ย้อนถาม
ช้อยไม่พูดปรายตามองกบกะแมว ทองจันทร์จึงโบกมือไล่ไป กบกับแมวไปโดยดี
“เล่ามา”
ส่วนที่บ้านแพรและโพล้ง ในบ้านแพน แพรและโพล้งยื่นหน้าแย่งกันอ่านจดหมายของเนียน มีแดงน้อยนั่งมองขำๆ
“แกยื่นหน้ามาทำไมไอ้โพล้ง อ่านออกเรอะ”
“อ่านไม่ออก แต่อยากให้แกอ่านออกเสียงให้ฟัง”
แพรกระซิบ “เนียนไม่ต้องการให้ใครรู้ว่า เขียนมาเรื่องโอนที่ดินให้แดงน้อย”
โพล้งกระซิบตอบกลับ “อ้าว แล้วจะทำอย่างไรเล่า”
“ทำแบบลับๆ ล่อๆ ไม่ให้แดงน้อยรู้ ให้ทำหนังสือมอบอำนาจโอนกันเป็นทอดๆๆ” แพรว่า
จังหวะนี้ยายอ่อนเดินเข้ามาสมทบ พอดี
“นายอำเภอมาพอดี มาช่วยดูทีซิว่า เนียนโอนที่ดินให้ใคร ชั้นจะได้จัดการเรื่องที่นาให้สำเร็จเสร็จลุล่วงเสียที”
แพรโพล้งมองหน้ากัน
“ต้องเจอคนที่น้าเนียนแกโอนให้ก่อนแหละครับ ยายอ่อน” แดงน้องบอก
“สองคนนี่มันรู้ แต่มันปิดบังยายเอาไว้ นายอำเภอแดงน้อยถามพวกมันให้ยายทีเถิด”
แพรโพล้ง มองหน้ากันพยักหน้า
“เอาละ เนียนเขาว่า จะมาหาชั้นวันสองวันนี้” แพรลอก
“ดีครับเรื่องราวจะได้กระจ่างกันสักที” แดงน้อยว่า
“ดี ยายจะรอเนียนมาจัดการให้ จะได้จบเรื่องกันสักที”
ทุกคนตกลงกันได้ด้วยดี ยายอ่อนกลับไปแล้ว
“ทีนี้ ผมมีเรื่องเกี่ยวกับน้าเนียนมาถามแม่แพรกับลุงโพล้ง ตอบผมตามความจริงด้วยนะครับ”
สองคน มองหน้ากัน
“ผู้ชายที่ใครๆ หาว่าเป็นชู้กับน้าเนียนนั่น เป็นใครกันแน่ ตอบผมเถิดครับผมต้องการให้น้าเนียนพ้นทุกข์”
สองคนมองหน้ากันแล้วพยักหน้ากัน ตอบพร้อมเพรียง
“เป็นพี่ชายแท้ๆ ของเนียน”
แดงน้อยมีสีหน้าดีใจมาก “ไม่ใช่เสือหนักนะครับ”
สองคนสะดุ้ง แล้วส่ายหน้า บอกพร้อมกันอีก
“ไม่ใช่”
แดงน้อยยิ้มออกมาอย่างเบิกบานใจ ดูออกว่าท่านนายอำเภอหนุ่มมีความสุขมากที่สุด
ด้านช้อยฟ้องทองจันทร์แต่บอกไม่หมดทุกเม็ด โดยเฉพาะความริยำของมัน ทองจันทร์ได้ฟังก็เข้าใจว่าสนนั้นร้ายกาจมาก
ช้อยก้มลงกราบ “ช้อยมาขอให้ไอ้แช่มได้ประกันตัวออกมาเจ้าค่ะ”
“นี่ปะไร ไม่ใช่เรื่องสำคัญของข้า แต่มันคือเรื่องสำคัญของเอ็งตะหากลงจากเรือนไปเลยนางช้อย”
“ช้อยแค่ออกแขกแบบลิเกน่ะเจ้าค่ะ มาฟังเรื่องต่อไปนี้ทีละเรื่องนะเจ้าคะ”
“ว่ามา”
“เรื่องแรก เนียนไม่ได้เป็นชู้กับเสือหนักดอกเจ้าค่ะ”
“เรื่องนี้ทีแรกข้าเชื่อเอ็งกับแม่สน แต่มาตอนหลัง ข้าไม่สนใจแล้วแม่สนเขามารายงานแล้วว่า เอ็งใส่ร้ายเนียน กลับไปซะ”
“ฟังต่ออีกสิเจ้าคะ”
“ว่ามา”
“วันที่เรือล่ม หนูติ๋วไม่ได้ชวนคุณหนูอี๊ดไปพายให้เรือล่มดอกเจ้าค่ะ”
“แล้วมันไปพายเรือกันทำไม”
“มีคนวางอุบายให้เกิดเหตุนี้ ตอนนี้คนให้เช่าเรือและรู้สาเหตุมันก็โดนวางยาพิษตายไปแล้วเจ้าค่ะ”
“เวรกรรม เวรกรรม”
“สุดท้าย สำคัญที่สุด เอาย่อๆ ก่อนนะเจ้าคะ” ช้อยตีฝีปาก
“บอกมาไวๆ”
ช้อยป้องปากกระซิบ “ฟังแล้วอย่าอึ้ง ฟังแล้วเหยียบเจ้าค่ะ”
ทองจันทร์หมั่นไส้ “ชักรำคาญ”
“คุณเทิดศักดิ์อาจจะไม่ใช่ลูกท่านขุนดอกเจ้าค่ะ”
ทองจันทร์ตะลึง ช้อยทิ้งทุ่นก่อนจะก้มลงกราบ แล้วคลานถอยหลังออกไปอย่างมีชัย
“อีช้อยอย่าเพิ่งไป”
“อีกวันสองวันช้อยจะมาเล่าต่อเจ้าคะ วันนี้ช้อยต้องกราบลา ไปเยี่ยมไอ้แช่มกลัวเผลอไผลไป ใครมาวางยาพิษมันตายอีกราย ช้อยคงอกแตกตายกลายเป็นนางฆาตกรฆ่าคนแน่ๆ เจ้าค่ะ อ้อ ช้อยขอฝากเอาไว้ ถ้าไอ้แช่มไม่ได้ประกันตัวออกมา เกิดช้อยมีอันเป็นไป ไอ้แช่มมันมีอะไรจะกราบเรียนมากมายเจ้าค่ะ เช่นเรื่องคนปล้ำคุณหนูอี๊ดครั้งกระนั้น”
ทองจันทร์ฟังแล้วปวดหัวหนึบ แต่รู้แน่ว่าช้อยหมายถึงสน ช้อยคลานถอยออกไป หมายมั่นว่านี่คือหมัดเด็ด
ที่มันวางไว้ให้ทองจันทร์
ฝ่ายแดงน้อยกลับมาจากบ้านแพน ก็ตรงมาหาท่านขุน เวลานี้สองคนอยู่ในห้องทำงานขุนภักดีบนศาลากลางเมืองสุพรรณ
“คือ ผมต้องขอประทานโทษ ที่เสียมารยาทมาขอถามเรื่องส่วนตัวของคุณพ่อ”
“ไม่เป็นไรดอก แดงน้อยสนิทสนมกับที่บ้านเป็นเพื่อนสนิทของเทิดศักดิ์ ไม่ใช่เรื่องสำคัญ แดงน้อยคงไม่มาถามดอก”
“ขอบพระคุณมากครับ คือน้าเนียนเป็น เอ้อ หมายถึงเคยเป็นภรรยาของคุณพ่อมาก่อนจริงๆ ใช่ไหมครับ”
“ใช่ แดงน้อยก็คงเคยได้ยินหลายครั้งแล้ว เคยเห็นหลายคราที่มีเรื่องในบ้าน มันน่าอับอายทั้งนั้น นี่คือสาเหตุที่ทำให้พ่อต้องเลิกรากับเขา”
“แต่คุณพ่อก็ไม่ได้ไล่น้าเนียนไปจากบ้าน นี่ถือว่าคุณพ่อกรุณามากแล้ว”
“แรกๆ พ่อก็คิดเข้าข้างตัวเองว่าคือความกรุณา แต่ต่อมาอาเริ่มคิดว่า นี่คือการทารุณกดขี่คนที่เขายอมจำนนต่อเรา อย่างโหดร้ายที่สุด”
“ตอนนี้คุณพ่อยังคิดว่าน้าเนียนมีชู้อยู่อีกหรือเปล่าครับ”
“ไม่อยากจะคิดดอก แต่เจ้าตัวเขาไม่เคยปฏิเสธ”
“ขอประทานโทษครับ คุณพ่อคิดว่าน้องติ๋วเป็นลูกชู้หรือเปล่า”
“พ่อ...พ่อ บอกไม่ถูก”
“คุณพ่อจำยายอ่อนหมอตำแยที่ทำคลอดเทิดศักดิ์ได้ไหมครับ”
“จำได้สิ”
“แกทำคลอดน้องติ๋วด้วย ในเมื่อน้าเนียนไม่เคยไปไหนเลย ตั้งแต่เข้ามาอยู่ในบ้านคุณพ่อ แล้วผู้ชายคนนั้นที่ไปหาน้าเนียนไม่ใช่ชู้แต่เป็นพี่ชายของน้าเนียน แล้วน้องติ๋วจะเป็นลูกใครครับ”
คำพูดแดงน้อยกระแทกเข้าที่หน้าท่านขุน ตะลึงพรึงเพริดพูดไม่ออก
“หนูติ๋ว หนูติ๋วของพ่อ หนูติ๋วคือลูกสาวของพ่อ โธ่หนูติ๋ว”
แดงน้อยยกมือไหว้
“เรื่องทั้งหมดคือความจริงที่ผมถามมาจากแม่แพร ลุงโพล้งและยายอ่อน คุณพ่อมีสิทธิ์ที่จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ตามแต่ครับ ผมขอตัวก่อน”
แดงน้อยเดินออกไป ขุนภักดีเดินเข้าไปหาแดงน้อยยื่นมือให้จับ
“พ่อเชื่อที่แดงน้อยพูดทุกประการ พ่อขอบคุณที่แดงน้อยให้ความกระจ่างกับพ่อ ตาพ่อที่ฝ้าฟางสว่างแจ้งเต็มทีกับเรื่องเนียน ที่สำคัญที่สุดคือเรื่องของหนูติ๋ว”
“ผมจะไม่เอาเรื่องที่เราพูดกันวันนี้ ไปพูดต่อ เพราะนี่คือเรื่อง ที่คุณพ่อคงไปจัดการเอง”
ขุนภักดีพยักหน้า แดงน้อยออกไป ท่านขุนทั้งดีใจทั้งเสียใจและละอายแก่ใจ
“เนียนสุดที่รัก พี่ขอโทษ หนูติ๋วพ่อเสียใจ พ่อขอโทษ”
ขุนภักดียืนน้ำตาคลอ
บนเรือนของคุณนายทองจันทร์เวลานั้น ทองจันทร์กับเรียมคุยกันถึงเรื่องช้อยอยู่
“นางช้อยมันมาหาแม่” ทองจันทร์เอ่ยขึ้น
“ได้ยินว่ามันไปพักหนึ่งแล้วนี่คะ” เรียมแปลกใจ
“มันกลับมาขอให้แม่ช่วยไอ้แช่มลูกชายมัน ให้ได้ประกันตัว”
“ทำไมมันมาขอให้คุณแม่ช่วยเล่าคะ คุณแม่ไม่เกี่ยวข้องสักหน่อย คนที่ช่วยได้คือเทิดศักดิ์”
“มันก็จะให้แม่บอกตาเทิดศักดิ์นั่นแหละ” ทองจันทร์ว่า
เรียมแปลกใจ “แปลกจริง ถ้าจะให้เทิดศักดิ์ช่วยก็ต้องไปบอกสนสิคะ”
ทองจันทร์ไม่ยอมบอกความจริงทั้งหมด “มันมาพูดเรื่องที่แม่อยากรู้บางเรื่อง แต่มันพูดไม่จบ มันยักท่าเอาไว้ประมาณว่าถ้าแม่อยากฟังให้จบลูกมันควรได้ประกันตัวก่อน อะไรเทือกนี้แหละ”
“คุณแม่คิดว่าจะพูดกับเทิดศักดิ์ไหมคะ”
“ยังก้ำกึ่ง แม่กลัวว่ามันได้ประกันตัวแล้วมันจะไม่ยอมบอกต่อน่ะสิ นางคนนี้โกหกพกลมเป็นไฟ แต่แม่ก็อยากรู้เรื่องที่มันเกริ่นมา”
เรียมพลอยอยากรู้ไปด้วย
“ขอโทษนะคะ มันเกริ่นเรื่องอะไรมาคะ”
จู่ๆ มีเสียงผิวปากดังเป็นเพลงสนุกสนานนำขึ้นมา เรียม และทองจันทร์มองหน้ากัน ปรากฏว่าเป็นขุนภักดี
ปรากฏตัวขึ้นบนเรือนยิ้มระรื่นผิวปากอย่างสุขใจ
“พ่อเทพไปกินพุงปลาใส่กัญชาที่ไหนมารึ อารมณ์ดีถึงขั้นผิวปาก” หญิงชราแซวลูกชาย
“ไปกินความสุขมาครับ คุณแม่” ขุนภักดีเล่นลิ้นท่าทีสำราญใจ
“ไปกินความสุข” เรียมกับทองจันทร์อุทานพร้อมกัน
“พ่อเทพจะมีเมียน้อยอีกคน”
กบ แมว และเอกหัวเราะลั่น กับคำพูดของทองจันทร์ ขุนภักดีโวยวาย
“คุณแม่หาความผม ผม เอ้อ ไม่เอาละ ไม่บอกดีกว่า รอให้แน่ใจที่สุดก่อน จะมาบอกคุณแม่กับเรียม” แล้วขุนภักดีก็หันไปสั่งเอก “ไอ้เอกไปตามไอ้ถมไปหาชั้นที่เรือนโน้น”
แล้วท่านขุนก็เดินผิวปากลงไปจากเรือน ทองจันทร์กับเรียมงง เอกรู้แกวรีบเผ่นเช่นกัน
“ไอ้เอก หน็อยแน่ะ มันนกรู้รีบหนีไปอีกคน”
สนทุรนทุราย ยืน นั่งไม่ติดที่ ร้อนรุ่มในหัวอกไปหมด
“อีช้อย มันเอาอะไรไปฟ้องอีแก่ อีแก่มันรู้อะไรบ้างโอ๊ย อีช้อย ทำไมมึงไม่จงรักภักดีกับกูจนตายดังสัญญา อีช้อย อีช้อยมึงบีบขั้นกูเอง”
สนลงนั่งกุมขมับ
“รึว่าเราจะลองเกริ่นกับลูกเทิดศักดิ์ดู”
สนคิดได้ ค่อยมีกำลังใจขึ้นมาหน่อย
นายถมมาพบท่านขุนตามสั่ง
“แกใช่ไหมที่ไอ้เอกสั่งให้พา นาง เอ้อ...แม่เนียนไปงานศพที่สามชุก”
“ขอรับ ท่านขุน”
“เขาบอกหรือเปล่าว่าจะกลับมาวันไหน”
“ไม่ได้บอกขอรับ แต่เท่าที่กระผมทราบน่าจะหลังจากเผาญาตินั่นแหละขอรับ”
“กี่วันรึ”
“ไม่เกินสามวันดอกขอรับ”
ขุนภักดีพึมพำเบาๆ กับตัวเอง “นานเกินไป รอไม่ไหวดอก แกเอาจดหมายจากข้าไปให้เขา”
“ขอรับ”
ขุนภักดีหันไปหาปากกากระดาษและซองมาเขียนจดหมาย
ฟากสนตัดสินใจเปรยกับเทิดศักดิ์เรื่องคดีแช่ม
“คดีอย่างนายแช่ม ไม่มีใครกล้าให้ประกันตัวดอกครับ คุณแม่”
“นั่นสิ แม่ก็ว่าอย่างนั้น”
“คุณแม่ถามทำไมครับ หรือว่า ยัยช้อยแล่นมาหาคุณแม่ขอให้ช่วย”
สนส่ายหน้า “เปล่า เปล่านะลูก แม่แค่อยากรู้เท่านั้น เอ้อ แล้วถ้ามีใครรับรองมันเล่า ประกันได้ไหม”
“ได้อยู่ครับ แต่...”
“อะไรรึลูก”
“ใครเล่าครับ ที่มีอำนาจนอกจากคุณพ่อ หรือผม”
“เอ้อ...”
“คุณแม่อยากให้ผมหรือคุณพ่อช่วยประกันตัวมันออกมา หรือครับ”
“เปล่าจ้ะ แม่บอกแล้วไงว่าแค่อยากรู้”
“มันอยู่ในตะรางน่ะดีกว่า อยู่ข้างนอกนะครับตายเอาง่ายๆ คนร้ายยังลอยนวลนะครับ”
สนพยักหน้า ไม่กล้าจะซักถามอะไรต่อ ยิ่งเทิดศักดิ์พูดเรื่องคนร้าย ทำให้สนยิ่งหุบปาก แต่ทุรนทุราย
มากขึ้นทุกที
“ผมต้องรีบไปเข้าเวร”
เทิดศัดิ์เดินออกไป สนเครียดจัด
“ต้องกำจัดอีช้อย แต่จะหาโอกาสได้อย่างไร”
นางสนคนชั่ว พยายามคิดหาหนทางที่จะกำจัดช้อยให้ได้
อาญารัก ตอนที่ 16 (ต่อ)
ด้านเนียนกลับมาจากงานศพที่วัดบ้านแพน มาถึงท่าน้ำบ้านเนิบแล้ว แพรและโพล้งมาถึงเช่นกัน
“เนียน”
เนียนก้าวขึ้นมาตื่นเต้นดีใจ
“พี่แพร พี่โพล้ง”
เนียนกับแพรแล่นเข้ามากอดกันดีใจจนน้ำตาร่วงทั้งสองฝ่าย โพล้งมองยิ้มอยากไปกอดดีใจบ้าง ติดที่แพรกำลังดีใจ
“คิดถึงเหลือเกิน จากกันนานมากเท่าอายุแดงน้อย”
“เกือบเท่าตะหาก ขาดไปสองเดือน” โพล้งท้วง
“ไอ้โพล้งแกจะขัดคอไปหาอะไร เนียน ๆ พี่รับรู้ความทุกข์ ของเนียนมาจากยัยอ่อน สงสารเนียนเหลือเกิน” แพรบอก
“ข้าก็รับรู้มาจากไอ้แดงน้อย เอ็งเกิดมามีกรรมเหลือเกินนะเนียน” โพล้งว่า
“ชั้นชินแล้วจ้ะพี่แพร พี่โพล้ง เพิ่งมาถึงกันหรือจ๊ะ”
“เพิ่งมาน่ะสิ กะแล้วว่าต้องเจอเนียน มีเรื่องสำคัญจะบอกให้ไปจัดการเสียให้จบ” แพรว่า
“เรื่องที่นาที่เอ็งยกให้แดงน้อยมันน่ะ เอ็งเขียนมาว่าให้พวกข้าจัดการ ยายอ่อนแกฝากเงินมัดจำมาแล้ว แต่ว่าเอ็งต้องไปปรากฏตัวเซ็นโอนให้เป็นลายลักษณ์อักษร มิฉะนั้นมันจัดการอะไรไม่ได้” โพล้งบอก
“แต่เนียนจะให้แดงน้อยรู้ตัวตอนนี้ไม่ได้นี่จ๊ะ” เนียนว่า
“ก็ไปโอนไปเซ็นตามที่หลวงท่านว่าก่อนเถิด เรื่องแดงน้อยนั่นเอาไว้ว่ากันทีหลัง เสร็จงานศพนี่ไปเลยนะเนียน” โพล้งสรุป
“จ้ะ” เนียนเห็นด้วย
ยินเสียงเรือติดเครื่องดังแว่วมา ทุกคนมองหน้ากัน
“ใครมา”
“หรือว่าพี่หนัก” โพล้งโพล่งขึ้น
เนียนจุ๊ปาก เรือโผล่เข้ามา เป็นถมนั่นเอง
“เนียน อยู่ไหม”
“อ้าว นายถม”
“รีบขึ้นเรือไปไวๆ ท่านขุนให้มารับกลับไปเดี๋ยวนี้”
เนียนตกใจมากหน้าเสีย ซีดเป็นกระดาษขาว นึกว่ามีเรื่องร้ายอีก
“มีใครกล่าวหาว่าเนียนไปทำอะไรผิดอีกรึ พ่อคุณ” แพรสงสัย
“ไม่รู้ ชั้นไม่รู้ รู้แต่ว่าท่านขุนท่านผิวปากมาตั้งแต่กลับมาจากศาลากลางแล้ว ไว ๆ ให้ไวเลยเนียน ประเดี๋ยวท่านจะเคือง เพราะท่านมีราชการด่วนเข้ากรุงเทพฯ พรุ่งนี้แต่เช้ามืด นี่จดหมายอ่านเสีย”
ถมยื่นจดหมายให้ เนียนรับจดหมายหันมาอาลัยอาวรณ์แพรกับโพล้ง สองคนรีบผลักไสเนียนลงเรือ
“ให้ไว เลยเนียน”
“แล้วรีบกลับมาเผาศพ จะได้รีบไปจัดการธุระให้เสร็จ”
เนียนลงเรือไป แพรกับโพล้งมองตามด้วยสายตาเป็นห่วงเนียน
เนียนแปลกใจและฉงนสนเท่ห์นัก เนียนชะเง้อมองไปเบื้องหน้าใจจดใจจ่อ เนื้อความในจดหมายราวกับเสียงท่านขุนมาอ่านให้ฟัง ทำให้เนียนมีสีหน้าอิ่มเอิบมาก
“เนียน พี่ต้องการพบเนียน ด้วยมีเรื่องซักถามเนียนมากมายนักล้วนแต่สำคัญต่อชีวิตของเรา รีบมาพบพี่ด่วน รอพี่ที่ท่าน้ำพูดธุระเสร็จ จะให้ไอ้ถมไปส่ง เรื่องนี้ขอให้เก็บเป็นความลับไว้ก่อน
ภักดีภูบาล”
เนียนยิ้มนิดหนึ่งถอนอกถอนใจ
“ท่านเรียกแทนตัวเองว่าพี่กับเรา นี่ เกิดอะไรขึ้น”
ฟากขุนภักดีผุดลุกผุดนั่ง พลอยทำให้เรียมผุดลุกตามไปด้วย
“พี่เทพ ผุดลุกผุดนั่ง ทุกเสี้ยวยาม มีอะไรหรือคะ”
“พรุ่งนี้พี่ต้องไปราชการกรุงเทพฯ แต่เช้าจ้ะ”
“แล้วกระไรมิรีบหลับนอน มาผุดลุกผุดนั่งอย่างนี้ทำไมหรือคะ”
“พี่ เอ้อ เอ้อ เนียน...” ขุนภักดีจะบอกว่าตนนั้นใจจดใจจ่อกับเนียนแล้วรีบค้างคำ
“ว่ากระไรนะคะ” เรียมยิ่งแปลกใจ
“เอ้อ เรียมจัดเสื้อผ้าให้พี่แล้วใช่ไหมจ๊ะ”
“ค่ะ พี่เทพห่วงอะไรกันแน่คะ ห่วงเสื้อผ้า ห่วงกลัวไปราชการไม่ทัน หรือว่ามีเรื่องอื่นให้ห่วง เช่นอย่างที่คุณแม่ท่านเอ่ยมานั่น”
“นี่เรียมคิดว่าพี่จะมีเมียน้อยเหมือนคุณแม่อีกคนแล้วรึ”
เรียมส่ายหน้า
“ก็พี่เทพดูไม่ปกตินี่คะ”
เสียงระฆังโบสถ์ตีบอกเวลา สี่นาฬิกา ขุนภักดีลุกพรวด
“พี่จะออกไปเดินดูรอบๆ บ้าน”
ว่าแล้วท่านขุนก็ออกไปโดยไม่หันมาทางเรียม เรียมได้แต่มองตาม
“พี่เทพ ต้องกังวลเรื่องอะไรแน่ๆ แต่เรื่องอะไรรึ”
เรียมคิดไม่ตก
ขณะเดียวกันสนนอนไม่หลับ ทอดสายตามองออกไปครุ่นคิดเรื่องช้อย
“เราต้องกำจัดอีช้อย ปากปลาหมอ เราต้องรู้ให้ได้ว่าอีช้อยไปคุยอะไรกับอีแก่ เราต้องเอ๊ะ นั่น นั่น”
สนชะโงกยื่นหน้าไปเขม้นมองดู เห็นรูปร่างคนที่เดินมาเป็นผู้หญิง
“ผู้หญิง หรือว่าอีช้อย”
สนฉวยมีดปลายแหลมกำไว้ในมือแน่น
“ดีละ ขอให้เป็นมึงจริงๆ เถิดอีช้อย”
สนเดินมาเจอเอารองเท้าสองข้างวางอยู่ขอบศาลาท่าน้ำด้านใน
“รองเท้าแตะ”
สนมองเลยไปเห็นเป็นเนียน กำลังนั่งใจลอยเหม่อ
“ของอีเนียน ไม่ใช่อีช้อย แต่อีเนียนมันมานั่งลอยหน้าทำอะไรตอนใกล้จะเช้า”
สนเตะรองเท้าของเนียนกระเด็นไปคนละทิศคนละทางแล้วเดินไปหาทันที
“เนียน แกมานั่งลอยหน้ารอใคร รึ”
“เอ้อ...”
สนจ้องหน้าเนียนเขม็ง
เวลานั้นขุนภักดี เดินมากับถมที่มารายงาน
“มาแล้วขอรับ ท่านขุน”
“อยู่ที่ท่าน้ำรึ”
“ขอรับ”
“แกห้ามบอกใครทีเดียวว่าแกไปทำอะไรมาในคืนนี้”
“ขอรับ”
“แกหลบอยู่แถวนี้ เสร็จธุระแล้วข้าจะเรียกแกให้รีบไปส่งเขา”
“ขอรับ”
ถมหลบไป ท่านขุนขยับจะเดินต่อชะงัก
“สน สนมาทำไม บ้าแท้ๆ”
ขุนภักดีทำอะไรไม่ถูก กระซิบเรียกถมให้มาหา
“ถม” ท่านขุนสั่งการให้ถมทำอะไรซักอย่าง
“ได้ขอรับ”
ถมย่องไปอีกทาง เพื่อทำตามที่ท่านขุนสั่ง
ฝ่ายสนยังคาดคั้นเนียนไม่เลิกรา
“ข้าถามเอ็งว่า มานั่งลอยหน้าหาใคร ทำไมไม่รีบตอบ นังเนียน”
“ชั้นตอบไม่ได้ค่ะ”
“นี่เอ็งจงใจฝืนคำสั่งข้า เอ็งกล้าอวดดีกับข้า นังคนตกกระป๋องจะบอกหรือไม่บอก ว่าเอ็งรอใคร”
“ไม่บอกค่ะ”
สนโกรธ ชักมีดออกมาขู่
“เอ็งจะบอกหรือไม่บอก”
เนียนส่ายหน้า
ท่านขุนแอบมองอยู่ ทั้งตกใจ ตื่นตะลึงกับการกระทำของสน
“สนใจร้ายแท้ๆ”
ขุนภักดีทึ่งในความเชื่อฟังของเนียนที่ตนขอร้องห้ามบอกใคร
“เนียน ช่างเชื่อฟังเราเหลือเกิน ไม่ได้การละ ปล่อยไว้สนจะไม่ใช่แค่ขู่เนียน ทำไมไอ้ถมยังไม่รีบทำตามที่สั่ง”
ขุนภักดีพรวดจะออกไป เสียงถมตะโกนขึ้นพอดี
“ไอ้เสือมา เสือหนักมาแล้ว”
สนกำลังขยุ้มหัวเนียนจิกไว้ เงื้อมีดขึ้นแต่ได้ยินเสียงถมตะโกนแถมเรียกชื่อเสือหนัก สนเข่าอ่อนทันที
“เสือหนัก”
สนปล่อยมือจากเนียน ถือมีดวิ่งพรวดกลับไปทางเรือน
“ไม่นะ ไม่นะ กลัวแล้ว”
สนวิ่งหายไป แต่เนียนกลับยืนนิ่ง ไม่ขยับ ได้แต่อุทานเบาๆ
“พี่หนัก แย่แล้ว ถ้าเกิดท่านขุนมาเจอพี่หนัก”
เนียนละล้าละลัง รอจะบอกให้หนักหนี
ขุนภักดีแอบมองสนที่วิ่งตัวสั่นงันงกปากก็พร่ำคำว่ากลัวแล้ว กลัวแล้ว ท่านขุนยิ้ม
“ได้ผล สนกลัวจนตัวสั่น”
สนวิ่งผ่านหน้าท่านขุน วิ่งไปหันไปดูเบื้องหลัง
“กลัวแล้ว ชั้นไม่ได้ทำอะไร ชั้นเปล่าทำอะไรเนียนนะ ชั้นแค่มาพูดคุยกับเนียน”
สนผ่านไป ท่านขุนแปลกใจมาก
“สนกลัวจนเสียสติ ทำไมต้องบอกเสือหนักว่าไม่ได้ทำอะไรเนียน แปลกแท้ๆ แต่ทำไมเนียนกลับไม่กลัว กลับยืนนิ่ง ราวกับจะส่ายตาหาเสือหนัก หรือว่า...”
ไวเท่าความคิด ขุนภักดีสาวเท้าออกไปทันที
ด้านเนียนกำลังชะเง้อชะแง้มองหาแต่หนัก
“พี่หนักโธ่ ทำไมจะพาพวกมาปล้นบ้านท่านขุน พี่หนักวิปลาสไปแล้วรึ”
ท่านขุนมาถึงตัวเนียน
“เนียน”
เนียนสะดุ้งวาบตกใจ โผนมาเอาตัวบังกางมือบังท่านขุนเอาไว้
“อย่านะอย่าทำอะไรท่านนะ อยากทำอะไร มาทำชั้นสิ”
ขุนภักดีซาบซึ้งในน้ำใจของเนียน จนอดโอบกอดเนียนไว้ไม่ได้
“นี่เนียนห่วงใยพี่ ถึงกับยอมตายแทนพี่เลยรึ”
“เจ้าคะ หลบไปเจ้าค่ะ เนียนไม่ยอมให้เขาทำร้ายท่านดอกเจ้าค่ะ”
นั่นทำให้ขุนภักดีนึกสนุกขึ้นมา แกล้งเนียนต่อ
“พี่มีปืน ลองมายิงพี่สิ พี่จะยิงมันกลับเช่นกัน”
ว่าแล้วท่านขุนชักปืนออกมา
เนียนตกใจ “โอ๊ย ตายแล้ว”
ขุนภักดีเอามือปิดปากเนียนที่ตกใจ จนจะเป็นลม
“ไม่มีเสือสางที่ไหนดอก พี่เย้าเนียนเล่น เสียงไอ้ถมมันทำอุบายให้สนตกใจแล้วหนีไปต่างหาก”
“โธ่”
เนียนเบี่ยงตัวออกจากวงแขนท่านขุนทรุดตัวลงไปนั่ง กับพื้นก้มหน้างุด ขุนภักดีดึงเนียนขึ้นมาโอบไว้
“ขอบใจมากนะเนียน ที่เชื่อฟังคำขอของพี่ และยอมตายเพื่อพี่”
“เอ้อ...”
“ไปนั่งตรงนั้นแล้วมาคุยกันนะคนดี”
เนียนฟังแล้วสับสนชีวิตที่กลับตาลปัตรในชั่วไม่ทันข้ามคืน ขุนภักดีพาเนียนไปนั่งที่ม้านั่งยาวตรงมุมหนึ่ง จับมือเนียน มองหน้าเนียน เนียนหลบตา ท่านขุนเชยคางเนียนให้มองหน้า
“อย่าก้มหน้า อย่าหลบตาพี่ จงสบตาพี่ แล้วมองหน้าพี่ เพื่อที่เนียนจะได้ รับรู้ถึงความรู้สึกของใจ พี่เสียใจ และขอโทษ”
เนียนอึ้ง “ท่านขุน”
“พี่ขุน ต่อไปนี้ไม่มีคำว่าท่านขุน มีแต่คำว่าพี่ขุน เนียนจ๋า”
“เจ้าค่ะ”
“ทำไมใช้คำพูดกับผัวว่าเจ้าค่ะ คะ ขาเท่านั้นมันก็เพียงพอแล้วคนดีของพี่”
“เนียน เอ้อ...”
ขุนภักดีดึงเนียนมาโอบกอด เนียนทำอะไรไม่ถูก ตัวสั่นไปหมด
ฟากสนนอนสั่นคลุมโปงด้วยความ ร้องไห้กระซิกๆ
“ชั้นไม่ได้ทำอะไรมันนะ ไม่ได้ทำ อย่ามาทำร้ายชั้นเลย ชั้นกลัว ชั้นกลัว”
จังหวะนี้เทิดศักดิ์กลับมาจากเข้าเวร จะกลับห้อง เดินผ่านห้องนอนสนได้ยินเสียงแม่ร้องไห้กระซิกๆ
“คุณแม่ร้องไห้ทำไม”
ส่วนที่ท่าน้ำเนียนน้ำตาไหล ขุนภักดีจับมือเนียนไว้มือหนึ่ง อีกมือเช็ดน้ำตา
“อย่าร้องไห้คนดีของพี่ ต่อไปนี้จะมีแต่เรื่องๆดีทั้งสิ้น พี่ขอบคุณที่ช่วยชีวิตหนูอี๊ด”
“ค่ะ อย่าว่าแต่ช่วยชีวิตเลยค่ะ แม้แต่ชีวิตของเนียนก็ยกให้ได้ค่ะ”
“พี่รู้แล้ว รู้ซึ้งไปถึงก้นบึ้งหัวใจของพี่ พี่ขอบคุณที่เนียนไม่โกรธตอบ ไม่อาฆาตแค้นทุกคนที่ทำร้ายเนียน ทั้งที่เจตนาและเข้าใจผิด”
“เอ้อ ค่ะ ทุกอย่างผ่านไปหมดแล้วค่ะ ช่างเถิดค่ะ”
“ในขณะที่เนียนเอาแต่บอกช่างเถิดๆ แต่บางคนยังเอาเรื่องเอาราวอยู่ เมื่อสักครู่พี่เห็นนะว่าสนกำลังจะทำอะไรเนียน”
เนียนเข้าใจเรื่องราว “เนียนเข้าใจแล้วว่าทำไมนายถมจึงตะโกนเช่นนั้น ขอบพระคุณค่ะ แต่...”
“อะไรรึ”
“คุณสนคงจะตกใจมาก”
“สนควรรู้จักตกใจมากบ่อยๆ จะได้ระงับจิตใจในเรื่องริษยาไว้บ้างสุดท้าย สำคัญที่สุดที่พี่จะพูดกับเนียน แต่พี่อายมาก กระดากปากมากเลวร้ายกับเนียนตีเนียนผิดๆ ตีหนูติ๋ว เรื่องพาหนูอี๊ดไปแกล้งทำเรือล่ม พี่รู้ความจริงหมดแล้ว”
“ท่านขุน เอ้อ... พี่ขุน”
ขุนภักดีมองหน้าเนียน สองคนสบตากัน
ส่วนสนนอนคลุมโปง สั่นไปหมดทั้งร่าง กลัวจับจิต
“อย่าทำชั้นเสือหนัก อย่าทำร้ายชั้น ชั้นไม่ทำร้ายเนียนอีกแล้ว”
เทิดศักดิ์เอื้อมมือไปแตะแม่ สนร้องกรี๊ดดด
“คุณแม่ นี่ผมเองครับ”
สนตวัดผ้าห่มออกมา โผเข้ากอดเทิดศักดิ์แน่น
“ช่วยแม่ด้วย ช่วยแม่นะ เสือหนักมันจะมาฆ่าแม่”
“คุณแม่ฝันไปหรือเปล่าครับ ผมกลับมาบ้านเราก็ปกติดี แล้วเรื่องอะไรเสือหนักจะมาปล้นบ้านเรา ในเมื่อเสือหนักกำลังหนีผม หนีแดงน้อย หนีคุณพ่อ เขาเก็บตัว เขาไม่มาดอก”
“มันมาจริงๆ มันตะโกน ไอ้เสือมา เสือหนักมาแล้ว”
“อาจมีใครสวมรอยมาแกล้งว่าเป็นเสือหนัก ผมก็เคยเจอมาแล้วนะครับ”
สนค่อยคลายตกใจลง แต่ไม่ทั้งหมด
“แต่แม่ก็ยังกลัว”
“ถ้าเช่นนั้นผมจะลงไปดูลาดเลาเผื่อจะพบเจออะไรผิดปกติ”
เทิดศักดิ์ลุกขึ้น สนดึงไว้พลางส่ายหน้า
“อย่า อย่าไปลูก อย่าไปเจอมัน มันจะฆ่าลูกนะ”
เทิดศักดิ์ส่ายหน้า “ผมไม่กลัว”
เทิดศักดิ์ห่มผ้าให้แม่แล้วลุกออกไป สนมองตามยิ่งผวาหนัก
“นี่กูทำอะไรลงไป เกิดเทิดศักดิ์ไปเจอไอ้หนักแล้วมันพูดความจริงออกมา นี่กูกำลังจะเป็นบ้าแล้ว ฮือๆๆๆ”
สนคิดไม่ตก เอาแต่ตีอกชกหัวไปมา
ฝ่ายขุนภักดียังพูดคุยเปิดใจกับเนียนต่อ จนมาถึงเรื่องสุดท้าย
“เรื่องสุดท้ายที่สำคัญที่สุดสำหรับชีวิตพวกเรา คือเรื่องของ หนูติ๋ว”
จังหวะนี้ยินเสียงเทิดศักดิ์ตะโกนถามมา
“ใครอยู่ที่ท่าน้ำ”
“เทิดศักดิ์มา”
เนียนหันไปหารองเท้า “หายไปไหน”
“หาอะไรรึเนียน”
“รองเท้าค่ะ หายไปไหนแล้ว”
“หายไปไหนก็ช่าง ไปหาซื้อเอาใหม่ รีบไปก่อนที่เทิดศักดิ์จะมาเห็น”
ท่านขุนควักเงิน ยัดใส่มือเนียนแล้วดันออกไป
“เนียนไปก่อนนะคะ”
เนียนรีบวิ่งไปตรงท่าน้ำ ถมจอดเรือรออยู่แล้ว เนียน รีบลงเรือไปทันที
เทิดศักดิ์โผล่มาพร้อมปืนเล็งไปที่เรือ ไม่ทันเห็นท่านขุน
“เสือหนักหยุดนะ ไม่งั้นยิงเรือทะลุ”
เทิดศักดิ์กำลังจะยิง ท่านขุนถลาออกมาฉุดแขนไว้
“อย่ายิง”
เทิดศักดิ์หันมาเจอขุนภักดีก็แปลกใจ
“คุณพ่อ”
“นั่นไม่ใช่เสือหนักดอก”
“ถ้าเช่นนั้นใครครับ”
“คนขับเรือผ่านมาน่ะ”
“คุณพ่อมาทำอะไรที่นี่ครับ นี่แค่ตีสี่เท่านั้นเองนะครับ”
“เอ้อ เอ้อ คือพ่อ พ่อ มีราชการที่บางกอก ราชการสำคัญพ่อเลยนอนไม่หลับ พ่อขอตัวก่อน จะรีบไปปลุกไอ้เอก ให้ตื่นมาขับรถ”
ขุนภักดีพูดจบก็เดินไปเร็วมาก แถมผิวปาก เทิดศักดิ์มองตามงงๆ
“คุณพ่อท่านครึ้มอกครึ้มใจอะไรนักหนา”
ตอนสายของวันต่อมา แพรและโพล้งชะเง้อดูเรือที่แล่นมาเทียบท่าน้ำ
“เรือเศรษฐีที่ไหนจะมาเทียบท่า”
“ดูท่าคุ้นๆ แฮะ”
เนียนโผล่ออกมาหน้าตาเนียนอิ่มเอิบเปลี่ยนเป็นคนละคน
“ชั้นเองจะ พี่แพร พี่โพล้ง”
แพรกะโพล้งร้อง “เฮ้ย”
“ก็เพิ่งจะไปเมื่อคืน” แพรงง
“แล้วจู่ก็กลับมา หน้าตาสดชื่น” โพล้งอึ้ง
“ลงเรือมาสิจ้ะ พี่แพร พี่โพล้ง”
สองคนร้อง “อุเหม่”
“คือว่าท่านขุน ท่านสั่งให้กระผม มาส่งมาดูแลเนียนเอ้อ คุณเนียน”
แพรกะโพล้ง ตาเหลือก “คุณเนียน”
“เมื่อตอนไป ยังเป็นเนียนอยู่แท้ๆ” แพรว่า
“ขากลับมากลายเป็นคุณเนียนเสียแล้ว”
สองคนมองหน้าเนียน แต่เนียนทำนิ่งเฉย
“นายถมจ้ะ รีบไปกันเถิด เสร็จงานศพ เราต้องรีบไปบ้านแพนกันต่อ”
“โอ้โฮ” สองคนร้อง
“ไปด้วยเรือนี่น่ะหรือ” โพล้งอึ้ง
“ขอรับ” ถมบอก
สองคนมองหน้ากันอึ้งๆ เนียนไม่อยากตอบคำถามมาก รีบนั่งนิ่ง
สนตีหน้าเซ่อใส่ทองจันทร์ขณะแวะมาหาถึงเรือน และเป็นฝ่ายถูกถาม กบกะแมว นั่งอยู่ไม่ไกลนัก
“เมื่อวันก่อนนางช้อยมาหาแม่สนรึ”
“เอ้อ ค่ะ มีอะไรหรือคะ”
“มันมาทำไม”
“มาขอเงินตามนิสัยเห็นแก่ได้น่ะคะ”
“แม่สนโกหก มันมาบอกชั้นเรื่องพ่อเทิด”
สนหัวใจหล่นวูบ ตกใจมาก แต่รีบเก็บอาการ “มันมาโกหกว่ากระไรหรือคะ”
“เปล๊า มันยังไม่ได้บอกว่ากระไร แต่มันบอกว่าจะมาบอกวันสองวันนี่แหละย่ะ แต่เท่าที่ชั้นคาดคะเน มันต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ยะ”
“นางช้อยโกหกตลบตะแลง มันจะมาขู่ให้คุณแม่ช่วยเรื่องให้ประกันตัวลูกมันน่ะสิคะ"
"วุ๊ย ..แม่สนละก้อช่างพูดจาอะไรให้เข้าตัวเอง นางช้อยมันก็โกหกตลบตะแลงเหมือนแม่สนนั่นแหละย่ะ ใครหลงจับพลัดจับผลูเชื่อพวกหล่อน ก็เท่ากับโง่เชื่อว่าหมูออกลูกเป็นลิงได้ย่ะ" ทองจันทร์ว่า
"คุณแม่ขาที่ผ่านมาสนขอโทษ สนผิดไปแล้วคะ ที่สนโง่ไปเชื่อฟังคำพูดนางช้อยมัน แต่ถ้ามันมาอีก สนจะเค้นเอาความจริงจากมันว่ามาโกหกคุณแม่ทำไม กะอีแค่อยากให้ลูกมันได้ประกันตัว สนลานะคะ"
สนถอดตัวถอย ก่อนจะลุกเดินออกไป ทองจันทร์พูดต่อ
"แม่สนยะ ที่นางช้อยมันพูดออกมาเรื่องเทิดศักดิ์น่ะ ฟังแล้วคาดเดาได้ว่าเทิดศักดิ์อาจไม่ใช่ลูกพ่อเทพดอกย่ะ"
สนสะดุ้งสุดตัว คิดคำรามในใจ
"อีแก่มึงวอนตาย"
"แต่ชั้นจะไม่เอาเรื่องนี้ไปพูดที่ไหนดอกย่ะ จนกว่านางช้อยจะมาเปิดปากบอกว่าตาเทิดศักดิ์เป็นลูกใคร ไปได้แล้วย่ะ ไปคิดดูนะยะเผื่อหล่อนจะนึกออก แล้วมาบอกเอง ว่าตาเทิดศักดิ์เป็นลูกใคร คนอะไรท้องได้ตั้งสิบสองเดือน"
สนหน้าซีดขาว แล้วค่อยๆ เปลี่ยนเป็นแดง ขณะหันไปมองหน้าทองจันทร์ดวงตาวาวโรจน์
แต่ทองจันทร์ก้มหน้าบ้วนน้ำหมากพอดีจึงไม่เห็นสายตาอาฆาตอันโหดเหี้ยมของสน
อาญารัก ตอนที่ 16 (ต่อ)
ทั้งสี่คนอยู่ในท้องนาที่นาของเนียนที่บ้านแพน ยายอ่อนยิ้มย่อง พออกพอใจมาก
“ดีใจแท้ๆ ที่ได้เจอกับเนียน” ยายอ่อนแอบกระซิบถาม “ลูกแฝดเป็นอย่างไรล่ะ”
“ยายอ่อนจ๋า อย่าพูดจาไม่ระวังปากสิ ชั้นไม่ต้องการให้ใครมาขุดคุ้ยเรื่องนี้” เนียนตำหนิหญิงชรา “มาพูดเรื่องที่นานี่ก่อนเถิด ชั้นเซ็นมอบอำนาจให้เรียบร้อย พี่เอกเขาบอกว่าเซ็นแค่นี้ก็ได้ ไม่ต้องไปแสดงตัวดอกจ้ะ”
“ไอ้พี่เอกเขาหัวหมอ เขาไม่ได้ทำงานก็เหมือนทำ เพราะเขาอยู่ที่ศาลากลางกับท่านขุนมาตั้งแต่กะท่านเป็นปลัดจังหวัดจนเป็นข้าหลวงอย่างทุกวันนี้” โพล้งว่า
“ถ้าไม่มีการเลิกศักดินาไปก่อนละก็ ท่านไม่ใช่แค่ท่านขุนดอกนะ ท่านน่ะ ได้เป็นพระยานาหมื่นเลยย่ะ” แพรบอก
“เขาเรียกสั้นๆง่ายๆ ว่าท่านเจ้าคุณ” โพล้งเสริม
“แม่แพร พ่อโพล้งยะ ชั้นมาซื้อที่นา ไม่ได้มาลำดับยศถาบรรดาศักดิ์นะยะ เอ...แต่ว่าทำไมเนียนไม่อยากไปที่ทำการที่ดินล่ะ”
“คือชั้นไม่อยากแสดงตัวว่าชั้นเป็นเจ้าของที่นานี้จ้ะ”
ทุกคนพยักหน้า โพล้งแพรเข้าใจ แต่ยายอ่อนไม่เข้าใจ
สนเดินหน้าตาเหี้ยมโหดออกแนวบ้านิดๆ ออกมาทางท่าน้ำแล้ว
“อีช้อย ไหนมึงว่าจะมา มาสิ มาเลย กูรอมึงอยู่ มึงรักลูกมึง กูก็รักลูกกู แต่ลูกมึงมันลูกโจร ไม่เหมือนลูกกูน่ะ”
สนชะงัก เพราะเดินสะดุดเอารองเท้าแตะของเนียนคู่เดิมที่เหลือข้างเดียว
“อีรองเท้าบัดซบ”
สนกระทืบๆ แล้วนึกได้ มองรองเท้าของเนียน
“จริงสิ ถ้าอีช้อยตาย แต่กลายเป็นอีเนียนฆ่า กำจัดหมาทีเดียวสองตัว”
สนก้มลงเอาเท้าตวัดรองเท้าเนียนขึ้นมา แล้วหันไปหาอีกข้าง ตวัดขึ้นมาอีก ยินเสียงสวบสาบดังมาใกล้ๆ สนหันไปยิ้มแสยะ
“คุณสน”
“นังช้อย แกช่างมาได้เหมาะเจาะแท้ๆ”
สนทักทายยิ้มแย้มแจ่มใส ช้อยเริ่มงง
“เหมาะเจาะอย่างไรหรือเจ้าคะ”
“ข่าวดี ของแกกับของไอ้แช่ม ชั้นพูดกับลูกเทิดศักดิ์แล้ว”
“แล้วคุณเทิดศักดิ์ว่าอย่างไรเจ้าคะ ถ้าคุณสนบอกว่าข่าวดี ก็แปลว่า…”
“แปลว่า...”
ขาดคำสนชักมีดออกจ้วงแทง ใส่ช้อยทันที
“อีคุณสน อีสารเลว มึง มึงกล้าฆ่ากู”
ช้อยนึกว่าตัวเองยังไม่โดนมากนัก ผวามาทั้งที่โดนแทงที่อกไปแล้ว
“กูกล้าฆ่าทุกคนที่จะเปิดโปงกู มึงเอาอะไรไปบอกอีแก่ทองจันทร์”
ช้อยฮึดสู้ สองคนสู้กันไปสู้มา สนโดนแทงเข้าไปนิดหนึ่ง แต่ไม่เข้าที่ฉกรรจ์เพราะช้อยโดนไปแล้วที่จุดสำคัญ
ร่างช้อยล้มลง “เออ กูเปิดโปงมึงแล้ว กูบอกอีแก่ทองจันทร์ไปแล้ว ว่าไอ้เทิดศักดิ์เป็นลูกไอ้เสือหนัก”
สนโกรธจัด กระโดดคร่อมร่างช้อย กระชากมีดออกมา ช้อยสั่นไปหมดเจ็บปวดมากแต่ไม่เกรงกลัว
“อีช้อย กูจะเฉือนปากมึงให้ขาดกระจุย โทษฐานที่มึงทำกูพินาศย่อยยับ”
ช้อยเจ็บปวดไปทั่วกาย อาการสาหัสมาก
“อีสน ความตายของกูวันนี้ไม่ตายฟรีดอก มึงต้องโดนจับ กูสั่งลูกเอาไว้ ให้เปิดโปงมึงให้หมด ลูกกูจะได้ลดโทษ เพราะเป็นพยานกล่าวโทษความผิดของมึง กูกับมึงก็เลวพอกัน ดังนั้น กูตาย มึงก็ตาย”
“กูจะแทงปากมึง” สนยิ่งแค้นเงื้อมีดขึ้นหมายจะแทง
ช้อยจ้องตาสนอย่างดุดัน ขอสู้ตาย มีเสียงดังลอดจากปากขมุบขมิบได้ยินกระท่อนกระแท่น
“หน้าอย่างมึง ไม่มีวันชนะอีเนียนได้ อีกไม่ช้า ท่านขุนจะรู้ว่ามึงคือนางร้าย อีเนียนคือนางเอก”
จังหวะนี้เสียงกบแมวเรียกหากัน
“นังแมว เห็นนางช้อยหรือยัง”
“ยังเลย คุณท่านให้มารอ ท่านกลัวว่ามันจะโดนคนใจดำทำเอา”
สนหยุด แล้วจ้วงแทงลงไปที่อกของช้อย แทงกระหน่ำซ้ำๆ ช้อยตายสนิท ตาเหลือกโพลงมองมาที่สน
“มึงไม่ต้องมามองกูอีนรก”
สนพยายามปิดตาช้อย แต่ปิดไม่ได้ สนจึงลากช้อยเข้าไปในพง เอากิ่งไม้ ใบไม้แถวนั้นมาปิดตาช้อยและตัวช้อย
แล้วเดินมาเตะรองเท้าเนียนไปใกล้ๆ พุ่มไม้อีกพุ่ม ทำทีว่าเนียนเอาไปซ่อน
“รองเท้าอีเนียนนี่แหละหลักฐานสำคัญ”
จากนั้นสนวิ่งหลบไปจากที่นั่นอย่างว่องไว
ฟากกบกับแมวพากันส่ายหน้านินทาช้อย
“นางช้อยมันไม่แน่จริง มันจึงไม่กล้ามาหาคุณท่าน”
“คุณท่านก็ช่างกระไรไปเชื่อน้ำมนต์คนอย่างนางช้อย”
กบมองไปแล้วรีบสะกิดแมว ดึงแมวแอบหลบชี้ไป
“คุณสน”
สองคนแลเห็นสนเดินขาเจ็บกระเผลกๆ มา สองคนอ้าปากหวอ
“ไปฟัดกับอะไรมา”
“โดนหมามันกัดเอา จนเลือดสาดทะลุซิ่นออกมา”
“ขาเขยกไปข้างหนึ่ง”
กบกระซิบแมว พยักหน้ากัน สองคนพรวดไปหาสน
“คุณสนเจ้าขา”
สนตกใจ “ว๊าย นังบ้า ใครใช้แกมาดักหน้าข้า หลีกไป”
“หามิได้เจ้าค่ะ เราสองคนมิได้มาดักหน้า เจ้าค่ะ”
“แต่จะมาช่วยพยุงคุณสนเจ้าค่ะ เพราะว่าคุณสนขาเขยกราวกับจะเดินไม่ไหวเจ้าคะ”
“นางขี้ข้า อย่าสาระแน ไปให้พ้นหน้ากูเดี๋ยวนี้”
สนเข้นเขี้ยวทำท่าราวกับจะฆ่าแกง สองคนถอยกรูด
“ไปแล้วเจ้าค่ะ”
กบและแมวถอยไป สนกระเผลกไปต่อ
ทองจันทร์ฟังที่กบและแมวรายงานอย่างประหลาดใจ
“แกว่ากระไรนะ แม่สนไปฟัดกับหมา โดนหมากัดเอาเลือดสาดเดินขาลาก ขากระเผลก”
“เจ้าค่ะ” สองสาวประสานเสียง
“แล้วมันไปฟัดกับหมาที่ไหนมายะ บ้านเราไม่ได้เลี้ยงหมา” ทองจันทร์ฉงน
“นั่นสิเจ้าคะ” กบว่า
“ผ่านเรื่องแม่สนกัดกับหมาไปก่อน เอาเรื่องนางช้อยสิ”
“ไม่ได้เห็นแม้แต่เงาเจ้าค่ะ” แมวบอก
“ไม่ได้ยินแม้แต่เสียงเจ้าค่ะ” กบว่า
ทองจันทร์ผิดหวังมากบ่นพึมพำ
“แปลกจริง หรือที่แม่สนว่านางช้อยโกหกตลบตะแลง นั่นคือความจริงเสียแล้ว มันแค่มาหยั่งเชิง ให้เราช่วยมัน ช่างหัวมันมันไม่ใช่เรื่องจริง”
ทองจันทร์ละความสนใจแล้ว คิดได้ขึ้นมาอีก
“เอ แต่เรื่องแม่สนตั้งท้องสิบสองเดือนนี่มันประหลาดแท้”
หญิงชราคิดแล้ว แต่คิดไม่ตก
ฝ่ายสนกลับถึงเรือนจัดแจงเช็ดคราบเลือดที่กระเด็นใส่ตัว เอาเสื้อผ้าไปยัดซ่อนอีก
“อีช้อย มึงทำกูป่นปี้ โชคดีที่กูไหวทัน จัดการมึงไปหาไอ้เหิมในนรกซะทีนี้ก็เหลือแต่อีแก่ทองจันทร์”
สีหน้าสนเหี้ยมเกรียมยิ่งนัก จู่ๆ ทานตะวันก็โผล่เข้ามา
“แม่สนจ๋า”
“ว๊าย ทำไมมาเงียบเชียบจริงๆ” สนไม่พอใจ
“ก็แหมหนูคิดถึงแม่สน อยากให้แปลกใจ นี่คะ มาๆ ไปกับหนู ไปทำผมทรงใหม่ที่หนูดูมาจากแคตตาล็อคฝรั่ง”
สนไม่มีแก่ใจจะไปไหน “หนูอี๊ดขา วันนี้แม่สนไม่ค่อยสบายค่ะ”
“เป็นอะไรคะ เอ๊ะ ขากระเผลก ไปโดนอะไรมาคะ”
“โดน เอ้อ...ช่างมันเถิดค่ะ แม่สนถึงไม่อยากจะไปไหน”
“แหม หนูอุตส่าห์มารับ ไม่ได้คุยกันมาหลายวันแล้วนะคะ หนูอยากคุยเรื่องเอ้อ น้า เอ๊ยยัยเนียน”
สนทำเสียงเนือยๆ “มันทำอะไรหนูอี๊ดอีกคะ”
“ช่วยชีวิตหนูไงคะ ตายจริง นี่แม่สนไม่รู้เรื่องนี้บ้างเลยหรือคะ ว่าฟ้ามันผ่าใส่หนูแต่ น้า เอ้อ ยัยเนียน กระโดดมาลากหนูหลบไปทัน ฟ้าผ่าโดนต้นไม้โค่นมาล้มใส่ตรงที่หนูยืนอยู่ ไม่งั้นตายหนูตายแน่ค่ะ”
“อ้อ แปลว่าตอนนี้หนูอี๊ด เลิกเกลียดมันแล้ว” สนค่อนขอดเอา
“หนูบอกไม่ถูกดอกค่ะ หนูอายค่ะ หนูทำตัวไม่ถูก หนูเลยจะมาปรึกษาแม่สน ว่าหนูควรทำตัวอย่างไรกับเขาดีคะ”
“อยากทำอย่างไรก็ทำไปเถิดค่ะ แม่สนไม่อยากจะไปสนมันแล้วค่ะ”
“ถ้าหนูจะญาติดีกับเขา หนูควรไปขอโทษเขาก่อนดีไหมคะ”
“อยากจะลดตัวลงไป เกลือกกลั้วกับขี้ข้าก็ตามใจเถิดค่ะ แม่สนคนหนึ่งละ ไม่ทำดอก มันเป็นคนใช้ เรามีสิทธิ์ที่จะทำอย่างไรก็ได้ ไม่เห็นต้อง ขอโทษมัน”
“แล้วเรื่องขอบคุณเล่าค่ะ”
“แม่สนไม่ทำแน่ แต่ถ้าหนูอี๊ด อยากทำก็ทำเถิดค่ะ”
ทานตะวันพยักหน้า
“เอ๊ะ แม่สนขา ยัยช้อยมันมาหาแม่สนแล้วมันหายไปไหนคะ ไม่เห็นมาเสนอหน้าเหมือนแต่ก่อน”
สนสะอึก
“ใครว่ามันมาหาแม่สนคะ ไม่มี้ไม่มี ไม่ได้มา”
“ยัยช้อยโกหก หนูเจอมันจังๆ แถวร้านเสริมสวยของหนู ถามว่ามันจะไปไหน มันบอกว่ากำลังจะไปหาแม่สน นัดกันไว้”
“วุ๊ย มันเพ้อเจ้อค่ะ”
“งั้นหนูไปก่อนนะคะ อุตส่าห์มารับ”
ทานตะวันจะออกไป สนเกิดหวาดกลัวเรื่องช้อยขึ้นมา
“แม่สนไปด้วยคนค่ะ”
สนเดินกระเผลกไปหาทานตะวัน
ขณะเดียวกันเนื้อทองเดินกางร่มลงจากเรือที่ท่าหน้าบ้าน พอขึ้นมากำลังจะหุบร่ม แต่ลมพัดแรงขึ้นมาดื้อๆ พัดเอาร่มปลิวไป
“อุ๊ยตาย” เนื้อทองตามไปดูร่ม
ส่วนทานตะวันประคองสนลงมาถึงหน้าเรือน เจอหน้าแมว และกบที่ยิ้มให้สนท่าทีเยาะเย้ย
“แกสองคนยิ้มอะไร”
“มันยิ้มเยาะแม่สนค่ะ หนูอี๊ด มันถือตัวว่า เป็นคนสนิทของคุณย่าค่ะ” สนโมโห
“อย่ามาทะลึ่งกับแม่สนนะ” ทานตะวันเอ็ด
“มิบังอาจดอกเจ้าค่ะ” สองคนจ๋อย
“แต่คือว่า คุณท่านให้เราสองคน ไปตามหาหมาที่มันกัดกับเอ๊ย กัดคุณสนเจ้าค่ะ” แมวบอก
“คือคุณท่านห่วงว่าหมามันจะเป็นบ้า แล้วพาลพาพวกเราบ้าเหมือนหมาตัวนั้นกันทั้งบ้านเจ้าค่ะ” กบเสริม
“ที่แท้แม่สนโดนหมากัดนี่เอง” ทานตะวันว่า
“อี....”
สนด่าไม่ทันจบ มีเสียงกรีดร้องดังมาจากแถวท่าน้ำ
“อร๊ายย...”
“เปรตอะไรมากรีดร้องขอส่วนบุญแถวท่าน้ำ” ทานตะวันเหลียวไปมอง
“คนนะเจ้าคะ เสียงคนกำลังตกใจกลัวอะไรสักอย่าง” กบบอก
“หรือว่าบ้านเรามีผีมาหลอกหลอนตอนกลางวัน” แมวว่า
“พวกแกอย่ามาพูดจาบ้าบอเพ้อเจ้อ ไปดูกันค่ะ แม่สน”
สนส่ายหน้ากลัวว่าจะไปเจอเอาศพช้อย
“อย่าไปสนใจมันเลยค่ะ”
ส่วนแมวกับกบวิ่งโกยแน่บ
“หนูอยากรู้ว่ามันเสียงใคร หรือว่าเสียงยัยช้อย มันมาตามนัดกับแม่สนแล้วโดนหมากัดหรือเปล่า”
สนสั่นไปหมด ทานตะวันดึงสนไป ด้วยความอยากรู้
เวลาเดียวกันตรงบริเวณจุดเกิดเหตุ เนื้อทองยังยืนสั่นพับๆ ร่มตกอยู่แทบเท้าของช้อยที่มีกิ่งไม้ปิดส่วนหน้าตาอยู่
“อร๊ายย” เนื้อทองกรี๊ด
กบกะแมวมาถึง
“หนูติ๋ว”
เนื้อทองชี้ให้ดู
“น่ากลัวเหลือเกินค่ะ”
“คนโดนทำร้ายเลือดท่วมตัว” กบว่า
แมวบอก “เขาตายแล้ว”
สองคนตกใจ ร้องลั่น “ช่วยด้วย ช่วยด้วย มีคนโดนฆ่าตาย”
กบกะแมวร้องโหวกเหวก เนื้อทองกลัวมากไม่กล้าแม้แต่จะหยิบร่ม
สนกับทานตะวันเดินมาใกล้จะถึง สองคนได้ยินเสียงแมว และกบถนัด สนหยุดกึก
“มีคนโดนฆ่าตาย ใครกันมาฆ่าคนตายในบ้านเรา บังอาจ หนูจะไปดู”
“อย่าไปดูเลยค่ะ”
“แต่หนูอยากไปดูค่ะ แม่สนกลัวอะไรหรือคะ”
สนส่ายหน้า
“แม่สนไม่เคยกลัวอะไรค่ะ”
“ไปดูเผื่อคนฆ่ามันจะทิ้งหลักฐานอะไรไว้นะคะ”
สนคิดในใจ “ในเมื่อทุกคนต้องเจอรองเท้าอีเนียนใกล้ที่เกิดเหตุ ทำไมกูต้องกลัว”
ทุกคนในบ้านต่างพากันวิ่งไปทางเสียงกบกะแมว
“ไปค่ะ หนูอี๊ด” สนฮึดขึ้นมา
ทุกคนมาถึง ต่างจดๆ จ้องๆ ไม่มีใครกล้าหยิบกิ่งไม้ที่ปิดหน้าออกมาดูว่าเป็นใคร
“ใครกัน” ทุกคนถามกันงึมงำ
“ให้ใครไปบอกพี่เทิดศักดิ์ที่โรงพัก บอกพี่แดงน้อยที่ศาลากลางมาดูเถิดคะ” เนื้อทองบอก
“แต่ฉันอยากเห็นหน้าคนตาย ตอนนี้” ทานตะวันบอก
“จะดีหรือคะ ให้ตำรวจมาก่อน ถ้าไปแตะต้องจะเป็นการทำลายหลักฐานนะคะ” เนื้อทองท้วง
“ทำลายหลักฐานรึ” สนคิดในใจ
“เอ๊ะ ทำไมแกต้องมาหักล้างคำพูดชั้น อยากแสดงว่าฉลาดกว่าชั้นรึ” ทานตะวันหมั่นไส้
“มิได้ดอกค่ะ แต่ชั้นเกรงว่าหลักฐานจะโดนทำลาย จะทำให้จับคนร้ายได้ลำบากมากขึ้นค่ะ” เนื้อทองว่า
“จริงของมัน” สนคิดแล้วให้นึกได้ เลยพูดออกมา “อ้อ นึกว่าไปเรียนครูมา ที่นั่นเขาสอนวิชาตำรวจด้วยรึ พวกแกได้ยินคุณหนูอี๊ดสั่งไหม เปิดหน้ามันออกมาดูเดี๋ยวนี้”
จังหวะที่ทานตะวันจะเดินหนีออกไปจากที่นั่นด้วยท่าทางฉุนเฉียว คนงานคนหนึ่งดึงกิ่งไม้ออกมาจากหน้าและตัวศพ จนเห็นเป็นใบหน้าของช้อยที่บิดเบี้ยวตาเบิกโพลง ทุกคนผงะ ยกเว้นสน
“ยัยช้อย” ทุกคนตะลึงร้องประสานเสียง
สนมอง แอบยิ้มร้าย
“นังช้อยนอนตายตาไม่หลับ” กบว่า
“มันคงจ้องมองคนที่ฆ่ามันก่อนตาย” แมวเสริม
พวกคนในบ้านแอบซุบซิบเซ็งแซ่
“โถ นางช้อยเวรกรรมของเอ็งแท้ๆ ที่ผ่านมาเอ็งทำบ้าๆ กับข้าไว้แยะ ข้าอโหสิกรรมให้เอ็งทั้งหมดนะช้อยนะ”
กบแมวหันมามองสนงงๆ ไม่อยากเชื่อว่าสนเป็นคนพูดจริงๆ
สองคนกระซิบกัน “โอ้โฮ”
“คนที่ฆ่ามัน ต้องเลินเล่อเผลอทิ้งหลักฐานไว้แน่ๆค่ะ
“ขอให้มันโดนจับได้ไวๆ ด้วยเถิด” ทานตะวันสลดหดหู่
“ขอให้มันอย่าใส่ร้ายป้ายสีคนอื่นด้วยเถิด” กบว่า
แมวว่าต่อ “ขอให้เวรกรรมตามสนองมันด้วยเถิด”
“หนูอี๊ดขา ดูหน้าคนตายรู้ว่าเป็นนางช้อยแล้ว เราไปร้านหนูอี๊ดกันเถิดค่ะ”
สนดึงทานตะวันเดินออกไปหน้าตาเฉย กบแมวมองหน้ากันงงๆ
เรียมและทองจันทร์ตกใจมาก หลังจากที่ฟังกบกับแมวมาบอกเรื่องช้อยถูกฆ่าตายในบ้าน
“นางช้อยโดนฆ่าตาย” สองคนอุทานลั่น
“ฆ่าปิดปากกระมัง” ทองจันทร์บอก
“มีใครไปบอกตำรวจกับนายอำเภอที่ศาลากลางหรือยัง” เรียมถาม
“หนูติ๋ว เธอให้คนไปบอกคุณเทิดศักดิ์กับคุณแดงน้อยแล้วเจ้าค่ะ” กบว่า
“คุณหนูอี๊ดกับคุณสนก็อยู่ด้วยเจ้าค่ะ เธอสองคนสั่งให้เอากิ่งไม้ที่ปิดหน้าออกเจ้าค่ะ” แมวบอก
“เท่ากับเป็นการทำลายหลักฐาน” ทองจันทร์ว่า
“ไม่ควรไปข้องแวะกับศพแม้แต่น้อย” เรียมบ่น
“หนูติ๋วเธอห้ามแล้วเจ้าค่ะ อ้อ แต่คุณสนบอกว่า คนร้ายอาจเผอเรอทิ้งหลักฐานอย่างอื่นไว้เจ้าค่ะ” กบบอก
“แม่สนนี่ช่างฉลาดล้ำ แม่สนเขาไม่ตกใจดอกรึ ที่อดีตคนสนิทของเขาตายอนาถขนาดนั้น” ทองจันทร์ถาม
“เธอเฉยๆ เจ้าค่ะ ตอนนี้ไปทำผมที่ร้านเสริมสวยกับคุณหนูอี๊ดแล้วเจ้าค่ะ” แมวรายงาน
“อืม มีความสุขดีแท้ๆ” ทองจันทร์ค่อนขอด
“เรียมไม่สบายใจเลยค่ะ คุณแม่ ถึงจะไม่ชอบการกระทำของช้อย แต่ก็ไม่อยากให้ช้อยตายน่าสมเพชแบบนี้ เลยนะค่ะ”
“ก็นังช้อยมันกำความลับ เลวร้ายของใครบางคนเอาไว้น่ะสิ เฮ้อ เวรกรรมของคนชั่วทั้งหลาย มันไม่เคยตายดีสักราย”
เรียมกับทองจันทร์ไม่สบายใจ ทองจันทร์นั้นปักใจว่าเป็นสน
ตรงจุดเกิดเหตุ ศพช้อยเบิกตาโพลง แลเห็นแดงน้อย เทิดศักดิ์ และหมู่เติม ตลอดจนคนในบ้านกำลังยืนมองช้อย
“ยัยช้อยเอ๊ย ตายไม่ดีเลย” แดงน้อยสลดหดหู่
“กันก็มัวไปหวั่นว่าถ้าให้ประกันตัวนายแช่มจะโดนฆ่าปิดปาก ทำไมกลายเป็นยัยช้อย”
“ถ้านายแช่มมันกำความลับใครไว้ ยัยช้อยมันมิกำความลับนั่นมากกว่ารึ”
“แกพูดถูก แต่ยัยช้อยมันจะไปกำความลับใคร”
“ใครคนนั้นช่างกล้าหาญ ฆ่ายัยช้อยในบ้านของท่านขุนภักดีภูบาล”
“ใช่แล้ว ใครคนนั้นน่าจะเป็นคนในบ้านนี้ คนอื่นที่ไหนจะเข้ามาฆ่าคนที่นี่ได้”
“หมู่เติมรีบเอาศพไปก่อน เทิดศักดิ์ แกกับกันช่วยกันไปค้นหา เผื่อคนร้ายใจโหดนั่นมันจะเผอเรอทิ้งหลักฐานเอาไว้”
“ค้นรอบๆ นี้ก่อน”
“สอบสวนคนในบ้านนี้ทั้งหมดด้วย”
สองหนุ่มพากันเดินออกไป
เวลาเดียวกันที่บ้านแพน เนียนร่ำลาแพรและโพล้ง
“ชั้นลาล่ะจ้ะพี่โพล้ง พี่แพร อย่าลืมเรื่องที่ขอให้เก็บงำเป็นความลับไว้ก่อน”
“แล้วมันจะได้เวลาเปิดเผยในชาตินี้หรือเปล่า” แพรบ่น
“ทำไมต้องปิดบังแดงน้อยว่าเนียนเป็นแม่มัน ในเมื่อเรื่องเนียนเคยมีผัวความมันแตกไปแล้ว” โพล้งงง
“แต่ว่า แดงน้อยไม่ควรมีแม่อย่างชั้น แม่ที่มีแต่ความเสียหาย แม่ที่ถูกตราหน้าว่ามีชู้”
“อุบ๊ะ ก็อีตอนกลับมานี่ไอ้คนเรือมันเรียกคุณเนียน ขอรับ กระผมอย่างโน้นอย่างนี้ ก็แปลว่าท่านไม่ถือสาหาความเรื่องเก่าแล้ว”
“จุ๊ๆ อย่าเอ็ดอึงไป ท่านให้ปิดเป็นความลับ เรื่องที่ให้ชั้นกลับไปหา” เนียนว่า
“มีแต่ความลับ นับกันไม่ถ้วน เอาเถิด ขอให้โชคดีนะเนียน” โพล้งอวยชัย
“จ้ะ”
เนียนก้าวลงเรือไป สองคนมองตามยิ้มแย้มพอใจ ว่าอะไรๆ จะดีขึ้น
สนทำผมสวยงามแต่งหน้าแต่งตาทันสมัย มีทานตะวันกับพิศมัยช่วยกันทำให้ สนมองหน้าตัวเองในกระจกแล้วยิ้ม
ตามองกระจกแต่ใจคิดไปเรื่องช้อยตาย ว่าจะมีใครหาหลักฐานพบหรือเปล่า
“สวยแล้วค่ะ แม่สน สวยมากๆ ด้วยค่ะ แม่สน แม่สนคะใจลอยไปไหน แล้วคะ หรือว่ายังกลัวผีนางช้อยอยู่” ทานตะวันถาม
“เปล่าค่ะ เปล่า แม่สนกำลังคิดว่า ตำรวจมาดูมันหรือยัง คนใจดำมันทิ้งหลักฐานอะไรไว้ไหม เจ้าประคู้นขอให้พวกตำรวจเจอหลักฐานสำคัญด้วยเถิด”
สนภาวนาเอาจริงเอาจัง
“จะกลับหรือยังคะ หนูจะพาไปส่งค่ะ”
“ขอบคุณมากค่ะ แม่สนก็อยากจะกลับไปดูว่าเรื่องการตายของนังช้อย คืบหน้าไปถึงไหนแล้ว”
สนลุกเดินกระเผลกๆ
เวลานั้นเทิดศักดิ์เดินหาหลักฐานรอบๆ บริเวณ จนมาเจอรองเท้าแตะหนึ่งข้างของเนียน วางอยู่ไม่เป็นระเบียบเพราะแรงเตะของสนวันนั้น
“รองเท้าแตะ”
จนสักพักเทิดศักดิ์เจอรองเท้าแตะอีกข้างของเนียน
“รองเท้าแตะ”
เทิดศักดิ์หนีบรองเท้าแตะใส่ถุงไว้ สองคนเดินคุยกันมา
“รองเท้าแตะผู้หญิง”
“ฆาตกรเป็นผู้หญิง”
“ผู้หญิงในบ้านนี้”
“ใครกัน”
สองคนมองหน้ากันใจคอไม่ดี
ไม่นานต่อมาบ่าวในเรือนทุกคนต่างตื่นเต้นให้ปากคำเทิดศักดิ์กับแดงน้อย
“มาครบทุกคนไหม”
“ไม่ครบดอกค่ะ” กบบอก
แดงน้อยถามขึ้น “ใครไม่มาบ้าง”
“ท่านขุน”
“บ้ารึคุณพ่อท่านไปราชการ ที่บางกอก และท่านมีหน้าที่สอบสอนพวกแกไม่ใช่มาให้ชั้นสอบสวน”
“คุณท่านกับคุณนายเรียมเจ้าค่ะ” กบบอก
แดงน้อยเอ่ยขึ้น “สองท่านนั่น ท่านอยู่แต่บนเรือน และถ้าเราอยากรู้อะไรเราจะขึ้นไปเรียนถามท่านเอง”
“ไอ้ถมไม่อยู่เจ้าค่ะ ไม่ทราบว่ามันไปไหนเจ้าค่ะ” แม่ครัวบอก
“มันไปทำธุระให้ท่านขุนเจ้าค่ะ” กบเสริม
“พี่เอกไปกับท่านขุนเจ้าค่ะ” แมวว่า
“น้องติ๋วเป็นคนพบคนแรก” เทิดศักดิ์บอก
“น้าเนียน เล่า” แดงน้อยถามถึงเนียน
ทุกคนมองหน้ากันแล้วส่ายหน้า ไม่มีใครรู้ว่าเนียนไปไหน
“ไม่ทราบขอรับ” / “ไม่ทราบเจ้าค่ะ”
แดงน้อย กะเทิดศักดิ์มองหน้ากัน แดงน้อยแกะรองเท้าออกมาจากห่อ
“รองเท้าแตะ” ทุกคนร้อง
“ของใคร” เทิดศักดิ์ถาม
ทุกคนส่ายหน้า “ไม่ทราบขอรับ” / “ไม่ทราบเจ้าค่ะ”
“คลับคล้ายว่าจะเห็นหนูติ๋วเพิ่งซื้อมาค่ะ” กบจำได้
แดงน้อย และเทิดศักดิ์มองหน้ากันอีก คนอื่นๆ ซุบซิบเซ็งแซ่
อาญารัก ตอนที่ 16 (ต่อ)
เนื้อทองตกใจที่เห็นแดงน้อยกับเทิดศักดิ์แกะถุงรองเท้าแตะคู่นั้นวางลงตรงหน้า ทองจันทร์กับเรียมพลอยงงไปด้วย
“พ่อแดงน้อยกับตาเทิดศักดิ์เอารองเท้าแตะมาวางบนเรือนย่าทำไม”
“ไม่ใช่ของแม่” เรียมบอก
“ไม่ใช่ของย่า” ทองจันทร์ว่า
“ของหนูเองค่ะ” เนื้อทองบอก
เทิดศักดิ์กับแดงน้อยมองหน้ากัน ก่อนที่เทิดศักดิ์จะประกาศ
“ทุกคนฟังนะครับ คือผมกับแดงน้อยสันนิษฐานว่า คนฆ่ายัยช้อยคือเจ้าของรองเท้าแตะคู่นี้”
เนื้อทองส่ายหน้า “ไม่จริง”
“เหลวไหล นี่แกจะมากล่าวหาว่ายัยติ๋วป็นฆาตกรฆ่าคน ต่อให้ใครเอามีดมาจ่อคอหอยสั่งให้เชื่อ ชั้นก็ไม่เชื่อ” ทองจันทร์ฉุน
“เทิดศักดิ์ไม่ได้กล่าวหาน้องติ๋วครับ คือ เราทราบดีว่าน้องติ๋วมาถึงช้อยโดนฆ่าไปแล้ว เพียงแต่ว่าเราไม่เข้าใจว่าทำไมรองเท้าคู่นี้ ไปอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ ทำนองว่า โดนเตะไปคนละทิศละทาง” แดงน้อยว่า
“เราสงสัยว่าใครจะเอารองเท้าของน้องติ๋วไปใส่ฆ่ายัยช้อยนะครับน้องติ๋วครับ กรุณาตอบพี่ด้วย”
เนื้อทองตกใจจนตัวสั่นไปหมด
“หนูให้แม่เนียน ใช้ใส่ไปงานศพที่สามชุกค่ะ”
แดงน้อยเทิดศักดิ์เหลียวไปมองหน้ากัน
สนกับทานตะวันกลับมาเห็นคนในบ้านซุบซิบกันอยู่
“สวยเช้งกระเด๊ะมาทีเดียวคุณนายสนคนประหลาด” กบแขวะ
แมวเหน็บ “ไม่สลดสักนิดที่คนสนิทมาตายจาก แถมเริงร่าเหมือนปลากระดี่ได้น้ำ”
สนกับทานตะวันพากันมาสมทบที่ทุกคนอยู่
“เรื่องนางช้อยไปถึงไหนกันแล้ว” สนถาม
“พี่เทิดศักด์กับพี่แดงน้อย มาถึงหรือยัง” ทานตะวันถามต่อ
แม่ครัวเป็นคนตอบ “มาถึงแล้วเจ้าค่ะ”
“ตอนนี้อยู่ที่ไหน” สนซัก
“บนเรือนคุณท่านเจ้าค่ะ” แม่ครัวบอก
“พบเจอหลักฐานอะไรบ้างไหม” สนถามต่อ
“เจอเจ้าค่ะ” แม่ครัวบอกอีก
ทานตะวันตื่นเต้น “ต๊าย เจออะไรรึ”
“รองเท้าแตะเจ้าค่ะ”
สนฟังแม่ครัวบอกแล้วหัวเราะออกมาเหมือนดีใจสุดขีด
“ฮะๆๆๆ ในที่สุด นางคนร้ายก็ไม่อาจลอยนวล”
กบงง “นางคนร้าย”
แมวถามทันที “คุณสนรู้ได้อย่างไรเจ้าคะ ว่าเป็นนางคนร้าย”
“ยังกับเห็นแล้วว่ารองเท้าแตะของใคร” กบแขวะ
“ทะลึ่งอย่ามายอกย้อนชั้น ไปกันค่ะ หนูอี๊ดไปฟังเรื่องราวฆาตกร”
สนดึงทานตะวันเดินปร๋อไป แมวกับกบมองหน้ากัน
“พิลึก”
ขณะเดียวกันแดงน้อยยังคงสอบสวนเรื่องราวต่อ
“น้าเนียนไปงานศพที่สามชุก แล้วรองเท้ากลับมาได้อย่างไร”
“รูปการมันบ่งชัดว่า น้าเนียนกลับมา แล้วรีบร้อนจนต้องทิ้งรองเท้า” เทิดศักดิ์ว่า
“แม่” เนื้อทองตกใจ
ทองจันทร์กับเรียมใจหายวาบ “เนียน”
“นี่ นี่ พี่เทิดศักดิ์กับพี่แดงน้อยกำลังจะบอกว่า...”
“ครับ”
“บ้า แกหาว่าเนียนฆ่านังช้อย เป็นไปไม่ได้”
“แม่สาบานแทนเนียนได้เลย ว่าเนียนไม่มีวันฆ่าใครได้ มีแต่จะโดนใครฆ่า”
เนื้อทองร้องไห้ออกมา
“แม้แต่ยุงกัดแม่ แม่ยังไม่ยอมตบ ทำไมแม่ต้องไปฆ่าน้าช้อยด้วย”
“นี่แปลว่าจะพากันเอาเนียนมันไปเข้าตะรางรึ”
สองคนพยักหน้า
“มันต้องทำตามหลักฐาน” เทิดศักดิ์บอก
“เราต้องทำตามหน้าที่ครับ เราไม่อาจละเลยต่อการปฎิบัติหน้าที่” แดงน้อยเสริม
“ไหนพ่อแดงน้อยบอกว่ารักแม่เนียนหนักหนาราวกับว่ามันคือแม่ แล้วนี่จะจับคนที่ตนรักเหมือนแม่เข้าตะราง” ทองจันทร์ใจหาย
“ก็ไม่เห็นว่าจะมีใครยืนยัน ได้ว่าเจอเนียนอยู่ในบ้านนี่นา” เรียมผสมโรง
“แล้วจะไปกล่าวหาเนียนมันได้อย่างไรว่ามันฆ่านังช้อย”
“นี่แหละครับ ประเด็นสำคัญ ถ้าไม่มีใครพบเห็นน้าเนียนก็แล้วไป เรื่องรองเท้ายังไม่พอเป็นหลักฐานทั้งหมด”
“แต่ถ้าเกิดมีใครพบเห็นน้าเนียน น้าเนียนก็คงแก้ตัวไม่ได้” แดงน้อยว่า
“ก็เนียนมันไปงานศพถึงสามชุก จะลนลานกลับมาฆ่าคนแล้วหนีไปรึ โอ้ย ไม่มี ไม่มีใครเห็นมันแน่ๆ” ทองจันทร์ว่า
ทานตะวันกับสนเดินเข้ามา สนยิ้มอย่างมีชัยชนะ
“สนค่ะ สนเจอเนียน ตอนใกล้เช้านี้แหละค่ะ”
ทุกคนต่างตกตะลึงกับคำพูดของสน
ฝ่ายเนียนยังไม่รู้ว่าเรื่องร้ายกำลังเกิดขึ้นกับชีวิต นั่งมาในเรือ ด้วยสีหน้ามีความสุข เสียงขุนภักดีขอบคุณเรื่องเนียนช่วยชีวิตอี๊ดดังก้องในหู
“เหตุอันใดหนอที่ทำให้พี่ขุนเกิดคิดมาขอบคุณเรา”
ภาพท่านขุน ขอโทษเนียนที่เข้าใจเนียนกับติ๋วผิดมาโดยตลอดจนเป็นเหตุทุบตี
“เหตุอันใดหนอทำให้พี่ขุนมาขอโทษที่ทุบตีเรากับหนูติ๋วและเลิกเข้าใจเรากับหนูติ๋วผิด เรื่องพาหนูอี๊ดไปพายเรือ
ภาพท่านขุนพยายามจะพูดเรื่องติ๋ว แต่พูดไม่จบ
“พี่ขุนกำลังจะพูดอะไรเกี่ยวกับหนูติ๋วกันแน่”
เนียนคิดไม่ตก ถมเอ่ยขึ้นมา
“คุณเนียนขอรับ จะแวะซื้อข้าวของที่ไหนหรือเปล่าขอรับ”
เนียนได้สติเลิกใจลอย
“เอ่อ ชั้นไม่มีอะไรจะซื้อดอก”
“ถ้าเช่นนั้นมุ่งหน้ากลับบ้านเลยนะขอรับ”
“ไม่ได้ ชั้นไม่ควรกลับไปบ้านพร้อมนายถม”
“แต่ท่านขุน ให้กระผมรับส่งดูแลคุณเนียนนะขอรับ”
“เลิกพูดขอรับกระผมกับชั้นเถิดนะนายถม ชั้นก็ลูกชาวบ้าน หลานชาวนาเช่นเดียวกับนายถม”
“แต่ว่า...” ถมทักท้วง
“เราเท่าเทียมกัน” เนียนย้ำ
“ผมขอบคุณมากครับ”
“อย่าลืมว่าท่านขุนให้เราสองคนปิดเรื่องนายถมพาชั้นมาในคืนนั้นเป็นความลับเราต้องรักษาคำพูดของเราที่พูดกับท่านขุนเอาไว้” เนียนกำชับ
“ถ้าเช่นนั้น คุณเนียนจะให้ผมทำเช่นไรขอ... เอ๊ยครับ”
“ส่งชั้นที่ท่าน้ำแถวตลาด สักพัก ชั้นจะว่าเรือไปส่งที่บ้านเอง”
“ครับ”
เนียนยิ้มท่าทีเบิกบาน สบายใจ นึกถึงขุนภักดีต่อไป
ส่วนเหตุการณ์บนเรือนทองจันทร์ เนื้อทองนั่งร้องไห้สะอึกสะอื้น เรียมกับทองจันทร์ช่วยกันปลอบโยน
“ไม่จริง แม่เนียนไม่ได้เป็นคนฆ่ายัยช้อย แม่เนียนไม่มีวันฆ่าใครหรือทำร้ายใครได้ คุณท่านเจ้าขา คุณนายเรียมเจ้าขา อย่าให้ใครเอาแม่เนียนไปเข้าตะรางนะคะ”
เรียมกับทองจันทร์มองหน้ากัน
“เขาน่าจะแค่เชิญตัวไปสอบปากคำ ไม่ทำอะไรอย่างที่หนูติ๋วกลัวหรอกจ้ะ” เรียมปลอบ
“ชั้นชักสงสัยเสียแล้ว ว่าเรื่องมันไม่ปกติ มันมีเงื่อนงำ เนียนมันกำลังโดนปรักปรำใส่ร้ายให้กลายเป็นแพะรับบาป”
“ทำไมแม่ถึงต้องรับกรรมที่คนอื่นนำมาให้ หนูโง่จริงๆ ไม่ควรพูดออกไปเลย ว่านั่นคือรองเท้าของที่หนูให้แม่ใส่ไป นี่หนูทำร้ายแม่ตัวเองแท้ๆ” เนื้อทองครวญ
“แหม ..ก็ไอ้ตาเทิดศักดิ์กับพ่อแดงน้อยนั่นแหละ มันตัวการ มันพูดจาวกวนจะเอาความผิดให้ได้ มาเหยียบเรือนชั้นอีกเมื่อไหร่ จะแพ่นกบาลให้แยก”
“คุณเรียมขา ถ้าแม่ต้องเข้าตะราง จะมีใครช่วยแม่ได้ไหมคะ”
“รอให้แม่หนูมาก่อน ให้เขาสอบสวนกันก่อน ว่าแม่หนูไปไหนอยู่ไหนในเวลาที่ช้อยมันตาย ถ้าแม่เขายืนยันได้ไม่มีปัญหาหรอก”
เรียมจับมือโอบบ่าเนื้อทองไว้ ทานตะวันเดินเข้ามาพอดี
“ความจริงชั้นใจอ่อนกับแม่แกแล้วนะยัยติ๋ว ตั้งใจว่าจะไม่โกรธไม่ด่าไม่ติฉินอีกแล้ว แต่ดูแม่แกทำสิ ฆ่าคนตาย ชั้นใจอ่อนไม่ลงย่ะ”
“หนูอี๊ด ปากพล่อย คนล้มอย่าข้ามสิ รู้ได้ยังไงมีใครตัดสินว่าเขาผิดแล้วรึ” ทองจันทร์เอ็ด
“คนจะผิดหรือไม่ ไม่ได้อยู่ที่เราตัดสินกันเอง ศาลสถิตยุติธรรมมีอยู่ อย่าเพิ่งพูดเองเออเองสิหนูอี๊ด” เรียมบอก
“แต่บ้านเราต้องเสียหายเพราะยัยเนียนมาตลอดเวลายี่สิบกว่าปี นี่ก็เข้าวัยกลางคน ยังไม่วายก่อเหตุอีก จะให้หนูยืนนิ่งไม่ไหวติงเป็นเสาไฟฟ้าที่บางกอกหรือคะ เชิญปลอบกันต่อไปเถิดค่ะ หนูไม่เอาด้วยดอก”
“ไม่ต้องเอาดอกย่ะ ชีวิตแกรอดมาถึงวันนี้ เพราะมีใครช่วยแกยะ ไม่ใช่เนียนมันดอกรึ อกตัญญูตั้งแต่หัวเท่ากำปั้น ยันหัวเท่าลูกมะพร้าว” ทองจันทร์เหลืออด ด่าให้
“คุณย่าจะมาลำเลิกบุญคุณหนูแทนมันทำไมกัน แม่สนบอกแล้วเชียวว่ามันต้องเผอเรอทิ้งหลักฐานไว้ ผิดไปซะเมื่อไหร่”
“ย่ะ แม่สนของหล่อนดีเลิศประเสริฐสม ฉลาดแกมโกง โยงคนดีให้กลายเป็นคนเลวได้เก่งกาจนักแล เป็นหมอดูแม่นๆ ให้มันทายอนาคตตนเองบ้างสิว่า จะคดจะงอไปทางนรกหรือสวรรค์”
ทานตะวันเดินหนีลงเรือนไป ทองจันทร์กับเรียมส่ายหน้าเอือมระอา ขณะที่เนื้อทองยังคงร้องไห้ต่อไป
ทางด้านสนกำลังจีบปากจีบคออย่างย่ามใจ ใส่ความเนียนให้แดงน้อยกับเทิดศักดิ์ฟังอยู่บนเรือนเล็ก
“แม่ก็แปลกใจนะว่าเนียนมานั่งซุ่มทำอะไรตอนใกล้รุ่ง”
“เอ..แล้วคุณแม่เล่าครับ ลงมาดูอะไรตอนใกล้รุ่ง”
“ก็แม่ แม่ นอนไม่หลับ ลุกมานั่งที่หน้าต่าง แลเห็นคนนั่งชะเง้อรอใครที่ท่าน้ำเหมือนเมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้วเปี๊ยบ”
“คุณแม่สนก็เลยลงไปดูหรือครับ” แดงน้อยซัก
“ใช่จ้ะ แดงน้อยเดาเก่งแท้ๆ แม่ลงมาดู ที่แท้ก็เนียนนี่เอง”
“น้าเนียนบอกคุณแม่ว่ามานั่งรอใครครับ”
“มันไม่บอก มันไม่พูด ไม่ยอมเอ่ยอะไรทั้งสิ้น”
“คุณแม่สนเห็นแม่เนียนใส่รองเท้าคู่ที่ว่านี่ไหมครับ”
“แหม แม่ไม่ทันดูดอกจ้ะ แม่ก็เอาแต่เกรงว่ามันจะมาแอบรอเสือหนัก” สนบอก
“อ้อ ใช่แล้ว ผมนึกออกแล้ว คุณแม่ก็เลยเข้าใจว่าเสือหนักมาจริงๆ แล้วหนีขึ้นเรือนไปนอนตัวสั่น เอ๊ะ คุณแม่ไม่เห็นคุณพ่อดอกหรือครับ”
“คุณพ่อ นี่เอาอะไรมาพูด คุณพ่อมาเกี่ยวอะไรด้วย” สนงง เพราะไม่รู้เรื่องนี้
“ไม่มีอะไรครับ ผมพบคุณพ่อกำลังจะออกไปราชการที่บางกอกครับ”
“ไปกันเถิดเทิดศักดิ์ ไปดักรอน้าเนียน ว่าแกจะกลับมาเมื่อไหร่แล้วค่อยรอสอบปากคำ ผมลานะครับ คุณแม่”
แดงน้อยลา ลุกเดินออกไป เทิดศักดิ์เดินตาม สนมองตาม เกิดปัญหาใหม่
“พี่ขุนมาทำอะไรที่ท่าน้ำ โอย นี่มันอะไรกันอีก เอ๊ะ หรือพี่ขุนนัดเจออีเนียนเอ๊ะ แต่ถ้าพี่ขุนเจออีเนียนสิยิ่งดี พี่ขุนจะได้มาเป็นพยานว่าอีเนียนกลับมาฆ่าอีช้อยจริงๆ”
สนคิดวนเวียนไปมา เกิดปัญหากับตัวเองอีก
“อีเนียนมันไปสามชุก มันจะกลับมาอีกทำไมตอนใกล้รุ่งหรือว่ามันนัดเสือหนักจะมาฆ่าเราจริงๆ โอ๊ย..อีเนียนเอาแกไว้ไม่ได้แล้ว”
เสียงแมวดังเข้ามา “คุณสนเจ้าขา”
ตามด้วยเสียงกบ “คุณท่านให้หาเจ้าค่ะ”
“ว๊าย...อีแก่มันกำลังจะต้อนให้เราไม่มีทาง อีแก่ ไม่มีวัน อีแก่อย่างแกน่ะรึ เฟี๊ยวตายคาตีนอีสน”
สนหงุดหงิดแต่ก็เก็บไปคิดอีกแล้ว
แดงน้อยกับเทิดศักดิ์หลบมาคุยกันเอง สองคนหนักใจไม่สบายใจลำบากใจ
“กันลำบากใจ ไม่สบายใจ หนักใจเป็นที่สุด กันไม่เชื่อว่าน้าเนียนจะฆ่ายัยช้อย”
“กันก้อไม่เชื่อ แต่หลักฐานมันมัดน้าเนียนทุกประตู น้าเนียนกับยัยช้อยเป็นคู่อริกัน แม้น้าเนียนไม่เคยแสดงออก แต่แกโดนยัยช้อยคุกคามมากๆ ศาลท่านอาจเชื่อได้ว่านี่คือสาหตุจูงใจให้น้าเนียนลงมือฆ่ายัยช้อย”
“แต่กันก็มั่นใจว่า คู่อริยัยช้อยไม่มีแค่น้าเนียนดอก” เทิดศักดิ์ว่า
“งั้นใครรึ” แดงน้อยนิ่วหน้า
“แม่กัน” เทิดศักดิ์บอก
แดงน้อยไม่เชื่อ “พูดบ้าๆ คุณแม่มาได้ยินเข้าท่านเสียใจตาย”
“ก็เรื่องมันชวนให้คิดนี่นา แกคิดดูสิ แม่กันขากะเผลก ถามก็ไม่บอกทำทีให้คนเข้าใจว่าหมามันกัดเอา บ้านนี้มีหมาที่ไหน คุณแม่มีพิรุธมากแต่ไม่มีหลักฐาน คุณแม่น่ะเกลียดและริษยาน้าเนียน ตลอดเวลา มาตั้งแต่กันจำความได้ ที่คุณแม่บอกว่าเจอน้าเนียน น่ะ โกหกหรือเปล่าก็ยังไม่รู้”
“รอถามน้าเนียนดีกว่าว่าแกกลับมาหรือเปล่า ถ้ากลับมา มาทำอะไร”
“ไม่ว่าจะแม่กันหรือน้าเนียนผิด เรื่องนี้ขมขื่นบาดหัวใจกันทั้งนั้น เฮ้อ...” เทิดศักดิ์ถอนใจเฮือกใหญ่
“เอาเถิดน่า ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด เพราะเราคือข้าของหลวง ข้าของแผ่นดิน ย่อมทำทุกอย่างตามกฎระเบียบเพื่อความสงบสุขของบ้านเมืองและคนส่วนใหญ่ อย่าเอาเรื่องส่วนตัวมาปะปน”
สองคนได้แต่พยายามทำใจ
“กันเข้าใจ แต่มีอีกเรื่อง ที่เราต้องทำ คืออย่าเพิ่งให้นายแช่มรู้ว่ายัยช้อยตาย”
“จริงสิ ถ้านายแช่มรู้ เขาคงจะแค้นใจมากแล้วปรักปรำคนโน้นคนนี้ รูปคดีเราจะเสียได้”
“เก็บมันเอาไว้เป็นพยานปากสุดท้าย” เทิดศักดิ์ว่า
สองหนุ่มพยักหน้าให้กัน
ในเวลาต่อมา สนทนอึดอัดเถียงสู้ทองจันทร์ ทั้งที่ในใจอยากฆ่าให้ตายนัก แค่คำแรกสนก็ตะลึงกับคำถามยิงตรงของทองจันทร์
“แม่สนฆ่าปิดปากนังช้อย”
“ต๊าย ๆๆๆ ตาย คุณแม่แก่แล้วทำไมใจร้ายนัก มาใส่ความสน สนเสียหายมากนะคะ”
“แก่อย่างชั้นใส่ความเท็จ ใส่แต่ความจริง แม่สนทำเนียนมันเสียหาย มาตลอดชีวิตที่มาอยู่ที่นี่ แม่สนคิดบ้างสักนิดไหม”
“ก็สนบอกขอโทษไปแล้ว ว่าสนฟังความจากนางช้อย สนหูเบา สนยอมรับผิด แต่นี่จู่ๆ คุณแม่มาโยนบาปใหญ่ใส่สนหาว่าฆ่านังช้อยมันมันมากเกินไปแล้วนะคะ”
“มันน้อยเกินไปถ้าแม่สนทำเช่นนั้นจริง และชั้นก็เชื่อว่าแม่สนทำจริง ทำมาตลอด แม่สนทำตัวเป็นนายว่า นังช้อยทำตัวเป็นขี้ข้าพลอยเสมอมา แม่สนแสนฉลาดปานนี้ ถ้าอีช้อยมันแนะนำอะไรผิดๆ คิดเองไม่เป็นรึ ว่าไม่ควรเชื่อไม่ควรทำตาม แม่สนกับอีช้อยร่วมมือกัน บั่นทอนชีวิตของเนียนกับยัยติ๋ว”
“คุณแม่เลิกกล่าวหาสนเถิดค่ะ หลักฐานมันเห็นอยู่โทนโท่ว่านั่นมันคือรองเท้าของเนียน และสนก็เจอเนียนจริงๆ ที่ท่าน้ำ มันมารอเสือหนักสนเลยต้องเผ่นหนีเพราะกลัว”
“กลัวประสาไหนไม่ทราบ เผ่นหนีเอารองเท้าเนียนมันไปสร้างหลักฐานเท็จ”
“เนียนมันฆ่านังช้อยเสร็จมันตกใจหนีไปโดยลืมรองเท้าไว้ต่างหากค่ะ”
“เอ้า..แม่สนปากแข็ง ใจดำใจแคบ ตีหน้าเก่ง แต่ไม่ว่าแม่สนจะพูดว่ากระไรก็ตามที จะสะอาดบริสุทธิ์อย่างไรก็แล้วแต่ แม่สนก็เสกสรรปั้นเรื่องขึ้นมาทั้งนั้น”
“สนสาบานค่ะ ว่าสนไม่ได้ฆ่านังช้อย ไปสาบานให้ครบเจ็ดวัดก็ได้นะคะ เนี่ยสนก็ยืนยันกับเทิดศักดิ์และแดงน้อยไปแล้วค่ะ ว่าสนพบเนียนที่ท่าน้ำ”
ทองจันทร์มองหน้าสนท่าทีอ่อนใจ สนปากแข็งแน่นอนไม่มีวันยอมสารภาพ
“แม่สนฉวยโอกาสใส่ไฟมัน ถ้าเช่นนั้นแม่สนจงพูดเสียใหม่ว่า ไม่ได้พบเนียน ที่ศาลาท่าน้ำ”
“ต๊าย คุณแม่ให้สนกลับคำปลิ้นปล้อนตลบตะแลง”
“ชั้นขอร้อง”
“สนทำไม่ได้ดอกค่ะ”
“ถ้าแม่สนทำไม่ได้ ชั้นทำได้เอง”
“คุณแม่จะทำอะไรคะ”
“จะเรียกเทิดศักดิ์มาบอกว่า เทิดศักดิ์ไม่ใช่ลูกพ่อเทพ ซึ่งก็แปลว่า เทิดศักดิ์คือลูกชู้ แม่สนมีชู้ ชั้นน่ะฉงนตั้งแต่แม่สนท้องสิบสองเดือนแล้ว หล่อนไปท้องกับใครมารึ”
“คุณแม่ นี่คุณแม่ไม่สงสารเทิดศักดิ์หรือคะ”
“สงสารสิ แต่ถ้าตาเทิดศักดิ์ไม่ใช่หลานชั้น ชั้นก็มีสิทธิ์ที่จะบอกพ่อเทพว่ามันไม่ใช่...”
สนตะลึงอึ้งพูดอะไรไม่ออก คุณนายทองจันทร์ยิ้มออกมาอย่างเป็นต่อ เห็นหนทางรำไรที่จะช่วยเนียน โดยไม่สังหรณ์ใจว่าความตายกำลังจะมาเยือนเรือนชีวิต!
อ่านต่อตอนที่ 17