รายงานการเมือง
หลังเพื่อไทยพ่ายการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.กทม.เขตดอนเมือง แบบพลิกความคาดหมายให้กับประชาธิปัตย์ ให้จับตาดูแรงกระเพื่อมในพรรคเพื่อไทยกันให้ดีๆ รับรองว่าภายนอกอาจดูเงียบสงบ ไร้ซึ่งคลื่นลมใดๆ แต่ภายในคาดกระทบกันเป็นโดมิโน
เอฟเฟกต์ในพรรคที่จะส่งผลกระทบต่อโซนกรุงเทพมหานครต่อจากนี้ ต้องมีการเตรียมสังคายนาปรับทีมเลือกตั้งโซน กทม.ครั้งใหญ่กันแน่นอน
คำสรุปความพ่ายแพ้ของพรรคเพื่อไทย และ แซม-ยุรนันท์ ภมรมนตรี ที่แพ้ให้กับอี้-แทนคุณ จิตต์อิสระ ดูจะง่ายดายเกินไป และแสดงให้เห็นถึงการไม่ยอมรับสภาพขาลงของตัวเอง
เพราะการอ้างว่าแพ้เพราะยุรนันท์ มีเวลาแค่ 18 วันในการหาเสียง เนื่องจากเป็นการลงเลือกตั้งซ่อมในพื้นที่ ซึ่งแซมไม่เคยเป็น ส.ส.หรือลงสมัครรับเลือกตั้งมาก่อน ผิดกับแทนคุณที่ทำพื้นที่ต่อเนื่องถึง 2 ปี หากเพื่อไทยมีเวลา 45 วัน หรือ 30 วัน หรือ 1-2 สัปดาห์ ผลการเลือกตั้งจะไม่ออกมาแบบนี้
ข้ออ้างดังกล่าวฟังดูก็อาจจะใช่ในส่วนหนึ่ง แต่ต้องไม่ลืมว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นของเพื่อไทยมาตลอดหลายปี ประชาธิปัตย์ไม่เคยมี ส.ส.เขตดอนเมืองมาถึง 37 ปีแล้ว ขนาดคนในพรรคให้ไปไล่ถามดูเถอะว่า ส.ส.กทม.เขตเลือกตั้งพื้นที่ดอนเมืองคนสุดท้ายคือใคร พวกอาวุโสในประชาธิปัตย์ยังไม่มีใครจำได้
เรียกได้ว่าดอนเมืองเป็นพื้นที่ตาบอดของประชาธิปัตย์มาตลอด แถมดอนเมืองใครๆ ก็รู้ว่าแดงเถือกขนาดไหน เป็นแดงจัดตั้งที่เป็นกำลังหลักให้กับ นปช.ส่วนกลางและเพื่อไทยมาตลอดทุกครั้งที่มีการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดง ผนวกกับความเป็นพื้นที่ของเก่ง การุณ โหสกุล อดีต ส.ส.กทม.เพื่อไทย ที่ฐานเสียงแน่นปึ๊ก เรียกได้ว่าฐานเสียงเทียบกันตัวต่อตัว ยังไงเพื่อไทยก็เหนือกว่า
อีกทั้งแซมก็ไม่ใช่พวกโนเนม ที่จู่ๆ ก็จับมาลงสมัครรับเลือกตั้ง เป็นคนมีชื่อเสียงที่คนทั่วประเทศต่างก็รู้จัก แถมยังเคยลงสมัครผู้ว่าฯ กทม.มาแล้ว การหาเสียงจึงทำได้ง่ายอยู่แล้ว แค่ใช้ชื่อแซมกับฐานเสียงเพื่อไทยในพื้นที่ของเก่ง-การุณ โหสกุล ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะเป็นงานหินเลยกับการเอาชนะอี้ แทนคุณ
ต้องไม่ลืมว่า การที่เพื่อไทยเอาแซมลงก็ต้องรู้ดีอยู่แล้วว่าเจ้าตัวมีเวลาหาเสียง 18 วัน ดังนั้นจะเอาเรื่องนี้มากลบเกลื่อนสภาพขาลงของเพื่อไทยไม่ได้ ผสมกับที่ผ่านมาเพื่อไทยก็ขนแกนนำพรรคไล่ตั้งแต่ระดับยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี-รัฐมนตรีหลายกระทรวง-ส.ส.กทม.และต่างจังหวัด-แกนนำเสื้อแดงก็มากมาย พากันลงไปช่วยแซมกันเต็มอัตราศึกชนิดประชิดแทบทุกประตูบ้านในเขตดอนเมือง
วันปราศรัยวันสุดท้ายก่อนลงคะแนนเสียงเมื่อ 14 มิ.ย. 56 ที่วิทยาลัยเทคนิคดอนเมือง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็ยังไปร่วมขึ้นเวทีปราศรัยด้วย โดยปิดการขายขอคะแนนเสียงให้แซมแบบสุดตัวผนวกกับความเป็นพรรคแกนนำรัฐบาล ในแง่จิตวิทยาแล้วประชาชนก็อยากให้ผู้แทนของตัวเองอยู่ในซีกรัฐบาลทั้งนั้น ไม่มีใครอยากเลือกฝ่ายค้านอยู่แล้วเพราะยังไงการช่วยเหลือหรือทำโครงการต่างๆ ลงพื้นที่ ส.ส.รัฐบาลก็ทำได้ง่ายกว่าฝายค้านหลายเท่า
แซม-เพื่อไทย จึงเป็นต่อทุกประตู แต่กลับมาแพ้ประชาธิปัตย์แบบนี้แม้จะแพ้เฉียดฉิวแค่ 2,086 คะแนนแต่ก็คือแพ้ จะมาเสียงแข็ง บอกไม่ใช่เพราะประชาชนไม่พอใจรัฐบาล เพื่อไทยขาลง คะแนนนิยมลดลง ให้พูดยังไงก็เถียงไม่ขึ้น
เชื่อได้ว่า ช่วง 1-2 วันนี้ พวกส.ส.กทม.เพื่อไทย แกนนำหลักของเพื่อไทยในโซนกทม.คงไปปิดห้องคุยหรือล้อมวงบนโต๊ะอาหารคุยกันเคร่งเครียดเพื่อสรุปบทเรียนความพ่ายแพ้ครั้งนี้แล้ว เพราะรู้ดีว่างานนี้ทักษิณ ชินวัตร ไม่ปลื้มแน่นอน
เนื่องจากมันไม่ใช่แค่การแพ้เลือกตั้งซ่อมธรรมดา แต่มันดันมาแพ้ในช่วงที่หลายอย่างก็ไม่เป็นใจกับรัฐบาล เพราะกำลังเจอสารพัดปัญหาที่รุมเร้ารัฐบาลยิ่งลักษณ์จนทำให้คะแนนนิยมตกลง
จนถึงขั้นมีการปล่อยข่าวสารพัดโดยเฉพาะเรื่องจะยุบสภาปลายปีหลังร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาทผ่านหมดทั้งสภาฯ และวุฒิสภา-พ.ร.บ.งบฯ 57 มีผลบังคับใช้-แต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการประจำปีเรียบร้อย-ผลักดันร่างกฎหมายสำคัญๆเช่นร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมผู้ชุมนุมทางการเมือง ของ 42 ส.ส.เพื่อไทยเสร็จ-การแก้ไขรัฐธรรมนูญ 3 ร่าง 4 มาตราที่ค้างอยู่ในรัฐสภาเวลานี้เสร็จสิ้นโดยไม่มีปัญหาในชั้นศาลรัฐธรรมนูญ จนคนในรัฐบาลต้องออกมาปฏิเสธพัลวันหลายรอบว่าไม่ยุบสภาแน่นอน
เมื่อเพื่อไทยมาแพ้ให้กับประชาธิปัตย์ในสถานการณ์ที่รัฐบาลสาละวันเตี้ยลงทุกวัน มันก็ต้องมีคนรับผิดชอบในเพื่อไทยที่วางยุทธศาสตร์หาเสียงผิดพลาดทำให้เพื่อไทยแพ้ ไม่ว่าจะเป็นการเอา “แซม” ที่เป็น ส.ส.แล้วสั่งให้ลาออกจาก ส.ส.เพื่อมาลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.จะได้กลับเข้าไปเป็น ส.ส.” แค่นี้มันก็ฮาแล้ว
เพื่อไทยที่บอกเป็นพรรคที่ปฏิรูปแล้วแต่กลับคิดตื้นๆ ประเมินประชาชนต่ำเกินไปแบบนี้ เลยต้องโดนสั่งสอนเสียบ้าง
ความผิดพลาดดังกล่าวที่ต้องมีคนรับผิดชอบ พบว่าคงไปเป็นใครไปไม่ได้นอกจากคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แม่ทัพหญิงคุมพื้นที่ กทม.ของเพื่อไทย ที่ดูแล้วต้องรับไปมากที่สุด
และรองลงมาก็เป็นภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรค แม่บ้านพรรคที่ต้องทำหน้าที่เสมือนเสนาธิการในการสู้ศึกเลือกตั้ง แต่กลับยังไม่สามารถสร้างผลงานอะไรได้เลย นำพรรคออกศึกสองนัด แพ้มาติดๆ ทั้งเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.และเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้
เช่นเดียวกับ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.ไอซีที ในฐานะ ผอ.เลือกตั้ง ที่ไม่รู้ว่าแพ้เลือกตั้งแบบนี้จะทำให้ เก้าอี้ รมว.ไอซีทียังมั่นคงแข็งแรงดีอยู่หรือไม่หากมีการปรับ ครม.เกิดขึ้น
ส่วนเหตุที่ เจ๊หน่อย-สุดารัตน์ ต้องรับไปเต็มๆ เพราะเป็นคนที่ผลักดันให้พรรคส่งแซมลงสมัครรับเลือกตั้ง ทั้งที่ ส.ส.ในสังกัดดันหลังเจ๊หน่อยให้ลุยเองแต่ไม่ยอมลงเอง ขอไปคุมการเลือกตั้งอยู่ข้างหลังเต็มตัว
ความพ่ายแพ้ครั้งนี้ คงทำให้เจ๊หน่อยเสียศูนย์ไปมากพอดู หลังก่อนหน้านี้มีข่าวว่าหลังเพื่อไทยแพ้เลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.เจ๊หน่อยพยายามขอกับทักษิณว่าจะขอคุมพื้นที่ กทม.เต็มตัวทั้งหมดทุกเขตเหมือนตอนสมัยพรรคไทยรักไทย พอผลออกมาแบบนี้ ทักษิณ ต้องคิดหนักเสียแล้ว กับการผ่าตัดพื้นที่เลือกตั้งโซน กทม.ของเพื่อไทย ว่าจะเอาอย่างไรกันต่อไป
จะลดบทบาทเจ๊หน่อยหรือจะให้อำนาจเต็มตัวอย่างเป็นทางการจะได้วัดฝีมือกันไปเลย ขืนนิ่งไม่รีบแก้ไขสถานการณ์ ดูแล้ว เพื่อไทยสถานการณ์ลำบากแน่ใน กทม. จะกลายเป็น “ดอนเมืองโมเดล” ลามไปอีกหลายเขตเลือกตั้งใน กทม.ที่เพื่อไทยยึดครองอยู่ก็เป็นได้