xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

กระบี่อยู่ที่ใจ เบื้องลึก พระมิตซูโอะลาสิกขา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พระมิตซูโอะ คเวสโก
ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-ข่าวการลาสิกขาของ “พระมิตซูโอะ คเวสโก” เจ้าอาวาสวัดสุนันทวนาราม จังหวัดกาญจนบุรี ที่ดำเนินการอย่างเงียบๆ ไปเมื่อวันที่ 8 มิถุนายนที่ผ่านมา ปฏิเสธไม่ได้ว่า ได้ก่อให้เกิดคำถามตามมามากมายถึงเบื้องหลังการตัดสินใจอำลาสมณเพศในครั้งนี้

เนื่องเพราะต้องไม่ลืมว่าพระอาจารย์มิตซูโอะนั้นบรรพชาอุปสมบทอยู่ใต้ร่มกาสาวพัตร์เป็นศิษย์พระพุทธองค์มาตั้งแต่ปี พ.ศ.2518 และถือเป็นศิษย์รุ่นแรกหรือสัทธิวิหาริกรุ่นแรกที่พ่อแม่ครูอาจารย์สายวัดป่าอย่าง “พระโพธิญาณเถร” หรือหลวงปู่ชา สุภทฺโท แห่งวัดหนองป่าพง ตำบลโนนผึ้ง อำเภอวารินชำราบจังหวัดอุบลราชธานี เอกอุพระกรรมฐานสายมหานิกายที่ได้เผยแผ่พระพุทธศาสนาไปในหลายประเทศเป็นผู้บวชให้

เนื่องเพราะต้องไม่ลืมว่าพระอาจารย์มิตซูโอะนั้นเป็นพระสุปฏิปันโนที่มีศีลาจารวัตรและปฏิปทาที่สร้างความเลื่อมใสศรัทธาต่อลูกศิษย์ลูกหาพุทธศาสนิกชนชาวไทยและชาวต่างชาติมากมาย โดยเฉพาะผู้ที่สนใจฝึกวิปัสสนากรรมฐานตามแนวทางอานาปานสติ

ที่สำคัญคือหลังจากลาสิกขาที่วัดชนะสงคราม พระอาจารย์มิตซูโอะก็เดินทางออกจากประเทศไทยกลับประเทศญี่ปุ่นในทันที โดยที่มิได้ชี้แจงแถลงไขถึงสาเหตุในการลาสิกขาให้ลูกศิษย์ลูกหารับทราบเลยแม้แต่น้อย

คำถามเดียวที่ทุกคนอยากรู้ก็คือ เกิดอะไรขึ้นจึงทำให้เส้นทางธรรมที่ดำเนินมาตั้งแต่ปี2518 หรือร่วม40 ปีของพระอาจารย์มิตซูโอะจึงต้องยุติลงในเดือนมิถุนายนปี 2556

“ตามที่ปรากฏเป็นข่าวในสื่อต่างๆ ว่าพระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโกลาสิกขานั้น วัดสุนันทวรารามขอยืนยันว่าเป็นความจริงขณะนี้ท่านเดินทางไปต่างประเทศแล้ว โดยมีจุดหมายปลายทางที่ประเทศญี่ปุ่นบ้านเกิดของท่าน โดยจะยังคงทำงานเผยแผ่พระพุทธศาสนาในฐานะของฆราวาสต่อไป ทั้งนี้ ในส่วนของมูลนิธิฯ และโครงการต่างๆ ที่ท่านได้ริเริ่มไว้ คณะทำงานจะยังคงดำเนินงานไปตามปกติเนื่องจากพระอาจารย์ได้วางรากฐานไว้แข็งแรงแล้ว ขอให้พวกเราทุกคนรักเมตตาต่อกันและดำเนินงานประหนึ่งเป็นครอบครัวเดียวกัน ด้วยความประสงค์ของพระอาจารย์ไว้ให้จงดี จึงเรียนมาเพื่อให้ทราบโดยทั่วกัน”

นั่นคือคำชี้แจงอย่างเป็นทางการจาก “พระอาจารย์หนูพรม สุขาโต” รองเจ้าอาวาสและรักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดสุนันทวนาราม ซึ่งก็มิได้อธิบายถึงสาเหตุที่แท้จริงเพียงแต่ยืนยันว่าพระอาจารย์มิตซูโอะได้ลาสิกขาจริง มิหนำซ้ำยังทำให้เกิดคำถามตามมาอีกต่างหากว่า ด้วยเหตุอันใดพระอาจารย์มิตซูโอะถึงไม่สามารถเผยแผ่ธรรมะในสถานะของพระภิกษุได้และจำต้องเปลี่ยนเป็นเผยแผ่ธรรมะในสถานะของฆราวาส

อย่างไรก็ดี นอกจากคำชี้แจงจากทางวัดแล้ว ยังมีเบาะแสที่อาจเป็นที่มาของการลาสิกขาในครั้งนี้อีกหลายทาง โดยเฉพาะจากศิษย์ยานุศิษย์

แม่ชีพิณพรรณ เนียมมุณี แม่ชีที่มาปฏิบัติธรรมที่วัดสุนันทวนารามนานกว่า 8 ปี ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า “เชื่อว่าน่าจะเป็นเรื่องของสุขภาพเพราะหลวงพ่อท่านป่วยเป็นโรคเบาหวานมานานกว่าสองปีแล้ว ท่านไม่ค่อยแข็งแรงและมีกิจนิมนต์ตลอดเกือบทุกวัน แบะอีกสาเหตุหนึ่งน่าจะมาจากท่านเคยพูดกับญาติโยมว่าท่านเป็นคนญี่ปุ่นหากมีโอกาสก็อยากจะกลับไปช่วยคนญี่ปุ่นบ้าง เพราะคนญี่ปุ่นขณะนี้ก็ยังมีคนที่ลำบากมากเช่นกัน ท่านเป็นพระที่มีคำสอนให้แก่ญาติธรรมเพื่อให้เกิดสติในการแก้ปัญหาต่างๆ รู้สึกเสียดายมาก”

เช่นเดียวกับนายฉัตรชัย ชูเชื้อ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติจังหวัดกาญจนบุรี ที่ให้ข้อมูลไปในทิศทางเดียวกันว่า เท่าที่ทราบเกี่ยวกับเรื่องการลาสิกขาของเจ้าอาวาสวัดสุนันทวนาราม เบื้องต้นมีสาเหตุมาจากท่านเป็นโรคเบาหวานซึ่งเป็นโรคประจำตัวมานาน ทำให้สุขภาพไม่แข็งแรงไม่สามารถปฏิบัติภารกิจทางสงฆ์ได้เป็นปกติ จึงตัดสินใจลาสิกขา

จากนั้นความชัดเจนเกี่ยวกับเส้นทางเดินชีวิตในรูปลักษณ์ใหม่ของพระมิตซูโอะก็ได้ปรากฏขึ้นในวันที่ 11มิถุนายนเมื่อได้รับการเปิดเผยข้อมูลจากแม่ชีพิณพรรณ เนียมมุณีว่า เมื่อเวลาประมาณ 11.00 น. ที่ผ่านมา อาจารย์ลัดดา สุวรรณกุล อายุ 71 ปี ข้าราชการบำนาญ อดีตอาจารย์มหาวิทยาลัยศิลปากร จิตอาสาที่เข้ามาช่วยเหลือมูลนิธิภายในวัดได้รับสายโทรศัพท์จากอดีตพระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก ที่โทร.ทางไกลมาจากประเทศญี่ปุ่น และแจ้งให้ทราบว่า เมื่อเดินทางกลับถึงประเทศญี่ปุ่นบ้านเกิดก็ได้ไปปรึกษากับเจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ ที่เคยให้ความช่วยเหลือท่านอยู่ในประเทศญี่ปุ่น โดยจะมีการเปิดคอร์สอบรมฝึกกรรมฐาน ให้แก่ชาวญี่ปุ่น และคนไทยขึ้นภายในเดือนกันยายนนี้ รวม 3 วัน

โดยกำหนดการฝึกอบรมกรรมฐานในวันที่ 21 กันยายน ที่เมืองคุมาโมโตะ วันที่ 22 กันยายน ที่เมืองโอกินาวา และวันที่ 23 กันยายน ที่เมืองนาโกยา ซึ่งในระยะเวลาทั้ง 3 วันที่ทำการฝึกอบรมกรรมฐาน จะเปิดโอกาสให้คนไทยที่อาศัยอยู่ในประเทศญี่ปุ่นเข้าพบเพื่อคลายความสงสัยในช่วงเวลาระหว่าง 11.00 น. ถึงเวลา 13.00 น. ทุกวัน จึงแจ้งมาเพื่อให้ทราบ

แต่อย่างไรก็ตาม ไม่มีการเปิดเผยถึงเมืองที่อยู่อาศัยของอดีตพระอาจารย์ มิตซูโอะแต่อย่างใด

“แม่ชีเองรู้สึกเหมือนกับได้เสียพ่อผู้บังเกิดเกล้าไป เหมือนถูกทอดทิ้งหลังจากที่เรียกสติกลับมาได้ และนึกถึงคำสอนของหลวงพ่อใหญ่ทำให้คิดได้ว่าเราจะต้องไม่ยึดติดต้องปล่อยให้เป็นไปตามวัฏจักร และต้องเคารพในการตัดสินใจของท่านเพราะสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดกับตัวเรา เราจะไม่รู้ ตัวท่านจะรู้ดีที่สุด”แม่ชีพิณพรรณ เนียมมุณีเปิดเผยข้อมูลพร้อมแสดงความรู้สึกในใจออกมา

นอกจากนี้ยังมีข้อมูลจากลูกศิษย์ใกล้ชิดรายหนึ่งเพิ่มเติมว่าเหตุผลที่พระอาจารย์มิตซูโอะลาสิกขาก็เพราะเรื่องความสะดวกในการเดินทางกลับไปใช้ชีวิตที่บ้านเกิด เนื่องจากหากเป็นพระจะมีปัญหาเกี่ยวกับการย้ายทะเบียนราษฎรและเกี่ยวกับสถานภาพการกลับเข้าไปเป็นชาวญี่ปุ่นและการพักค้างคืนที่บ้านที่ไม่เหมาะสมกับการเป็นพระปฏิบัติ เมื่อมีเจตนารมณ์ที่จะไปใช้ชีวิตบั้นปลายที่บ้านเกิดจึงยอมสละเพศบรรพชิต แต่ยังคงที่จะให้ความรู้เกี่ยวกับกรรมฐานและสอนให้คนทำความดีต่อไป

อย่างไรก็ตาม ข้อมูลล่าสุดก็มิได้ตอบข้อสงสัยถึงสาเหตุการสึกเช่นเคย เนื่องเพราะมิได้ออกมาจากปากของพระอาจารย์มิตซูโอะเอง ทำให้มีการสันนิษฐานกันไปต่างๆ นานา บ้างก็ว่าเป็นเพราะเอือมระอากับกลุ่มที่เข้ามาแสวงหาผลประโยชน์

แหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือได้เปิดข้อมูลว่า สาเหตุหนึ่งที่ทำให้พระมิตซูโอะลาสิกขาแบบเงียบๆ นั้น เพราะมีปัญหากับกรรมการชุดปัจจุบัน ที่มีแนวทางการดำเนินงานแบบพุทธพาณิชย์

“คณะกรรมการใหม่เพิ่งทำงานมาได้ปี สองปีนะ ไม่ใช่คณะกรรมการที่เคยรู้ใจกันมาตลอด จนท่านเป็นท่านทุกวันนี้ พอเปลี่ยนคณะกรรมการใหม่เค้าก็เปลี่ยนมุมมอง วิธีการ เลยอาจทำให้ขาดความเข้าใจบางอย่าง เพราะท่านเป็นคนจำรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ แต่ท่านไม่พูด คือท่านไม่อยากแตะเงินหรอก แต่คนรอบตัวท่านเป็นฝ่ายจัดการ ด้วยวิธีใดบ้างล่ะ มันมากเกินไปจนท่านไม่มีลมหายใจเป็นของตนเอง ท่านเลยสละ และไม่พูดถึงใครตรงนั้นเลยไง ท่านเต็มที่แล้วก็ไปเลย ท่านก็วิเวกของท่านเอง แล้วท่านอาจจะคิดได้ด้วยซ้ำไปนะว่า ในสิ่ง ที่มันมากเกินไปเนี่ยนะ มันก็เป็นธุรกิจทั้งนั้น

“ท่านถูกนิมนต์ไปไหนต่อไหน โดยมีคนจัดการให้ตลอด ตัวท่านเองไม่ได้ใส่ใจเรื่องเงินหรอก แต่วิธีคิด การดำเนินงาน กลายเป็นว่าท่านเลยมานึกว่า ตัวท่านกำลังทำอะไรอยู่ ซึ่งคิดว่าท่านเก็บความรู้สึกนี้มานานแล้ว ท่านรู้มานานแล้วว่ากลุ่มคนพวกนี้วางกำหนดการให้ท่านไปนู่น ไปนี่ แต่ท่านไม่ว่าใคร เป็นนิสัยของท่านอยู่แล้ว คือท่านไม่อยากว่าใคร แล้วคำที่แถลงๆ กัน ที่ออกมาพูด คือไม่อยากให้มีเรื่องราว เพราะจะกระทบกับคนที่อยู่ตามมูลนิธิ ทั้งงานเขียนของท่านต่างๆ สิ่งต่างๆ มันยังต้องดำเนินอยู่ ทีนี้ก็รู้แล้วว่าไอ้สิ่งต่างๆ ดำเนินอยู่ อย่างน้อยสะท้อนไปถึงพระชื่อดังรูปอื่นๆ ที่ทำธุรกิจในเชิงจัดกิจกรรมต่างๆ มันเป็นสิ่งที่ควรระวัง เพราะอาจทำให้เสียบุคลากรคือพระดีๆ ได้ ซึ่งครั้งนี้ท่านสอนให้ทุกคนอยู่ให้ได้ด้วยตัวเอง จะได้รู้ว่า ที่เอาท่านมาบังหน้าเนี่ย คนไม่ปฏิบัติตามคำสอนท่านเลย คนที่ทำงานอยู่ใกล้ชิดไม่ปฏิบัติแบบท่าน คนใกล้ชิดไม่นึกถึงหัวใจท่าน”

ขณะที่อีกจำนวนหนึ่งตั้งข้อสงสัยเรื่องเงินบัญชีของวัด ซึ่งในประเด็นหลังนี้นายยงยุทธ ยุงรัมย์ เจ้าหน้าที่มูลนิธิมายา โคตมี ยืนยันว่าการเบิกจ่ายเงินกระทำในนามของนิติบุคคล ต้องมีกรรมการเซ็นมากกว่า 1 คน พระอาจารย์มิตซูโอะคนเดียวทำไม่ได้ ฯลฯ

กระนั้นก็ดี ดูเหมือนว่าป่วยการที่จะแสวงหาคำตอบที่แท้จริงแบบคาดเดาเพราะถ้าจะว่าไปแล้วก็มิได้เกิดประโยชน์อะไรเมื่อเทียบกับสิ่งที่พระอาจารย์มิตซูโอะได้สร้างและได้ทำเอาไว้ให้กับพระพุทธศาสนา รวมถึงประชาชนคนไทยขณะอยู่ใต้ร่มกาสาวพัสตร์

พระอาจารย์มิตซูโอะมีชื่อเดิมว่า “มิตซูโอะ ชิบาฮาชิ” เป็นชาวจังหวัดอิวาเตะ ประเทศญี่ปุ่น เกิดเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคมพ.ศ.2494 เป็นลูกชายคนเล็กของครอบครัวเกษตรกร ช่วงวัยเด็กถึงวัยรุ่นชอบผจญภัย และเริ่มตั้งคำถามว่าชีวิตคืออะไร สำเร็จการศึกษาในระดับไฮสกูล(เทียบเท่าระดับ ปวช.หรือมศ.5 ตามระบบการศึกษาไทย) สาขาเคมี ณ เมืองโมะริโอกะ จังหวัดอิวาเตะ

หลังทำงานประจำและเก็บเงินได้จำนวนหนึ่ง ราวปี 2514ก็ออกเดินทางแสวงหาความหมายชีวิตไปในหลายประเทศ เช่น อินเดีย เนปาล อิหร่าน และในยุโรปเป็นเวลา 2 ปีเศษแล้วเปลี่ยนความตั้งใจที่จะไปแอฟริกาวกกลับสู่อินเดีย

พ.ศ.2517 เมื่อเดินทางถึงเมืองพุทธคยา รัฐพิหาร ประเทศอินเดีย ท่านมองเห็นพระพุทธรูปที่ประดิษฐานอยู่ก็ระลึกถึงพระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์และประจักษ์ขึ้นมาในใจว่า “นี่คือสิ่งที่แสวงหา สัจจะความจริงอยู่ภายในกายกับใจของเรานี้เอง ความสุขที่แท้จริงอยู่ที่ใจ ทุกคนทุกชีวิตสามารถพ้นทุกข์ได้” ท่านจึงหยุดการแสวงหาจากภายนอกเข้าสู่การแสวงหาภายใน

และในช่วงที่ไปอินเดียครั้งที่สองนี่เองพระอาจารย์มิตซูโอะก็ได้พบ “คุรุจี ศรีวรานันทะ” และเริ่มฝึกสมาธิกับโยคะที่อาศรมนิเกตันจนบังเกิดความพอใจและคิดว่าจะเป็นโยคีอยู่ที่อินเดียตลอดชีวิต แต่บังเอิญวีซ่าหมดอายุและมีคนแนะนำให้เดินทางมายังประเทศไทย

ต่อมาเมื่ออายุได้ 23 ปี ได้บรรพชาเป็นสามเณรที่วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม โดยช่วงที่เป็นสามเณรได้พยายามแสวงหาสถานที่ปฏิบัติธรรม แต่ก็ยังไม่ได้ตกลงปลงใจ กระทั่งต่อมามีผู้แนะนำให้ไปที่วัดหนองป่าพงของหลวงปู่ชาจึงเกิดความรู้สึกซาบซึ้งในหลักธรรมและข้อวัตรปฏิบัติจึงได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ พัทธสีมาวัดหนองป่าพงเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2518 ขณะอายุได้ 24 ปี โดยมีพระโพธิญาณเถร (หลวงพ่อชา) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์เลี่ยม ฐิตธัมฺโม (ปัจจุบันคือพระราชภาวนาวิกรม เจ้าอาวาสวัดหนองป่าพง) เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระวิฑูรย์ จิตตสัลโล เป็นพระอนุศาสนาจารย์ ครั้งนั้นถือเป็นพระภิกษุสงฆ์รุ่นแรกที่หลวงพ่อชาอุปสมบทให้ จึงเรียกว่าเป็น สัทธิวิหาริกรุ่นแรกของหลวงพ่อชา ได้รับนามฉายาว่า คเวสโก (อ่านว่า คะ-เว-สะ-โก) แปลว่า “ผู้แสวงหาซึ่งฝั่ง”

“ตอนเด็กๆ รังเกียจศาสนาทุกศาสนาเพราะรู้สึกว่ามันเป็นพิธีกรรม โดยเฉพาะศาสนาพุทธ รู้สึกว่ามันเป็นพิธีกรรมเกี่ยวกับงานศพ เราสัมผัสแต่เพียงที่เป็นประเพณี เข้าวัดปีละครั้ง คุณพ่อพาไปเพื่อจ่ายสตางค์ค่าสมาชิกวัด ทำให้เราไม่ชอบ คนญี่ปุ่นทำให้เราไม่ชอบ คนญี่ปุ่นเหมือนกับน้บถือ 3 ศาสนา เกิดมาเป็นชินโต มีพิธีกรรมแบบชินโต เชื่อว่าเป็นมงคลทำให้ร่างกายแข็งแรง เรียนหนังสือเก่ง แต่งงานก็เป็นคริสต์ หนุ่มๆ สาวๆ อยากแต่งงานแบบฝรั่ง พอตายก็เป็นพุทธ ต้องเข้าวัดพุทธ ฝังศพแบบพุทธ วัดก็มีแต่ป่าช้า สุสาน”พระมิตซูโอะให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวันเอาไว้เมื่อปี 2553

สำหรับผลงานตลอด 38 ปีในสมณเพศนั้น พระอาจารย์มิตซูโอะได้เผยแผ่ธรรมะเอาไว้ในหลากหลายรูปแบบ โดยมีลูกศิษย์ลูกหาที่เคารพนับถือมากมาย เช่น การจัดอบรมสมาธิวิปัสสนากรรมฐานแบบอานาปานสติแก้พุทธศาสนิกชนอย่างต่อเนื่อง การเขียนหนังสือธรรมะออกเผยแผ่อย่างต่อเนื่อง โดยเนื้อหาของหนังสือใช้ภาษาอ่านเข้าใจง่าย ขนาดรูปเล่มกะทัดรัดและทันสมัยเข้ากับสาธุชนคนทุกเพศทุกวัย อาทิ ธรรมไหลไปสู่ธรรม อานาปานสติ:วิถีแห่งความสุขเล่ม 1-3 เราเกิดมาทำไม วัคซีนธรรมะ กล่องแห่งสติปัญญา The Seven Practices for a Healthy Mind A Fragrance of Dhamma

นอกจากนี้ก็มีกิจกรรมเพื่อสังคมอื่นๆ ที่น่าสนใจมากมาย อาทิ การจัดตั้งมูลนิธิมายา โคตมีเพื่อช่วยเหลือและสนับสนุนด้านการศึกษาและด้านจริยธรรมแก่เด็กและเยาวชนที่ขาดแคลนในชนบท การจัดตั้งมูลนิธิพระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโกเพื่อส่งเสริมการฟื้นฟูและและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติแบะสิ่งแวดล้อมตลอดจนสร้างสรรค์ชุมชนของการอยู่ร่วมกันอย่างเกื้อกูลระหว่างชาวบ้าน สัตว์ป่าและธรรมชาติ เป็นต้น

...ถึงตรงนี้เชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าแม้จะละสมณเพศ แต่อดีตพระมิตซูโอะจะยังคงเดินทางสู่ขุนเขาแห่งจิตวิญญาณเพื่อดำรงความเป็น “ผู้แสวงหาซึ่งฝั่ง”ตลอดไป ขณะเดียวกันก็เชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า การละสมณเพศของพระมิตซูโอะในครั้งนี้อาจเป็นการแสดงธรรมครั้งสำคัญเพื่อให้เห็นว่า ท่านมิได้ยึดติดกับสิ่งร้อยรัดทั้งหลายทั้งปวงอันเป็นแค่เปลือกนอก มิใช่หัวใจที่แท้จริงแห่งธรรมะของพระพุทธองค์

“อาตมาได้ทำและได้พบอะไรมากพอเพียงพอสมควรแล้ว การมีชีวิตอยู่ต่อไปก็อาจจะเป็นเพียงส่วนที่เกินมา แต่ตราบใดที่ยังมีชีวิตอยู่ ตัวเองก็น่าจะทำประโยชน์ต่อสังคมได้โดยการเผยแผ่ธรรมะ”




กำลังโหลดความคิดเห็น