โสภณ องค์การณ์
ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์
สภาพการเมืองไทยก่อนหน้านี้เมื่อขบวนการพรรคเพื่อเหลี่ยมและมวลชนเสื้อแดงผยองอำนาจ ยึดพื้นที่กลางเมือง จัดกองกำลังฆ่าทหาร เผาอาคารร้านค้า ปล้นสะดม กรรโชกทรัพย์ในย่านราชประสงค์ โดยเจ้าที่ตำรวจรับบท “เฉย” ตามยศและตำแหน่ง ทำให้เกิดสภาวะ “นิติรัฐล้มเหลว” โดยพฤตินัย
มาบัดนี้ ขบวนการพรรคเพื่อเหลี่ยมเดินหน้าในสภา ประสานพลังกับวุฒิสมาชิกขี้ข้าเหลี่ยม ขบวนการเสื้อแดง ยกระดับจากประชาธิปไตยระบอบทักษิณอยู่เหนือกฎหมายให้เป็นอนาธิปไตยเต็มขั้น ด้วยการที่กลุ่มผู้แทนและ ส.ว. ไม่ยอมรับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญด้วยการประกาศอย่างอหังการ
จัดมวลชนเสื้อแดงกลุ่มหนึ่งมาอยู่หน้าศาลรัฐธรรมนูญ คุกคามด้วยการปิดล้อมเพื่อไม่ให้ตุลาการทำหน้าที่ ทั้งยังจะทำหนังสือให้สำนักงบประมาณงดจ่ายเงินเดือนให้ตุลาการ ทั้งๆ ที่เงินนั้นมาจากภาษีประชาชน และคำถามก็คือ มีสักกี่คนที่ชุมนุมหน้าศาลได้เสียภาษีเงินได้ส่วนบุคคลให้รัฐ ดูสภาพแล้วเป็นเพียงม็อบรับจ้างเท่านั้น
อัตราการจ้างนอกเหนือจากข้าวกล่อง น้ำขวด และเงินเบี้ยเลี้ยงรายวัน ในสมอง จะมีอุดมการณ์ แนวคิดการเมืองระดับไหน ดูหน้าตาก็รู้ว่ามีการศึกษา ระดับสติปัญญาแค่ไหน มีงานการทำเป็นหลักแหล่ง รายได้ประจำหรือไม่ ยิ่งพฤติกรรม ภาษาก้าวร้าว ไม่เคารพกฎหมายก็ยิ่งไม่ต่างจากกุ๊ย แก๊งรับจ้างวันละ 300-500 บาท
เราได้เห็นสภาพของอนาธิปไตย และการล้มเหลวของระบบนิติรัฐโดยนิตินัยโดยสมบูรณ์ เมื่อผู้ร่าง อนุมัติ แก้ไข เปลี่ยนแปลงกฎหมาย ไม่ยอมรับอำนาจศาลซึ่งมีสภาพตามรัฐธรรมนูญฉบับเดียวกันที่รับรองสถานภาพของรัฐบาล ส.ส. และ ส.ว. ดังนั้นจะมาเลือกยอมรับเฉพาะบางเรื่อง เอาแต่ประโยชน์เข้าตัว ย่อมเป็นเหมือนพวกนอกกฎหมาย นิสัยเช่นนี้ไม่ต่างกับอาชญากรหนีคุกหัวโจกทำให้บ้านเมืองแตกแยก
เมื่อสมาชิกนิติบัญญัติไม่ยอมรับศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นองค์กรสูงสุดให้ทำหน้าที่วินิจฉัยคำขัดแย้งระหว่าง ส.ว. 2 กลุ่ม แล้วจะให้ใครจัดการ หรือจะเป็นเหมือนกฎซ่องโจรตัดสินด้วยการยกพวกเข้าห้ำหั่นกัน ดวลอาวุธ แทนการใช้สติปัญญาภายใต้ กฎหมาย หรือจะให้เข้าใจว่าพวกที่อยู่ในสภา ไม่ต่างจากซ่องโจร ไร้กฎระเบียบ
ประธานสภา และประธานวุฒิสภา ได้พิสูจน์ตัวเองแล้วว่าไม่เป็นกลาง เอียงเข้าข้างพรรคเพื่อเหลี่ยม และสังคมมองว่าเป็นเพียงขี้ข้า ผีโม่แป้งให้อาชญากรขายชาติหนีคุกเท่านั้นเอง และไม่แยแสต่ออำนาจกฎหมายบ้านเมือง ระบบยุติธรรม
ย้ำอีกครั้ง ในองค์กรตำรวจ อัยการนั้น ตัวเป้งๆ ล้วนแต่เป็นเครือข่ายขี้ข้าบัก เหลี่ยม ทำงานทุกอย่างเพื่อขบวนการ องค์กรอาชญากรรมที่กุมอำนาจรัฐอย่างไร้จิตสำนึก หน้าไม่อาย เพียงเพื่อต้องการผลประโยชน์และความก้าวหน้า แต่ยังหน้าด้านกินเงินเดือนภาษีของประชาชน แต่ยอมรับใช้อาชญากรหนีคุก เท่ากับว่าประชาชนพึ่งพาใครไม่ได้ จะต้องแสวงหาอาวุธเพื่อปกป้องตัวเอง ครอบครัว
ม็อบเสธ. อ้าย และประชาชนชุมนุมคัดค้านนโยบาย พฤติกรรมทำลายชาติของรัฐบาลแม่นางโพยปูโพรกเน่าในกลางลานพระรูป ตำรวจยกกำลังมาหลายหมื่นคนไล่มุบตี ยิงแก๊สน้ำตา จับกุมตัวไปดำเนินคดี เป็นฝ่ายก่อเหตุความรุนแรง แต่ปล่อยให้ เสื้อ แดงถ่อยด่าประณามศาลรัฐธรรมนูญโดยไม่เคารพกฎหมาย แต่ยืนมองเป็นเพียงกองกำลังเฉย ดันไปดันมา แต่ยังไม่มีทีท่าว่าจะดำเนินคดี คงอ้างว่าไม่มีเจ้าทุกข์
สภาพของ “รัฐล้มเหลว” โดยพฤตินัย และนิตินัย การทำลายชาติทั้งโครงสร้างการเมือง เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม ระบบคุณธรรม ความสุจริต โดยขบวนการบักเหลี่ยมร้าย ทำให้ประเทศไทยเป็นอนารยะ คนยกย่องขบวนการนอกกฎหมาย โจรหนีคุก ซึ่งสั่งการรัฐบาล แต่งตั้งขี้ข้าให้กุมตำแหน่งสำคัญ ตั้งแต่นายกฯ ถึงข้าราชการ
คำถามซ้ำซากดังขึ้นเรื่อยๆ ในสังคมคือ “แล้วเราจะอยู่กันแบบบ้านเมืองไร้อนาคต ปล่อยให้ขบวนการโจรย่ำยีกฎหมาย รอให้ถึงวันล่มจมเช่นนั้นหรือ” จะมีใคร กลุ่มใดที่มีพลังมาหยุดยั้งขบวนการชั่วร้ายหรือไม่ เมื่อตำรวจ อัยการ เป็นขี้ข้านักการเมืองชั่ว?
นอกจากนั้นยังปล่อยให้โกงกินอย่างไม่แยแสกฎหมาย ขบวนการข้าวเน่า ธนาคารร่อแร่ จะขายชาติผ่านนักการเมือง เท่ากับว่าสภาพบ้านเมืองไร้ทางออกตามกฎหมาย
ทางเลือกคือการเมืองนอกสภา ไปว่ากันบนถนน เกิดการเผชิญหน้า จัดตั้งกองกำลังสู้กันทุกรูปแบบ เป็นสงครามกลางเมือง ซึ่งประเทศไทยยังไม่เคยมี ทั้งๆ ที่ตัวอย่างได้เกิดให้เห็นในเพื่อนบ้านรอบทิศ! อีกทางเลือกคือการตัดสินด้วยกำลังอาวุธเช่นเดียวกัน เป็นการผสมระหว่างประชาชน หรือกองทัพล้วนๆ หยุดเส้นทางสู่หายนะ
นี่เป็นทางเลือก ผลที่จะตามมาไม่ต้องคำนึงถึง ไปว่ากันภายหลัง แต่ต้องจัดการขบวนการชั่วร้าย ผยองอำนาจให้สำเร็จเสียก่อน ต้นทุน ความเสียหาย จะมากมายเพียงใด ต้องเปรียบเทียบกับการล่มสลาย ปล่อยให้ขบวนการเหลี่ยมยึดครองประเทศ
วันนั้นเป็นการล่มจมของบ้านเมืองทุกด้าน เผด็จการทุกมิติ จนกว่าจะเป็นเหมือนประเทศซึ่งมีหนี้สินล้นพ้นตัวต้องขายทรัพย์สินแผ่นดิน สถาบันหลักถูกทำลาย
เมื่อแกนนำเสื้อแดงในสภา เป็นเนื้อเดียวกันกับพวกคุกคามศาลรัฐธรรมนูญ น่าจะเข้าข่ายละเมิดเงื่อนไข เอาตัวไปให้ศาลอาญาเพิกถอนประกัน ให้นอนอยู่ในคุกเหมือนก่อแก้ว เมื่อความเหิมเกริมโดยพฤติกรรมนั้นอยู่ในระดับเดียวกัน
ถ้าศาลรัฐธรรมนูญอยู่ไม่ได้ ไม่มีใครคุ้มครอง รัฐบาลอยู่ข้างขบวนการโจร เหยื่อรายต่อไปคือศาลฎีกาแผนกคดีอาญา ศาลปกครอง ผู้ตรวจการแผ่นดิน ป.ป.ช.
และองค์กรอิสระอื่นๆ และอย่าประหลาดใจที่บักเหลี่ยมจะอาจหาญเปลี่ยนเพลงชาติ ธงชาติ ชื่อประเทศ สถาปนาตัวเองเป็นประธานาธิบดี หยุดสภาวะสัมภเวสีเร่ร่อน
ถึงวันนั้นอย่าให้มีเสียงร้อง “ใครจะนึกว่าจะมีวันนี้”