xs
xsm
sm
md
lg

“จุลสิงห์-ชัยเกษม”อู้ฟู่!-นั่งบอร์ดรสก.รับทรัพย์เละ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - เครือข่ายข้อมูลการเมืองไทย เผยอัยการนั่งเก้าอี้รัฐวิสาหกิจมากสุด 10 คน “จุลสิงห์-ชัยเกษม” รับรายได้หลักล้าน นักวิชาการหวั่นเอื้อประโยชน์ เวลาฟ้องร้องจะไม่เอาผิดตัวเอง ผิดเจตนารมณ์ รธน.ชัดเจน ร้องหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบ และให้อัยการใช้ดุลพินิจ

วานนี้ (20 มิ.ย.) เว็บไซต์เครือข่ายข้อมูลการเมืองไทย (Thailand Political Database) เปิดเผยการตรวจสอบข้อมูลการเมืองไทยล่าสุด โดยเป็นการเก็บรวบรวมจากเว็บไซต์ของสำนักงานคณะกรรมการอัยการ ww.cmiss.ago.go.th/director.php และข้อมูลจากรายงานประจำปี ย้อนหลัง 2553-2555 ของหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ พบสถิติว่า ในปี 2556 มีรายชื่ออัยการเข้าไปดำรงตำแหน่งกรรมการในรัฐวิสาหกิจ (บอร์ดรัฐวิสาหกิจ) ดังนี้

1. นายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ อัยการสูงสุด, ประธานคณะกรรมการอัยการ ดำรงตำแหน่งกรรมการรัฐวิสาหกิจ 3 แห่ง ได้แก่ 1) บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) 2) บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) 3) ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)

2. นายถาวร พานิชพันธ์ รองอัยการสูงสุด, คณะกรรมการอัยการ ดำรงตำแหน่งกรรมการรัฐวิสาหกิจ 1 แห่ง คือ การทางพิเศษแห่งประเทศไทย

3. นายตระกูล วินิจฉัยภาค รองอัยการสูงสุด, คณะกรรมการอัยการ ดำรงตำแหน่งกรรมการรัฐวิสาหกิจ 2 แห่ง ได้แก่ 1) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย 2) โรงงานยาสูบ กระทรวงการคลัง

4. นายเข็มชัย ชุติวงศ์ คณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ดำรงตำแหน่งกรรมการรัฐวิสาหกิจ 2 แห่ง ได้แก่ 1) บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) 2) ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย

ทั้งนี้เมื่อมีการย้อนข้อมูลไปในอีก 3 ปี ย้อนหลังคือตั้งแต่ปี 2553-2555 ยังพบข้อมูลอัยการหลายคนเข้าไปดำรงตำแหน่งในกรรมการรัฐวิสาหกิจอย่างต่อเนื่อง (ดังตารางแนบท้าย) โดยเฉพาะในปี 2553 อัยการที่ดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการรัฐวิสาหกิจ มีทั้งหมดจำนวน 6 คน คือ นายชัยเกษม นิติสิริ, นายจุลสิงห์ วสันตสิงห์, นายสมบูรณ์ ม่วงกล่ำ, นายวิชาญ ธรรมสุจริต, นายอรรถพล ใหญ่สว่าง และนายวีระชัย คล้ายทอง ซึ่งทั้ง 6 คนนี้ ได้เข้าไปเป็นกรรมการรัฐวิสาหกิจตั้งแต่ 2 แห่งขึ้นไป

โดยอัยการที่ได้รับค่าตอบแทนรวมมากที่สุด คือ นายชัยเกษม นิติสิริ ได้เข้าไปเป็นกรรมการรัฐวิสาหกิจ 3 แห่ง (บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน), บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน), ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ) ได้รับค่าตอบแทนรวมทั้งหมด 3,203,732.18 บาท รองลงมาคือ นายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ ได้เข้าไปเป็นกรรมการรัฐวิสาหกิจ 3 แห่ง (การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย, บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน), ธนาคารกรุงไทยจำกัด (มหาชน)) ได้รับค่าตอบแทนรวมทั้งหมด 954,709.8 บาท และอันดับ 3 คือ นายสมบูรณ์ ม่วงกล่ำ ได้เข้าไปเป็นกรรมการรัฐวิสาหกิจ 2 แห่ง (การไฟฟ้านครหลวง, บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน)) ได้รับค่าตอบแทนรวมทั้งหมด 766,913 บาท

หรือในปี 2554 มีอัยการทั้งหมดจำนวน 10 คน อัยการที่ได้รับค่าตอบแทนรวมมากที่สุด คือ นายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ได้เข้าไปเป็นกรรมการรัฐวิสาหกิจ 4 แห่ง ได้แก่ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ได้รับค่าตอบแทนรวมทั้งหมด 4,902,731.65 บาท รองลงมาคือ นายชัยเกษม นิติสิริ ได้เข้าไปเป็นกรรมการรัฐวิสาหกิจ 3 แห่ง ได้แก่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ได้รับค่าตอบแทนรวมทั้งหมด 1,483,531.36 บาท และอันดับ 3 คือ นายธนพิชญ์ มูลพฤกษ์ ได้เข้าไปเป็นกรรมการรัฐวิสาหกิจ 3 แห่ง ได้แก่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) บริษัท ขนส่ง จำกัด และการท่าเรือแห่งประเทศไทย ได้รับค่าตอบแทนรวมทั้งหมด 1,348,825.81 บาท

แม้ว่ารัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 มาตรา 255 วรรคหก ระบุว่า ห้ามมิให้พนักงานอัยการเป็นที่ปรึกษาหรือดำรงตำแหน่งอื่นในรัฐวิสาหกิจหรือกิจการอื่นของรัฐ เพื่อป้องกันมิให้พนักงานอัยการใช้อำนาจหน้าที่แสวงหาผลประโยชน์ แต่หากได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการอัยการก็สามารถทำได้ และกรณีของนายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ที่ได้เข้าดำรงตำแหน่งกรรมการรัฐวิสาหกิจทั้งหมด 4 แห่ง ตามรายงานประจำปี 2554 ของหน่วยงานรัฐวิสาหกิจนั้น พบว่าระยะเวลาการดำรงตำแหน่งดังกล่าวไม่ได้ทับซ้อนกันเกิน 3 แห่ง จึงไม่ผิดตาม พ.ร.บ.คุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2518 มาตรา 7 ที่กำหนดว่า ผู้ใดจะดำรงตำแหน่งกรรมการในรัฐวิสาหกิจเกินสามแห่งมิได้

ศ.ดร.จรัส สุวรรณมาลา คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานะสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ 2550 (ส.ส.ร.50) ได้ให้ข้อสังเกตไว้ดังนี้ว่า รัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 กำหนดให้องค์กรอัยการเป็นองค์กรตามรัฐธรรมนูญ มีอิสระในปฏิบัติหน้าที่ในฐานะอัยการของแผ่นดิน (ยกฐานะจากการเป็นส่วนราชการ) อีกทั้งต้องการให้พนักงานอัยการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน จึงห้ามมิให้พนักงานอัยการเป็นกรรมการรัฐวิสาหกิจหรือกิจการอื่นใด โดยเฉพาะการเป็นกรรมการรัฐวิสาหกิจนั้น ถ้ากรรมการหรือผู้บริหารรัฐวิสาหกิจกระทำผิดกฎหมาย หน่วยตรวจสอบหรือผู้มีหน้าที่ตามกฎหมายก็ต้องเสนอเรื่องผ่านสำนักงานอัยการ เพื่อพิจารณาฟ้องร้องผู้กระทำผิดต่อศาล ถ้าหากพนักงานอัยการเป็นกรรมการรัฐวิสาหกิจซึ่งเป็นผู้ร่วมกระทำผิดเสียเอง จะไม่ฟ้องร้องเอาผิดกับตัวเอง

ส่วนที่มากรณีรัฐธรรมนูญบัญญัติให้มีข้อยกเว้นให้คณะกรรมการอัยการสามารถให้ความเห็นชอบให้พนักงานอัยการเป็นกรรมการรัฐวิสาหกิจได้นั้น ศ.ดร.จรัสระบุว่า ก็เพราะในขณะที่ร่างรัฐธรรมนูญนั้น ได้รับการชี้แจงจากสำนักงานอัยการสูงสุดว่า พนักงานอัยการอาจจำเป็นต้องเป็นกรรมการรัฐวิสาหกิจบางแห่ง เพราะมีบทบัญญัติในกฎหมายรัฐวิสาหกิจกำหนดให้พนักงานอัยการเป็นกรรมการโดยตำแหน่งไว้ ถ้าพนักงานอัยการเป็นกรรมการไม่ได้ กรรมการรัฐวิสาหกิจเหล่านั้นก็จะไม่ครบองค์คณะ ปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้ หากจะให้ดำเนินการได้ก็ต้องไปแก้กฎหมายรัฐวิสาหกิจเหล่านั้น ให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญเสียก่อน ซึ่งต้องใช้เวลา ฉะนั้นจึงเสนอให้มีข้อยกเว้นไว้ในบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ ดังเช่นที่ว่าข้างต้น

“แต่ในทางปฏิบัติดูเหมือนคณะกรรมการอัยการฯ จะใช้ดุลพินิจตามข้อยกเว้นนี้ ให้ความเห็นชอบให้พนักงานอัยการไปเป็นกรรมการรัฐวิสาหกิจหลายแห่ง ซึ่งผิดเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญอย่างชัดเจน และเนื่องจากองค์กรอัยการมีอิสระ จึงไม่มีองค์กรใดสามารถทักท้วงหรือยับยั้งการใช้ดุลพินิจที่ว่านี้ได้ เว้นแต่จะมีผู้เสนอเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาว่า การใช้ดุลพินิจของคณะกรรมการอัยการฯ ที่ว่านี้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญหรือไม่ ซึ่งที่ผ่านมายังเคยไม่มีองค์กรใดนำเรื่องนี้เสนอต่อศาลรัฐธรรมนูญแต่อย่างใด (จะเสนอเรื่องเมื่อใดก็ได้) จึงกล่าวได้ว่า การบังคับใช้รัฐธรรมนูญในเรื่องนี้ยังไม่สมบูรณ์” ศ.ดร.จรัสกล่าว

พร้อมกันนี้ TPD ยังได้ตรวจสอบข้อมูลพบว่า บุคคลที่ได้รับค่าตอบแทนรวมสูงสุดจากการเป็นกรรมการรัฐวิสาหกิจ 1 แห่ง ประจำปี 2554 คือ นายไกรฤทธิ์ นิลคูหา ซึ่งในขณะนั้นดำรงตำแหน่งเป็น อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน ก็ยังเป็นกรรมการรัฐวิสาหกิจของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ได้ค่าตอบแทนรวม 2,720,000.00 บาท รองลงมา คือ นายวัชรกิติ วัชโรทัย และนางเบญจา หลุยเจริญ ซึ่งเป็นกรรมการรัฐวิสาหกิจของบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ได้ค่าตอบแทนรวม 2,700,000.00 บาท และนายสุรพล นิติไกรพจน์ ซึ่งเป็นกรรมการรัฐวิสาหกิจของบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ได้ค่าตอบแทนรวม 2,680,000.00 บาท
กำลังโหลดความคิดเห็น