xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

คนดอนเมืองประกาศเอกราช ตบหน้า “เพื่อไทย-เก่งการุณ” เทคะแนนให้ “อี้ แทนคุณ”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ขบวนรถแห่หาเสียง แซม ยุรนันท์ ภมรมนตรี ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย
ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-ต้องบันทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทยเลยทีเดียวสำหรับผลการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ดอนเมือง เมื่อวันอาทิตย์ที่ 16 มิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการเลือกตั้งซ่อมแทน ”นายการุณ โหสกุล” อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่ถูกศาลสั่งตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปี เพราะโดนใบแดงจากเหตุไปปราศรัยใส่ร้าย “แทนคุณ จิตต์อิสระ” ผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อปี 54 ซึ่งผลการเลือกตั้งเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมานั้นปรากฏว่าพลิกล็อกถล่มทลายเพราะตัวแทนจากพรรคประชาธิปัตย์ “อี้” แทนคุณ อาศัยความถี่ในการการลงพื้นที่ชนะใจชาวดอนเมือง เฉือนชนะอดีตพระเอกหน้าใส “แซม” ยุรนันท์ ภมรมนตรี ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย ซึ่งอุตส่าห์ลาออกจาก ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ มาสมัครชิงเก้าอี้ ส.ส.เขตดอนเมือง ซึ่งหลายคนเชื่อกันว่า แซม-ยุรนันท์ คงนอนมาเพราะเป็นพื้นที่ที่มีฐานเสียงเสื้อแดงเป็นแรงหนุน

ปัจจัยอะไรที่ทำให้ประชาธิปัตย์สามารถปักธงในถิ่นเสื้อแดงได้ ด้วยคะแนน 32,710 ต่อ 30,624คะแนน ทิ้งห่างเพื่อไทยไปกว่า 2,000 คะแนน ทั้งๆที่พรรคแม่พระธรณีไม่เคยมี ส.ส.ในพื้นที่นี้มากว่า 37 ปีแล้ว !!

ได้ใจชาวบ้านช่วงน้ำท่วม

ประการแรกคงต้องชื่นชมในความทุ่มเทขยันทำงานลงพื้นที่ของ “อี้-แทนคุณ” ซึ่งลงไปดูแลช่วยเหลือชาวบ้านอย่างต่อเนื่องมาไม่ต่ำกว่า 3 ปี โดยเฉพาะในช่วงน้ำท่วมใหญ่ ปี 54 ที่เขาลุยน้ำเข้าไปช่วยแจกน้ำแจกอาหาร หารถหาเรือไปช่วยเหลือชาวบ้านที่ต้องการออกมาจากพื้นที่แต่ไม่สามารถออกมาได้เพราะการสัญจรถูกตัดขาด โดยเฉพาะคนแก่และคนป่วยที่ได้รับความช่วยเหลืออย่างทันท่วงที ขณะที่ ส.ส.เจ้าของพื้นที่อย่าง “เก่ง” การุณ โหสกุล แห่งพรรคเพื่อไทย กลับหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ซึ่งความจริงใจตรงนี้นี่เองทำให้เขาสามารถฝ่าด่านสีเสื้อมาได้และชนะใจชาวดอนเมืองในที่สุด ถึงขนาดที่อี้เอ่ยปากว่า...คะแนนที่เพิ่มขึ้นนั้นมาจากคนเสื้อแดง ?

เพราะอย่าลืมว่า ฐานคะแนนเดิมในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา (ปี 2554)นั้น อี้-แทนคุณ ซึ่งลงชิงชัยกับ การุณ โหสกุล เจ้าของพื้นที่ผู้ทรงอิทธิพลจากพรรคเพื่อไทย คะแนนของอี้เป็นรองอยู่ถึง 12,000 คะแนน โดยอี้มีคะแนนประมาณ 28,000 คะแนน ขณะที่ เก่ง-การุณ ได้คะแนนกว่า 40,000 คะแนน ดังนั้นการสวิงกลับมาชนะเพื่อไทยเจ้าของพื้นที่ถึง 2,000 คะแนน ขณะที่คะแนนของเพื่อไทยลดลงไปถึง 10,000 คะแนนนั้นเป็นเรื่องที่น่าตกใจอยู่ไม่น้อย

“ ผมได้คะแนนโหวตจากกลุ่มคนเสื้อแดงมากพอสมควร เพราะเขาเริ่มค่อยๆ เห็นความไม่จริงใจของรัฐบาลมากขึ้นเรื่อยๆ ที่บอกว่าทำเพื่อประชาธิปไตยลดความเหลื่อมล้ำ แต่ยิ่งทำไปทำมา ไพร่ในวันนั้น กลายเป็นอำมาตย์ในวันนี้กันหมดแล้ว คนเสื้อแดงในดอนเมืองเริ่มตาสว่างมากขึ้น อย่างน้อยเขาก็เห็นเราทำงานในช่วงน้ำท่วม พื้นที่ที่ก่อนหน้านี้ พรรคยอมรับว่ายากมาก ยากเกินกว่าที่จะเจาะเข้าได้ เช่น พื้นที่เสื้อแดง และพื้นที่เขตทหาร ที่ไม่ยอมให้เข้าไปหาเสียงเลย แต่กลับได้คะแนนในพื้นที่เหล่านี้เข้ามาเพิ่ม ผมคิดว่าหลักๆ เป็นเรื่องของน้ำท่วม ที่พวกเขาเห็นผมเยอะมาก โดยเฉพาะพวกทหารที่ออกมาช่วยประชาชน เราก็มีการประสานงานกับทหาร เช่น ขอเรือเข้าไปอพยพคน ถ้าเขาเต็มแล้ว ก็ต้องหาเรือไปต่อ ไปรับคนแก่ เด็ก ซึ่งมันต้องพร้อมทั้งรถทั้งเรือ จำเป็นต้องใช้รถใหญ่ ผมก็ขนคนมาส่งให้ทหาร ช่วยดูแล หรืออย่างครอบครัวทหาร เราก็ช่วยดูแล มีข้าวกล่องไปส่งให้ถึงที่แฟลต โดยไม่มีการแบ่งแยกว่าใครขอมา ใครไม่ขอเราก็ช่วย

ผมทำไปเพราะคิดว่าเราไม่ทิ้งกัน ซึ่งเป็นคำพูดที่ประชาชนพูดกับผมเอง ตอนเห็นสโลแกนที่ผมไปยื่นใบหาเสียงให้กับพวกเขา ให้ช่วยเลือกผมหน่อย เขาบอกว่า ‘ไม่ต้องยื่นหรอก คุณไม่ทิ้งพวกเรา เราก็ไม่ทิ้งพวกคุณ’ ตอนที่ได้ฟัง ผมก็รู้สึกภูมิใจมาก เพราะไม่มีใครคิดหรอกว่าจะมีการเลือกตั้ง แต่ 2 ปี มันก็ไม่เร็วหรอก ถ้าน้ำท่วมปุ๊บแห้งปั๊บ ผมอาจจะได้คะแนนถล่มทลายมากกว่านี้ แต่ออกมาประมาณนี้ผมว่าก็โอเคแล้วล่ะ” แทนคุณ พูดถึงความสำเร็จในการเลือกตั้งครั้งนี้

เสื้อแดงเห็นสันดานเพื่อไทย ผลงานของ 'การุณ' โห..สถุล

ปฏิเสธไม่ได้ว่าเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ปี 54 เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้คะแนนเสียงของพรรคเพื่อไทยลดลงไปแบบฮวบฮาบนับหมื่นคะแนน ขณะเดียวกันชาวบ้านหันมาเทคะแนนให้ อี้-แทนคุณ เพราะภาพที่ชาวบ้านพบเห็นในช่วงเวลานั้นก็คือขณะที่ อี้-แทนคุณ ลงพื้นที่ช่วยชาวบ้านที่กำลังเดือดร้อนแสนสาหัสจากวิกฤตมหาอุทกภัย บรรดานักการเมืองฝั่งเพื่อไทย ไม่ว่าจะเป็น ส.ส. , ส.ก.(สมาชิกสภากรุงเทพฯ) ไปจนถึงนักการเมืองท้องถิ่น ต่างหายหน้าหายตากันไปหมด ไม่เคยลงไปดูดำดูดีช่วยเหลือชาวบ้าน น้ำสักขวดข้าวสักกล่องก็ไม่เคยได้รับ ต่างจากตอนหาเสียงเลือกตั้งที่เข้ามากราบกรานชาวบ้านถึงหน้าประตูราวฟ้ากับเหว ถึงขนาดที่ชาวบ้านเมาท์กันให้แซ่ดว่าคนพวกนี้พากันย้ายบ้านหนีน้ำท่วมไปก่อนที่น้ำจะถึงหน้าแข้งของชาวดอนเมืองเสียอีก

หนำซ้ำยังปรากฏภาพนักการเมืองหิวโซจากพรรคเพื่อไทยที่พากันไป “รุมทึ้ง” ของบริจาคที่นำมารวมไว้ในอาคารของสนามบินดอนเมืองที่ใช้เป็นศูนย์ใหญ่ในการรับบริจาค ชนิดที่ 'ไม่ด้านจริงทำไม่ได้' ไม่ว่าจะเป็นขโมยของบริจาคไปขายจนร่ำรวยไปตามๆกัน , เอาชื่อ ส.ส.เพื่อไทยไปไล่ติดตามถุงบริจาคที่ประชาชนคนไทยเสียเงินซื้อมา เอาป้ายผ้าชื่อ ส.ส.ไปติดรถบรรทุกที่จะเอาข้าวของไปแจกผู้ประสบภัย เพราะอยากได้หน้าได้คะแนนโดยไม่ต้องลงแรงลงเงิน ยังไม่นับรวมการกั๊กของบริจาคเอาไว้ไม่ยอมเอาไปแจกให้ผู้ประสบภัยที่กำลังเดือดร้อน จนกระทั่งน้ำท่วมดอนเมืองก็ปล่อยของบริจาคลอยเท้งเต้งเสียหายและสุดท้ายต้องขนไปทิ้งเกือบทั้งหมด ครั้นจะโบ้ยว่าเป็นความรับผิดชอบของเจ้าหน้าที่ก็ไม่มีใครเชื่อเพราะไล่เรียงรายชื่อคนที่เข้าไปบริหารจัดการตรงนี้ล้วนแต่เป็นนักการเมืองจากพรรคเพื่อไทยทั้งสิ้น

ครั้นหลังน้ำท่วม ชาวบ้านก็เรียงแถวกันไปเข้าชื่อรับเงินเยียวยาตามประกาศของรัฐบาล แต่กลับไม่ได้รับการดูแล ได้รับบ้าง ไม่ได้รับบ้าง ได้ครบบ้าง ไม่ครบบ้าง ตามเวรตามกรรม ทั้งๆที่หากเทียบกับความเสียหายจากปริมาณน้ำที่ท่วมมิดหลังบ้านนานนับเดือนแล้ว เงิน เยียวยา 20,000 บาทก็แทบจะไม่มีความหมาย

นอกจากนี้ ยังปฏิเสธไม่ได้ว่าวีรกรรมของ 'การุณ โหสกุล' เจ้าของพื้นที่เดิม ที่ถูก กกต.สอยลงจากเก้าอี้ก็มีส่วนในการตัดสินใจ เพราะพฤติกรรมของ ส.ส.ย่อมสะท้อนให้เห็นถึงมาตรฐานและความรับผิชอบในการคัดเลือกคนเข้ามาทำงานของพรรคการเมืองแต่ละพรรค โดยเฉพาะพฤติกรรมของนายการุณในช่วงวิกฤตน้ำท่วมแล้วชาวดอนเมืองก็พากันร้อง “ยี้” เพราะแทนที่จะใช้บารมีของเจ้าพ่อดอนเมืองในการประสานงานเพื่อช่วยเหลือชาวที่ประสบภัยกลับมีแต่เรื่องกร่างถ่อยต่อยตี !! ไม่ว่าจะเป็นกรณีที่เก่ง-การุณ ยกพวก พร้อมรถแบ็คโฮ ไปรื้อทำลายคันกั้นน้ำปากเกร็ด ซึ่งทางเทศบาลนครปากเกร็ด และอำเภอปากเกร็ด ได้สร้างแนวป้องกันน้ำจากรังสิตไม่ให้ทะลักลงคลองประปา ซึ่งครั้งนี้นายอำเภอปากเกร็ดถึงขั้นอดรนทนไม่ได้ออกมาแฉผ่านสื่อด้วยตัวเอง หลังจากนั้นไม่นาน เก่ง-การุณก็โชว์กร่างอีกครั้ง โดยซิ่งเจ็ทสกีบนถนนที่กลายเป็นคลองจนเรือของชาวบ้านล่ม ชาวบ้านทนไม่ไหวจึงประเคนหมัดเข้าใส่เย็บไปหลายเข็ม แว่วว่าจากนั้นชาวบ้านที่เป็นคู่กรณีก็ต้องหนีหัวซุกหัวซุนและโดนยำจากขากร่างประจำดอนเมือง

ยังไม่นับอีกสารพัดวีรกรรมที่ เก่ง-การุณ เคยทำไว้ ไม่ว่าจะเป็นมีชื่อพัวพันในคดีสังหารนายชุติเดช สุวรรณเกิด คนสนิทของ อี้-แทนคุณ , กระโดดถีบนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ กลางสภาฯ , ทำร้ายอดีตภรรยาด้วยการจิกผมและตบหน้าในที่สาธารณะ , รุมทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจขณะปฏิบัติหน้าที่ และถูก ป.ป.ช.(คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุริตแห่งชาติ) ตรวจสอบว่าร่ำรวยผิดปกติ

ดังนั้นแม้ที่ผ่านมาคนดอนเมือง โดยเฉพาะกลุ่มเสื้อแดง จะชื่นชอบในความใจกว้างของ เก่ง-การุณ ที่มักช่วยงานบุญงานบวชอยู่เสมอ แต่เมื่อเทียบกับความผิดหวังช่วงน้ำท่วม ที่ประชาชนเดือดร้อนแสนสาหัส แต่กลับไม่มีแม้เงาของ เก่ง-การุณ หรือตัวแทนของพรรคเพื่อไทยผ่านไปให้เห็น บวกกับพฤติกรรมทั้งหลายทั้งปวงที่กล่าวมา ทำให้ชาวดอนเมืองเปลี่ยนใจไปเทคะแนนให้ผู้สมัครจากพรรคคู่แข่งซึ่งลงพื้นที่ดูแลช่วยเหลือชาวบ้านมาตลอด แทนที่จะเลือก แซม-ยุรนันท์ สุดหล่อขวัญใจแม่ยกจากพรรคเพื่อไทย ที่ลงทุนลาออกจาก ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่ออย่างไร้ความรับผิดชอบเพื่อมาลงสมัคร ส.ส.เขตดอนเมือง ตามคำสั่งของผู้ใหญ่ในพรรค อีกทั้งปัญหาการคอร์รัปชั่นอย่างมโหฬาร และการใช้อำนาจเผด็จการของรัฐบาลที่ใช้ทุกวิถีทางในการทำลายฝ่ายที่เห็นต่างก็ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ประชาชนหมดศรัทธากับผู้สมัครจากพรรคการเมืองนี้

เพื่อไทยแพ้ 4 สนามรวด

อย่างไรก็ดี ต้องบอกว่าการพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ดอนเมือง ครั้งนี้ มิใช่การพ่ายแพ้ครั้งแรกของพรรคเพื่อไทยในยุค “รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” เพราะในการเลือกตั้งก่อนหน้านี้ตั้งแต่หลังเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ในปี 2554 เป็นต้นมา พรรคเพื่อไทยก็แพ้ถล่มทลายมาแล้วถึง 3 ครั้ง 3 ครา

เริ่มจากการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 5 จ.ปทุมธานี (แทนว่าที่ ร.ต.สุเมธ ฤทธาคนี จากพรรคเพื่อไทย ที่ลาออกจาก ส.ส.ปทุมธานี เขต 5 เพื่อไปลงสมัครนายกฯ อบจ.) เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2555 ซึ่งได้เกิดปรากฎการณ์ล็อคถล่ม ! เพราะ “นายเกียรติศักดิ์ ส่องแสง” ผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ เฉือนชนะ นายสมชาย รังสิวัฒนศักดิ์ ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย ด้วยคะแนน 27,981 คะแนน ต่อ 24,119 คะแนน ทั้งที่ๆพื้นที่ดังกล่าวถือว่าเป็นฐานเสียงที่เหนียวแน่นของพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะฐานเสียงจากเสื้อแดงปทุมฯที่มีอยู่ไม่น้อย ซึ่งงานนี้แม้แกนนำคนเสื้อแดงปทุมฯจะอ้างว่าสาเหตุที่นายสมชายจากพรรคเพื่อไทย พ่ายแพ้นายเกียรติศักดิ์ จากพรรคคู่แข่งอย่างประชาธิปัตย์ ก็เพราะที่ผ่านมาคนเสื้อแดงลำลูกกาส่วนใหญ่ไม่มีใครรู้จักนายสมชาย ประกอบกับนายสมชายมีช่วงเวลาในการหาเสียงน้อยมากและการหาเสียงก็ไม่เอาจริงเอาจัง แต่ประเด็นหนึ่งซึ่งปฏิเสธไม่ได้ก็คือชาวบ้านหมดศรัทธากับพรรคเพื่อไทยเพราะช่วงวิกฤตอุทกภัยในปี 2554 ที่ผ่านมา ส.ส.จากพรรคเพื่อไทยไม่เคยลงไปช่วยเหลือดูแลชาวปทุมฯเลยแม้แต่น้อย

ตามด้วยผลการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี ในวันรุ่งขึ้น คือวันที่ 22 เม.ย.2555 ผลปรากฏว่า นายชาญ พวงเพ็ชร์ อดีตนายก อบจ.(องค์การบริหารส่วนจังหวัด) หลายสมัย ก็ชนะการเลือกตั้งแบบนอนมาด้วยคะแนน 214,429 คะแนน ทิ้งห่างผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทยอย่าง ว่าที่ร้อยตรีสุเมธ ฤทธาคนี อดีต ส.ส.ปทุมธานี เขต 5 พรรคเพื่อไทย ที่ลงทุนลาออกจากตำแหน่ง ส.ส.ปทุมธานี มาชิงเก้าอี้นายกฯ อบจ.อย่างขาดลอย โดยว่าที่ร้อยตรีสุเมธได้คะแนนเพียง 110,974 คะแนน น้อยกว่านายชาญถึง 100,000 กว่าคะแนนเลยทีเดียว ซึ่งความพ่ายแพ้ครั้งนี้ของเพื่อไทยก็มาจากสาเหตุเดียวกับความพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ปทุมฯ คือ ส.ส.ทิ้งพื้นที่ ไม่ดูดำดูดีชาวบ้านในช่วงน้ำท่วม โดยชาวบ้านเมาท์กันให้แซ่ดว่าในช่วงที่น้ำท่วมนั้น ว่าที่ร้อยตรีสุเมธ ซึ่งขณะนั้นนั่งเก้าอี้ ส.ส.เพื่อไทย ปิดบ้านพาครอบครัวหนีไปอยู่ที่อื่นตั้งแต่น้ำเริ่มท่วมใหม่ๆ และไม่เคยย่างกรายลงมาให้ชาวบ้านเห็นแม้แต่เงา ผิดกับนายชาญที่ทุ่มเทช่วยเหลือชาวบ้านชนิดไปตั้งเต้นท์ปักหลักนอนค้างอยู่ริมถนนเพื่อที่จะช่วยชาวบ้านให้ได้มากที่สุด หารถบรรทุกไปคอยรับส่งประชาชนในพื้นที่ ตั้งโรงครัวทำอาหารกล่องไปแจกชาวบ้านผู้ประสบภัย เลยได้ใจชาวบ้านไปเต็มๆ

และล่าสุด การเลือกตั้ง ส.ก.(สมาชิกสภากรุงเทพฯ) เขตดอนเมือง เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2555 ที่ผ่านมา ก็ตอกย้ำความพ่ายแพ้ให้เพื่อไทยอีกครั้ง เพราะปรากฏว่า “นางกนกนุช นากสุวรรณภา” ผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ ได้รับการเลือกตั้ง เอาชนะ นายประเวศร์ วัลลภบรรหาร ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย ซึ่งมีนายการุณ โหสกุล ให้การสนับสนุน ด้วยคะแนน 12,858 คะแนน ต่อ 10,224 คะแนน ซึ่งถือว่าคะแนนทิ้งห่างกว่า 2,000 คะแนน ซึ่งพื้นที่ดอนเมืองนั้นก็ไม่ต่างจากกรณีของปทุมธานีที่ชาวบ้านเปลี่ยนใจไปเลือกพรรคการเมืองขั้วตรงข้ามที่ทุ่มเททำงานช่วยเหลือประชาชนในช่วงที่เขาเดือดร้อน ไม่ใช่แค่ช่วยงานบุญงานบวช อาศัยความเป็นรัฐบาลโฆษณาชวนเชื่อสร้างคะแนนนิยม หรือปลุกระดมคนเสื้อแดงไปชุมนุมสนับสนุนรัฐบาลและข่มขู่เล่นงานฝ่ายที่ตนเห็นว่าเป็นปฏิปักษ์

ยิ่งในระยะหลังประชาชนก็ยิ่งสัมผัสได้ถึงความล้มเหลวในการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตรมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งเรื่องนโยบายรับจำนำข้าวที่สร้างความพินาศฉิบหายให้กับประเทศชาติกระทั่งในที่สุดต้องตัดสินใจลดราคาจำนำจากเกวียนละ 15,000 บาทเหลือ 12,000 บาท แถมขีดวงเงินเหลือแค่รายละ 500,000 บาท ทั้งพฤติกรรมของตัวนายกรัฐมนตรีเองที่พิสูจน์แล้วว่าไม่มีประสิทธิภาพสมกับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ไหนจะเรื่องฉาวโฉ่เกี่ยวกับการทุจริตคอร์รัปชั่นที่โผล่ให้เห็นมาเป็นลำดับ ไหนจะเรื่องความพยายามที่จะนำตัวนายใหญ่กลับประเทศไทยอย่างหน้ามืดตามัวจนไม่สนใจความเดือดร้อนของประชาชนที่มองเห็นตำตาอยู่เบื้องหน้า ไหนจะเรื่องโครงการรถคันแรกที่มุ่งเอาใจบริษัทผู้ผลิตรถยนต์จนก่อให้เกิดปัญหาตามมาสารพัดสารพัน และในที่สุดก็ได้เกิดความไม่พอใจของประชาชนจนรวมตัวกันเป็นกลุ่มคนหน้ากากขาวที่ขยายวงกว้างออกไปเรื่อยๆ ทั้งในเชิงคุณภาพและปริมาณ

ด้วยเหตุนี้ จึงกล่าวได้ว่า ปรากฏการณ์ “แพ้ทุกสนาม” ของพรรคเพื่อไทยนั้นย่อมเป็นสิ่งที่พรรคการเมืองใหญ่ภายใต้ระบอบทักษิณมิอาจมองข้าม เพราะนี่คือสัญญาณที่ชี้ให้เห็นว่าประชาชนเริ่ม “ตาสว่าง” เพราะแม้แต่ในพื้นที่เสื้อแดงซึ่งเป็นฐานเสียงที่เหนียวแน่น คะแนนนิยมก็ยังดิ่งฮวบ หนำซ้ำยังหันไปเทคะแนนให้พรรคการเมืองฝ่ายตรงข้าม ดังนั้นถ้า รัฐบาลภายใต้การนำของเพื่อไทยยังตั้งหน้าตั้งตาคอร์รัปชั่นไม่หวั่นหน้าอินทร์หน้าพรหม คิดแต่จะแก้กฎหมายเพื่อพา “นายใหญ่” กลับบ้าน และเล่นงานทุกคนทุกกลุ่มแสดงความเห็นตำหนิติติงรัฐบาล อีกไม่นานก็คงได้เห็นความล่มสลายของพรรคการเมืองนี้ ที่สำคัญจะเป็นความล่มสลายที่มาจากการตัดสินใจของ “ประชาชน” อย่างแท้จริง


ขบวนรถแห่หาเสียง อี้ แทนคุณ จิตต์อิสระ พรรคประชาธิปัตย์

กำลังโหลดความคิดเห็น