โสภณ องค์การณ์
ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์
เดี๋ยวนี้พบปะคนรู้จักกันตามห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร คำถามแรกจะไม่เกี่ยวกับเรื่องสารทุกข์สุกดิบส่วนตัว ไปไหนมาไหน ทำอะไร แต่จะเป็น “สภาพแบบนี้บ้านเมืองจะไปกันอย่างไร” เมื่อถูกย้อนถาม “แล้วคิดจะทำอะไรหรือยัง”
“ยัง”
“อ๋อ! ถ้าอย่างนั้น ก็ต้องเฉย ทำใจต่อไป และอย่าบ่น!”
คำถามแบบนี้ยังดีกว่าพวกยังไม่รู้สึกอะไรซึ่งจัดอยู่ในกลุ่ม “ไทยเฉย” หรือพวกมุ่งทำมาหากิน เห็นการชุมนุมของพวกรักชาติ ต่อต้านขบวนการบักเหลี่ยมเป็นพวกสร้างความวุ่นวาย เสียบรรยากาศการทำมาหากิน การลงทุน
ยิ่งกว่านั้น ยังมองว่าเป็นพวกผูกขาดความรักชาติ คลั่งชาติ!
แต่ยอมทนได้กับพวกม็อบกุ๊ยถ่อยเถื่อน ชุมนุมกลางสี่แยกราชประสงค์ รอบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย รำลึก ฉลองความสำเร็จในการฆ่าทหาร ปล้นห้าง เผาบ้านเผาเมือง ก่อกรรมทำเข็ญ เป็นกองกำลังเถื่อนให้พวกโคตรโกง โคตรชั่ว
เป็นพวกอดทนอย่างยิ่งกับพฤติกรรมของนักการเมืองข้าวเน่า ทำธนาคารใกล้เจ๊ง กู้เพื่อโกงคำโต ทำนโยบายสารพัดให้บ้านเมืองล่มจม
กลุ่มไทยเฉยจะรวมบุคคลทุกอาชีพ พ่อค้า ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ แม้จะไม่ใช่ขบวนการขี้ข้าบักเหลี่ยม เมื่อไม่ต่อต้าน คัดค้าน ก็ตกอยู่ในสภาพยอมรับ เหมือนกฎหมายปิดปากในกรณีพิพาทระหว่างไทยและกัมพูชา
หรือในศาล “การนิ่งคือการยอมรับ” เช่นการที่พวกขี้ข้าบักเหลี่ยมในสภา และวุฒิสภาไม่สนใจยื่นคำแก้ตัว หรือเขียนนิทานให้ศาลรัฐธรรมนูญฟังว่าทำไมจึงตัดสิทธิประชาชน ไม่ให้ยื่นคำร้องโดยตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญ
ต้องให้ร้องผ่านสำนักงานอัยการสูงสุด ซึ่งหลายคนตัวเบ้งหมดความน่าเชื่อถือ เป็นเพียงหัวหงอก หัวเถิก หัวหลัก หัวตอ พึ่งพาไม่ได้ว่าจะเป็นหน่วยงานติดตามเอาคนชั่ว ผู้ร้ายเข้าคุกรับโทษ ผดุงความยุติธรรม
ปล่อยให้พวกขบวนการถ่อยย่ำยีศาลรัฐธรรมนูญ ยิ่งอัยการเพิกเฉย ไม่ใส่ใจหมายจับคนหนีคุก ก็ทำให้ชาวบ้านสิ้นหวัง ทำตัวเหมือนพวกตำรวจเฉย ทนนิ่งฟังขบวนการถ่อยดูหมิ่นแคลน ประณามตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ตั้ง สน. ประชาชนแข่งกับตำรวจ จ้องจับตุลาการไปขึ้นศาล ผบ.ตร. ก็นิ่งเงียบ
คงนั่งฟังว่าขาเก้าอี้เริ่มส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดบ้างหรือยัง หลังจากคนผิดหวังจากเก้าอี้ผู้ว่าฯ กทม. ได้หวนคืนสู่ตำแหน่งมาหายใจรดต้นคน แสดงความต้องการอยากเป็นอันดับหนึ่ง ไม่อยากรอให้ ผบ.ตร. คนปัจจุบันอยู่จนเกษียณ
แม่นางโพยปูโพรกเน่าใน ผู้นำนโยบายข้าวเน่าทั้งแผ่นดิน แต่แหลข้ามโลก ยังรับบทผู้มี 2 บุคลิก! เป็นคนพูดน้อย มีคำศัพท์จำกัด เมื่อตอบคำถามผู้สื่อข่าว ชอบเลี่ยงไปแสดงวิสัยทัศน์ตอบกระทู้ในรัฐสภา พูดจานับคำได้
ถ้าไปกล่าวปาฐกถา หรือสุนทรพจน์แหลลวงโลกต่างประเทศ กลับแสดงความกล้าหาญ ประจานบ้านเกิดเมืองนอน เปิดหน้าให้ชาวโลกดูถูกความไร้ปัญญา เปิดกะโหลกให้เห็นความกลวงเปล่า เปิดใจให้เห็นสภาพไร้จิตสำนึกดี
อืมม์... จากโกงทั้งโคตร ชั่วทั้งโคตร บัดนี้ได้รับการยกระดับให้เป็น “ขายชาติทั้งโคตร” มองทั่วแผ่นดิน ตั้งแต่กำเนิดโลก ยังไม่มีโคตรเหง้า สาแหรกไหนจะครบเครื่องทุกมิติด้านความชั่วร้าย เลวทรามเท่า 3-4 ตระกูลกินเมืองขณะนี้
การคุกคาม ไม่ยอมรับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญโดย ส.ส. และ ส.ว. ขี้ข้าบักเหลี่ยม รัฐบาลปูโพรกข้าวเน่า เท่ากับเป็นการจับมือกันระหว่างสถาบันนิติบัญญัติ สถาบันบริหาร เพื่อต่อต้าน ไม่ยอมรับอำนาจตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ
ทำให้เห็นว่าทั้งนิติบัญญัติ และบริหาร ไม่คู่ควรกับการเป็น “สถาบัน” แต่เป็นกลุ่มอาชญากรกินเมืองขายชาติ รวมตัวกันเป็นพรรคการเมืองซื้อเสียงเข้ามากุมอำนาจสภาฯ วุฒิสภา และทำเนียบฯ สุมหัวโกงกินภาษี กู้มาโกงอีก
ผลงานที่ผ่านมายังไม่มีอะไรดี นอกจากมุ่งแก้รัฐธรรมนูญ ดันกฎหมายนิรโทษกรรมช่วยพวกโจรเผาเมืองปล้นแผ่นดิน พวกก่อการร้ายนักขายชาติ! นอกจากเอาทรัพย์สินแผ่นดินไปขายให้บริษัทต่างชาติ มายกระดับขายทั้งชาติ
“ไทยเฉย” ยังมีผู้กล้าในกองทัพ! จาก “บูรพาพยัคฆ์” กลายพันธุ์ผ่าเหล่าเป็น “บูรพาพยักหน้า” เดินตามก้นบานๆ อยู่ในขบวนการ “หักแล้ว อม เหลือ” ปล่อยให้พวกผู้กล้า “วงศ์เทวัญ” กลืนเลือดหลายรุ่นแทบจะเป็นอสัญแดหวา
เป็น “สีเขียวทนได้” ร้องเพลง “ท. ทหารอดทน” เมื่อนายไม่คิดสั่งสู้!
ทำให้บ้านเมืองอยู่ในสภาวะเสื่อมทรามทรุด ใกล้จะล่มจมในภาคการเมือง เศรษฐกิจ สังคม เป็น “รัฐล้มเหลว” เต็มบ้องเพราะพฤติกรรมเถื่อนไม่ยอมรับอำนาจศาล บ้านเมืองอยู่ในสภาพไร้ขื่อแป!
ถ้าศาลรัฐธรรมนูญถูกกลุ่มม็อบเถื่อน ผู้ทรงถ่อยคุกคามเกือบ 2 สัปดาห์ โดยเจ้าหน้าที่บ้านเมืองเพิกเฉย ผู้นำรัฐบาลข้าวเน่าพูดจาให้ท้าย อ้างสิทธิประชาธิปไตย ตุลาการย่อมรู้สึกไม่ปลอดภัยจากพฤติกรรมโหดของเสื้อแดง
ถ้าพึ่งพาใครไม่ได้ ทหารยังอ้าง “การเมืองต้องแก้ด้วยการเมือง” ตุลาการคงต้องเจียดเงินเดือน ขอรับบริจาคจากประชาชน จ้างพนักงานรักษาความปลอดภัยมาดูแลให้อุ่นใจแทนตำรวจ เพราะรัฐบาลไม่จัดงบประมาณให้แน่
รัฐบาลข้าวเน่าห่วงแต่คนหนีคุก ว่ายน้ำคนเดียว คร่ำครวญโหยหวนว่าใกล้ปอดบวมตาย ทั้งๆ ที่จะขึ้นฝั่งกลับบ้านเก่าเมื่อไหร่ก็ได้ ชาวบ้านรู้ว่าที่ไม่ทำเพราะมีชนักปักหลังทะลุปอดแหกต่างจาก แต่มาร่ำร้องกลัวปอดบวม!
ขบวนการบักเหลี่ยมจากหัวถึงหางมัวแต่หาช่องทางกูมาโกง แหลข้ามโลก คงไม่รู้ว่าครอบครัวคนไทยทั้งแผ่นดิน ทุกข์ระทม อกไหม้ไส้ขมมากกว่าตระกูลกังฉิน โกงทั้งโคตร สุมหัวกันทำลายบ้านเมืองจนใกล้ล่มจมเต็มทีแล้ว!
ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์
เดี๋ยวนี้พบปะคนรู้จักกันตามห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร คำถามแรกจะไม่เกี่ยวกับเรื่องสารทุกข์สุกดิบส่วนตัว ไปไหนมาไหน ทำอะไร แต่จะเป็น “สภาพแบบนี้บ้านเมืองจะไปกันอย่างไร” เมื่อถูกย้อนถาม “แล้วคิดจะทำอะไรหรือยัง”
“ยัง”
“อ๋อ! ถ้าอย่างนั้น ก็ต้องเฉย ทำใจต่อไป และอย่าบ่น!”
คำถามแบบนี้ยังดีกว่าพวกยังไม่รู้สึกอะไรซึ่งจัดอยู่ในกลุ่ม “ไทยเฉย” หรือพวกมุ่งทำมาหากิน เห็นการชุมนุมของพวกรักชาติ ต่อต้านขบวนการบักเหลี่ยมเป็นพวกสร้างความวุ่นวาย เสียบรรยากาศการทำมาหากิน การลงทุน
ยิ่งกว่านั้น ยังมองว่าเป็นพวกผูกขาดความรักชาติ คลั่งชาติ!
แต่ยอมทนได้กับพวกม็อบกุ๊ยถ่อยเถื่อน ชุมนุมกลางสี่แยกราชประสงค์ รอบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย รำลึก ฉลองความสำเร็จในการฆ่าทหาร ปล้นห้าง เผาบ้านเผาเมือง ก่อกรรมทำเข็ญ เป็นกองกำลังเถื่อนให้พวกโคตรโกง โคตรชั่ว
เป็นพวกอดทนอย่างยิ่งกับพฤติกรรมของนักการเมืองข้าวเน่า ทำธนาคารใกล้เจ๊ง กู้เพื่อโกงคำโต ทำนโยบายสารพัดให้บ้านเมืองล่มจม
กลุ่มไทยเฉยจะรวมบุคคลทุกอาชีพ พ่อค้า ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ แม้จะไม่ใช่ขบวนการขี้ข้าบักเหลี่ยม เมื่อไม่ต่อต้าน คัดค้าน ก็ตกอยู่ในสภาพยอมรับ เหมือนกฎหมายปิดปากในกรณีพิพาทระหว่างไทยและกัมพูชา
หรือในศาล “การนิ่งคือการยอมรับ” เช่นการที่พวกขี้ข้าบักเหลี่ยมในสภา และวุฒิสภาไม่สนใจยื่นคำแก้ตัว หรือเขียนนิทานให้ศาลรัฐธรรมนูญฟังว่าทำไมจึงตัดสิทธิประชาชน ไม่ให้ยื่นคำร้องโดยตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญ
ต้องให้ร้องผ่านสำนักงานอัยการสูงสุด ซึ่งหลายคนตัวเบ้งหมดความน่าเชื่อถือ เป็นเพียงหัวหงอก หัวเถิก หัวหลัก หัวตอ พึ่งพาไม่ได้ว่าจะเป็นหน่วยงานติดตามเอาคนชั่ว ผู้ร้ายเข้าคุกรับโทษ ผดุงความยุติธรรม
ปล่อยให้พวกขบวนการถ่อยย่ำยีศาลรัฐธรรมนูญ ยิ่งอัยการเพิกเฉย ไม่ใส่ใจหมายจับคนหนีคุก ก็ทำให้ชาวบ้านสิ้นหวัง ทำตัวเหมือนพวกตำรวจเฉย ทนนิ่งฟังขบวนการถ่อยดูหมิ่นแคลน ประณามตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ตั้ง สน. ประชาชนแข่งกับตำรวจ จ้องจับตุลาการไปขึ้นศาล ผบ.ตร. ก็นิ่งเงียบ
คงนั่งฟังว่าขาเก้าอี้เริ่มส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดบ้างหรือยัง หลังจากคนผิดหวังจากเก้าอี้ผู้ว่าฯ กทม. ได้หวนคืนสู่ตำแหน่งมาหายใจรดต้นคน แสดงความต้องการอยากเป็นอันดับหนึ่ง ไม่อยากรอให้ ผบ.ตร. คนปัจจุบันอยู่จนเกษียณ
แม่นางโพยปูโพรกเน่าใน ผู้นำนโยบายข้าวเน่าทั้งแผ่นดิน แต่แหลข้ามโลก ยังรับบทผู้มี 2 บุคลิก! เป็นคนพูดน้อย มีคำศัพท์จำกัด เมื่อตอบคำถามผู้สื่อข่าว ชอบเลี่ยงไปแสดงวิสัยทัศน์ตอบกระทู้ในรัฐสภา พูดจานับคำได้
ถ้าไปกล่าวปาฐกถา หรือสุนทรพจน์แหลลวงโลกต่างประเทศ กลับแสดงความกล้าหาญ ประจานบ้านเกิดเมืองนอน เปิดหน้าให้ชาวโลกดูถูกความไร้ปัญญา เปิดกะโหลกให้เห็นความกลวงเปล่า เปิดใจให้เห็นสภาพไร้จิตสำนึกดี
อืมม์... จากโกงทั้งโคตร ชั่วทั้งโคตร บัดนี้ได้รับการยกระดับให้เป็น “ขายชาติทั้งโคตร” มองทั่วแผ่นดิน ตั้งแต่กำเนิดโลก ยังไม่มีโคตรเหง้า สาแหรกไหนจะครบเครื่องทุกมิติด้านความชั่วร้าย เลวทรามเท่า 3-4 ตระกูลกินเมืองขณะนี้
การคุกคาม ไม่ยอมรับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญโดย ส.ส. และ ส.ว. ขี้ข้าบักเหลี่ยม รัฐบาลปูโพรกข้าวเน่า เท่ากับเป็นการจับมือกันระหว่างสถาบันนิติบัญญัติ สถาบันบริหาร เพื่อต่อต้าน ไม่ยอมรับอำนาจตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ
ทำให้เห็นว่าทั้งนิติบัญญัติ และบริหาร ไม่คู่ควรกับการเป็น “สถาบัน” แต่เป็นกลุ่มอาชญากรกินเมืองขายชาติ รวมตัวกันเป็นพรรคการเมืองซื้อเสียงเข้ามากุมอำนาจสภาฯ วุฒิสภา และทำเนียบฯ สุมหัวโกงกินภาษี กู้มาโกงอีก
ผลงานที่ผ่านมายังไม่มีอะไรดี นอกจากมุ่งแก้รัฐธรรมนูญ ดันกฎหมายนิรโทษกรรมช่วยพวกโจรเผาเมืองปล้นแผ่นดิน พวกก่อการร้ายนักขายชาติ! นอกจากเอาทรัพย์สินแผ่นดินไปขายให้บริษัทต่างชาติ มายกระดับขายทั้งชาติ
“ไทยเฉย” ยังมีผู้กล้าในกองทัพ! จาก “บูรพาพยัคฆ์” กลายพันธุ์ผ่าเหล่าเป็น “บูรพาพยักหน้า” เดินตามก้นบานๆ อยู่ในขบวนการ “หักแล้ว อม เหลือ” ปล่อยให้พวกผู้กล้า “วงศ์เทวัญ” กลืนเลือดหลายรุ่นแทบจะเป็นอสัญแดหวา
เป็น “สีเขียวทนได้” ร้องเพลง “ท. ทหารอดทน” เมื่อนายไม่คิดสั่งสู้!
ทำให้บ้านเมืองอยู่ในสภาวะเสื่อมทรามทรุด ใกล้จะล่มจมในภาคการเมือง เศรษฐกิจ สังคม เป็น “รัฐล้มเหลว” เต็มบ้องเพราะพฤติกรรมเถื่อนไม่ยอมรับอำนาจศาล บ้านเมืองอยู่ในสภาพไร้ขื่อแป!
ถ้าศาลรัฐธรรมนูญถูกกลุ่มม็อบเถื่อน ผู้ทรงถ่อยคุกคามเกือบ 2 สัปดาห์ โดยเจ้าหน้าที่บ้านเมืองเพิกเฉย ผู้นำรัฐบาลข้าวเน่าพูดจาให้ท้าย อ้างสิทธิประชาธิปไตย ตุลาการย่อมรู้สึกไม่ปลอดภัยจากพฤติกรรมโหดของเสื้อแดง
ถ้าพึ่งพาใครไม่ได้ ทหารยังอ้าง “การเมืองต้องแก้ด้วยการเมือง” ตุลาการคงต้องเจียดเงินเดือน ขอรับบริจาคจากประชาชน จ้างพนักงานรักษาความปลอดภัยมาดูแลให้อุ่นใจแทนตำรวจ เพราะรัฐบาลไม่จัดงบประมาณให้แน่
รัฐบาลข้าวเน่าห่วงแต่คนหนีคุก ว่ายน้ำคนเดียว คร่ำครวญโหยหวนว่าใกล้ปอดบวมตาย ทั้งๆ ที่จะขึ้นฝั่งกลับบ้านเก่าเมื่อไหร่ก็ได้ ชาวบ้านรู้ว่าที่ไม่ทำเพราะมีชนักปักหลังทะลุปอดแหกต่างจาก แต่มาร่ำร้องกลัวปอดบวม!
ขบวนการบักเหลี่ยมจากหัวถึงหางมัวแต่หาช่องทางกูมาโกง แหลข้ามโลก คงไม่รู้ว่าครอบครัวคนไทยทั้งแผ่นดิน ทุกข์ระทม อกไหม้ไส้ขมมากกว่าตระกูลกังฉิน โกงทั้งโคตร สุมหัวกันทำลายบ้านเมืองจนใกล้ล่มจมเต็มทีแล้ว!