วานนี้ ( 6 มิ.ย.) ที่สำนักเขตดอนเมือง สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำกรุงเทพมหานคร (กกต.กทม.) ได้จัดโครงการการเลือกตั้งเชิงสมานฉันท์ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขตเลือกตั้งที่ 12 แทนตำแหน่งที่ว่าง เพื่อเน้น "รู้รักสามมัคคี มีน้ำใจ ไม่สำคัญผิดในข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย" โดยผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อม ทั้ง 10 หมายเลข ได้เดินทางมาร่วมโครงการอย่างพร้อมเพียง
นายวิสุทธิ์ โพธิแท่น กกต.ด้านการมีส่วนร่วม กล่าวย้ำว่า การเลือกตั้งเชิงสมานฉันท์เป็นหัวใจสำคัญต่อการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตย ที่ทุกฝ่ายควรรู้แพ้ รู้ชนะ มีความบริสุทธิ์ ยุติธรรม และจริงใจในการทำงานเพื่อประชาชน ซึ่งประเทศไทยมีการเลือกตั้งจำนวนมาก ทั้งระดับท้องถิ่น และระดับชาติ เรื่องความสามัคคี ไม่แตกแยกจึงมีความสำคัญ และไม่ควรมีการร้องเรียนซึ่งกันและกัน โดยส่วนใหญ่การร้องเรียนจะเป็นเรื่องการเข้าใจผิดฝ่ายตรงข้าม ที่ต้องส่งตรวจสอบวินิจฉัย ซึ่งอาจมีความล่าช้า เพราะเรื่องร้องเรียนมีจำนวนมาก ขณะที่กกต. มีเพียง 5 คนเท่านั้น การวินิจฉัยจึงต้องรอบคอบ สุจริต และชัดเจน บนพื้นฐานของกฎหมาย และมองว่ากฎหมายเลือกตั้งขณะนี้ มีบทบัญญัติค่อนข้างหยุมหยิม ซ้ำซ้อน ทำให้เกิดปัญหา ซึ่งหากผู้สมัครคนใดไปสมัครรับเลือกตั้งเข้าไปเป็นผู้แทน ก็อยากให้พิจารณาแก้ไข หากไม่แก้ไข กกต. ก็ต้องปฏิบัติตาม ไม่เช่นนั้นก็จะกลายเป็นละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ รวมถึงคนทั่วไปที่เข้ามาเกี่ยวข้อง ก็ปฏิบัติตาม เพราะถ้าไม่ยอมรับแล้วไม่ปฏิบัติตาม บ้านเมืองก็วุ่นวาย
“อย่างกฎหมายเลือกตั้งส.ส. มาตรา 53 ที่ห้ามผู้สมัครให้ จัดให้ สัญญาว่าจะให้ ทรัพย์สิน สิ่งของเพื่อเป็นการจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งเลือกตนเองนั้น บัญญัติไว้ละเอียดยิบ ซึ่งผมก็ไม่เห็นด้วย หรืออย่างห้ามขนคนไปลงคะแนน แต่ในข้อเท็จจริงบางทีรถคนข้างบ้านว่างอยู่ ขอติดไปด้วย ก็ถูกร้องว่าขนคน มันเลยทำให้คนไม่มีน้ำใจไปเลยหรือปล่า ยิ่งถ้าเป็นผู้สมัครขนเอง ก็โดนใบแดงเลย หรืออย่างยุบพรรค ผมอยากให้เลิกให้หมด เว้นแต่มีคนทรยศต่อชาติ ค่อยยุบ ประเด็นเหล่านี้ กกต.ไม่อำนาจที่จะไปแก้ไข แต่เป็นอำนาจของรัฐสภา ดังนั้นผู้ที่จะเข้าไปส.ส. ก็อยากให้พิจารณาเพื่อนำไปสู่การแก้ไข”กกต.กล่าว
หลังจากนั้น ผู้สมัครรับเลือกตั้งทั้ง 10 คน ได้ร่วมกล่าวคำพันธะสัญญาในการเลือกตั้ง ต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ โดยย้ำว่าการหาเสียงจะไม่นำสถาบันพระมหากษัตริย์มาเกี่ยวข้อง จะหาเสียงภายใต้กรอบกฎหมาย ไม่กลั่นแกล้ง ข่มขู่ คุกคาม ใส่ร้ายป้ายสีคู่แข่ง หรือใช้ความรุนแรงในการหาเสียง และยอมรับผลการเลือกตั้งที่ออกมา จากนั้นผู้สมัครทั้ง 10 คน ได้รับเครื่องหมายกากบาท เพื่อติดในหมายเลขของตน เพื่อเป็นสัญญลักษณ์การเลือกตั้งพร้อมประสานมืออย่างเหนียวแน่น แสดงความรัก สามาคคี ในการแข่งขันเลือกตั้งครั้งนี้ ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างชื่นมื่น
นายวิสุทธิ์ ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้ยังไม่มีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ซึ่งเป็นการดีหากตลอดการเลือกตั้งครั้งนี้จะไม่มีการร้องเรียนเลย ซึ่งจะเป็นตัวอย่างที่ดีของการเลือกตั้งครั้งต่อๆไป ส่วนการทำโพล กฎหมายไม่ได้มีการห้าม แต่อยากให้ปฏิบัติตามกฎหมาย เพื่อไม่เป็นการชี้นำ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าผู้ที่ทำน่าจะรู้และเข้าใจเจตนาของกฎหมายเป็นอย่างดี
ด้านนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงผลสำรวจคะแนนนิยมของ นายยุรนันท์ ภมรมนตรี ผู้สมัครเลือกตั้งซ่อม ส.ส.กทม. เขตดอนเมือง ที่ยังตามหลังคู่แข่งว่า ตนยังมั่นใจว่า พรรคเพื่อไทยจะรักษาที่นั่งส.ส. เขตดอนเมืองได้ สำหรับพื้นที่นี้นายการุณ โหสกุล อดีต ส.ส. ได้รับเลือกตั้งต่อเนื่องมาโดยตลอด แต่เมื่อถูกศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง มีคำสั่งตัดสิทธิทางการเมือง นายการุณ จึงไม่สามารถไปช่วยลงพื้นที่หาเสียงได้ ถือเป็นจุดที่พรรคอึดอัดใจ แต่เชื่อว่าประชาชนจะพิจารณาได้ว่า ระหว่างสองพรรคใหญ่ ผู้สมัครคนใด จึงมีความเหมาะสมที่จะได้รับการเลือกตั้ง ขอให้ประชาชนดูจากนโยบาย ประสบการณ์ ในการทำงานและแนวคิดต่างๆ ประชาชนจะตัดสินใจได้
เมื่อถามว่า จะแก้ไขอย่างไรที่พรรคไม่สามารถส่งแกนนำลงพื้นที่ ในเวลากลางวันได้ เนื่องจากเป็นรัฐมนตรี นายจารุพงศ์ กล่าวว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ลงพื้นที่ช่วยหาเสียงในช่วงหลังเวลาราชการ ตนก็จะลงช่วยให้กำลังใจ ซึ่งตนยังเชื่อว่า นายยุรนันท์ จะไม่แพ้การเลือกตั้ง ในอดีตตนเคยเป็นผู้อำนวยการเขตบางเขน เดยดูแลเขตดอนเมือง จตุจักร และบางเขต ไม่ต้องใช้โพลอะไรมาก เมื่อสอบถามไปยังเพื่อนๆ น้องๆ ที่เกษียณอายุราชการไปแล้วได้รับคำตอบที่มั่นใจว่า พรรคจะรักษาที่นั่งไว้ได้ อย่างไรก็ดี ระบอบประชาธิปไตยประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินในวันเลือกตั้ง พรรคไม่ได้ประมาทที่จะหาเสียงได้เต็มที่พรรคเข้าใจที่อดีต ส.ส.ไม่สามารถมาช่วยหาเสียงได้ จึงขอให้ประชาชนเข้าใจว่าที่ไม่เห็นนายการุณ ไปช่วย เพราะกฎหมายห้ามไว้ จึงต้องให้นายยุรนันท์ เดินหาเสียงคนเดียว
“สำหรับการหาเสียง สิ่งที่พรรคจะเน้นคือผลงานของรัฐบาล และการบอกประชาชนว่าในพื้นที่กรุงเทพฯ ส.ส.ที่เป็นตัวแทนของรัฐบาล มีจำนวนน้อยอยู่แล้ว ถ้าลดทอนลงไปอีกคน กรุงเทพฯ จะเสียประโยชน์มากกว่าได้ประโยชน์" นายจารุพงศ์ กล่าว
นายวิสุทธิ์ โพธิแท่น กกต.ด้านการมีส่วนร่วม กล่าวย้ำว่า การเลือกตั้งเชิงสมานฉันท์เป็นหัวใจสำคัญต่อการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตย ที่ทุกฝ่ายควรรู้แพ้ รู้ชนะ มีความบริสุทธิ์ ยุติธรรม และจริงใจในการทำงานเพื่อประชาชน ซึ่งประเทศไทยมีการเลือกตั้งจำนวนมาก ทั้งระดับท้องถิ่น และระดับชาติ เรื่องความสามัคคี ไม่แตกแยกจึงมีความสำคัญ และไม่ควรมีการร้องเรียนซึ่งกันและกัน โดยส่วนใหญ่การร้องเรียนจะเป็นเรื่องการเข้าใจผิดฝ่ายตรงข้าม ที่ต้องส่งตรวจสอบวินิจฉัย ซึ่งอาจมีความล่าช้า เพราะเรื่องร้องเรียนมีจำนวนมาก ขณะที่กกต. มีเพียง 5 คนเท่านั้น การวินิจฉัยจึงต้องรอบคอบ สุจริต และชัดเจน บนพื้นฐานของกฎหมาย และมองว่ากฎหมายเลือกตั้งขณะนี้ มีบทบัญญัติค่อนข้างหยุมหยิม ซ้ำซ้อน ทำให้เกิดปัญหา ซึ่งหากผู้สมัครคนใดไปสมัครรับเลือกตั้งเข้าไปเป็นผู้แทน ก็อยากให้พิจารณาแก้ไข หากไม่แก้ไข กกต. ก็ต้องปฏิบัติตาม ไม่เช่นนั้นก็จะกลายเป็นละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ รวมถึงคนทั่วไปที่เข้ามาเกี่ยวข้อง ก็ปฏิบัติตาม เพราะถ้าไม่ยอมรับแล้วไม่ปฏิบัติตาม บ้านเมืองก็วุ่นวาย
“อย่างกฎหมายเลือกตั้งส.ส. มาตรา 53 ที่ห้ามผู้สมัครให้ จัดให้ สัญญาว่าจะให้ ทรัพย์สิน สิ่งของเพื่อเป็นการจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งเลือกตนเองนั้น บัญญัติไว้ละเอียดยิบ ซึ่งผมก็ไม่เห็นด้วย หรืออย่างห้ามขนคนไปลงคะแนน แต่ในข้อเท็จจริงบางทีรถคนข้างบ้านว่างอยู่ ขอติดไปด้วย ก็ถูกร้องว่าขนคน มันเลยทำให้คนไม่มีน้ำใจไปเลยหรือปล่า ยิ่งถ้าเป็นผู้สมัครขนเอง ก็โดนใบแดงเลย หรืออย่างยุบพรรค ผมอยากให้เลิกให้หมด เว้นแต่มีคนทรยศต่อชาติ ค่อยยุบ ประเด็นเหล่านี้ กกต.ไม่อำนาจที่จะไปแก้ไข แต่เป็นอำนาจของรัฐสภา ดังนั้นผู้ที่จะเข้าไปส.ส. ก็อยากให้พิจารณาเพื่อนำไปสู่การแก้ไข”กกต.กล่าว
หลังจากนั้น ผู้สมัครรับเลือกตั้งทั้ง 10 คน ได้ร่วมกล่าวคำพันธะสัญญาในการเลือกตั้ง ต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ โดยย้ำว่าการหาเสียงจะไม่นำสถาบันพระมหากษัตริย์มาเกี่ยวข้อง จะหาเสียงภายใต้กรอบกฎหมาย ไม่กลั่นแกล้ง ข่มขู่ คุกคาม ใส่ร้ายป้ายสีคู่แข่ง หรือใช้ความรุนแรงในการหาเสียง และยอมรับผลการเลือกตั้งที่ออกมา จากนั้นผู้สมัครทั้ง 10 คน ได้รับเครื่องหมายกากบาท เพื่อติดในหมายเลขของตน เพื่อเป็นสัญญลักษณ์การเลือกตั้งพร้อมประสานมืออย่างเหนียวแน่น แสดงความรัก สามาคคี ในการแข่งขันเลือกตั้งครั้งนี้ ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างชื่นมื่น
นายวิสุทธิ์ ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้ยังไม่มีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ซึ่งเป็นการดีหากตลอดการเลือกตั้งครั้งนี้จะไม่มีการร้องเรียนเลย ซึ่งจะเป็นตัวอย่างที่ดีของการเลือกตั้งครั้งต่อๆไป ส่วนการทำโพล กฎหมายไม่ได้มีการห้าม แต่อยากให้ปฏิบัติตามกฎหมาย เพื่อไม่เป็นการชี้นำ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าผู้ที่ทำน่าจะรู้และเข้าใจเจตนาของกฎหมายเป็นอย่างดี
ด้านนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงผลสำรวจคะแนนนิยมของ นายยุรนันท์ ภมรมนตรี ผู้สมัครเลือกตั้งซ่อม ส.ส.กทม. เขตดอนเมือง ที่ยังตามหลังคู่แข่งว่า ตนยังมั่นใจว่า พรรคเพื่อไทยจะรักษาที่นั่งส.ส. เขตดอนเมืองได้ สำหรับพื้นที่นี้นายการุณ โหสกุล อดีต ส.ส. ได้รับเลือกตั้งต่อเนื่องมาโดยตลอด แต่เมื่อถูกศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง มีคำสั่งตัดสิทธิทางการเมือง นายการุณ จึงไม่สามารถไปช่วยลงพื้นที่หาเสียงได้ ถือเป็นจุดที่พรรคอึดอัดใจ แต่เชื่อว่าประชาชนจะพิจารณาได้ว่า ระหว่างสองพรรคใหญ่ ผู้สมัครคนใด จึงมีความเหมาะสมที่จะได้รับการเลือกตั้ง ขอให้ประชาชนดูจากนโยบาย ประสบการณ์ ในการทำงานและแนวคิดต่างๆ ประชาชนจะตัดสินใจได้
เมื่อถามว่า จะแก้ไขอย่างไรที่พรรคไม่สามารถส่งแกนนำลงพื้นที่ ในเวลากลางวันได้ เนื่องจากเป็นรัฐมนตรี นายจารุพงศ์ กล่าวว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ลงพื้นที่ช่วยหาเสียงในช่วงหลังเวลาราชการ ตนก็จะลงช่วยให้กำลังใจ ซึ่งตนยังเชื่อว่า นายยุรนันท์ จะไม่แพ้การเลือกตั้ง ในอดีตตนเคยเป็นผู้อำนวยการเขตบางเขน เดยดูแลเขตดอนเมือง จตุจักร และบางเขต ไม่ต้องใช้โพลอะไรมาก เมื่อสอบถามไปยังเพื่อนๆ น้องๆ ที่เกษียณอายุราชการไปแล้วได้รับคำตอบที่มั่นใจว่า พรรคจะรักษาที่นั่งไว้ได้ อย่างไรก็ดี ระบอบประชาธิปไตยประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินในวันเลือกตั้ง พรรคไม่ได้ประมาทที่จะหาเสียงได้เต็มที่พรรคเข้าใจที่อดีต ส.ส.ไม่สามารถมาช่วยหาเสียงได้ จึงขอให้ประชาชนเข้าใจว่าที่ไม่เห็นนายการุณ ไปช่วย เพราะกฎหมายห้ามไว้ จึงต้องให้นายยุรนันท์ เดินหาเสียงคนเดียว
“สำหรับการหาเสียง สิ่งที่พรรคจะเน้นคือผลงานของรัฐบาล และการบอกประชาชนว่าในพื้นที่กรุงเทพฯ ส.ส.ที่เป็นตัวแทนของรัฐบาล มีจำนวนน้อยอยู่แล้ว ถ้าลดทอนลงไปอีกคน กรุงเทพฯ จะเสียประโยชน์มากกว่าได้ประโยชน์" นายจารุพงศ์ กล่าว